Sunday, 23 June 2024
ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล

คืนอ้อมอกทะเล!! พบ ‘วาฬบรูด้า’ หลงเกยตื้นใกล้ปากคลองอ่าวกรูด เจ้าหน้าที่ช่วยผลักดันกลับสู่พื้นที่ปลอดภัยแล้ว

เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค. 65) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดตราด (ศรชล.จว.ตราด) และ ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จังหวัดตราด (ศคท.จว.ตร.) ได้รับการประสานงานจาก ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจัง หวัดตราด ว่าได้ พบวาฬขนาดใหญ่ ว่ายหลงเข้ามาเกยตื้นติดอยู่บริเวณปากคลองอ่าวกรูด ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด จึงได้มอบหมายนํากําลังให้ นางสาวจิตราพร บำเรอรวย เจ้าหน้าที่ประสานงานความมั่นคงฯ (กปม.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เดินทางไปร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือและตรวจสอบ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ประกอบด้วย ทีมสัตวแพทย์ จนท.จาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมประมง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลห้วงน้ำขาว และอาสาสมัครชาวบ้าน 

ศรชล./ทรภ.1 ส่งเรือ ต.269 รับลูกเรือเขมร สลิงขาดบาดเจ็บใกล้อวัยวะเพศ ส่ง รพ.ได้อย่างปลอดภัย

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล/ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระยอง (ศรชล./ศคท.จว.ระยอง) ได้รับแจ้งผ่านทางด่านตรวจประมงระยอง จากเจ้าของเรือขุนพลสมุทร 44 เครื่องมืออวนครอบหมึก ว่ามีลูกเรือชาวกัมพูชา นาย DEN VIT สัญชาติกัมพูชา อายุ 22 ได้รับบาดเจ็บจากลวดสลิงขาดและได้รัยบาดเจ็บที่บริเวณต้นขาใกล้อวัยวะเพศ ในขณะที่แจ้ง เรือทำการประมงอยู่บริเวณทางด้านทิศใต้ของจังหวัดระยอง ห่างจากฝั่งประมาณ 40 ไมล์ และกำลังมุ่งหน้ากลับเข้าฝั่ง ณ ท่าเรือกลุ่มเกษตรกรบ้านเพ จ.ระยอง ต้องการให้นำเรือออกไปรับผู้ป่วยเข้าฝั่งให้เร็วที่สุด

ศรชล./ศคท.จว.ระยอง ได้ประสานขอรับการสนับสนุนจาก ศูนย์ปฏิบัติการ ศรชล.ภาค 1 จัดเรือ ต.269 จากทัพเรือภาคที่ 1 เข้าทำการช่วยเหลือ พร้อมประสานศูนย์รับแจ้งเหตุฯ ระยอง (1669) ในการจัดรถพยาบาลกู้ชีพ จากมูลนิธิสว่างพรมาบตาพุด เตรียมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โดย เรือ ต.269 ได้นำผู้บาดเจ็บกลับถึงฝั่ง ขึ้นที่ท่าเรือมาบตาพุด TCT MTP (Thai Connectivity Terminal Co.,Ltd) ท่าหมายเลข 3 (TCT 3) 

กระบี่ ผบ.ทร.ถกบอร์ดบริหารศรชล.รีวิวผลงานรอบปี 2566 พหุภาคีซิมลีย์-ดีลMOUเวียดนาม-ชงตั้งทีมอนุฯ

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดย พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 3/2566 พร้อมด้วย พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล. คณะกรรมการบริหาร ศรชล. และผู้แทนหน่วยงานหลัก 7 ศรใน ศรชล. ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมประชุม ณ โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรา กอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่

การประชุม ศรชล. สัญจรครั้งที่ 3 ถือเป็นนัดสุดท้ายของปีงบประมาณ 2566 จัดขึ้นในพื้นที่ทะเลอันดามัน ศรชล.ภาค 3 ปรากฎสาระสำคัญที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นการรายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายการปฏิบัติงานของ รอง ผอ.ศรชล./ผบ.ทร. ในรอบปี พ.ศ.2566 มีเครื่องแบบปฏิบัติงาน ศรชล. การพัฒนาความสัมพันธ์กับหน่วยงานความมั่นคงและบังคับใช้กฎหมายทางทะเลและระหว่างประเทศ การพัฒนาแนวทางการประชาสัมพันธ์และการสร้างความตระหนักรู้ ให้สำนักงานศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ (ศคท.) จังหวัดมีรูปแบบอาคารปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐาน การยกระดับการปฏิบัติงานให้มีมาตรฐานสากล การยกระดับการปฏิบัติในด้านการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (SAR) เตรียมความพร้อม การวางแผนรองรับการขจัดคราบน้ำมันและมลพิษทางน้ำ 

ทั้งนี้ นโยบายด้านธุรการ การกำลังพล และการส่งกำลังบำรุง นโยบายด้านแผนและนโยบาย และนโยบายด้านการปฏิบัติ การฝึก และการบังคับใช้กฎหมายในภาพรวมเป็นไปตามแผนงาน ตัวชี้วัด และเป้าหมายที่กำหนด  ผลงานระดับภูมิภาคที่สำคัญคือ ศรชล. เป็นเจ้าภาพร่วมกับหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐอเมริกา จัดการประชุมระดับผู้บังคับบัญชาตามกรอบความริเริ่มการบังคับใช้กฎหมายทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMLEI) ครั้งที่ 9 ระหว่าง 11 - 14 กรกฎาคม 2566 ณ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและปลอดภัยทางทะเลร่วมกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีผู้แทนหน่วยงานรักษาความมั่นคงทางทะเลจากมาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ มีการอภิปรายและหารือเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญในระดับที่สูงขึ้น ได้แก่ การเขียนระเบียบปฏิบัติงาน (SOP) และขั้นตอนการอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบการกำหนดข้อมูลด้านขีดความสามารถและการยุทธการ การวางแผนกลไกที่จำเป็นต่อความร่วมมือแบบพหุภาคี การปรึกษาหารือประจำปีโดยเน้นประเด็นหลักที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกำหนดให้หน่วยยามฝั่งเวียดนามเป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2567 และ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลของอินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2568 ทั้งนี้ หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ สำรวจความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมการประชุมฯ 

โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก  ที่ประชุมรับทราบคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 เห็นชอบให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง ศรชล. สำนักนายกรัฐมนตรี กับ หน่วยยามฝั่งเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล โดยมอบอำนาจให้ รอง ผอ.ศรชล.เป็นผู้แทนฝ่ายไทย และ ผบ.หน่วยยามฝั่งเวียดนาม เป็นผู้แทนฝ่ายเวียดนาม ในการลงนามในบันทึกความเข้าใจ ที่มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบขนสินค้าและการหลบหนีเข้าเมือง การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย การอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล และการยกระดับความปลอดภัยในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล 

นอกจากนี้ ศรชล. ยังได้จัดทำ(ร่าง)ระเบียบปฏิบัติงาน (SOP) เรื่องแนวทางประสานงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล เพื่อพัฒนาการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล โดยผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินทางทะเล จะได้รับการช่วยเหลือในเบื้องต้นอย่างทันท่วงทีและเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ที่กฎหมายกำหนด สอดคล้องกับหน้าที่ อำนาจ และความรับผิดชอบของ ศรชล.ข้อพิจารณาสำคัญในการประชุมครั้งนี้ ตามที่ ศรชล. ได้จัดทำแผนการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 - 2570) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนงานและโครงการให้สอดคล้องกับแผนและแนวทางในการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยเสนอให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เป็นไปตามที่กำหนดในมาตรา 23 ของ พ.ร.บ.การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ.2562 ที่มี รองเลขาธิการ ศรชล. เป็นประธานอนุกรรมการ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศรชล. เป็นรองประธานฯ และมีผู้แทนจากหน่วยงานภายใน ศรชล. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นอนุกรรมการ รวมทั้งหมด 34 คน เป็นกลไกในการบูรณาการขับเคลื่อนแผนการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และช่วยเหลือในการพิจารณากลั่นกรองการบริหารงานของ ศรชล. ตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการบริหาร ศรชล. โดยเมื่อคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ให้ความเห็นชอบจะได้เสนอขออนุมัติต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top