Saturday, 11 May 2024
สถานทูตจีน

‘โฆษกสถานทูตจีน’ ลั่น โฆษณาลาซาด้า มีเนื้อหาที่ยอมรับไม่ได้

13 พ.ค. 65 - เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความระบุว่า โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามเกี่ยวกับคลิปโฆษณาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซบางแห่ง

Q: เมื่อเร็ว ๆ นี้ คลิปโฆษณาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Lazada ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเทศไทย สถานทูตจีนมีความรู้สึกอย่างไร

A: สถานทูตจีนประจำประเทศไทยรับทราบเหตุการณ์ดังกล่าว คิดเหมือนกันว่าคลิปโฆษณาที่เกี่ยวข้องมีเนื้อหาที่ยอมรับไม่ได้

สถานทูตจีนในไทย จวกสหรัฐฯ ใช้ไต้หวันในการควบคุมจีน บิดเบือนทำลายหลักการประเทศจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2565 นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้เดินทางเยือนไต้หวันของประเทศจีน โดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างรุนแรงและการแสดงท่าทีอย่างจริงจังของฝ่ายจีน ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการประเทศจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้ง 3 ฉบับอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง เป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรง และก็เป็นการส่งสัญญาณผิดพลาดอย่างร้ายแรงไปยังกลุ่มอิทธิพลที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน สำหรับเรื่องนี้ ฝ่ายจีนคัดค้านอย่างเด็ดขาดและขอประณามอย่างรุนแรง ได้แสดงท่าทีอย่างจริงจังและประท้วงอย่างรุนแรงต่อฝ่ายสหรัฐฯ

ในโลกนี้มีแค่ประเทศจีนเดียว ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนจีนที่แบ่งแยกไม่ได้ รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงแต่รัฐบาลเดียวที่สามารถเป็นตัวแทนของทั่วประเทศจีน มติ 2758 ของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1971 ได้มีการรับรองในเรื่องนี้อย่างชัดเจน นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1949 เป็นต้นมา มีทั้งหมด 181 ประเทศได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนบนพื้นฐานหลักการประเทศจีนเดียว ซึ่งเป็นฉันทามติทั่วไปของประชาคมโลกและหลักการขั้นพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

โฆษกสถานทูตจีน เคลียร์ชัดปม 'ทุนจีนเทา' หนุนไทยดำเนินคดีเด็ดขาด วอนอย่าเหมารวม

โฆษกสถานทูตจีน เคลียร์ชัดปม 'ทุนจีนเทา' หนุนไทยดำเนินคดีเด็ดขาด วอนอย่าเหมารวมทั้งหมด

(2 มี.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีสื่อไทยตั้งคำถามต่อโฆษกสถานทูตจีนเกี่ยวกับเรื่องชาวจีนมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจสีเทาในไทย ฝ่ายจีนมีความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร

A: รัฐบาลจีนเรียกร้องให้ชาวจีนและวิสาหกิจจีนที่อยู่นอกประเทศเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายและขนบธรรมเนียมประเพณีในประเทศหรือเขตอาณาที่อาศัยอยู่มาโดยตลอด และดำเนินธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนตอบแทนสังคมในท้องถิ่น ซึ่งชาวจีนก็ได้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ชาวจีนและวิสาหกิจจีนที่อยู่ในประเทศไทยได้สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงแก่การพัฒนาเศรษกิจของไทย ทั้งยังมีส่วนร่วมในงานการกุศล ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ประจักษ์ชัดอยู่ทุกเมื่อ

สถานทูตจีน ย้ำสัมพันธ์ 2 ประเทศแน่นแฟ้น ชู การค้า-การลงทุน พุ่งหลักแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้เคลื่อนไหวโพสต์ตามคำถามเกี่ยวกับเรื่องชาวจีนมีส่วนเกี่ยวข้องธุรกิจสีเทาในไทย ฝ่ายจีนมีความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวอย่างไร ซึ่งทางโฆษกสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ก็ได้มองว่า พร้อมหนุนให้รัฐบาลไทยจัดการ หากพบการทำผิด แต่ไม่อยากให้คนไทยเหมารวมว่าคนจีนทั้งหมดไม่ดี การทำผิดเกิดขึ้นเฉพาะบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ยังได้เปิดเผยถึงแง่มุมความสัมพันธ์ไทย-จีน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างประเทศร่วมกัน เนื่องจากมองว่าไทยและจีนต่างก็เป็นเมืองพี่ เมืองน้อง โดยมีใจความตอบคำถาม ดังนี้

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีสื่อไทยตั้งคำถามต่อโฆษกสถานทูตจีนเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการไปมาหาสู่กันระหว่างจีน-ไทย ดังต่อไปนี้

Q: คุณคิดว่าความสัมพันธ์จีน-ไทยในปัจจุบันเป็นอย่างไร ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างสองประเทศได้พัฒนาเป็นอย่างไร
A: จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี หุ้นส่วนที่ดี และพี่น้องที่ดี หลายปีมานี้ทั้งสองประเทศได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อเผชิญกับโรคโควิด-19 และได้เอาชนะความยากลำบากร่วมกัน ซึ่งส่งผลให้ 'จีนไทยพี่น้องกัน' ของประชาชนทั้งสองประเทศมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เยือนประเทศไทย ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ และหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ทั้งสองประเทศประกาศจะสร้างประชาคมระหว่างจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน และมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งได้ชี้นำทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในยุคใหม่อย่างชัดเจน ด้วยการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การแลกเปลี่ยนการเยือนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ระหว่างสองประเทศย่อมจะนำไปสู่ระดับสูงครั้งใหม่ 

จีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดและตลาดสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของไทย ในปี 2565 ยอดมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับไทยสูงถึง 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน สินค้าเกษตรของไทยที่ส่งออกไปจีนมีมูลค่า 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 2565 จีนได้กลายเป็นประเทศที่ลงทุนรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 77,381 ล้านบาท ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-ไทยตั้งอยู่บนหลักการเอื้อผลประโยชน์แก่กันและความร่วมมือแบบ win-win และได้ส่งผลประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ให้แก่การพัฒนาและประชาชนของทั้งสองประเทศ 

'สถานทูตจีน' ไม่พอใจสื่อไทยบางแห่ง  เสนอปมปลุกปั่นแยกไต้หวันเป็นอิสระ

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.66) เฟซบุ๊ก 'Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย' ได้โพสต์ข้อความแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจ ที่สื่อสำนักหนึ่งของไทยได้ออกอากาศรายการสัมภาษณ์ 'อู๋เจาเซี่ย' ที่ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน ระบุว่า

เมื่อเร็วๆ นี้ มีสื่อไทยสื่อหนึ่งได้ออกอากาศรายการสัมภาษณ์ อู๋เจาเซี่ย คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน อู๋ได้ปลุกปั่นคำพูดที่เหลวไหลเกี่ยวกับ 'การแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน' ในการให้สัมภาษณ์ และโจมตีข้อเสนอที่รวมประเทศเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสันติของประเทศจีนอย่างร้ายแรง คำพูดที่ไร้สาระอย่างนี้ไม่คุ้มค่าที่จะหักล้าง ส่วนสื่อนี้ได้เสนอเวทีที่เผยแพร่คำพูดที่เหลวไหลให้แก่คนที่คิดจะแบ่งแยกไต้หวันออกจากประเทศจีน ซึ่งทำลายผลประโยชน์ของประเทศจีน และทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีน ฝ่ายจีนต้องแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำอย่างนี้อย่างรุนแรง

ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ของจีน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับของทั่วโลก การกระทำที่ช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญในเรื่องที่เกี่ยวกับบูรณภาพแห่งดินแดนและการต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนของจีน ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนตรงกันข้ามกับมิตรภาพระหว่างประชาชนของจีนและไทย การกระทำที่ทำร้ายประเทศอื่นๆ และประชาชนของประเทศอื่นๆ โดยใช้เสรีภาพของสื่อเป็นข้ออ้าง ไม่ว่าเป็นการกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็นการใช้เสรีภาพของสื่ออย่างพร่ำเพรื่อ

เราหวังว่าสื่อที่เกี่ยวข้องเคารพบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของจีน แก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด และไม่ให้เรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกของประชาชนจีนเกิดขึ้นอีก

ศาลยกฟ้อง 'บุญระดม' หลัง 'สรยุทธ' ฟ้อง หมิ่นประมาท 1 ล้านบาท กรณี 'เจาะข่าวเด้ง' เผยสถานทูตจีนวอนบางสื่อหยุดเสนอด้อยค่าวัคซีนจีน

หลังจากกรณีเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ก.ย.64 สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านบัญชีเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของหน่วยงาน (Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย) เรียกร้องให้หยุดการด้อยค่าวัคซีน ซิโนแวค ชี้เป็นการกระทำผิดร้ายแรง ทำร้ายความหวังดี ไม่เคารพในข้อมูลวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก โดยมีทั้งคอมเมนต์ต่อว่า และคอมเมนต์จากคนไทยที่ขอโทษประเทศจีน

ต่อมาในวันเดียวกัน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา พิธีกรข่าว ในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก 'สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว' ระบุถึงเรื่องนี้ว่า...

"โฆษกสถานทูตจีน แถลง เรียกร้องให้หยุดด้อยค่าใส่ร้ายวัคซีนของจีน ระบุเป็นการทำร้ายความหวังดีของจีน ครับ …

"… เมื่อเร็ว ๆ นี้ บางคนและบางองค์การของประเทศไทยได้ด้อยค่าและใส่ร้ายวัคซีนจีนโดยไม่มีเหตุผลใด ๆ ซึ่งเป็นการกล่าวหามุ่งร้ายที่ไม่เคารพข้อมูลวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง และเป็นการทำร้ายความหวังดีของฝ่ายจีนในการสนับสนุนประชาชนไทยต่อสู้กับโรคระบาด สถานทูตจีนจึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด และเรียกร้องให้บุคคลและองค์การที่เกี่ยวข้องยุติการกระทำผิดอย่างร้ายแรงเช่นนี้ …"

"#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด" พร้อมตามด้วยข้อความจากเพจสถานทูตจีน

หลังจากนั้น ในรายการ 'เจาะข่าวเด้ง' ที่นำเสนอผ่านช่องทางยูทูบ สถาบันทิศทางไทย ก็ได้นำเรื่องราวของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา มานำเสนอ ว่านายสรยุทธ ได้ออกมาแสดงท่าที ต่อการแถลงของสถานทูตจีน จนทำให้มีคอมเมนต์เข้าไปโจมตีสถานทูตเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนายสรยุทธ นำเอาคอมเมนต์ที่ 'ดี้ นิติพงษ์' เข้าไปขอโทษสถานทูตจีนมานำเสนอ ทำให้ต่อมา มีแก๊งทัวร์ไปลง ด่าหยาบคายในโพสต์ของดี้ นิติพงษ์ด้วย

และนั่นก็ทำให้ นายสรยุทธ ตัดสินใจฟ้องเรียกค่าเสียหาย ต่อ 'นางสาวบุญระดม จิตรดอน' จากรายการ 'เจาะข่าวเด้ง' พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 1 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจาก เฟซบุ๊ก 'บุญระดม จิตรดอน' ได้โพสต์อัปเดตสถานการณ์การฟ้องร้องดังกล่าว ระบุว่า...

ล่าสุด ชนะแล้ว ??!! ศาลยกฟ้องคดี สรยุทธ ฟ้องหมิ่นประมาท เด้ง เพื่อเรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท !!!!

และจากคดีดังกล่าวนี้ เด้งถือเป็นบทเรียนที่มีคุณค่าอย่างที่สุดที่ให้โอกาสเด้งได้มีประสบการณ์ในการเรียนรู้ในฐานะ 'จำเลย' เป็นครั้งแรก จากที่เคยมีโอกาสเป็นแค่เพียงพยานมา 3 คดีเท่านั้น และด้วยการเป็นจำเลยครั้งนี้ เด้งได้มีโอกาสค้นข้อมูลเรียนรู้ข้อกฎหมายเพื่อต่อสู้คดี จนครั้งหนึ่งในนัดสืบพยาน สามารถทำให้ทนายฝ่ายโจทก์ต้องขอเลื่อนการสืบพยานออกไป เพื่อหาข้อมูลในการต่อสู้คดีได้

เด้งต้องขอขอบคุณ พี่ทนุ 'ธนุ สุขบำเพิง' ทนายความผู้ไม่เคยแพ้คดีต่อใคร 

และยิ่งไปกว่านั้นค่ะ ขอขอบคุณ คนที่มีความสำคัญอย่างมากในคดีนี้ นั่นก็คือ...

พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค บุคคลซึ่งเปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ที่แม้พี่ดี้จะไม่ได้รู้จักเด้งเลย แต่พี่ดี้ก็มีน้ำใจ เสียสละเวลาอันมีค่า มาเป็นพยานให้เด้ง ขอบคุณในน้ำใจของพี่ดี้มากๆ นะคะ 😍🙏

ป.ล. เด้งขอขอบคุณกับประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่เข้ามาในชีวิตครั้งนี้ค่ะ 🙏😍


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top