Friday, 17 May 2024
อนุชา_บูรพชัยศรี

จ่อเปิดรถไฟทางไกลอีก 5 เส้นทาง ปีนี้! พร้อมเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม ยกระดับการเดินทาง บริการขนส่ง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานระบบราง ยกระดับการเดินทางและเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบ เตรียมเปิดให้บริการอีก 5 เส้นทางภายในปี 2565 นี้

(19 ก.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลเร่งพัฒนาขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางของประเทศ ตามนโยบายเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมอย่างเป็นระบบ เพื่อยกระดับการเดินทางให้สะดวกรวดเร็ว และแก้ปัญหาการจราจรที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ซึ่งโครงข่ายรถไฟทางไกลรองรับการขนส่งจากถนนสู่ระบบราง และจากทางเดี่ยวสู่ทางคู่ ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง ระยะทาง 985 กิโลเมตร  ประกอบด้วย เส้นทางที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว จำนวน 2 เส้นทาง ได้แก่ 1. ช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา - ชุมทางคลองสิบเก้า – ชุมทางแก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร เปิดให้บริการแล้วเมื่อปี 2562 และ 2. ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ระยะทาง 187 กิโลเมตร เปิดให้บริการแล้วเมื่อปี 2563

รัฐฟื้นท่องเที่ยวไทยแตะ 80% เหมือนก่อนโควิดผุด คาดปี’ 66 โกยรายได้ 2.38 ลลบ.

(19 ก.ย. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า... “รัฐบาลวางเป้าหมายสนับสนุนการท่องเที่ยว

โดยให้ภาพรวมปี 2566 การท่องเที่ยวของไทยกลับมาอยู่ในสัดส่วนเป็น 80% เหมือนก่อนสถานการณ์โควิด-19 (ของปี 2562) โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1.73 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 970,000 ล้านบาท และรายได้หมุนเวียนจากตลาดคนไทย 760,000 ล้านบาท และเชื่อว่าหากเป็นไปตามสถานการณ์ท่องเที่ยวที่เอื้ออำนวยในทุกด้าน (Best Case Scenario) คาดว่าจะมีรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท และตลาดในประเทศ 880,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลยินดีที่สายการบินมีการปรับแผนและการดำเนินธุรกิจให้เหมาะสมและสอดคล้องกับปริมาณนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเพิ่มปริมาณมากขึ้นในฤดูการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 จนถึงต้นปีหน้า หรือช่วง High Season”

โดยจากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยประเมินว่าไตรมาส 4 ในเดือน ตุลาคม - ธันวาคม จะมีนักท่องเที่ยวจำนวน 1.5 ล้านคนต่อเดือน และ ททท.จะจับมือกับสายการบินพันธมิตรผลักดันการท่องเที่ยวช่วง High Season ผ่านการส่งเสริมการขายและการตลาดอย่างต่อเนื่อง สะท้อนบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักหลังนโยบายเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

‘อนุชา’ แนะเยาวชนเลือกเรียนสอดคล้อง ‘แลนด์บริดจ์’ หวังปั้นแรงงานให้พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 67 ที่ห้องสมุด ศูนย์การศึกษาอโศกแคมปัส กรุงเทพมหานคร มีการจัดงานสัมมนาวิชาการหัวข้อเรื่อง ‘Landbridge SEC โอกาสทางเศรษฐกิจและธุรกิจไทยสู่ระดับโลก’ จัดโดยมหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ด และทีมไรท์ กลุ่มนักคิดและนักปฏิบัติ จัดภายใต้สโลแกน ‘ทำที่ใช่ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง’ โดยได้เชิญ นายอนุชา บูรพชัยศรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ รองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการการคมนาคม และนายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ มาร่วมกันให้ความรู้กับนักศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.เอก ชุณหชัชราชัย รองคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ด และนางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

สำหรับ เสวนาดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของโครงการ ‘แลนด์บริดจ์’ (Landbridge) ที่มุ่งหน้าสู่การพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างสะพานข้ามทะเลระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน เชื่อมโยงเส้นทางการขนส่ง และคมนาคม เชื่อมต่อของมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียเข้าไว้ด้วยกัน จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอย่างมหาศาล อีกทั้งยังช่วยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน และส่งเสริมให้มีการจ้างงานจำนวนมาก ทั้งยังแก้ไขปัญหาการจราจรผ่านช่องแคบมะละกา โดยเพิ่มตัวเลือกในการขนส่งสินค้าผ่านแลนด์บริดจ์ เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการผลิตและการขนส่งสู่ตลาดโลก

นายอนุชา กล่าวว่า ตนอยากให้ปรับเปลี่ยนแนวคิดว่าโครงการแลนด์บริดจ์ ไม่ใช่เป็นโครงการที่จะนำเสนอในเรื่องคมนาคมขนส่งอย่างเดียว ไม่ใช่ศึกษาเพียงว่า จะมีเรือสินค้าเข้ามาท่าเรือระนอง และท่าเรือชุมพรปริมาณเท่าไหร่ และจะมีการขนส่งระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามันอย่างไร แต่จากนี้ต้องมาช่วยกันคิด และให้หน่วยงานโดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมศึกษาว่า จากนี้ไป เราจะสนับสนุนใน SEC หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะเกิดขึ้นในภาคใต้ คืออุตสาหกรรมอะไร เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เตรียมว่า จะเรียนสาขาอะไร

นอกจากนั้น ยังสอดคล้องไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะต้องจัดเตรียมบุคลากร เตรียมงบประมาณ เพื่อเข้าไปเสริม กระทรวงแรงงานในการเตรียมพัฒนาฝีมือให้สอดคล้องกันอย่างไร และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ต้องลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพื้นที่จังหวัดชุมพรและระนอง แต่รวมถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราชด้วย

ด้าน นายวิชัย กล่าวเสริมว่า โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นโครงการที่นำความเจริญมาสู่ประเทศ เพราะไม่ใช่แค่จังหวัดชุมพรหรือระนอง แต่เป็นโครงการที่สร้างโอกาสการลงทุนทางเศรฐกิจโดยรวมของประเทศ จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง เป็นจุดที่มียุทธศาสตร์ด้านภูมิประเทศในการดำเนินโครงการที่ดี ถ้ามองคนชุมพรกับคนระนอง ในเรื่องของธุรกิจและในด้านอุตสาหกรรมมีน้อยมากกับการลงทุนของคนในจังหวัด ปัจจุบันคนในจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะในพื้นที่โครงการลงทุนคือ อำเภอพะโต๊ะ อำเภอหลังสวน ประชาชนยังมองเป็นผู้สูญเสียมากกว่า

นายวิชัย กล่าวว่า อยากให้นักศึกษาทุกคนมองมิติในการขับเคลื่อนโครงการ และการลงทุนในการทำธุระกิจ ต้องมองพื้นฐานของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะการทำธุระกิจบนพื้นฐานของการไม่เข้าใจ และการไม่มีส่วนร่วมของประชาชน และประชาชนขาดความเข้าใจ จะหาความสำเร็จอยาก

“ผมคิดว่า การจะให้โครงการแลนด์บริดจ์ ประสบความสำเร็จภาครัฐต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ให้มากกว่านี้ เช่น ประชาชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์อะไรกับโครงการ ประชาชนจะได้ค่าเยียวยาอะไร เท่าไรกับผลกระทบจากโครงการนี้” นายวิชัย กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top