Friday, 17 May 2024
สูบบุหรี่

ผลวิจัยชี้ 'สูบบุหรี่ไฟฟ้า' เสี่ยงเบาหวานเพิ่ม 22% อันตรายเท่าสูบ 'บุหรี่' ธรรมดา 

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยงานวิจัยใหม่จาก มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา ที่พบว่า “การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กับภาวะก่อนเบาหวาน หรือ Prediabetes” โดยการศึกษาครั้งนี้เป็นการใช้ข้อมูลสำรวจสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงของประชาชนอเมริกา (Behavioral Risk Factor Surveillance System Survey : BRFSS) ซึ่งถือว่าเป็นการสำรวจที่ใหญ่ที่สุดมีกลุ่มตัวอย่างกว่า 600,000 คนทั่วประเทศ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการ สูบบุหรี่ไฟฟ้า กับภาวะก่อนเบาหวาน (การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติแต่ยังไม่เข้าเกณฑ์ของโรคเบาหวาน)

ซึ่งผลการศึกษาพบว่า คนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีความเสี่ยงต่อการมีระดับ น้ำตาลในเลือด สูงกว่าปกติหรือภาวะก่อนเบาหวานเพิ่มขึ้น 22% ส่วนในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยที่ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อนเลย ยิ่งพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 54% โดยคนที่ถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะก่อนเบาหวาน มีแนวโน้มสูงที่จะเป็น เบาหวาน ในอนาคต

‘คิม จองอุน’ กำลังต่อสู้ กับโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง เหตุ เพราะดื่มเหล้า และสูบบุหรี่จัด

สำนักหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของคิม จอง-อุน ผู้นำเกาหลีเหนือ ว่าอาจกำลังเผชิญปัญหาอาการนอนไม่หลับรุนแรง อันเนื่องจากการดื่ม เหล้า และ สูบบุหรี่มากเกินไป

โดย นาย อู ซัง-บุม สมาชิกสภา และ เลขาธิการประจำสำนักหน่วยข่าวกรองแห่งรัฐสภาเกาหลีใต้ ได้ออกมาให้ข่าวกับสื่อเมื่อช่วงวันพุธกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สำนักหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เชื่อว่าตอนนี้ผู้นำคิม จอง-อุน กำลังเผชิญปัญหาด้านการนอนบกพร่อง เข้าขั้นโรคนอนไม่หลับอย่างหนัก

อีกทั้งผู้นำคิมยังเป็นคนที่สูบบุหรี่จัด และดื่มเหล้าหนักเป็นประจำอีกด้วย จากข้อมูลวงใน พบว่าเกาหลีเหนือมีการนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศจำนวนมาก ทั้งแบรนด์ดังอย่าง Marlboro และ Dunhill อีกทั้งขนมขบเคี้ยวชั้นดีที่ไว้กินแกล้มเหล้าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนำเข้าเพื่อจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ในช่วงที่ประเทศกำลังประสบภาวะขาดแคลนอาหาร
และไม่ได้แค่แอบล้วงข้อมูลวงในเท่านั้น ยังมีการใช้ AI วิเคราะห์ภาพถ่ายในช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ผู้นำเกาหลีเหนือไปปรากฏตัว และชี้ว่า ผู้นำโสมแดงมีน้ำหนักเพิ่มกว่าเดิมมาก และน่าจะหนักถึง 140 กิโลกรัมแล้วในตอนนี้ 

และยังมีข่าวกรองหลุดมาอีกว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเกาหลีเหนือกำลังรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์ ในการรักษาอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง รวมถึงการใช้ยา Zolpidem  หนึ่งในยากล่อมประสาทที่ใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับ ทางหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้จึงมั่นใจว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ เข้าสู่วังวนปัญหาสุขภาพที่น่าเป็นห่วง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่จัด ที่มีผลต่ออาการนอนไม่หลับของเขา และพบว่า ล่าสุด คิม จอง-อุน ปรากฏตัวออกสื่อด้วยใต้ตาที่ดำคล้ำจากการอดนอน และน่าจะใช้ยาจำพวก Zolpidem ในการรักษา ซึ่งมีผลข้างเคียงต่อกับผู้ใช้ที่มีนิสัยดื่มเหล้าด้วยเป็นประจำด้วย

และอาจเป็นสาเหตุที่ผู้นำเกาหลีเหนือต้องงดภารกิจสำคัญหลายงานในช่วงเวลานี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการบริหารกิจการภายในประเทศที่กำลังประสบปัญหาข้าวยากหมากแพง ส่งผลให้มีคดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก รวมถึง อัตราการเสียชีวิตจากความอดอยาก เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดิมของปีที่ผ่านมา 

มีข้อมูลที่น่าตกใจกว่านั้นคือ อัตราการฆ่าตัวตายของคนเกาหลีเหนือก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 40% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับในยุคสมัยของผู้นำคิม จอง-อุน ซึ่งรัฐบาลเปียงยางเคยประกาศว่าการฆ่าตัวตาย เป็นการกระทำที่ทรยศต่อระบอบสังคมนิยม และมักถูกเรียกว่า "ความป่วยไข้" ที่อาจลุกลามในสังคมเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลจึงออกคำสั่งให้จำกัดการเดินทางเข้า และ ออกจากกรุงเปียงยาง ที่ทางเกาหลีเหนืออาจเชื่อว่าจะสามารถสกัด ข้อมูล หรือแนวความคิดในการทำอัตวินิบาตกรรมไม่ให้กลายเป็นกระแสในเกาหลีเหนือ ไม่แน่ใจว่า การจำกัดการเดินทางเข้าออกกรุง ของชาวเกาหลีเหนือ จะช่วยเรื่องการระบาดของ "ความป่วยไข้" ที่ว่านี้ได้หรือไม่

เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับ แต่เรื่องพฤติกรรมการดื่มเหล้า และสูบบุหรี่จัด มีผลต่ออาการนอนไม่หลับนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์หลายชิ้นพิสูจน์ว่ามีความเชื่อมโยงกันจริง ๆ ยิ่งดื่มมาก สูบจัด ยิ่งมีผลเสียต่อคุณภาพการนอนหลับพักผ่อน 

ดังนั้นก่อนที่จะคิดวิเคราะห์ไปไกล ถึงความเป็นไปได้ในการสร้างดาวเทียมสอดแนม ขีปนาวุธพิสัยข้ามทวีป หรือวิธีสกัดการระบาดของอาการ"ป่วยไข้" ในสังคมเกาหลีเหนือ ลองย้อนมาแก้ปัญหาด้วยหลักเหตุผลในเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด อย่างสุขภาพของตนเอง ให้สำเร็จก่อน น่าจะดีกว่า

‘หมอเหรียญทอง’ แจงเหตุตบหน้าเด็ก 14 สูบบุหรี่ในห้องน้ำ รพ. ลั่น!! รพ.เป็นเขตปลอดบุหรี่ - ไม่มีสิทธิละเมิดสิทธิผู้อื่น

(14 พ.ค. 67) มารดา ของชายอายุ 14 ปีรายหนึ่ง ได้เดินทางไปแจ้งความว่า ลูกชายถูกทำร้ายร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ

โดยเธอเล่าว่า ระหว่างที่​ลูกชายได้เดินทางไปเฝ้าภรรยาที่รอคลอด ​ระหว่างนั้นได้เข้าไปสูบบุหรี่ในห้องน้ำชั้น 12 ของโรงพยาบาล เมื่อสูบบุหรี่เสร็จออกมาจากห้องน้ำ พบว่าเจ้าหน้าที่ของ รพ.ที่เป็นผู้ชาย ได้ยืนถ่ายภาพ และนำตัว ด.ช.วัย 14 ลงมาบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน และโทรหาให้ผู้ปกครองมาเสียค่าปรับ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท

จากนั้นเมื่อ ด.ช.โทรหาผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์ไปคุยต่อโดยไม่ได้ส่งคืน และให้ ด.ช.นั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน เวลาต่อมาได้มีชายเดินมาทำร้ายร่างกาย ด.ช. ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นบังคับให้ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด และเดินออกจาก รพ.ไป เมื่อ ด.ช.เดินออกจาก รพ. จึงยืมโทรศัพท์บุคคลที่อยู่บริเวณนั้น โทรหาญาติให้มารับ และแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้ระบุว่า ชายไทยสูงวัย ใส่เสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสั้น เดินเข้ามาทางประตูหน้าตรงห้องฉุกเฉิน เดินตรงเข้ามาที่ ด.ช.วัย 14 จากนั้นชายคนดังกล่าวได้ถามว่า “มึงสูบบุหรี่ในนี้ได้ไง” หลังจากสิ้นคำถาม ชายคนดังกล่าวก็ตบมาที่บริเวณใบหน้า​ 1 ครั้ง

จากนั้นชายคนดังกล่าวก็ตบที่บริเวณใบหน้าอีก 3 ครั้ง แม้ว่าจะพยายามขอโทษ และร้องไห้ออกมา ก่อนที่จะถูกตะคอกใส่ว่า จะร้องทำไม ​โดยพบว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณคิ้วข้างซ้ายเป็นรอยช้ำแดง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า..

ได้โปรดแชร์ให้ทราบข้อเท็จจริงทั่วกันว่าเมื่อดึกคืนวันที่ 13 พ.ค.67 มีไอ้วัยรุ่นกุ๊ยมาสูบบุหรี่ในห้องสุขา แผนกผู้ป่วยนอก หรือ โอ พี ดี ชั้น 1 อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารใหม่ส่งกลิ่นควันบุหรี่เข้าสู่ระบบปรับอากาศคละคลุ้งทั่วพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ป่วย โอ พี ดี ที่รอรับการตรวจ

ทั้ง ๆ ที่ รพ.มงกุฎวัฒนะก็ประกาศจัดการผู้ฝ่าฝืนสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดรุนแรง แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้ก็ยังท้าทายลองดี ทั้ง ๆ ที่ภริยาของมันได้เข้ารับการรักษาตัวใน รพ.มงกุฎวัฒนะ ด้วยสาเหตุทารกในครรภ์ไม่ดิ้น จนอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา

แต่ไอ้กุ๊ยตัวนี้กลับตอบแทน รพ.มงกุฎวัฒนะด้วยการท้าทายสูบบุหรี่ ณ โอ พี ดี รพ.มงกุฎวัฒนะ อาคาร 3 ชั้น 1 ส่งความรำคาญแก่ผู้ป่วยที่มารอตรวจได้สูดควันบุหรี่ที่เป็นสารก่อมะเร็งปอดกันถ้วนหน้า

ผมจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้อย่างดุเดือดรุนแรงตามที่ผมประกาศไว้ตามเสียงตามสายของ รพ.มงกุฎวัฒนะทุก ๆ 2 ชั่วโมง เมื่อไอ้กุ๊ยละเมิดสิทธิผู้ป่วยรายอื่น ๆ สร้างความสุ่มเสี่ยงต่ออัคคีภัยใน รพ.ที่มีผู้ป่วยนอนจำนวนมาก สุ่มเสี่ยงต่อโศกนาฏกรรมแล้ว ทั้งเคยเกิดเหตุอัคคีภัย ณ รพ.มงกุฎวัฒนะ จากการสูบบุหรี่ในพื้นที่ของ รพ.มาแล้วถึง 2 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2558 และ 2564

ดังนั้นผมจึงจัดการไอ้กุ๊ยรายนี้ด้วยตนเองด้วยการตบหน้าสั่งสอน ยึดโทรศัพท์มือถือ แล้วสั่งให้แก้ผ้าล่อนจ้อน ไล่ออกจากพื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ไอ้กุ๊ยตัวนี้ยังยกพวกแก๊งมอเตอร์ไซค์มาข่มขู่หน้าทางเข้า รพ.มงกุฎวัฒนะ 6-7 คันเสียด้วย

แต่ขอบอกตามตรงว่ารู้สึกเฉย ๆ ก็ลองแหยมเข้ามาท้าตีท้าต่อยก็จะโต้ตอบรุนแรงกลับไป แถมยังให้ข่าวว่าถูกผมตบคิ้วแตกเสียด้วย โกหกสิ้นดี 

ผมขอเรียนว่าผมประกาศต่อสาธารณะมาเสมอว่าเราไม่ง้อ ไม่สนผู้ใช้บริการที่เป็นกุ๊ยอันธพาลเกเร คิดจะฝ่าฝืนสูบบุหรี่ เกเร อวดเบ่งบุคลากรทางการแพทย์ กระทำอะไรตามอำเภอใจ ก็ขอเชิญไป รพ.อื่นก็แล้วกัน

แต่สำหรับ รพ.มงกุฎวัฒนะแล้วจะมีผู้ใช้บริการที่รู้กฎระเบียบสังคมมาใช้บริการอย่างสบายใจ ผมไม่สนหรอกครับว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ ผมกลับเห็นว่าสมควรแก่เหตุเสียด้วยซ้ำ 

ควันบุหรี่เป็นสารก่อมะเร็งแก่ผู้ใช้บริการรายอื่น ๆ โดยที่เขาไม่สมควรได้รับ ดังนั้นความเด็ดขาดในการปกป้อง รพ.ทุกแห่งในโลกให้เป็นเขตปลอดบุหรี่จึงต้องเด็ดขาดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

สาธารณชนจะตัดสินใจแยกแยะได้ว่าเมื่อเขาเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว เขาจะมา รพ.มงกุฎวัฒนะได้อย่างปลอดภัยจากบุหรี่ รวมถึงปลอดกุ๊ยอันธพาลเกเรด้วย

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบข้อเท็จจริงทั่วกันครับ คนโลกสวยเห็นว่าเกินแก่เหตุไม่สมควรใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะครับ

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
14 พ.ค. 67 เวลา 12.58 น.

‘แม่เด็ก 14’ อึ้ง!! เจอซองผงขาว-ไฟแช็กในถุงเสื้อผ้าลูกชาย ลั่น!! เชื่อ 50/50 แต่ถ้าเป็นของลูกจริง จะพาไปตรวจหาสารเสพติด

(15 พ.ค. 67) ภายหลังจากเเม่ของเด็กชายอายุ 14 ปีที่สูบบุหรี่ในห้องน้ำโรงพยาบาล เเล้วถูกหมอชื่อดังตบหน้า เข้าให้ปากคำที่ สน.ทุ่งสองห้อง เด็กชายวัย 14 ปี พร้อมมารดาเดินทางไปที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพื่อขอรับทรัพย์สินคืน หลังขึ้นไปบนชั้น 8 ในระหว่างการตรวจรับสิ่งของเจ้าหน้าที่ได้หยิบเสื้อผ้า มือถือ สิ่งของ ออกมาจากถุงพลาสติกสีฟ้า 

จากนั้นแม่เด็กก็ได้ตรวจสอบ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ทักว่า ยังมีสิ่งของในถุงอีกแล้วเทออกมา ปรากฏว่า มีไฟแช็ก ซองถุงซิปล็อกสีขาวตกลงมา ลักษณะเป็นผงสีขาว หลอดตักยา และไฟเเช็กที่ปะปนอยู่กับเสื้อผ้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกใจ เเละพยายามจะไม่เชื่อว่าเป็นของเด็ก มีการถามว่ามาจากไหน เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ทราบ แต่พบในเสื้อเด็ก

เมื่อถามว่า มีคลิปวีดีโอ ตอนที่เก็บเสื้อผ้าเด็กไว้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ก็ยืนยันว่ามีกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ประสานไปที่ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้มาตรวจสอบว่า วัตถุที่อยู่ในถุงซิปล็อกคืออะไร

เมื่อตำรวจมาถึงได้นำถุงทั้งหมดกลับไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ ระบุมีซองพลาสติกสีขาวจริง ต้องส่งให้พฐ.ตรวจพิสูจน์ต่อไป ส่วนจะเชิญแม่กับเด็กให้สอบปากคำอีกหรือไม่ ต้องรอพนักงานสอบสวนแจ้ง

ด้าน แม่เปิดเผยภายหลังว่า ยอมรับว่าตกใจที่เห็นถุงซิปล็อกที่มีผงสีขาวอยู่ในถุงเสื้อผ้าของลูก ซึ่งตอนแรกยังไม่เห็น แต่พอเทถุงแล้วพบว่าเจออยู่ในก้นถุง ยังไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และยังไม่ได้คุยกับลูกชาย แต่ถ้าหลังจากนี้ตรวจสอบแล้วหากเป็นของลูกชายก็จะพาไปตรวจหาสารเสพติด

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาน้องเคยมีประวัติเสพสารเสพติดหรือไม่ แม่บอกว่าไม่รู้เลย และถ้าผลตรวจออกมาว่าลูกชายเสพสารเสพติดก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top