Monday, 13 May 2024
อรรถวิชช์_สุวรรณภักดี

"กรณ์ - อรรถวิชช์" ประกาศ ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ต้องมาจากการเลือกตั้ง ดันนโยบายจังหวัดจัดการตนเอง สู่เมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวระดับโลก เปิดตัว "เทมส์ ไกรทัศน์" เดินหน้านโยบายในพื้นที่

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ร่วมเทศกาลถือศีลกินผัก จ.ภูเก็ต กราบไหว้ศาลเจ้ากวนอู บ้านนาบอน เปิดตัวนายเทมส์ ไกรทัศน์ เป็นผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ภูเก็ต พร้อมนโยบายที่สำคัญต่อจังหวัดภูเก็ต โดยนายกรณ์กล่าวว่า ภูเก็ต มีของดีในตัวเองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ทะเล เกาะ ภูเขา รวมไปถึงมรดกทางวัฒนธรรมชาวใต้ผสมผสานจีนฮกเกี้ยนแบบเพอรานากัน Sino-Portuguese ต้นทุนทางวัฒนธรรมหรือ Soft Power ทรงพลังมากๆ และที่ผ่านมาก็ถูกใช้กับการท่องเที่ยว ทำรายได้ให้ประเทศมาโดยตลอด ถึงวันนี้การจะขยายโอกาสไปต่ออีกขั้นต้องการบริหารจัดการระดับ World Class ในทุกมิติ และทั้งหมดนี้เชื่อมั่นว่าต้องเป็นการบริหารจัดการจากคนคุณภาพที่คนภูเก็ต กำหนดเอง เลือกเอง เพราะไม่มีใครรู้จักภูเก็ตดีเท่าคนภูเก็ตเอง 

นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้า เลยเสนอนโยบายภูเก็ต 3 ข้อชัดๆ ดังนี้ 

1.) ภูเก็ต ต้องเป็น "จังหวัดจัดการตัวเอง" การเมืองส่วนกลางระดับประเทศ และระบบราชการที่กระจุกตัว ไม่ตอบโจทย์ปัญหาเฉพาะพื้นที่ จึงจำเป็นต้องกระจายอำนาจในการบริหารงานเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของเมือง โดยให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ภาษีและรายได้ปันส่วนให้ตอบโจทย์กับเนื้องานเพื่อการหารายได้เข้าประเทศอย่างมีระบบ 

2.) ภูเก็ต ต้องเป็น “เมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวพิเศษ” ส่งเสริมการลงทุนด้านการท่องเที่ยว ดึงดูด Nomad ทุกวงการเข้ามา Work From Phuket ต่อยอดจากของดีที่มี ทำงานเชิงรุก ทำให้เมืองเป็น Business Unit ของประเทศ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างโอกาสให้คนในชุมชนมีโอกาสทำกิน 

3.) ภูเก็ต ต้องพลิกโฉมเป็น “เมืองมาตรฐานโลกทันสมัย" พัฒนาสาธารณูปโภคและความเป็นอยู่ ให้ตอบโจทย์ความเป็นเมืองเศรษฐกิจท่องเที่ยวระดับ World Class ที่แท้จริง ต้อง Re-Design เมืองในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม การโทรคมนาคม การบริหารจัดการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน การดูแลทางด้านการแพทย์สาธารณสุข การศึกษา ฯลฯ 

'อรรถวิชช์'​ ลงชิงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ เดินหน้าการเมืองคุณภาพ ต้องเกิดขึ้นใน กทม. 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ประกาศลงชิงเลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่ - จตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค คณะผู้บริหาร และทีมพรรคกล้า กทม. มาร่วมให้กำลังใจในการเปิดตัวส่งสมัคร ส.ส. ครั้งนี้ 

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ตั้งพรรคกล้าขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ประชาชน อยากเห็นการเมืองสร้างสรรค์ บนแนวคิด “ปฏิบัตินิยม ลงมือทำ” และเมื่อมองย้อนไปในพื้นที่ หลักสี่ - จตุจักร ในช่วง 7 ปีเศษนี้ มีงานสาธารณูปโภค ถนนย่อย ระบบระบายน้ำ หลายอย่างที่ยังค้างคา ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่เคยเป็น ส.ส. ในเขตจตุจักร คงได้ลงไปช่วยกันสะสางกันจนเสร็จสิ้น บทบาท ส.ส. ในเรื่องการพัฒนาพื้นที่สามารถทำได้ ในฐานะตัวเชื่อมหน่วยราชการกับประชาชน งาน ส.ส. ไม่ใช่แค่เข้าประชุมสภาฯ หรือการต่อสู้ฟาดฟันกับฝ่ายที่เห็นต่าง จึงเห็น “คุณภาพ ส.ส.” เป็นเรื่องสำคัญ 

"การทำการเมืองสร้างสรรค์เป็นปฏิบัตินิยมลงมือทำนั้น ไม่มีอะไรดีกว่า “ทำให้ดู” ผมจะถือโอกาสเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พาทีมงานว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หน้าใหม่ไฟแรงของพรรคกล้า เรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ทางการเมืองด้วย เขาอาจเป็นตัวจริงในแต่ละอาชีพ แต่ทำงานการเมืองนั้นไม่ง่าย เป็นงานที่ต้องเข้าใจคนอย่างแท้จริง" นายอรรถวิชช์ กล่าว 

นายอรรถวิชช์ กล่าวย้ำว่า ตนเองเคยเป็นผู้แทนทั้งเขตหลักสี่และจตุจักร มั่นใจว่าห้วงเวลาที่ตนเองเป็นผู้แทนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และจะขอกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง ขอพี่น้องประชาชนให้โอกาส “สร้างสรรค์การเมืองคุณภาพ” ให้เกิดขึ้นในหลักสี่ - จตุจักร 

นายกรณ์ จาติกวนิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า การส่งนายอรรถวิชช์ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรค ลงสู้ศึกครั้งนี้ สะท้อนวัฒนธรรมของพรรคที่เน้นปฏิบัติ กล้าที่จะลงมือทำ การแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติในทุกประเภทการแข่งขันและทางการเมือง ซึ่งพรรคได้เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เหมาะสมที่สุด มีความพร้อมมากที่สุดที่จะแสดงตนในฐานะหัวหน้าทัพ ไม่ได้นั่งบัญชาการอยู่เบื้องหลัง และเลือกผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน ให้พี่น้องชาวหลักสี่ ชาวจตุจักร และเพื่อให้พี่น้องชาวกรุงเทพ และคนไทยทั้งประเทศได้เห็นว่าผู้สมัครของเรามีคุณภาพอย่างไร 

‘อรรถวิชช์’ มั่น!! เต็งซ่อม ‘หลักสี่-จตุจักร’ ชี้!! เข้าวินปุ๊บ ลุยเคลียร์ปม 2 คลองขัดแย้งทันที 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่า มั่นใจ 100% เพราะเคยเป็นผู้แทนราษฎรในเขตหลักสี่และเขตจตุจักร ปี 2550 และ 2554 มาก่อน วันนี้กลับมาลงเลือกตั้งในเขตนี้อีกครั้ง เสียงตอบรับดีมาก มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ เพราะจากการประเมินคู่แข่ง ส่วนตัวคุ้นชินพื้นที่และมีผลงานในพื้นที่ไว้มาก และการเลือกตั้งใหญ่ที่เหลือเวลาอีกแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น สิ่งที่อยากทำคือเป็นคนกลางในการพูดคุยกับประชาชนและประสานงานในการดำเนินการเกี่ยวกับซอยย่อย ถนนทางลัด และตามริมคลอง เพราะเขตนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 2 คลอง คือ คลองลาดพร้าว และคลองเปรมประชากร ซึ่งที่ผ่านมาอดีต ส.ส. ไม่กล้าเข้าไปเจรจาแก้ปัญหา 

'อรรถวิชช์' เตือน!! ทฤษฎีแตกแบงก์พันอาจขัดกฎหมาย ชี้!! หาร 500 ได้พรรคการเมืองหลากหลาย ตรวจสอบถ่วงดุลได้จริง ไม่ขัด รธน.

'อรรถวิชช์' เตือน!! ระวังทฤษฎีแตกแบงก์พันอาจขัดกฎหมาย ชี้!! หาร 500 เป็นวิวัฒนาการทางการเมือง ได้พรรคการเมืองหลากหลาย ตรวจสอบถ่วงดุลได้จริง พัฒนาประชาธิปไตยไทย มั่นใจไม่ขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมเปิดตัว 'KLA Sport' ใช้กีฬาเชื่อมสัมพันธ์เยาวชน

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เปิดงาน 'กล้าจตุจักร ฟุตซอลเกม' กิจกรรมแข่งขันฟุตซอลเยาวชน ในเขตจตุจักรและใกล้เคียงเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ KLA Sport ตามนโยบายสนับสนุนเยาวชนสู่กีฬาอาชีพ สร้างสัมพันธ์กับเยาวชนและพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนนโยบายด้านกีฬาของพรรค และใช้กีฬาต้านยาเสพติด โดยเฉพาะล่าสุดมีเรื่องกัญชาเสรี หากเยาวชนนำไปใช้ผิดทางก็เกิดอันตราย ถ้าใช้ถูกทางก็กลายเป็นประโยชน์ หากมีเครือข่ายเยาวชนเป็นหูเป็นตาช่วยกันดูแลถือเป็นเรื่องที่ดี

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงระบบเลือกตั้งแบบใหม่ โดยขอบคุณ ส.ส. และ ส.ว. ที่โหวตเห็นชอบให้ใช้วิธีการคำนวณจำนวน ส.ส.ด้วยวิธีการหารด้วย 500 ซึ่งพรรคกล้านั้นจัดตั้งขึ้นมาเพื่อให้สอดรับกับการหารด้วย 500 ตั้งแต่ต้น เนื่องจากมองว่าการหารด้วย 500 จะทำให้คนรุ่นใหม่ทางการเมือง มีโอกาสเข้าสู่การเมืองได้ ทำให้มีพรรคเฉพาะกิจ เฉพาะด้านเกิดขึ้น ทั้งพรรคด้านเศรษฐกิจ ด้านกีฬา ด้านสิ่งแวดล้อม และเชื่อว่าในอนาคตจะเป็นรัฐบาลผสมที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเมื่อเข้าไปทำการเมืองจริง จะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารมีการตรวจสอบกันได้จริง ประชาธิปไตยจะมีการพัฒนา แต่หากกลับไปใช้สูตรเดิมที่ผ่านมา ก็ทราบดีว่ามีบทเรียนอะไรเกิดขึ้น ก็จะกลายเป็น ส.ส.ทำการเมืองคล้ายกับนักการเมืองท้องถิ่น ยืนยันว่าพรรคกล้าพร้อมกับกติกาที่จะออกมา และคิดว่าแนวทางนี้น่าจะไปได้ดี ทำให้พรรคสามารถจะเป็นเวทีให้กับคนรุ่นใหม่ได้ ซึ่งภายหลังจากที่มีการประกาศสูตรหาร 500 ก็มีคนสมัครเข้าพรรคเพื่อแสดงเจตจำนงลงสมัคร ส.ส.ในเขตพื้นที่ต่าง ๆ จำนวนมาก 

“สูตรหาร 100 เคยเกิดขึ้นแล้ว กลายเป็น ส.ส.ต้องลงไปทำการเมืองคล้ายกับนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ใช่การเมืองที่สู้ในระดับชาติ ที่มากกว่านั้นคิดว่าสูตรหาร 500 ไปได้ มันทำให้การเมืองเปลี่ยน เราเคยลองมาแล้วทั้งสูตรหาร 100 ทั้งบัตรเลือกตั้งใบเดียวแบบหาร 500 แต่ครั้งนี้เป็นบัตรสองใบหาร500 ผมว่ามันคือวิวัฒนาการทางการเมือง”

ส่วนกรณีที่หลายคนที่กังวลเรื่องจะทำให้เกิดพรรคเล็กจำนวนมากแบบที่เคยเกิดขึ้นหรือไม่นั้น นายอรรถวิชช์ เชื่อว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง กำหนดไว้ชัดเจนถึงวิธีของการคำนวณ อ่านและเข้าใจกติกาง่ายกว่า จะไม่เกิดการเขย่งเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะมีแนวโน้มว่าเมื่อคำนวณคะแนนเสียงแล้ว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเกินกว่าที่กำหนด ดังนั้นจำนวนคะแนนเสียงต่อ ส.ส. 1 คน อาจต้องใช้มากกว่า 7 หมื่น หรือ 8 หมื่นเสียง ไม่เหมือนอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ 

นายอรรถวิชช์ ยังกล่าวถึงกรณีจะมีการแตกแบงค์พันของพรรคการเมืองบางพรรคว่า เรื่องนี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากเป็นกรรมการบริหารอยู่พรรคหนึ่ง แล้วไปจัดตั้งพรรคการเมืองอีกพรรค จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ทั้งนี้ความจริงไม่จำเป็นต้องไปแตกแบงค์พัน เป็นพรรคแบบไหน ก็ต่อสู้แบบนั้น มีโอกาสชนะได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เทคนิค แต่ขอว่าสู้กับอะไร ก็ขอให้มีความชัดเจนของเป้าหมาย ว่าต้องการต่อสู้กับใคร 

'อรรถวิชช์' โอด 1 กันยา แก๊สหุงต้มขึ้น - FT ค่าไฟขึ้นกระชาก เหตุสำรองไฟเกินจำเป็น ผู้ค้าเอกชนรวย ประชาชนซวย ไร้มาตรการช่วยเหลือ

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า เริ่ม 1 กันยายนนี้ ประชาชนอ่วมหนัก เดือดร้อนทั้งแผ่นดิน ดอกแรกคือแก๊สหุงต้ม ปรับขึ้นกิโลละ 1 บาท ทุกเดือน มาตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงตอนนี้แก๊สขึ้นมาแล้ว 6 รอบ ถัง 15 กิโล ที่คนใช้กันเยอะๆ ราคาขึ้นมารวมแล้ว 90 บาท ตอนนี้อยู่ถังละ 408 บาทแล้ว ร้านอาหารโดยเฉพาะร้านที่ต้องใช้แก๊สตลอดเวลา เดือดร้อนหนัก ถ้าไม่รีบแก้ บานปลายถึงราคาอาหารแน่ 

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ดอกสองคือ ค่าไฟฟ้า เพราะกันยายนนี้ ค่า FT ขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ 93.43 สตางค์/หน่วย สูงกว่าต้นปีถึง 67 เท่า ทำค่าไฟพุ่งเป็นหน่วยละ 4.72 บาท สาเหตุไม่ได้มีแค่ค่าเงินบาทกับต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อ้างเท่านั้น มันเกี่ยวไปถึงการซื้อไฟฟ้าจากเอกชนด้วย

‘อรรถวิชช์’ ย้ำ ‘กรณ์’ ไม่ทิ้งเพื่อน ทำตรงไปตรงมา ลาออกจากพรรคกล้าไปสมัครชาติพัฒนา

‘อรรถวิชช์’ ย้ำ ‘กรณ์’  ไม่ทิ้งเพื่อน ทำตรงไปตรงมา ลาออกจากพรรคกล้าไปสมัครชาติพัฒนา โดยมีอดีตรองนายกกอปร์ศักดิ์ ประธานยุทธศาสตร์ตามไปด้วย กฎหมายปัจจุบันห้ามควบรวมพรรค จึงใช้วิธีตามกฎหมายปกติ 

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า แถลงภายหลังมีข่าวว่านายกรณ์ จาติกวณิช ไปร่วมงานกับพรรคชาติพัฒนาว่า ผมกับพี่กรณ์รู้จักกันมานาน รู้จักกันดี พี่กรณ์เป็นคนมีความมุ่งมั่น มีความคิดอยากเห็นการเมืองที่ดีขึ้น พี่เขาก็ยังมุ่งมั่นทำสิ่งนั่นอยู่ ซึ่ง คุณกรณ์ และพี่ๆ น้องๆ ที่พรรคกล้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คุณกรณ์เลือกทำอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย คือลาออกจากพรรคและไปสมัครพรรคใหม่ โดยมีท่านอดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าท่านกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ตามไปด้วย

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวถึง การจะรีแบรนด์ ปรับโครงสร้างต่างๆ ในส่วนของชาติพัฒนา เป็นส่วนของท่านเทวัญ และท่านสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และสมาชิกของพรรคเขา ส่วนเราเองยังสังกัดพรรคกล้า จะไปข้องเกี่ยวไม่ได้ กฎหมายพรรคการเมืองก็ระบุไว้ชัดเจน โดยในส่วนตัวผมก็ยังต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการพรรคกล้า เพื่อจัดประชุมใหญ่พรรคในเดือนนี้ให้แล้วเสร็จ

'อรรถวิชช์' ชี้ งบสัมมนาไม่เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน เสนอโยกเงินเข้างบกลาง ให้ผู้ว่าฯ ใช้แก้วิกฤติน้ำท่วม

'อรรถวิชช์' ย้ำ งบ กทม.พาเที่ยวสัมมนา ไม่เหมาะกับสถานการณ์ เสนอโยกเงินเข้างบกลางให้ผู้ว่า กทม.ใช้แก้วิกฤตน้ำท่วม เตรียมยื่น สตง. สอบด่วนบ่ายสองพรุ่งนี้ ลั่นถึงเวลาปฏิรูประบบการใช้งบกทม. ให้ผู้ว่าฯ มีอำนาจบริหารเต็มที่

ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวภายหลังจากพบความผิดปกติในงบประมาณกรุงเทพฯ ปี 2566 ว่า สาเหตุที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องงบประมาณกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะการจัดสัมมนาแล้วพาคนไปเที่ยวในช่วงน้ำท่วมนั้น เพราะอยากเห็นการปรับปรุงรูปแบบบริหารงบประมาณงบประมาณกรุงเทพขนานใหญ่ ซึ่งในสภาผู้แทนราษฎรเวลาตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออกไปนั้น งบดังกล่าวกลับไปให้นายกรัฐมนตรี ใช้เป็นงบกลางเมื่อเกิดเรื่องวิกฤติ แต่สภากรุงเทพมหานครกลับนำงบประมาณที่ถูกตัดไปเพิ่มโครงการใหม่ อย่างเช่น จัดสัมมนาพาคนไปเที่ยวในเขตจตุจักร โดยมีงบประมาณสูงถึงเกือบ 10 ล้านบาท หรืออย่างงบในสำนักป้องกันบรรเทาสาธารณภัย มีค่าพิมพ์คู่มือ 69 ล้านบาท และยังมีโครงการย่อยอีกมากมาย ซึ่งเป็นโครงการใหม่นำมาใส่ภายหลัง โดยพรุ่งนี้เวลา 14.00 น. ตนจะส่งให้ผู้ว่า สตง. นำไปตรวจสอบและให้คำแนะนำ

'อรรถวิชช์' ไขก๊อก!! ลาออกรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลุยงานภาคประชาชน เดินหน้าโปรเจกต์แก้กฎหมายเครดิตบูโร ชวนทุกฝ่ายขับเคลื่อน

(11 ต.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่า ตนจะไปทำโปรเจกต์เสนอร่างแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร ฉบับประชาชน ให้ทันสมัยสามารถเข้าถึงสินเชื่ออย่างเป็นธรรม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งกลุ่มภาคประชาชน เครือข่ายลูกหนี้ ธนาคาร และพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย จึงตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โดยได้แจ้งต่อประธานและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าแล้ว

"คนจำนวนมาก เกินกว่า 5 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ในระบบ ไม่มีเงินทุนกลับมาฟื้นอาชีพ ฟื้นกิจการได้ การแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร จะเป็นกลไกสำคัญในปฏิรูประบบสินเชื่อ การลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า จะทำให้คล่องตัวมากขึ้น ในการแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ในการขับเคลื่อนร่างแก้ไขกฎหมายนี้ให้สำเร็จ" ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า ผมได้ร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตไว้แล้ว โดยผมได้หารือกับคุณกรณ์ จาติกวณิช ในรายละเอียดกฎหมายแล้ว ท่านก็พร้อมให้การสนับสนุน ผมหวังว่าการลาออกมาเดินสายพูดคุย ชี้แจงกับกลุ่มและพรรคการเมืองต่างๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

‘อรรถวิชช์’ จับมือภาคปชช.-นักการเงิน ร่างกม. ‘ปฏิรูปเครดิตบูโร’ ปลดล็อกลูกหนี้ ไม่ต้องติดในระบบแบล็กลิสต์นานกว่า 3 ปี

(5 พ.ย.66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กทม. เปิดเผยว่า หลังจากลาออกจากรองหัวหน้าชาติพัฒนากล้า ลงมาลุยภาคประชาชนเต็มตัว ได้รับความกรุณาจากพี่ๆ หลากหลายวงการ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้เดือดร้อน มาร่วมกันร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรสำเร็จแล้วครับ

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ร่างฉบับนี้จะเป็นการ ‘ยุติการแช่แข็งลูกหนี้’ ลดความเดือดร้อนประชาชน ไม่ต้องติดในระบบแบล็กลิสต์กว่า 3 ปี เราสร้างกติกาใหม่ในการแจ้งข้อมูลเครดิต และการทำลายข้อมูลเก่าที่เกินความจำเป็น ให้เป็นธรรมกับประชาชน ได้มีโอกาสฟื้นตัวและได้รับสินเชื่อที่เป็นธรรม ไม่ต้องโดนดอกเบี้ยสูงของหนี้นอกระบบ  

“สัปดาห์หน้าผมจะไปยื่นต่อท่านประธานสภาฯ เพื่อตรวจร่างกฎหมายและเตรียมขอรายชื่อจากพี่น้องประชาชน 10,000 รายชื่อ ผมขอขอบคุณพี่ๆ ที่ร่วมช่วยร่างตั้งแต่ คุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, คุณอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการองค์กรของผู้บริโภค, คุณ นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ อดีตผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ, พี่ๆ จากสถาบันการเงินต่างๆ ที่ร่วมให้ความเห็นและเสนอร่างกฎหมายร่วมกัน” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า งานนี้เราขอให้ประชาชนเป็นหลังพิงให้เราทำกฎหมายให้สำเร็จนะครับ โดยจะมีเว็บไซต์ให้ร่วมกันลงชื่อเร็วๆ นี้ และผมเชื่อว่าท่าน สส.-สว.จะให้การสนับสนุนร่างของพวกเราต่อไป

‘อรรถวิชช์’ ดัน!! ปฏิรูปเครดิตบูโร ล่า 10,000 รายชื่อ แก้กฏหมาย

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต สส.กทม. ซึ่งได้ให้คำแนะนำรัฐบาลถึงการแก้หนี้นอกระบบ พร้อมทั้งการปฏิรูปกฎหมายเครดิตบูโร ยุติแช่แข็งลูกหนี้ และเตรียมรวม 10,000 รายชื่อ เสนอกฎหมายเข้าสภาฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.67 ระบุว่า...

ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบมีปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะคนที่ติดหนี้นอกระบบแล้วโดนดอกเบี้ยสุดโหด ไม่สามารถกลับเข้ามากู้เงินในระบบได้ เนื่องจากธนาคารไม่ปล่อยกู้ให้ เพราะติดแบล็กลิสต์กับธนาคาร ถึงแม้จะจ่ายหนี้หมดแล้วก็ตาม เนื่องจากมีประวัติข้อมูลต่างๆ ค้างอยู่ในระบบข้อมูลเครดิตถึง 3 ปี ซึ่งทางธนาคารจะใช้มาประกอบการพิจารณาอนุมัติเงินกู้ ทำให้ประชาชนผู้ที่มีประวัติ เสียโอกาสในการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อนำมาลงทุนธุรกิจ 

ขณะที่ประชาชนบางท่านที่ไม่ได้มีเจตนาหนีหนี้ แต่เกิดจากการหลงลืม เช่น ลืมจ่ายค่าบัตรเครดิตไปเพียงครั้งเดียวก็สามารถติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรได้เช่นกัน ทั้งที่จริงๆ แล้วควรพิจารณาจากนิสัยการใช้เงินของลูกหนี้ประกอบด้วยว่ามีพฤติกรรมอย่างไร 

จากจุดนี้ ผมจึงพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูปกฎหมายเครดิตบูโร เช่น ชำระหนี้หมดแล้วต้องลบข้อมูลหนี้บัญชีนั้นทันที หรือกลับมาจ่ายได้ปกติหกเดือนติดต่อกัน ก็ควรลบข้อมูลค้างเก่าในบัญชีนั้นเช่นกัน ลูกหนี้จะได้มีโอกาสกู้ในระบบได้บ้าง ซึ่งผมนำเสนอให้ใช้ระบบคะแนนเครดิต Credit Scoring ใครคะแนนเครดิตดีได้ดอกเบี้ยต่ำ ใครคะแนนเครดิตต่ำได้ดอกเบี้ยสูง ถ้าทำแบบนี้ จะเกิดการแข่งขันเรื่องดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์กันมากขึ้น

ส่วนคำถามที่ว่าการเปลี่ยนเป็นระบบ Credit Scoring มีผลดีหรือผลเสียอย่างไร ขอตอบว่าไม่มีผลเสีย แต่จะมีผลดี คือ ธนาคารปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น โดยมีระบบการประเมินที่เป็นสากล การใช้ระบบ Credit scoring เป็นการแจ้ง ‘คะแนน’ ที่จะนำเอา ‘ข้อมูลดี’ มาประกอบด้วย เช่น รายได้ การจ่ายเงินค่าน้ำ ค่าไฟ ระบบการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์บนแอปพลิเคชันต่างๆ 

ตัวอย่างที่มีให้เห็นชัดเจน ก็เช่นกรณี ‘บังฮาซัน’ สู้ชีวิต อินฟลูเอนเซอร์คนดัง ขายอาหารทะเลให้ชุมชน เก็บเงินสด 30 ล้าน สร้างบ้านเอง เพราะไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ เนื่องจาก ‘เคย’ ติดหนี้บัตรเงินสดสมัยที่ยังทำงานสู้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ แต่จะมีสักกี่คน ที่มีความสามารถหาเงินได้แบบนี้ โดยไม่ต้องใช้ทุนตั้งตัว

อย่างไรเสีย เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ สามารถทำโดยการเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด โดยเฉพาะ ด้วยการแก้ไขให้ใช้ระบบ Credit Scoring เป็นรูปแบบการจำแนกคุณภาพสินเชื่อของบุคคลตามจริง แทนที่ระบบแบล็กลิสต์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น และรักษาระบบสินเชื่อให้เป็นไปตามความจริง ซึ่งขณะนี้ได้ร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร โดยจะรวบรวมรายชื่อประชาชนไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2567 นี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top