Friday, 10 May 2024
สปสช

'พรรคกล้าพังงา' พบผู้ป่วยโควิดไม่ได้รับการดูแลตามสิทธิ์ สปสช. ตั้งข้อสังเกตติดขัดเรื่องงบประมาณหรือไม่ 

24 ก.พ. 65 นายกานต์ เพชรบูรณ์ ผู้เสนอตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พังงา พรรคกล้า กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสิทธิ์ สปสช. เข้าระบบการดูแลที่บ้าน (Home Isolation: HI) ในพื้นที่จังหวัดพังงาไม่ต่ำกว่า 10 ราย ว่าไม่ได้รับการดูแลตามสิทธิ์ที่ควรจะได้ ซึ่งเข้าใจว่า สปสช. มีงบประมาณดูแลต่อหัววันละ 1,000 บาท รวมระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน แบ่งเป็นค่าติดตามดูแลผู้ป่วย 600 บาท ค่าอาหาร 3 มื้อ 400 บาท กรณีที่ไม่สามารถจัดหาอาหารได้ สปสช. ก็จะจ่ายให้เฉพาะค่าติดตามดูแล แต่ปรากฏว่ามีผู้ป่วยหลายรายได้รับการดูแลที่ไม่เหมือนกัน บางส่วนได้การดูแลครบ แต่ก็มีแจ้งมาว่าดูแลไม่ครบตามที่ควรจะได้สิทธิ์ บางคนไม่ได้การติดตามดูแล บางคนไม่ได้รับอาหาร

“ทราบมาว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีสิทธิ์ จะมีไลน์กลุ่มให้เข้าร่วมกัน แต่ก็พบว่าในกลุ่มเดียวกัน ได้รับการดูแลไม่เท่ากัน ซึ่งไม่รู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความขัดข้องที่ใด ติดที่การตรวจสอบ ติดที่งบประมาณ หรือติดขัดการเบิกจ่ายไม่ทัน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด สปสช. เร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหา พร้อมทำความเข้าใจกับผู้ติดเชื้อที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงขอให้ สปสช. และรัฐบาล ดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณและการดูแลทั่วประเทศ เพราะอาจเกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันได้” นายกานต์ กล่าว

'บิ๊กตู่' โชว์ผลงาน 'บัตรทองพรีเมียม' เพิ่มสิทธิประโยชน์ ช่วยประชาชนเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม-ทั่วถึง

(20 ก.พ. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐฯ อย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียมและทั่วถึง หลักประกันสขุภาพไทยได้เปลี่ยนผ่าน 'บัตรทอง' หรือ 'บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า' ให้กลายเป็น 'บัตรทองพรีเมี่ยม' ยกระดับการบริการ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ครอบคลุมและทลายข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างแท้จริง

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับบัตรทองพรีเมียมในยุคของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้สิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์มากมาย เช่น เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์เข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในหน่วยบริการสาธารณสุขทุกที่ โดยไม่เก็บค่ารักษาพยาบาลภายใน 72 ชั่วโมงหรือพ้นภาวะวิกฤต รักษาโรคติดเชื้อไวรัส-19 โควิดฟรี โดยสามารถเข้ารักษาในหน่วยบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ทั่วประเทศ ผู้ป่วยโรคมะเร็งรับบริการที่ไหนก็ได้ ย้ายหน่วยบริการได้ทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน

รวมถึงให้สิทธิฟอกไตฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก รักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต่อมน้ำเหลือง โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซียาต้านไวรัส HIV เพิ่มสิทธิ์ด้านวัคซีน 5 ชนิด ได้แก่ คอตีบ, บาดทะยัก, ไอกรน, ไวรัสตับอักเสบบี และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ

รวมทั้ง การใช้กัญชาทางการแพทย์ ในผู้ป่วยโรคมะเร็งพาร์กินสัน ไมเกรน ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก การให้บริการแว่นตาเด็ก แจกผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่ายสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้มีปัญหากลั้นขับถ่าย การรักษาผู้ป่วยติดบ้านหรือผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนทุกสิทธิ์และทุกกลุ่มอายุ และยังลดภาระการเดินทางไปสถานพยาบาลของประชาชน ลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ สามารถรับยาที่ร้านขายยาแผนปัจจุบันใกล้ เป็นต้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนสมัครรับสิทธิบัตรทองพรีเมียม และสมัครให้บุตรหลาน เพื่อเลือกหน่วยบริการ ซึ่งสามารถสมัครได้ตั้งแต่วัยแรกเกิด ซึ่งในปี 2566 ได้มีการเพิ่มสิทธิ์ใหม่ที่ได้มากกว่าเดิม ได้แก่

1.) การดูแลภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistent Pulmonary Hypertension of the Newborn)
2.) บริการทันตกรรม Vital Pulp Therapy หรือการรักษาเนื้อเยื่อในฟันกรามแท้
3.) บริการรากฟันเทียม
4.) บริการห้องฉุกเฉิน คุณภาพภาครัฐฯ
5.) ผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับ
6.) บริการยาป้องกัน การติดเชื้อเอชไอวี
7.) เพิ่มยาจำเป็นแต่มีราคาแพง ในกลุ่มบัญชียา จ (2) จำนวน 14 รายการ
8.) บริการดูแลผู้ป่วยกึ่งเฉียบพลัน
9.) บริการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับพิษ
10.) เพิ่มเติมบริการที่คลินิกการพยาบาลฯ กายภาพบำบัด คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมและคลินิกทันตกรรม

เครือข่ายผู้ป่วยยื่นหนังสือ สปสช. บรรจุยาใหม่ 7 รายการ เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้บกพร่องทางจิต

สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสื่อ สปสช. บรรจุยาใหม่ 7 รายการ เป็นสิทธิประโยชน์บัตรทอง 30 บาท ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้บกพร้องทางจิต ด้านเลขาธิการ สปสช. เผย เตรียมทำหนังสือประสาน คกก.พัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ เหตุเป็นกลุ่มยาที่ยังไม่ขึ้นบัญชียาหลักฯ พร้อมหนุนสร้างเครือข่ายเชิงรุก ค้นหาผู้บกพร่องทางจิตในชุมชน และขยายเครือข่ายผู้ป่วย “เพื่อนช่วยเพื่อน”   

ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) - เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. และ ผศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการ สปสช. ได้รับยื่นหนังสือร้องเรียน “กรณีการเข้าไม่ถึงยาของผู้ป่วยจิตเวช” ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท จาก นางนุชจารี คล้ายสุวรรณ นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนและผู้ปกครองของผู้ป่วยประมาณ 20 คน 

นางนุชจารี กล่าวว่า สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตฯ เป็นองค์การของคนพิการระดับประเทศ และเป็น 1 ใน 7 ขององค์การคนพิการตามกฎหมาย จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การปรึกษาและช่วยเหลือผู้บกพร่องทางจิต และครอบครัวให้สามารถดำเนินชีวิตอิสระในสังคมได้ รวมทั้งพิทักษ์สิทธิในด้านต่างๆ ของผู้บกพร่องทางจิตและครอบครัว พร้อมประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมการวิจัยเพื่อป้องกัน รักษา ฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ทางการศึกษา ทางสังคม และทางอาชีพแก่ผู้บกพร่องทางจิต ส่งเสริมค่านิยมและวัฒนธรรมอันดีให้กับสมาชิกและสังคม โดยสมาคมฯ มีชมรมเครือข่าย 154 ชมรม กระจายอยู่ทั่วประเทศ

ตลอดระยะเวลา 20 ปี ได้ช่วยเหลือผู้ที่มีความบกพร่องทางจิตให้สามารถกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่เป็นภาระของใคร อย่างไรก็ตามแม้ว่าภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท จะได้มีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมการรักษาผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางจิตแล้ว ทั้งในด้านของยาจิตเวชและการรักษาพยาบาล แต่ด้วยปัจจุบันมียาจิตเวชรายการใหม่ที่มีคุณภาพและมีผลข้างเคียงน้อย แต่ยังไม่ได้บรรจุในรายการบัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงยา จึงได้มายื่นหนังสือต่อ สปสช. ในวันนี้ เพื่อขอให้ผลักดันยาเหล่านี้และบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง 30 บาท เป็นการดูแลให้ผู้ป่วยจิตเวชทั่วประเทศได้เข้าถึงยาที่มีคุณภาพและประสิทธิผล ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับรายการยาจิตเวช มี 7 รายการ ดังนี้ 

1.Escitalopram ใช้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า มีประสิทธิภาพ ลดภาวะการเกิดยาไม่เข้ากัน (Drug interactions) 2.Venlafaxine ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้ารุนแรง เป็นยาต้านเศร้ากลุ่มใหม่ ให้ผลการรักษาที่ดี 3.Aripiprazole สำหรับเด็กออทิสติก เพิ่มทางเลือกยารักษาที่ช่วยลดผลข้างเคียง 4.Paliperidone inj. ยาดูแลผู้ป่วยจิตเภท เป็นยาจิตเวชกลุ่มใหม่ ควบคุมอาการทางจิตได้ดี 5.Olanzanpine tablet. เพิ่มข้อบ่งชี้ใช้รักษาเรื่องจิตเวช 6.Long acting methylphenidate ดูแลกลุ่มเด็กสมาธิสั้น ออกฤทธิ์ระยะยาว ลดการกินยา และ 7.Long acting Aripiprazole inj. สำหรับผู้ป่วยจิตเภทและอารมณ์แปรปรวน ไม่มีผลข้างเคียงและมีความปลอดภัยสูง 

“ผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วยกลไกสาธารณสุขและสิทธิบัตรทอง 30 บาท ได้ให้การดูแลที่ดีอยู่แล้ว เพียงยังมียาบางตัวที่ผู้ป่วยได้รับแตกต่างกัน โดยผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนยังเข้าไม่ถึงยาที่มีประสิทธิผลและผลข้างเคียงน้อย ด้วยราคาแพงจึงไม่มีสิทธิเข้าถึง ทั้งนี้ย้ำว่า การดำเนินการของสมาคมฯ เราไม่ได้ทำเพื่อผู้ป่วยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เราทำเพื่อผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางจิตทั่วประเทศ” นายกสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช. มีความยินดีในการรับเรื่องนี้ และพร้อมที่ผลักดันเพื่อให้ผู้ป่วย ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิบัตรทอง 30 บาท ได้รับการรักษาที่ดีอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน โดยที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการดำเนินการบรรจุเพิ่มสิทธิประโยชน์รายการยาใหม่อย่างต่อเนื่อง และจากรายการยาทั้ง 7 รายการ ที่ทางสมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทยได้นำเสนอในวันนี้ ด้วยเป็นยาที่ยังไม่ได้ขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติ ดังนั้น สปสช. จะต้องทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติก่อนว่า ได้มีการพิจารณายาเหล่านี้ไปแล้วหรือไม่ ซึ่งอาจอยู่ระหว่างดำเนินการ

อย่างไรก็ตามจากข้อมูล ด้วยสมาคมฯ มีเครือข่ายชมรมที่กระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 154 ชมรม มองว่าสามารถเข้ามาร่วมทำงานเชิงรุก พัฒนามาเป็นหน่วยบริการในระบบในการค้นหาผู้ป่วยที่มีปัญหาทางจิตได้ โดยประสานกับทางกรมสุขภาพจิต เป็นการทำงานป้องกัน ส่วนกรณีผู้ป่วยที่มีภาวะทางจิตแล้ว สปสช. จะประสานกับสมาคมฯ ในการรุกสร้างกลไก “เพื่อนช่วยเพื่อน” ซึ่งเป็นหลักการของมิตรภาพบำบัดที่ สปสช.สนับสนุนเครือข่ายผู้ป่วยในการต่อยอดการดูแลเพื่อให้เกิดเครือข่ายที่เข้มแข็งต่อไป และสำหรับเครือข่ายผู้ป่วยการบกพร่องทางจิตนี้ สปสช. พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  
1.สายด่วน สปสช. 1330 
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
• Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand
• ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิก https://lin.ee/nwxfnHw

'สิทธิบัตรทอง' 'นักเรียน นักศึกษา' เจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการ รับยาไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ร้านยา 'เอ็กซ์ต้า พลัส'

👶🏻 เด็กเล็ก นักเรียน นักศึกษา 👩🏻‍🎓 หากเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 อาการเบื้องต้น สามารถใช้สิทธิบัตรทอง เพื่อรับยาได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 💊🩺✨

📌 ที่ร้านยา ’เอ็กซ์ต้า พลัส’ 🏥🧑🏻‍⚕️

*เฉพาะ 200 สาขาทั่วประเทศที่เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการ สปสช.

🔵 กรณีที่มีบัตรประชาชนและลงทะเบียนสิทธิบัตรทองแล้ว

สามารถนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ร้านยา เพื่อเข้ารับบริการจากเภสัชกรได้เลย

🔵 กรณีที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน

สามารถใช้สูติบัตรแทนได้ แต่ต้องมีผู้ปกครองและนำบัตรประชาชนของผู้ปกครองไปแสดงที่ร้านยาด้วย

'เครือข่ายโรงพยาบาล-รร.แพทย์' ร้อง 'ชลน่าน' ช่วยสางปม 'สปสช.' ค้างจ่าย ทำขาดสภาพคล่อง

สภาพคล่องในเครือข่ายโรงพยาบาล-โรงเรียนแพทย์ เริ่มก่อตัวชัด และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.สธฯ เมื่อ 14 ก.พ. เพื่อช่วยสางปัญหา สปสช.ค้างจ่าย 'รพ.- คลินิกในกทม.' หลังเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งขณะนี้ทางด้านคลินิกใน กทม.ก็มีการใส่ชุดดำ-ขึ้นป้ายประท้วงเงียบกันแล้วด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 นพ.พินัย ล้วนเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ และสาธารณสุข กองทุนหลักประกันสุขภาพ กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาการขาดสภาพคล่องจากการบริการของ สปสช. ในพื้นที่ กทม.เริ่มชัดเจน หลังมีการเปลี่ยนแปลงจากการจ่ายเงินแบบรายหัว เป็นรายการการให้บริการ ในปี 2564 ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 มีการตั้งวงเงิน 2,685 ล้านบาท จากเงินประชากรบัตรทอง 2.52 ล้านคน จ่ายให้หน่วยปฐมภูมิ 365 แห่ง

แต่กลับพบว่ามียอดเรียกเก็บจากการบริการรับต่อ OP refer ถึง 1,900 ล้านบาท และยังต้องจ่ายให้หน่วยปฐมภูมิ 1,345 ล้านบาท ทำให้ขาดเงินและงบประมาณไม่เพียงพอถึง 560 ล้านบาท ที่ผ่านมา ทาง สปสช.มีจ่ายเงินให้กับคลินิก ในการให้บริการผู้ป่วยนอก 70% เท่านั้น

ด้าน นางศรินทร สนธิศิริกฤตย์ เจ้าของคลินิกเวชกรรมอารีรักษ์ คลองเตย กล่าวว่า เคยเข้าร่วมทำ รพ.สนามคลองเตยเมื่อช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต่อมาจึงมีแนวคิดเปิดคลินิก เมื่อ 1 ก.พ.2566 เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นแออัดในพื้นที่คลองเตย เพื่อให้บริการผู้ที่ขาดโอกาสทางสุขภาพอย่างเท่าเทียม โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นคนในสิทธิหลักประกันสุขภาพ และสิทธิ์บริการอื่นเพียง 5%

โดยเม็ดเงินที่หมุนเวียนในคลินิกมาจาก สปสช.เป็นหลัก แต่เมื่อเริ่มเปิดคลินิกพบว่า มีปัญหาคือ ไม่สามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจาก สปสช. ได้เต็มจำนวน มีการจ่ายเพียง 70% ของยอดเรียกเก็บ และ สปสช.แจ้งว่าจะพิจารณาจัดสรรเงินให้กับคลินิกแบบเต็มจำนวน หลังเดือน ก.ย.2566

นางศรินทร กล่าวว่า ที่ผ่านมา คลินิกต้องแบกภาระขาดทุนเดือนละ 200,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายจริงที่คลินิกอยู่ที่เดือนละ 500,000-700,000 บาท เป็นค่าตอบแทนแพทย์ - พยาบาล - นักวิชาการสาธารณสุข 450,000 บาท ที่เหลือเป็นค่ายา และเวชภัณฑ์ รวมทั้งปัญหาการส่งต่อคนไข้ไปโรงพยาบาลขนาดใหญ่ด้วย 

นอกจากนี้ยังมีปัญหาการให้ผู้ป่วยนอกไปรับยาที่จุดบริหารไหนก็ได้ หรือ OPD ANYWHERE ทำให้ตั้งแต่เปิดคลินิกมาขาดทุนไปแล้ว 10 ล้านบาท จึงอยากให้ สปสช.มาพูดคุยและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

"คลินิกใน กทม.หารือร่วมกันว่า จะตัดสินใจขึ้นป้ายดำ ใส่ชุดดำเพื่อแสดงการร้องทุกข์และสะท้อนให้เห็นปัญหาของคลินิก ที่ผ่านมา สปสช. นิ่งเฉยกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำได้เพียงแค่โปรยยาหอมให้ใจเย็น และให้เป็นกรรมการแก้ไขปัญหา และเสนอไปยังบอร์ด แต่ทุกอย่างก็ถูกตัดทิ้ง ไม่ได้รับตอบสนอง"

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผอ.โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ รพ.ยังคงให้บริการประชาชนตามปกติ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า เมื่อกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โรงพยาบาลกำลังเผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาการเบิกจ่ายของ สปสช. 90 ล้านบาท คาดว่า ยอดสะสมปัจจุบันน่าจะถึง 100 ล้านบาท และหากไม่รีบแก้ไขเกรงว่า โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างสะดวก

ที่ผ่านมาทางตัวแทน เครือข่ายโรงพยาบาล กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์ ประเทศไทย (UHOSNET) ได้ทำหนังสือถึง รมว. สธ. ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. และในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ทางตัวแทนจะไปยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรี และแถลงข่าวที่กระทรวงสาธารณสุข

"หากไม่เร่งแก้ไข มีผลในระยะยาวแน่นอน และโรงพยาบาลคงไม่สามารถยืนต่อไปได้ ต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล คนเป็นหมอ พูดเรื่องเงินทองก็ลำบากใจ ให้พูดกับคนไข้ก็ลำบาก ต้องให้รัฐมนตรีสาธารณสุข ช่วยแก้ไข"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top