Sunday, 23 June 2024
สมเด็จพระเทพ

ขอนแก่น -"สภากาชาดไทย" จัดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่

สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย จัดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม  เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่วัดท่าประชุม ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น ดร.อภิชาติ ชินวรรโณ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ เป็นประธานเปิดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ สภากาชาดไทย ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยนางกรรณิกา กองฉลาด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น และหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน ให้การต้อนรับ

ดร.อภิชาติ ชินวรรโณ ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ กล่าวว่าสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย จัดโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรม สภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินการในเขตพื้นที่อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจรักษาและผ่าตัดตาให้กับพระภิกษุสงฆ์ ผู้นำศาสนาทุกศาสนาในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ให้ได้รับการตรวจและรักษาโรคทางตาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ 

โดยจังหวัดขอนแก่น มีวัด/สำนักสงฆ์ จำนวน 1,583 แห่ง พระสงฆ์จำนวน 8,376 รูป ล้วนแต่เป็นพระสงฆ์ที่สูงอายุจำนวนมาก มีมัสยิด 8 แห่ง โบสถ์ 52 แห่ง สำหรับการดำเนินโครงการในวันนี้ มีพระสงฆ์เข้ารับบริการตรวจทั้งสิ้น 298 รูป ส่วนผู้นำในศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาซิกข์ และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ยังไม่พบผู้มีปัญหาทางด้านสายตา และภายหลังการตรวจเสร็จสิ้นจะดำเนินการรักษาด้วยการผ่าตัด ต่อไป.

‘วิโรจน์’ ซัด!! ‘ก๊วนทะลุวัง’ ปมบีบแตรใส่-รบกวน ‘ขบวนเสด็จฯ’ เตือน!! ป่วนมาตรการอารักขาบุคคลสำคัญ เป็นเรื่องไม่ควรกระทำ

(10 ก.พ. 67) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า…

“กรณี การบีบแตรใส่ และกระทำในลักษณะรบกวน #ขบวนเสด็จ ผมขออนุญาตให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความปรารถนาดี ดังนี้

1.) ยังไม่ต้องคำนึงถึงว่าการเดินทางดังกล่าวเป็นขบวนเสด็จ หรือไม่ก็ได้ แต่โดยปกติแล้วทุกประเทศ ย่อมต้องมีมาตรการในการอารักขาบุคคลสำคัญระหว่างการเดินทาง

บุคคลสำคัญ อาจจะเป็นผู้แทนจากต่างประเทศ หรือพระราชอาคันตุกะ ก็ได้ ซึ่งรัฐฯ จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ระหว่างเดินทางมิได้

2.) ดังนั้น การที่มีใครเข้าไปรบกวน กระบวนการในการอารักขาบุคคลสำคัญ ที่ดำเนินการตามมาตรการของรัฐฯ ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ผมเข้าใจดีว่า ความคิดเห็นของผมบางท่านก็อาจจะไม่เห็นด้วย ซึ่งก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ผมได้

แต่ในฐานที่ผมมีความปรารถนาดีหากจำเป็นต้องสะท้อนถึงสิ่งที่ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ผมก็ต้องกล้าที่จะสะท้อนแบบตรงๆ แม้ว่าจะทราบดีว่าอาจจะเป็นความเห็นที่ไม่อยากฟัง ก็ตาม

ผมเชื่อว่า หลายท่านจะเข้าใจความปรารถนาดีของผมจริงๆ ความปรารถนาดี ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับทุกเรื่อง

ในบางเรื่องที่เห็นต่าง ก็ควรจะต้องบอกกันอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะเป็นความปรารถนาดีที่แท้จริง”

‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ทรงพระราชทานเงินเดือน 26 ล้านบาท ตลอดการเป็นทูลกระหม่อมอาจารย์ 35 ปี แก่ ‘รร.นายร้อย จปร.’

ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระราชทานเงินเดือน 26 ล้านบาทของพระองค์ ตลอดเวลา 35 ปีที่เป็นทูลกระหม่อมอาจารย์ พร้อมดอกเบี้ย ให้กับโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) เหล่าศิษย์ จปร.ต่างน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

 

โดย ผู้พันเบิร์ด พันเอกวันชนะ สวัสดี ได้เปิดเผยกับ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร ว่า ได้รับทราบจาก พลโทสิทธิพล ชินสำราญ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2560 นักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมบ้านสวนปทุม หลายท่านอาจสงสัยว่าเป็นสถานที่อะไร สถานที่นี้ คือ ‘พระตำหนักของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ’ ซึ่งใช้เป็นที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ ของที่ระลึกที่ได้รับมาจากสถานที่ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งของที่ทรงซื้อมาโดยพระองค์เอง

 

ซึ่งในวันนั้น พระองค์จะเป็นผู้บรรยายเรื่องราว ประสบการณ์ในที่ต่างๆ ผ่านข้าวของแต่ละชิ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความรู้ที่น่าสนใจ และน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

 

หลังเสร็จสิ้นการบรรยายและเดินชมของในทุกห้องแล้ว พลโท สิทธิพล จึงได้มีโอกาสสอบถามข้าราชบริพารว่า ปกติแล้วมีคณะอื่นเข้ามาที่บ้านสวนปทุมแห่งนี้หรือไม่ ข้าราชบริพารตอบว่า มีกลุ่มนักเรียนนายร้อย ซึ่งนับเป็นโชคดีมากเพราะไม่มีคณะอื่นเข้ามาเลย นอกจากนักเรียนนายร้อยเท่านั้น

 

แต่ยังมีเรื่องที่ผู้บัญชาการเล่าให้ฟังอีกเรื่องหนึ่ง มีความสำคัญและซาบซึ้งกินใจเช่นกัน นั่นก็คือในวันนั้นพระองค์ได้พระราชทานเช็คเป็นจำนวน 19,201,788.48 บาท เงินจำนวนนี้ แท้จริงแล้วคือ เงินเดือนของพระองค์เอง

 

พลโทสิทธิพล เล่าให้ฟังต่อว่า ในปี 2558 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานเงินเดือนทั้งหมดของพระองค์ ที่รับราชการมาตลอด 35 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 26 ล้านบาท โดยในปีนั้นได้พระราชทานมาแล้ว 7 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือพระองค์บอกว่ายังอยู่ในธนาคารอีก 19,000,000 บาท และจะครบกำหนดเบิกได้ในปี 2560

 

กระทั่งเมื่อปี 2560 มาถึง พระองค์ได้ทรงพระราชทานส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด ให้กับ ‘กองทุนพัฒนาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า’ รวมทั้งหมด 26,894,502.19 บาท

 

โดยทรงพระราชทานเช็คให้ ‘กองทุนพัฒนาโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า’ มาแล้ว 7,431,194.22 บาท เมื่อ 29 กย. 2558

 

จากนั้น เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2560 ทรงพระราชทานเช็คเงินจำนวน 19,201,788.48  บาท ลงวันที่ 26 มิ.ย. 2560 และให้ดอกเบี้ย ตั้งแต่ 13 ต.ค. 2558–13 ก.ค. 2560 อีกจำนวน 271,519.49 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 26,894,502.19 บาท

 

ซึ่งเอาไว้สำหรับพัฒนาการศึกษาของนักเรียนนายร้อย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อเหล่านักเรียนนายร้อย ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอย่างหาที่สุดมิได้

 

แต่อันที่จริงแล้ว คุณประโยชน์ทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ก่อเกิดกับเฉพาะนักเรียนนายร้อยเท่านั้น เพราะในท้ายที่สุดแล้วนักเรียนนายร้อยเหล่านี้ ก็จะออกมารับใช้ประเทศชาติในงานด้านความมั่นคง นำมาซึ่งความผาสุกของประชาชนคนไทยทั้งชาติ

 

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า พระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ จึงมีต่อปวงชนชาวไทยทุกคน และประเทศชาติไทยอย่างแท้จริง

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top