Monday, 13 May 2024
อิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก

‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เตือนรัฐบาลระวังอิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก ชี้ หากคุมเสียงไม่ดี มีสิทธิ์พัง

8 พ.ค.2565-นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ‘อิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก’ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้สนับสนุนให้เกิดพรรคเล็กขึ้นมามากมาย บางพรรคมีคนเดียว บางพรรคมี 3-4 คน ถึงแม้จะเป็นพรรคการเมือง แต่การบริหารจัดการตกอยู่กับคนที่เป็น ส.ส. ในสภาเท่านั้น คุณค่าของพรรคเล็กขึ้นอยู่กับ ‘คะแนนของรัฐบาล’ ว่า หากมีเสียงมากเกินครึ่ง จะต้องไปพึ่งเสียงนกเสียงกา เล็กๆ น้อยๆ ทำไม? เพราะไม่มีผลสั่นสะเทือนใดๆ ต่อสถานะรัฐบาล

ในยุคสมัยก่อน คะแนนของ ส.ส. ซีกรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งไปมาก พรรคเล็กจึงไม่มีความหมาย แต่เมื่อคะแนนฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านไม่ได้ห่างกันมากในยุคนี้ พรรคเล็กพรรคจิ๋วจึงรวบรวมกำลัง ผนึกจับมือกัน ทำให้มีพลังต่อรองขึ้นมามากทันที

ความปวดเศียรเวียนเกล้ากับการบริหารจัดการพรรคเล็ก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ 1. ต่างคนต่างมา พรรคละ 1-4 คน ทุกคนจึงใหญ่หมด คุมกันไม่ได้ 2. ทิศทางการเมืองไม่แน่นอน อุดมการณ์ไม่มี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากน้อย 3. ส.ส. แต่ละคนในพรรคเล็ก บางคนคิดว่าไหนๆ ก็ได้เป็น ส.ส. แค่สมัยเดียวแล้ว ต้องได้คุ้มก่อนจาก  4. การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค หรือนโยบายพรรค แต่ขึ้นอยู่กับความพอใจของตนเองเป็นหลัก ยิ่งเป็น ส.ส. สมัยแรกยิ่งหนัก 5. ไม่สนใจการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่พะวงกับคะแนน จะทำอะไรก็ไม่แคร์สายตาประชาชน เพราะเป็น ส.ส. ครั้งนี้ครั้งเดียว

ทั้งผสมโรงจาก ส.ส. ที่ฟลุ๊คได้มาในบางพรรคใหญ่ แล้วแปรสภาพกลายเป็น ‘งูเห่า’ ย้ายพรรคจนจำไม่ได้ หรือการโหวตสวนกับมติพรรคตลอด ชื่ออยู่พรรคหนึ่ง แต่ใจไปอยู่อีกพรรค เป็น ‘ชู้’ กันให้เห็นไม่เกรงใจ ‘รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ’ หากคุมไม่ดี หรือพรรคเล็กทำท่าทีเข้าข้างฝ่ายค้าน มีโอกาสล้มรัฐบาลได้ รัฐบาลจึงต้องโอ๋สุดๆ ได้โก่งราคากันสุดโต่ง ยิ่งใกล้หมดเวลา ยิ่งได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของพรรคเล็กชัดเจนขึ้น ใครว่าใกล้หมดเวลาไม่มีราคาให้ ผมกลับเห็นว่ายิ่งต้องจ่ายไม่อั้น เพราะมีผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าจะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ ?


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top