Monday, 29 April 2024
สนธิญาสวัสดี

‘เพื่อไทย’ ร่อนแถลงการณ์โต้ ‘สนธิญา’ ร้องยุบพรรค ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ชี้เจตนากลั่นแกล้ง จ่อเอาผิด ม.101 คืน ขอสังคมอย่าให้ค่านักร้อง

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2564 แถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับกรณีมีการร้องเรียนต่อ กกต.เพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทย ตามที่ นายสนธิญา สวัสดี ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างคำพูดของ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุทำนองว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนเรื่องทุนให้กับผู้ชุมนุมทางการเมือง นั้น

พรรคเพื่อไทย ขอเรียนว่าการที่ นายสนธิญา สวัสดี ได้นำเพียงข้อความบนเฟซบุ๊กของนายไชยอมรฯ ไปร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เพียงพอก่อนนำไปร้อง แต่กลับนำข้อความหรือคำพูดดังกล่าวไปร้องต่อ กกต.ทันทีแสดงให้เห็นว่านายสนธิญาฯ มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะได้ดำเนินการตามกฎหมายกับนายสนธิญาฯ เช่นกันตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 101 ซึ่งกำหนดว่า ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมืองว่ากระทำความผิดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น

ประธานฝ่ายกฎหมาย 'เพื่อไทย' ออกโรงเตือน 'สนธิญา' แจ้งเท็จ 'ยุบพรรค' ส่อคุก 5 ปี เชื่อมีบางพรรคอยู่เบื้องหลัง

(7 มี.ค.66) ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและประชาชนกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่านายสนธิญาได้ยื่นคำร้องต่อ กกต. ให้ยุบพรรคเพื่อไทย โดยอ้างสาระของข้อร้องเรียนว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวปราศรัยว่านายวีระศักดิ์ฯ อดีต รมช.คมนาคม และทีม อบจ.และพรรคเพื่อไทยเป็นปรากฎการณ์ใหม่ เป็นกลุ่มเดียวกันเพื่อนำไปสู่แลนด์สไลด์ถือเป็นการกระทำที่ขัดมาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 72 และมาตรา 92 (3) ของ พรป.พรรคการเมือง และกรณีการแต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียง เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) เนื่องจากนายณัฐวุฒิ ฯ ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรม

การปราศรัยของหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมาที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเพียงพูดว่านายวีรศักดิ์ฯ และทีม อบจ. และพรรคเพื่อไทยเป็นกลุ่มเดียวกัน มีความหมายเพียงว่า บุคคลตามที่กล่าวมาเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพื่อนำไปสู่การแลนด์สไลด์เท่านั้น ไม่ได้มีการกระทำใดที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาควบคุม ครอบงำหรือชี้นำการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยในลักษณะที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใดซึ่งการที่บุคคลใดจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดนั้น ยอมเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นที่จะพึงกระทำได้ อันถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการเมือง และพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้มีการกระทำใดที่จะถือเป็นการยินยอมให้บุคคลเหล่านั้นกระทำการในลักษณะเช่นนั้นแต่อย่างใดเช่นกัน

ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยในพื้นที่ต่างๆ นั้น พรรคเพื่อไทย ได้แต่งตั้งให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค และยื่นเอกสารดังกล่าวต่อเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งไปก่อนหน้านั้นแล้ว แม้นายณัฐวุฒิฯ จะมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัคร ส.ส. หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเป็นสมาชิกพรรคก็ตาม แต่นายณัฐวุฒิ ฯ ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามกฎหมายที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคและผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยได้ ตามระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งกำหนดคุณสมบัติของผู้ช่วยหาเสียงไว้ว่า เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น กรณีเช่นนี้พรรคได้ดำเนินการทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ไม่ว่าการเลือกตั้งระดับชาติและการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น และ กกต.ก็ประกาศรับรองการเลือกตั้งที่ผ่านมา การที่นายสนธิญากล่าวอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 (2) ซึ่งเป็นเรื่องการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่บทบัญญัติที่ห้ามบุคคลกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นสาระ
 

‘สนธิญา’ ร้อง กกต. สอบคุณสมบัติ ‘พิธา’ ปมถือหุ้นสื่อ ชี้!! หากผิดจริง อาจพาผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลเป็นโมฆะไปด้วย

(12 พ.ค. 66) ที่สำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง ​(กกต.)​ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อให้ตรวจสอบกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ หลังถูกตรวจสอบแล้วพบว่า ยังถือครองหุ้นในบริษัทสื่อสารมวลชน อาจเข้าข่ายขัดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ​(พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง

นายสนธิญา กล่าวว่า​ การถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา​หากตรวจสอบแล้วพบว่า นายพิธามีความผิดจริงจะส่งผลให้จำนวน ส.ส.ไม่ถึง 90% และจะทำให้ไม่สามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ เนื่องจากนายพิธาเป็นหัวหน้าพรรคที่ต้องรับรองคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล แต่เมื่อนายพิธาขาดคุณสมบัติเสียเอง ก็จะส่งผลทำให้การรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครพรรคก้าวไกลทุกคนเป็นโมฆะ

นายสนธิยา ยังกล่าวว่า ตนได้เปิดแฟนเพจเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์แจ้งเหตุการณ์ทุจริตการเลือกตั้งซึ่งพบว่ามีหลายคนส่งข้อความมาแจ้งเรื่องของการซื้อสิทธิ์ ขายเสียง มีหัวคะแนนของพรรคการเมืองและผู้สมัครตระเวนเก็บบัตรประชาชนและจดรายชื่อของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยสัญญาว่าจะให้เงิน ซื้อเสียง แต่จนถึงตอนนี้ใกล้วันเลือกตั้งแล้วหัวคะแนนยังไม่ยอมมาจ่ายเงินตามที่สัญญาไว้จึงอยากให้กรรมการการเลือกตั้งส่งผู้ตรวจการเลือกตั้งหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร โดยได้นำหลักฐาน เป็นภาพและเบอร์ของผู้สมัครพร้อมทั้งข้อความการพูดคุยผ่านทางเมสเซนเจอร์แฟนเพจมายื่นให้กับกกต.ประกอบการพิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

‘สนธิญา’ ค้านประกันตัว ‘ตะวัน’ ชี้!! พฤติกรรมไม่เคยสำนึกผิด ย้อนถาม ‘พ่อ’ เป็นไม่ได้ที่จะไม่รับรู้เรื่องของลูกสาวตัวเอง

(24 ก.พ. 67) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีพ่อของ น.ส.ทานตะวัน หรือ ‘ตะวัน’ และครอบครัวของนายณัฐนนท์ หรือ ‘แฟรงค์’ นักเคลื่อนไหวกลุ่มทะลุวัง เข้ายื่นขอให้ศาลอาญาพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 2 คน โดยระบุว่า…

“คัดค้านการร้องขอประกันตัว ของ ‘ตะวัน’ ขวางขบวนเสด็จ ตามที่พ่อของตะวัน ออกมาเขียนคำร้องถึงศาลอาญา กรณีการที่ตะวัน ขวางขบวนเสด็จและเมื่อถูกแจ้งดำเนินคดี ก็แสดงการขัดขืนใช้วิธีการอดข้าวประท้วง และมีข้อเรียกร้องที่ไม่สำนึกในการกระทำเช่นปกติผ่านมา

การกระทำของตะวัน ผ่านมาเป็นลำดับและมีคดีผิดมาตรา 112 มาแล้ว 2 คดี และไม่สำนึก ไม่เคารพคำตกลงกับศาลอาญาในการประกันตัว และเป็นข่าวใหญ่เคลื่อนไหวตลอดมา และเป็นไปไม่ได้ที่พ่อของตะวัน จะไม่รับรู้เหตุการณ์เหล่านี้ตลอดมาปล่อยปละละเว้นให้ผู้ใต้ปกครองกระทำการที่จาบจ้วง ย่ำยีสถาบันและกฎหมายตลอดมา เป็นการท้าทายทั้งกฎหมายและความรู้สึกของสังคมอย่างรุนแรงตลอดมา ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ข้าพเจ้านาย สนธิญา สวัสดี ที่เป็นผู้ร้องแจ้งดำเนินคดีต่อ ตะวัน จำนวน 2 ครั้ง กรณี ขวางขบวนเสด็จ และร้องให้ตำรวจเสนออัยการยกเลิกการขอประกันตัว กรณีการทำผิดเงื่อนไขแบบตั้งใจของตะวัน ที่พ่อของตะวันย่อมรู้เงื่อนไขตลอดมา ในข้อตกลงของตะวัน และศาลอาญา เจ้าของคดี ด้วยเหตุผลดังกล่าว

1.) ข้าพเจ้าเรียกร้องศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวตะวัน ตามคำร้องของพ่อตะวันเรียกร้อง

2.) กรณีการอดอาหารของตะวัน ก็เป็นการแสดงการไม่ยอมรับกระบวนการกฎหมายของประเทศไทย

3.) ยังมีข้อเรียกร้องที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายบัญญัติไว้

4.) การอดข้าวประท้วงกฎหมายครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ของตะวัน ที่ได้รับการปฏิบัติดูแลจากราชทัณฑ์เป็นอย่างดี โดยส่งไปยังมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ด้วยเหตุผลทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงเรียกร้องไปยังศาลอาญาคัดค้านการประกันตัว ตะวัน ตามที่พ่อ ตะวันร้องขอ และในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.30 น. ข้าพเจ้าจะเดินทางไปที่ศาลอาญารัชดา เพื่อร้องคัดค้านการประกันตัว ตะวัน ต่อไป จึงกราบเรียนมาเพื่อทราบครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top