Tuesday, 7 May 2024
สื่อ

ตกผลึกความคิดและประสบการณ์ด้าน ‘Soft power’ กับ ‘ณัฐภา กมลเศวตกุญ’ | Click on Clear THE TOPIC EP.160

📌คุยเรื่อง 'Soft power’ กับตัวจริง!! ไปกับ ‘ณัฐภา กมลเศวตกุญ’ นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร/เครื่องดื่ม!!
📌ใน Topic : ตกผลึกความคิดและประสบการณ์การทำงาน ด้าน ‘Soft power’ กับ ‘ณัฐภา กมลเศวตกุญ’!

ในรายการ Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา PROGRAM DIRECTOR THE STATES TIMES

.

.

‘ปูติน’ ออก กม. จำคุก 15 ปี คนแพร่ข่าวปลอมเรื่องกองทัพ หลากสื่อเซ็ง!! เหมือนลิดรอนเสรีภาพการนำเสนอข่าว

สื่อทั่วโลกแห่ระงับการรายงานข่าวจากในรัสเซียเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของสื่อมวลชน หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ลงนามบังคับใช้กฎหมายจำคุกสูงสุด 15 ปี คนที่เผยแพร่ “ข่าวปลอม” เกี่ยวกับกองทัพ และปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน

สื่อบีบีซีของอังกฤษระบุวานนี้ (4 มี.ค.) ว่าจะหยุดการรายงานข่าวจากในรัสเซีย ซึ่งต่อมาไม่นานก็มีสื่อชั้นนำอีกหลายเจ้าออกมาประกาศมาตรการเดียวกัน เช่น แคเนเดียน บรอดคาสติง คอมพะนี บลูมเบิร์ก ซีเอ็นเอ็น และซีบีเอส นิวส์ เป็นต้น ขณะที่บางบริษัทงดใส่ชื่อผู้เขียนลงในบรรทัดแรกหรือบรรทัดสุดท้ายของข่าว (byline) ระหว่างที่รอประเมินสถานการณ์

ในขณะที่การรุกรานยูเครนทำให้รัสเซียถูกรุมประณามและคว่ำบาตรจากทั่วโลก มอสโกพยายามที่จะ “เอาคืน” ด้วยการทำสงครามข้อมูล โดยล่าสุด Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับสื่อสารของรัสเซียได้มีคำสั่งบล็อก “เฟซบุ๊ก” โดยอ้างถึง 26 กรณีที่เข้าข่ายเลือกปฏิบัติและกีดกันสื่อของรัสเซีย ขณะที่สำนักข่าว TASS รายงานว่า “ทวิตเตอร์” ก็ถูกจำกัดการเข้าถึงในรัสเซียด้วย

เจ้าหน้าที่รัสเซียอ้างว่า บรรดาชาติศัตรู เช่น สหรัฐฯ และพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปมีการเผยแพร่ข่าวปลอมมากมาย โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวรัสเซีย

รัฐสภารัสเซียได้ผ่านร่างแก้ไขกฎหมายอาญาเพื่อเพิ่มโทษปรับและจำคุกสำหรับบุคคลหรือองค์กรที่เผยแพร่ข่าวปลอม นอกจากนี้ ยังกำหนดโทษปรับสำหรับใครก็ตามที่ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติ “แซงก์ชัน” รัสเซียจากการบุกยูเครน

ผู้บริหารสื่อหลายสำนักชี้ว่า กฎหมายใหม่นี้ลิดรอนเสรีภาพในการรายงานข่าว และทำให้สื่อมวลชนตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งทางบริษัทจำเป็นที่จะต้องหาจุดสมดุลระหว่างการทำหน้าที่สื่อ และการปกป้องสวัสดิภาพของตัวนักข่าวเอง

'อ.กิตติธัช' ทวนความจำบทเรียนครั้งสำคัญของคนไทย เมื่อดราม่าโควิด ถูก 'สื่อ-คนดัง-นักการเมือง' หลอกลวง

กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 'Kittitouch Chaiprasith' ระบุว่า...

บทเรียนครั้งสำคัญของคนไทย
ที่ถูกสื่อ คนดัง นักการเมืองหลอกลวง
กับดราม่าเรื่องวัคซีนโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว

วันนี้ผมจะกลับมาทบทวนความจำให้สังคมไทยกันอีกครั้ง เพื่อให้ตกผลึกและทบทวนความจำกันนะครับ

1. วัคซีนโควิด-19 (ในเวลานั้น) เป็นวัคซีน 'ใช้กรณีฉุกเฉิน' (Emergency Usage Authorization) บริษัทผู้ผลิตจะไม่ขายให้เอกชนรายใดทั้งสิ้น เขาจะขายให้แต่กับรัฐบาลโดยตรงเท่านั้น เพราะมันต้องใช้ข้อกฎหมายยกเว้น เพราะหากมีผลข้างเคียง ก็จะได้ฟ้องร้องไม่ได้

2. วัคซีนทุกชนิดมี 'ตัวแทนจำหน่าย' วัคซีนของไฟเซอร์ ก็มีบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทย, โมเดอน่าก็มีบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา, ซิโฟาร์ม ก็มีไบโอจีนีเทค เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายหรือดีลกับรัฐ

ดังนั้นที่คุณเห็นนักการเมืองฝ่ายค้าน Influencer สื่อ สถาปนิกชื่อดัง และเครือข่ายทั้งหลาย ออกมาโพนทะนานว่า "เพื่อนคนนั้นคนนี้มีเส้นสายบริษัท ติดต่อเอาเข้าวัคซีนมาได้" "ผมมีติดต่อรุ่นพี่ในบริษัทวัคซีนให้ช่วย" บลาๆๆ

ทั้งหมดคือ 'การโกหก' ในรูปแบบ 18 มงกุฎที่ตั้งใจหลอกลวงประชาชน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจหรือประโยชน์ทางการเมืองทั้งสิ้น

หมายเหตุ : ตอนนั้นบริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทย ออกหนังสือแถลงการณ์มา 3 รอบ (แบบเดียวกับที่ผมพูดข้างบน) แต่สื่อ นักการเมือง และ Influencer ดังสายการเมืองก็ยังคงหน้าด้าน ไม่สนใจ และโกหกประชาชนอยู่ต่อไป

https://www.reuters.com/world/asia-pacific/thai-hospital-tycoon-sticks-guns-vaccine-claims-2021-07-16/

ขอให้สังคมไทยจำชื่อของคนเหล่านั้นไว้ให้ดี ทั้ง สื่อและ Influencer ทุกคนที่พยายามปั่นกระแสเรื่องวัคซีน ให้คนเข้าใจว่า 'รัฐบาลกีดกันไม่ยอมให้นำเข้าวัคซีน' และปั่นเพื่อเชิดชูคนที่โกหกหลอกลวงประชาชนให้เป็นฮีโร่

ขอให้ทุกคนรู้ไว้ว่าทั้งหมดที่คนเหล่านั้นทำ เขาทำไปเพราะเขามองพวกคุณเป็นแค่ 'หมากทางการเมือง' ที่จะปั่นหัว จะเอากะลา (สื่อ) มาครอบอย่างไรก็ได้ จะหลอกจะชี้นำอะไรก็ได้ โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง

ขอเพียงแค่ให้ได้โจมตีรัฐบาลที่ไม่ใช่ฝั่งพวกเขา และมาเชิดชูนักการเมืองที่พวกเขาหนุนเท่านั้นเอง

วันนี้ผมคิดว่าคนไทยจำนวนมาก น่าจะเริ่มตาสว่างกันมากขึ้นแล้ว ว่าคุณเผชิญอยู่ในยุคที่คนทำสื่อและ Influencer ดัง พร้อมจะหลอกปั่นหัวพวกคุณ ด้วยเรื่องโกหก บิดเบือนได้ทุกอย่าง

ทั้งที่ปากพวกเขาอ้างว่า "เขารักเทิดทูน เป็นฝ่ายประชาธิปไตย" แต่คุณจะเห็นได้ว่าการกระทำของพวกเขาล้วนตรงข้ามกับคำว่าประชาธิปไตยทั้งสิ้น 

ประชาธิปไตยที่ดีตามหลักการปกครอง คือการให้ข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนเป็นจริง เพื่อประชาชนจะได้ตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง

แต่สิ่งที่คนเหล่านั้นทำ ล้วนแต่เป็นการโกหกหลอกลวง บิดเบือนข้อมูลหรือเลือกนำเสนอครึ่งหนึ่งเสี้ยวเดียว เพื่อให้คุณเข้าใจผิดๆ ดังนั้นการกระทำของพวกเขา จึงตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตย (ที่ดี) อย่างสิ้นเชิง

ก็หวังว่าบทเรียนครั้งนี้ จะสอนสังคมไทยให้ได้โตขึ้นไปอีกขั้นและมีภูมิคุ้มกันที่ดีกับเรื่องโกหก บิดเบือนเหล่านี้มากขึ้นไม่มากก็น้อยนะครับ

เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เราคงได้แต่รอวันที่สังคมไทยพังพินาศ เพราะถูกนักสร้างภาพหลอกลวงพวกนี้ กลับขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ดังเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับเรื่องวัคซีนโควิด-19

‘โบว์ ณัฏฐา’ ชี้!! สื่อยุคใหม่ มักเสนอข่าวด้านเดียว ซ้ำ!! ปิดกั้น ‘พื้นที่ถกเถียง-รับฟังความเห็นต่าง’

เมื่อไม่นานนี้ ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านไลฟ์สด ทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นการนำเสนอข่าวของสื่อหลักในปัจจุบัน โดยในช่วงหนึ่ง คุณโบว์ได้กล่าวว่า…

“สิ่งที่น่าเศร้าอย่างหนึ่งคือ เราไม่ได้มีโอกาสที่จะได้รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายจริงๆ ในสื่อหลัก และรู้สึกตกใจมาก ที่เมื่อเปิดไปดูรายการต่างๆ ที่พูดคุยเกี่ยวกับการเมืองตามช่องโทรทัศน์ หรือทางสื่อหลัก เขาก็เชิญคนเดิมๆ มาออกรายการซ้ำๆ กันทุกช่อง หรือแม้แต่ในช่องเดียวกัน แต่ต่างรายการ เขาก็เชิญมาออกซ้ำอีกก็มี”

คุณโบว์ ได้เล่าต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากการที่สื่อมีการเลือกข้างค่อนข้างมาก และเมื่อสื่อเลือกข้างแล้ว เขาก็ย่อมอยากให้เราได้ฟังความคิดเห็นเป็นไปในทิศทางที่เขาต้องการ ตามที่เขาอยากจะชี้นำเรา เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่า ใครแสดงความคิดเห็นไปในเชิงไหน และถ้ามันตรงกับความต้องการที่เขาจะชี้นำ เขาก็จะเชิญคนนั้นมาซ้ำๆ

“ขอยกตัวอย่างหนึ่ง จากประสบการณ์ส่วนตัว เช่น ตอนที่มีประเด็นเรื่อง รองฯ อ๋องเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ ซึ่งตรงนี้โบว์เป็นคนเปิดประเด็นในส่วนที่หลายๆ คนไม่ได้พูดถึง คือ ในส่วนของแม่บ้านสภาฯ ซึ่งเป็นแม่บ้านจากบริษัท Outsource พูดในส่วนของเรื่องสภาพแวดล้อมการของแม่บ้าน เรื่องการใช้งบผิดประเภทเพื่อการหาเสียงของพรรคก้าวไกล จนเป็นที่ถูกพูดถึงเยอะ ช่อง Thai PBS ก็ยกทีมมาขอสัมภาษณ์ที่บ้าน ซึ่งโบว์ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไปอย่างละเอียดในเชิงหลักการทุกอย่าง ปรากฏว่าเทปนั้น ถูกงดออกอากาศ

ในช่วงเวลาเดียวกัน โบว์ก็เปิดดูรายการต่างๆ ในช่อง ที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้เห็นว่า มีการนำเสนอที่ค่อนข้างเอียงเอนไปในอีกทิศทางหนึ่งเสียมาก และมีการให้พื้นที่กับทางรองฯ อ๋อง ในการอธิบายข้อเท็จจริงมากกว่า ในขณะที่เทปที่โบว์ให้สัมภาษณ์กลับถูกตัดทิ้ง” คุณโบว์ กล่าว

“โบว์คิดว่า ในประเด็นที่มันเป็นข้อถกเถียง และต้องถกเถียงกันด้วยข้อเท็จจริง ว่าถูกหรือผิด ทุกคนก็ต้องเลือกข้างอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อเราเลือกข้างแล้ว เราก็จะมีเหตุผลมาซัปพอร์ตความคิดของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เกิดความงอกงามทางปัญญาในสังคม

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเป็นปัญหา นั่นคือการไม่เป็นพื้นที่ให้กับความคิดเห็นที่หลากหลายมากพอ แต่กลับใช้วิธีเลือก และคัดกรองความคิดเห็นที่ไม่ต้องการออกไป ซึ่งโบว์คิดว่าทุกคนเห็นได้ชัดเจนในจุดนี้ และเราก็เห็นผลที่ตามว่าเป็นอย่างไร”

“เราจะเห็นว่า คนที่มีความคิดเห็นไปในอีกทิศทางหนึ่ง เขาก็ไม่สามารถที่จะปรับ และเปลี่ยน หรือรับฟังกันได้ เพราะไม่มีความคิดเห็นที่หลากหลายมากพอให้รับฟังกัน ก็เลยต้องรับฟังความคิดเห็นอยู่เพียงด้านเดียว ใครชอบแนวไหน เขาก็จะรับฟังแต่สิ่งที่เขาชอบ ดังนั้น จึงทำให้ใครคิดอยู่อย่างไร จะคิดอยู่อย่างนั้น ใครที่ชอบใคร เขาก็จะชอบอยู่อย่างนั้น ใครเกลียดใคร เขาก็จะเกลียดอยู่แบบนั้น

แต่ที่หนักยิ่งกว่านั้น คือ ความเกลียดชังเหล่านั้น ถูกยกระดับด้วยการถูกบอกกล่าวซ้ำๆ ย้ำๆ ในประเด็นเดิม ในทิศทางเดิมๆ เมื่อมีการตอกย้ำหนักๆ เข้า ก็ทำให้ความรู้สึกยิ่งรุนแรงขึ้น และนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทยในตอนนี้ค่ะ” คุณโบว์ กล่าวทิ้งท้าย

‘MASTER’ ผนึกกำลัง ‘KIN Corp.’ เดินเกมรุกธุรกิจสื่อโฆษณา ขยายช่องทางการตลาด-เพิ่มขีดความสามารถ-รองรับการแข่งขัน

‘MASTER’ เดินเกมรุกเน้นโตแบบ Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์ ‘Merger and Partnership’ (M&P) ล่าสุดผนึกกำลัง ‘KIN Corp.’ ผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณาออฟไลน์และออนไลน์ ปูพรมขยายช่องทางการตลาด เพิ่มขีดความสามารถธุรกิจรองรับการแข่งขัน พร้อมส่องภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ชูสื่อนอกบ้าน-สื่อการเดินทาง รอบ 7 เดือนปี 66 เม็ดเงินโฆษณาโต 23% อยู่ที่ 9,032 ล้านบาท เชื่อธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก  

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘MASTER’ โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรชั้นนำของไทย ภายใต้ชื่อ ‘โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช : Masterpiece Hospital’ เปิดเผยถึงแนวทางการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER เน้นการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มาประยุกต์ใช้ โดยวางหลักเกณฑ์ 3 เรื่องในการเข้าพิจารณาลงทุนกับพาร์ตเนอร์ ได้แก่

1.) ซื้อกิจการหรือธุรกิจที่มีเจ้าของเดิมยังบริหารต่อและต้องการเติบโตไปด้วยกัน
2.) เป็นกิจการหรือธุรกิจท้องถิ่น มีชื่อเสียง และความสัมพันธ์ที่ดีต่อพื้นที่นั้นๆ
3.) มีการทำงานร่วมกัน (Synergy) ระหว่างธุรกิจกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช

โดยล่าสุด บริษัทลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท คิน คอร์ปอเรชัน จำกัด (KIN Corp.) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 400,000 หุ้น หรือ 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการเพิ่มทุนในราคาหุ้นละ 400 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 160 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้เงินเพื่อไปใช้ในการขยายกิจการ และคาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567 

สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของ MASTER เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงทีมผู้บริหาร นำโดย นายภาคิน วณิชภิรมย์ มีแผนธุรกิจอย่างชัดเจน แต่เดิมเน้นทำการตลาดกลุ่มลูกค้า Real Estate เป็นหลัก จึงมองเห็นโอกาสในการขยายเข้าสู่ตลาดกลุ่ม Health Care ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากที่สุด  

“การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของ MASTER ทำให้สามารถเพิ่มรายได้และยังสร้างประโยชน์ทางธุรกิจให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต พร้อมเปิดโอกาสการเติบโตในตลาดวงการศัลยกรรม ด้วยศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จากการที่ KIN Corp. มีเครือข่ายและทำเลที่ตั้งโฆษณาครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ไปจนถึงต่างจังหวัดทั่วไทย ถือเป็นแต้มต่อทางธุรกิจที่สำคัญ ซึ่ง KIN Corp. มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ มีความต้องการด้านสื่อโฆษณาสูง ทำให้มีโอกาสขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยงานบริการด้านต่างๆ กับกลุ่มลูกค้าหลากหลายประเภท” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTER กล่าวว่า ภายหลังจากการเข้าถือหุ้น KIN Corp. เสร็จสมบูรณ์ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ พร้อมให้การสนับสนุน KIN Corp. ในทุกๆ ด้าน โดยคาดว่า KIN Corp. เริ่มสร้างผลกำไรให้ MASTER ได้ในไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป และจะรับรู้กำไรเข้าเต็มปี 2567 เป็นปีแรก

นายภาคิน วณิชภิรมย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิน คอร์ปอเรชัน จำกัด (KIN Corp.) ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เปิดเผยว่า บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ MASTER เห็นโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน จนเกิดข้อตกลงร่วมทุนดังกล่าว  

“นอกจากสิ่งที่สัมผัสได้จากการแลกเปลี่ยนมุมมองในการทำธุรกิจแล้ว ผมมองว่า MASTER มีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร ซึ่งเป็นประโยชน์มากสำหรับ KIN Corp. เพราะแนวทางการดึงศักยภาพของคนในองค์กร นำมาใช้ในเรื่องการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงความเข้าใจในเรื่องการพัฒนาคนในองค์กร เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้เพิ่มจากทีม MASTER” นายภาคิน กล่าว 

ด้านภาพรวมธุรกิจสื่อโฆษณา หลังสถานการณ์ Covid -19 คลี่คลาย ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ โดยอ้างอิงจากรายงาน ‘นีลเส็น’ (Nielsen) ระบุว่าเม็ดเงินโฆษณา (Media Spending) ช่วง 7 เดือนแรก ปี 2566 มีมูลค่าเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 0.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าอยู่ที่ 65,093 ล้านบาท แบ่งเป็น สื่อทีวี ยังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุด อยู่ที่ 57% คิดเป็นมูลค่า 34,483 ล้านบาท

รองลงมาเป็นสื่อดิจิทัล เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% มูลค่าอยู่ที่ 16,031 ล้านบาท และตามมาด้วยสื่อนอกบ้าน และสื่อการเดินทาง เม็ดเงินโฆษณาโต 23% มูลค่าอยู่ที่ 9,032 ล้านบาท ดังนั้น KIN เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา เพราะด้วยโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน ลูกค้าต่างมองหาวิธีที่จะทำให้แบรนด์ของตนเองโดดเด่นและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนในการโฆษณา การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ หรือการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้บนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เป้าหมายสูงสุด คือ การเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามากขึ้น 

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไป บริษัทวางแผนขยายตลาดในกลุ่ม Medical และกลุ่ม Health Care ที่ต้องการบริษัทผลิตสื่อที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ หรือกลุ่ม Out of Home Media ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ KIN Corp. สนใจ จากเดิมที่ KIN Corp. มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่ม Real Estate ซึ่งบริหารโครงการอยู่ประมาณ 250 โครงการ แบ่งเป็นกลุ่มบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม 

ส่วนช่วงที่เหลือของปี 2566 ของ MASTER มีโอกาสร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหม่อย่างน้อยอีก 3 ราย โดยเชื่อมั่นว่าทุกดีลที่เกิดขึ้นจะสนับสนุนให้ MASTER เติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน นับตั้งแต่ต้นปี 2566 บริษัทเข้าไปลงทุนกิจการคลินิกเสริมความงาม ภายใต้ชื่อ ‘WIND Clinic’ ด้วยการเข้าลงทุน 40% รวมถึงลงทุนใน ‘Rattinan Medical Center’ ถือหุ้นสัดส่วนไม่เกิน 36% และบริษัท ด็อกเตอร์เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 40%

'สว.สมชาย' เดือด!! ‘เนชั่น’ ตีข่าวทริป สว.ออนทัวร์ทั่วโลก งบ 81 ล้าน วอน!! เช็กความถูกต้องก่อนลง เพราะตนก็เป็น ปธ.กมธ.เศรษฐกิจอยู่

(18 เม.ย. 67) ดร.สมชาย หาญหิรัญ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Somchai Harinhirun' ระบุว่า... 

"ลงข่าวแบบนี้ได้ไงครับ เช็กความถูกต้องหน่อยครับพี่บากบั่น...มั่วไปนะครับ เสียชื่อ Nation หมดครับพี่ กมธ. เศรษฐกิจฯ ผมเป็นประธาน ครับ ถามได้เพ่"

ทั้งนี้ สำนักข่าวเนชั่น ได้นำเสนอภาพกราฟิกในหัวข้อ 'เปิดทริป สว.ออนทัวร์ทั่วโลก' กับงบ 67 จำนวน 81 ล้านบาท สร้างความไม่พอใจต่อผู้รับชมข่าว ที่ออกมาบอกว่า สว. แทบไม่ได้ไปไหนเลย นอกจากไปช่วย รพ.บ้าง วัดบ้าง ถือเป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่เป็นกลาง และเป็นสื่อการเมืองเลือกข้าง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top