Friday, 17 May 2024
ศิริกัญญา

ศิริกัญญา’ ห่วงวิกฤต 'รัสเซีย-ยูเครน' ทำราคาน้ำมันพุ่ง หวั่น!! 2 มาตรการตรึงราคาภาครัฐท่าจะเอาไม่อยู่ 

‘ศิริกัญญา’ ห่วงวิกฤต 'รัสเซีย-ยูเครน' ทำราคาน้ำมันพุ่ง ซ้ำเติมปัญหาปากท้องประชาชน ย้ำ 2 มาตรการตรึงราคาเอาไม่อยู่ เหตุรัฐบาลเมินแก้กฎหมายบริหารหนี้สาธารณะ ปิดประตูทางรอดทางการคลังของประเทศ

4 มี.ค. 65 ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แสดงความกังวลปัญหาค่าครองชีพของประชาชนที่จะมากขึ้น สืบเนื่องจากกรณีปัญหาสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ว่า ส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง เมื่อวานนี้ (3 มี.ค. 65) น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) พุ่งขึ้นมาปิดที่ 114.59 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ เดือน พ.ค. 54 ขณะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) พุ่งขึ้นมาปิดที่ 119.02 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ยังไม่ต้องพูดถึงราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาอาหารสัตว์ และปุ๋ย ที่ตบเท้าเรียงแถวกันขึ้นพร้อมๆ กันย่อมกระทบกับเศรษฐกิจไทยและค่าครองชีพประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม

“ถึงแม้ว่าสงครามอาจไม่ยืดเยื้อยาวนาน แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าจะจบลงในรูปแบบใด และการแซงก์ชั่นหรือคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจะจบลงพร้อมกับสงครามหรือไม่ ราคาพลังงานและสินค้าต่างๆ จะกลับมาเป็นปกติเมื่อใด รัฐบาลยังคงมีเป้าหมายที่จะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท/ลิตร และแย้มมาว่าจะอุดหนุนราคาน้ำมันเบนซินไปพร้อมๆ กัน แต่ ณ วันนี้ปั๊มต่างๆ ปรับราคาดีเซลขึ้นไปเกิน 30 บาทกันหมดแล้ว แม้จะเป็นเป้าหมายที่ดี แต่เริ่มเกิดความไม่มั่นใจว่าจะทำอย่างไร และยังมีคำถามคาใจที่ยังไม่มีคำตอบคือจะเอาเงินมาจากไหน ประชาชนส่วนนึงยังเฝ้ารอคำตอบชัดๆ ถึงมาตรการ” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุ

ศิริกัญญา ยังกล่าวต่อไปว่า มาตรการที่มีอยู่ตอนนี้มี 2 ส่วน ส่วนแรก คือใช้เงินจากกองทุนน้ำมัน ซึ่งติดลบอยู่ 20,000 ล้านบาทแล้วในปัจจุบัน ข่าวแว่วมาว่าจะใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนเพิ่มอีกเป็น 4 บาท/ลิตร ในสถานการณ์ที่กองทุนยังกู้เงินจากสถาบันการเงินไม่ได้ เนื่องจากติดปัญหาการเปลี่ยนสถานะจากนิติบุคคลเป็นองค์การมหาชน จึงยังไม่ได้รับรองบัญชี ทำให้วงเงินที่ครม.เคยอนุมัติไว้ 30,000 ล้าน ยังไม่มีเม็ดเงินจริงๆ เข้ากองทุนเลยแม้แต่บาทเดียว ยังคงต้องลุ้นกันต่อว่าจะกู้ได้เมื่อไหร่ เพราะถึงแม้จะเปลี่ยนสถานะได้ กว่าจะกู้ผ่านก็ยังต้องใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์สำหรับธนาคารในการดำเนินการ ข้อจำกัดคือเงินที่ใช้อุดหนุนอยู่จะตกราว 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากกู้เพิ่มได้จริง 30,000 ล้าน ก็ไม่เพียงพอ ส่วน ครม. ยังมีช่องให้อนุมัติเพิ่มได้อีกเพียง 10,000 ล้าน หลังจากนี้หากจะกู้เพิ่มคงต้องแก้กฎหมายกองทุนน้ำมันที่กำหนดเพดานการกู้ไว้

‘ศิริกัญญา’ ห่วงสงคราม กระทบค่าครองชีพคนไทย ชี้ รบ.ต้องกล้ายอมรับความจริง หยุดตรึงราคาดีเซล 30 บาท

‘ศิริกัญญา’ ห่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบค่าครองชีพคนไทย ชี้ รัฐบาลต้องกล้ายอมรับความจริง ตรึงราคาดีเซล 30 บาทไม่ได้อีกต่อไป ฉะ ต้องแก้ปัญหาพลังงานให้ถูกจุด ไม่ใช่บอกให้ประชาชนประหยัด วอนออกมาตรการช่วยเกษตรกร-ท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนกระทบค่าครองชีพคนไทย ว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังจะส่งผลกระทบต่อรายได้และค่าครองชีพของประชาชนอย่างมหาศาล ตอนนี้ราคาพลังงานพุ่งสูงที่สุดในรอบ 13 ปีเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากรัสเซียส่งออกน้ำมันมายังตลาดโลกเป็นอันดับ 2 รองจากซาอุดีอาระเบีย และยังส่งออกแก๊สธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เพิ่งประกาศแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่ประเทศในยุโรปก็กำลังจะมีมาตรการลดการนำเข้าแก๊สธรรมชาติลง 2 ใน 3 ตลอดปี 2565 ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างมหาศาล จึงมีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจขึ้นไปแตะที่ 185-200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าอาจจะถึงจุดที่รัฐบาลต้องกล้าออกมายอมรับความจริงกับประชาชนแล้วว่า สัญญาที่ได้ให้ไว้ว่าจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท อาจจะทำไม่ได้จริง ปัจจุบันในแต่ละเดือนต้องใช้เงินในการพยุงราคาน้ำมันดีเซลและแอลพีจีจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ถ้ายังจะคงน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ต้องใช้เงินอุดหนุนประมาณ 10 บาทต่อลิตร รวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ถ้าราคาน้ำมันยังคงยืนระยะที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตลอดทั้งปี และเรายังพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร ก็อาจจะต้องใช้เงินกว่า 2 แสนล้านบาท ทางเลือกของเรื่องนี้อาจจะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตต่อไป ซึ่งจะกระทบต่อการปิดหีบงบประมาณปี 2565 อย่างแน่นอน ทางออกอีกทางคือการแก้ไขกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) มีข่าวจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่า แผนการที่วางไว้สำหรับน้ำมันดีเซลอาจจะอยู่ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนจึงมีข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานอย่างถูกจุด ปัญหาคือถ้ารัฐบาลรอจนเงินหมดหน้าตัก แล้วปล่อยให้น้ำมันดีเซลลอยตัวทันที จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหนักมาก รัฐบาลควรจะต้องมีแผนการในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างชัดเจนว่าจะทยอยขึ้นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชน จากนั้นจะต้องมีการอุดหนุนค่าครองชีพไปที่ครัวเรือนโดยตรง แทนที่จะอุดหนุนไปที่ราคาพลังงาน เพราะความจริงแล้วกลุ่มคนที่มีรายน้อยหรือคนจนจะใช้น้ำมันเบนซินมากกว่า แต่ความช่วยเหลือยังอยู่ที่ดีเซลอย่างเดียว การเปลี่ยนมาอุดหนุนเป็นค่าครองชีพให้ประชาชนโดยตรงก็จะได้ประโยชน์กับผู้ใช้ทั้งเบนซินและดีเซล หากกังวลเรื่องผลกระทบต่อราคาสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นจากค่าขนส่งก็ให้อุดหนุนตรงไปที่ภาคขนส่ง โดยเฉพาะขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์หรือรถบรรทุก ทำให้รัฐบาลน่าจะสามารถกำหนดวงเงินช่วยเหลือได้ชัดเจนแม่นยำมากยิ่งขึ้น

"ดังนั้น ทางออกเรื่องราคาพลังงานคงไม่ใช่การออกมาบอกให้ประชาชนประหยัดพลังงานด้วยตนเอง ถ้าจะออกมาบอกแค่ว่าต้องประหยัดพลังงาน ต้องประหยัดการใช้ไฟ ล้างแอร์ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีรัฐบาลไว้ทำไม เราต้องการการมองการณ์ไกล วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาที่จะไม่ทำให้ประเทศถังแตก และสามารถที่จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างตรงจุดตรงเป้ามากยิ่งขึ้น ยอมรับความจริง พูดความจริงกับประชาชนว่าจะไม่สามารถรักษาสัญญาไว้ได้แล้ว และดำเนินการให้ประชาชนสามารถประคับประคองการใช้ชีวิตได้ และแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

'ศิริกัญญา' ยกเคส 'ฟิลิปปินส์-เม็กซิโก' ควบรวมมือถือเหลือ 2 ไม่มีการแข่งขัน-ค่าบริการสูง-ขาดแคลนเทคโนโลยีใหม่

'ศิริกัญญา-ก้าวไกล' เรียกร้อง กสทช. หยุดฟ้องปิดปากภาคประชาชน ขอเรียกร้องให้เปิดเผยรายงานผลการศึกษาต่างประเทศ 10 ล้าน และรายงานการศึกษาอื่นกรณีการควบรวมทรู-ดีแทคต่อสาธารณะ

จากกรณีที่มีทนายความภาคประชาชนขู่ฟ้อง นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์ผู้บริโภค ที่ได้เผยแพร่รายงานผลการศึกษาเรื่องการควบรวมทรู-ดีแทค ของบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศ อ้างว่าเป็นความลับของทางราชการ 

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้ความเห็นว่า นี่นับว่าเป็นการใช้กฎหมายเพื่อฟ้องเพื่อปิดปากภาคประชาชน เพราะข้อมูลที่เผยแพร่ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นข้อมูลที่กสทช.ต้องเผยแพร่ตามกฎหมายอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นทนายความภาคประชาชนก็ไม่ควรฟ้องปิดปากภาคประชาชนด้วยกันเอง 

"ตามพรบ.กสทช. มาตรา 59 ได้กำหนดให้ กสทช.ต้องเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ต่อสาธารณะ ซึ่งรวมถึงผลการศึกษา และวิจัย และผลงานอื่น ๆ ที่ว่าจ้างให้หน่วยงานภายนอกดำเนินการ (วงเล็บ 5)" ศิริกัญญา กล่าว

รายงานฉบับนี้ นับเป็นข้อมูลที่สำคัญที่ทำให้บอร์ด กสทช. ต้องเลื่อนการพิจารณาลงมติการควบรวมทรู-ดีแทคอีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้ประชาชนเกิดความสนใจว่าเนื้อหาที่แท้จริงเป็นอย่างไร การที่มีผู้นำมาเผยแพร่จึงเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน และไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด กสทช. จึงไม่เป็นผู้เผยแพร่เอง 

ส่วนหนึ่งจากรายงานฉบับนี้ที่มาการเผยแพร่โดยสำนักข่าวอิศรา ระบุว่า "ผลจากสภาพตลาดที่ไม่แข่งขันภายหลังการรวมธุรกิจนั้น การทำให้สภาพตลาดกลับคืนมาด้วยวิธีการเพิ่มการแข่งขันผ่านมาตรการต่างๆ ทำได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม MNO (ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีโครงข่ายของตัวเอง) รายใหม่, การเพิ่มผู้เล่น MVNO (ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่มีโครงข่ายของตัวเอง) รวมถึงการใช้มาตรการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางแข่งขันหรือทางราคา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจไทยในภาพรวมได้ผลกระทบรุนแรงได้ ซึ่งจะมีการศึกษาในรายงานงวดต่อไป

"ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย หากไม่มีการแข่งขันที่ดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งช่วยผลักดันอุตสาหกรรมในด้านอื่น ๆ แล้ว การเปลี่ยนแปลงของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบในภาพกว้างได้ เช่น การลดลงของเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment-FDI)

"ในทางตรงข้าม ตลาดในประเทศไทยอาจจะเป็นเหมือนเหตุการณ์ในประเทศฟิลิปปินส์เมื่อหลายปีก่อนที่มีจำนวนผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหลักเหลือเพียง 2 ราย หรือในประเทศเม็กซิโกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้รับผลกระทบจากการไม่มีการแข่งขัน ทำให้อัตราค่าบริการอยู่ในราคาที่สูง และการใช้งานอยู่ในระดับต่ำ และขาดแคลนเทคโนโลยีใหม่"

‘ศิริกัญญา’ หอบหลักยื่น ป.ป.ช. เอาผิด กสทช. ปล่อยควบรวม True-DTAC ผิดมาตรา 157

‘ศิริกัญญา’ ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. ให้เอาผิด กสทช. เสียงข้างมากที่ปล่อยควบรวม True-DTAC พร้อมหอบหลักฐานมีกรรมการ กสทช. บางคนมีรับผลประโยชน์จากซีพี

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปยังอาคารสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือให้มีการไต่สวนและตรวจสอบกรณีการปล่อยให้มีการควบรวมทรู-ดีแทค ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังกสทช.มีการลงมติเพียงแค่รับทราบการควบรวมกิจการ 2 ค่ายมือถือ โดยทำการยังยั้งการควบรวมตามอำนาจหน้าที่ที่ตนเองมี

ศิริกัญญา ได้พูดถึงปัญหาของการควบรวมกิจการไว้ว่าได้ทำการศึกษาราคาค่าบริการหลังควบรวมพบว่า ราคาค่าบริการจะสูงขึ้นและศักยภาพการให้บริการจะด้อยลง แตกต่างจากในตลาดมือถือที่มีการแข่งขันของรายใหญ่ 3 เจ้า แต่กสทช. ไม่ทำหน้าที่ของตนให้เหมาะสมในการยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

นอกจากนี้ ในการลงมติของกสทช. ที่เป็นมติพิเศษ มีหลักเกณฑ์ว่า จะต้องได้เสียงกึ่งหนึ่งในการลงมติ และคณะกรรมการในครั้งนี้มีทั้งหมด 5 คน จึงจะต้องลงเสียงให้ได้คะแนน 3:2 แต่มติในครั้งนี้คือ 2:2:1 งดออกเสียงหนึ่งเสียง หากว่ากันตามข้อบังคับการประชุมจะต้องได้ทั้งหมด 3 เสียงขึ้นไป ดังนั้นกสทช. กำลังทำผิดกฎหมายที่ตนเองร่างขึ้นมา

'ศิริกัญญา' ยัน 'ก้าวไกล' สนับสนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่ช่วยผู้ประกอบการ-พัฒนาทักษะแรงงาน

ศิริกัญญา ยืนยัน ก้าวไกลสนับสนุนเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ควบคู่ช่วยผู้ประกอบการ-พัฒนาทักษะแรงงาน-ลดค่าครองชีพ ย้ำต้องการแก้ทั้งระบบ หวังให้นายจ้างอยู่รอด ลูกจ้างอยู่ได้

(9 ธ.ค. 65) ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนขั้นต่ำปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ว่าหลังจากได้ฟังคำอธิบายของผู้เสนอนโยบายคือพรรคเพื่อไทย ทำให้ทราบว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และเงินเดือนเริ่มต้นสำหรับปริญญาตรีที่ 25,000 บาท เป็นเป้าหมายที่ผู้เสนอนโยบายต้องการทำให้ได้ภายในปี 2570 โดยมีสภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยประกอบ ซึ่งถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับพรรคก้าวไกล ที่สนับสนุนการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เพียงแต่วิธีการที่ใช้แตกต่างกัน

“วิธีการที่พรรคก้าวไกลเสนอไปก่อนหน้านี้ คือให้แก้ที่ระบบการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากปัจจุบันไม่มีฐานให้พูดคุยกันในคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) เพื่อกำหนดเลยว่า ค่าแรงขั้นต่ำควรจะเป็นเท่าไหร่ เราจึงเสนอให้แก้กฎหมายคุ้มครองแรงงานว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำ ว่าต้องปรับขึ้นอัตโนมัติและปรับขึ้นทุกปี โดยคำนึงถึงสภาพเศรษฐกิจ คือจีดีพีโตเท่าไหร่ และคำนึงถึงค่าครองชีพหรือเงินเฟ้อว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ปัจจัยอะไรเพิ่มขึ้นมากกว่าก็นำปัจจัยนั้นมาเป็นฐานในการคำนวณปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำขั้นต้นในแต่ละปี ที่จะพูดคุยบนโต๊ะของบอร์ดค่าจ้าง ก่อนให้บอร์ดฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพื่อให้การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวะเศรษฐกิจ ตามค่าครองชีพ และปรับขึ้นทุกปี เพราะหากปรับขึ้นคราวละมาก ๆ ภายในครั้งเดียว เราก็เข้าใจความรู้สึกของฝั่งผู้ประกอบการ” ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ของนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน ตามที่พรรคก้าวไกลประกาศ ศิริกัญญากล่าวว่า ย้อนกลับไปปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ก็เสนอแนวทางเดียวกันคือไม่ได้แข่งกันที่จำนวนเงินว่าควรปรับเพิ่มเป็นเท่าไหร่ แต่พูดถึงการแก้ไขที่ระบบ และทำให้ดูว่าจากปี 2555 ที่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท มาจนถึงวันนี้ หากคำนวณตามวิธีของพรรคก้าวไกล ค่าแรงจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเราคิดว่าเป็นวิธีที่ยุติธรรมต่อทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้าง

“เราเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่เห็นใจฝั่งลูกจ้างมากกว่า เพราะต้องยอมรับว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า ยังไม่นับว่าองค์ประกอบภายในบอร์ดค่าจ้างซึ่งเป็นองค์กรไตรภาคีประกอบด้วย ฝ่ายรัฐ ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง ตัวแทนฝั่งลูกจ้าง 5 คน มาจากการคัดเลือกกันเองภายในองค์กรคือมาจากสหภาพ และในประเทศไทย ก็มีจังหวัดเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่มีสหภาพ ดังนั้น จึงต้องเพิ่มอำนาจการต่อรองของลูกจ้าง ด้วยการกำหนดในกฎหมายคือพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานที่พรรคก้าวไกลเสนอ ว่าค่าจ้างต้องปรับอัตโนมัติขึ้นไปทุกปี” ศิริกัญญาระบุ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า การที่นายจ้างต้องปรับเพิ่มค่าแรงเป็น 450 บาท อาจเป็นตัวเลขที่เยอะ พรรคก้าวไกลจึงมีแผนช่วยเหลือ เช่น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รัฐจะเยียวยา 6 เดือนแรกที่มีการประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำใหม่ รวมถึงช่วยเหลือเงินประกันสังคมที่จะให้งดจ่ายเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อชดเชยส่วนของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น และมีอัตราภาษีใหม่สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เริ่มที่ 10% ไต่ระดับขั้นบันได ต่างจากปัจจุบันที่เริ่มต้นที่ 15%

ศิริกัญญากล่าวอีกว่า ในฝั่งลูกจ้างก็จำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทักษะ เพราะการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ แม้มีความจำเป็นต้องทำ แต่ไม่มีความยั่งยืนหากทักษะแรงงานไม่ได้รับการยกระดับ พรรคก้าวไกลจึงเสนอให้มีโครงการ Upskill และ Reskill สำหรับทักษะพื้นฐาน จะมีการเรียนออนไลน์ ส่วนทักษะขั้นสูง อาจมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ประกาศนียบัตร สามารถขอเพิ่มค่าแรงจากนายจ้างได้ง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แรงงานในปัจจุบันสามารถหางานใหม่ได้หรือเพิ่มค่าจ้างง่ายขึ้น ยังช่วยให้เด็กจบใหม่ทุกคนได้งานดีๆ ไม่ว่าเขาเรียนจบด้านใด สามารถปรับทักษะได้ตลอด

ลองกา 'ก้าวไกล' ‘พิธา’ มั่นใจ ก้าวไกล 10 คน 10 เขต พลิกเมืองคอน เปลี่ยน 'นครศรีฯ' จากเมืองรอง สู่ เมือง 'ต้องลอง'

ชิมโกปี้ ไม่มีขมปี๋ เพราะวงน้ำชาก้าวไกลสุดคึกคัก พิธา ศิริกัญญา เยือนเมืองคอน ตอบทุกคำถามคาใจ ชูแก้หนี้เกษตร กระจายอำนาจสร้างนครศรีธรรมราช ให้กลายเป็นเมืองที่ 'ต้องลอง'

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ควง ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค หวังปักธงก้าวไกลทั้งจังหวัด โดยเปิดวงน้ำชา ณ ร้านโกปิ๊ ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางการเมือง กลางเมืองคอน นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ปกรณ์ อารีย์กุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 จากพรรคก้าวไกล ร่วมเสวนาพบปะพี่น้องประชาชนด้วยกัน

พิธา ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมแลกเปลี่ยนว่าต้องการเห็นนครศรีธรรมราช ที่เป็น 'เมืองรอง' ให้กลายเป็นเมืองที่ต้องมา 'ลอง' ชี้เป็นเมืองที่มีครบทั้ง 3 ธรรม ทั้งธรรมะ ธรรมชาติ และธรรมดา เป็นเมืองที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองในอดีต สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สมบูรณ์ จึงคิดว่าสามารถยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ดีกว่านี้ได้ พร้อมประกาศว่ามั่นใจในตัวผู้สมัครทั้ง 10 คน 10 เขต ที่พรรคก้าวไกลส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และเชื่อจะสามารถเปลี่ยนเมืองคอนให้ดีได้กว่านี้ จากนั้นมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสอบถาม โดยคำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน และการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น

พิธา เริ่มต้นตอบคำถามถึงเรื่องการกระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่น พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องกระจายทั้งงบประมาณและบุคลากร ในด้านของ พ.ร.บ. ต้องเพิ่มงบประมาณ อิสระในการตรวจสอบ ตลอดจนสามารถออกพันธบัตรในพื้นที่ได้ในด้านที่สนใจ อย่างเช่น นครศรีธรรมราชสามารถใช้พันธบัตรแก้ไขประเด็นต่าง ๆ โดยไม่ต้องรอนโยบายจากส่วนกลาง ไม่ต้องเกษตรจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ท่องเที่ยวจังหวัด  เพราะฉะนั้นสิทธิชุมชน การบริหารน้ำประปาในพื้นที่ ท้องถิ่นสามารถทำได้ พิธา ย้ำว่า สิ่งนี้ เกาถูกที่คันแน่นอน ส่วนกรณีราคายางตกต่ำ หากส่งออกแล้วเขาไม่รับ พรรคก้าวไกล ได้ออกแบบอุตสาหกรรมที่ใช้ยาง เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การนำประปาก้าวหน้า ในส่วนประกอบ แต่ละส่วนต้องใช้ยางร่วมด้วย หรือของเล่นเด็กและพื้นรองเท้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถสร้างงานและซ่อมประเทศไปพร้อมกันได้  ยาง 3 แสนตัน ต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

2 อดีต อ.เศรษฐศาสตร์ ชี้!! ดอกเบี้ยจะลดหรือไม่ อยู่ที่โครงสร้างตลาด ส่วนการผูกขาดไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เล่นในตลาดเสมอไป

(4 ก.ค.66) จากเฟซบุ๊ก 'Suvinai Pornavalai' ได้โพสต์อธิบายความ กรณีแคนดิเดตขุนคลังจากพรรคก้าวไกล ที่โจมตีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า 'หวง' ใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคาร และเป็นเหตุทำให้ดอกเบี้ยลดไม่ได้ เพราะมีจำนวนธนาคารน้อยเกินไปที่จะแข่งขันกัน ว่า...

ศิริกัญญา, ทำไมคุณถึงมั่วได้ขนาดนี้

แนวคิดของศิริกัญญาไม่ได้ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศแต่อย่างใดเลย

- ศิริกัญญาเอาจำนวนธนาคารไปผูกพันกับจำนวนประชากร แล้วสรุปเอาเองอย่าง “สุกเอาเผากิน” ว่า ...ไม่เพียงพอ !!

- ศิริกัญญาโจมตีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า “หวง” ใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคาร และเป็นเหตุทำให้ดอกเบี้ยลดไม่ได้  ... เพราะมีจำนวนธนาคารน้อยเกินไปที่จะแข่งขันกัน 

ผมมึนกระโหลกกับตรรกะและภูมิรู้ทางเศรษฐศาสตร์ของศิริกัญญามาก

ก่อนอื่นขอเอาประเด็นเรื่อง 'หวง' ใบอนุญาตประกอบกิจการธนาคารมาชี้แจงก่อนนะ 

ธนาคารเป็นตัวกลางทางการเงินที่สำคัญ เพราะสามารถ 'สร้าง' เงินได้จากการปล่อยสินเชื่อ

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกดอกที่ ธปท. (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ในฐานะที่ควบคุมปริมาณเงินจำต้องเข้มงวด เพราะหากมีเงินมากกว่าสินค้า เงินเฟ้อก็จะเกิดขึ้น 

ไม่มีประเทศไหนอยากเป็นแบบซิมบับเว หรือเวเนซูเอลา ที่ธนาคารกลางถูกนักการเมืองสั่งให้พิมพ์เงินออกมาตามที่รัฐบาลต้องการได้หรอก 

ผลคือ มีเงินเฟ้อเป็นล้านเปอร์เซ็นต์ต่อปี !! 

แต่ที่สำคัญไปกว่าเงินเฟ้อก็คือเงินฝาก หากไม่ 'ควบคุมให้ดี' ธนาคารก็เจ๊ง 

คนเดือดร้อนคือผู้ฝากเงิน เพราะธนาคารเอาเงินคนอื่นมาปล่อยกู้ไม่ได้ใช้เงินตนเอง 

มีโอกาสที่มันจะลาม Bank Run ไปทั้งระบบสถาบันการเงิน

หากธนาคาร ก. ล้มและไม่มีเงินไปชำระหนี้ให้ ธนาคาร ข. ค. ง. และทำให้ผู้ฝากเงินไม่มั่นใจถอนเงินมาเก็บไว้กับตัว 

ในอดีตที่ธนาคารตราดอกบัวเคยเอาเงินสดหลายสิบล้านบาทมากองไว้ที่เคาเตอร์ถอนเงินเมื่อตอนศิริกัญญาอาจจะยังไม่เกิด ก็เพื่อสยบความไม่มั่นใจจากเหตุข้างต้น เคยรู้บ้างไหม?

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยจะลดหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของโครงสร้างตลาดต่างหาก 

การผูกขาดไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เล่น (คนซื้อคนขาย) ในตลาดเสมอไป 

หากจำนวนธนาคารมีเพิ่มเป็น 20 แห่งตามที่ศิริกัญญาอยากได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าดอกเบี้ยจะลดลง 

ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ?

ศิริกัญญาเอา 2 เรื่องมาปนกันอย่างไม่น่าให้อภัย สำหรับผู้ที่จะอ้างตัวว่ามีความสามารถ (แต่อายุน้อย) อยากจะเป็นรัฐมนตรีคลัง คือ การเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน และ เงินกู้นอกระบบสถาบันการเงิน

อย่างหลังเกิดเพราะ...

(1) คำโฆษณา เช่น 'เงินด่วน' / 'ไม่ตรวจประวัติ' / 'ไม่ต้องยื่นเอกสาร' ซึ่งอาจจะตอบโจทย์คนบางกลุ่ม เช่น ไม่มีงานทำที่แน่นอน หรือ มีประวัติเสียทางการเงิน (ติดเครดิตบูโร) 

แต่อีกเหตุก็คือ (2) ความมักง่ายและไร้ซึ่งวินัยทางการเงิน ฟุ้งเฟ้อตามกระแสในโซเชียล เช่น 'ของมันจำเป็นต้องมี'

ผู้ที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบก็คิดเป็นเช่นกันว่าลูกค้าของเขาคือใคร มีลักษณะอย่างข้างต้นหรือไม่ และถ้าเป็นจะปล่อยเงินกู้ด้วยดอกเบี้ยที่ถูกหรือแพงกว่าละ !! 

ถ้าจะยึดหลักเสรี (ทางเศรษฐกิจ) ให้เท่าเทียมกัน จะไปขัดขวางไม่ให้เขาคิดดอกเบี้ยสูงสำหรับลูกค้าความเสี่ยงสูงกลุ่มนี้ได้อย่างไร 

คิดซิ. . .คิด ศิริกัญญา !!

แต่ผมเชื่อว่าคุณแกล้งโง่ ... เพื่อหลอกพวกคนโง่ที่เป็นสาวกพรรคก้าวไกลของคุณ ที่คิดเองไม่เป็น เรียนรู้เองไม่เป็น และหาข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณเองไม่เป็นมากกว่า

แต่ถ้าศิริกัญญาคิดและเชื่ออย่างที่ศิริกัญญาพูดในคลิป Tik Tok จริงๆ ... ผมคงขนหัวลุกแน่นอน ถ้าวันใดที่ศิริกัญญาได้เป็นรัฐมนตรีคลังบริหารเศรษฐกิจของประเทศไทย

ส่วนอย่างแรกคือ การเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินของคนบางกลุ่มนั้น 

Virtual Bank (VB) อย่างที่ศิริกัญญาน่าจะจำขี้ปากหรืออ่านแค่ไม่กี่บรรทัดแล้วนำมาพูดใน Tik Tok 

ขอโทษที่ต้องบอกตามตรงว่าศิริกัญญาไม่รู้จริงเลย มีแต่โวหารล้วนๆ มาดูของจริงก่อนเปนไร

VB หรือที่บางประเทศรู้จักกันในชื่อ Internet Only Bank, Digital Bank หรือ Neobanks ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น มีแล้วในหลายประเทศ 

ญี่ปุ่นมี Rakuten Bank ซึ่งเป็น Internet Only Bank มาตั้งแต่ปี 2543 ขณะที่จีนมี Webank ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2556-2557 

คุณลักษณะสำคัญคือ 'ไร้รูปลักษณ์ทางกายภาพ แต่ไม่ไร้ซึ่งบริการ' 

อาจไม่มีเครื่องรับฝาก/ถอนอัตโนมัติ(ATM) เพราะสามารถใช้ร่วมกับธนาคารดั้งเดิม หรือทำผ่านร้านค้าที่เป็นตัวแทน เช่น 7-11 หรือ ไปรษณีย์ ได้ 

ไม่มีสาขาในอาคารห้างร้านและที่สำคัญเปิด 24-7 ไม่มีเวลาปิดเลย 

ลูกค้า VB จะสามารถเปิดบัญชีเงินฝากด้วยตนเอง ยื่นเรื่องขอกู้เงิน วางแผนการออมและการลงทุน รวมไปถึงการใช้บริการอื่นๆ ของธนาคารบนแอปพลิเคชันจากโทรศัพท์มือถือ ด้วยการยืนยันตัวตนผ่านระบบออนไลน์หรือเทคโนโลยี Biometrics 

ศิริกัญญาจะได้เห็นการแข่งขันกันนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตรงใจลูกค้าให้มากที่สุด เช่น บริการสินเชื่อขนาดเล็กแก่ผู้มีรายได้น้อย บัญชีเงินออมเงินหลายสกุลที่ใช้ได้ในหลายประเทศ ออกบัตรเครดิตที่ให้แต้มด้านสิ่งแวดล้อม บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงสำหรับเด็ก รวมไปถึงบัตรเดบิตที่ไม่ต้องใช้ชื่อและเพศตามบัตรประชาชนเพื่อกลุ่ม LGBTQ+ ที่พรรคคุณเรียกร้อง 

เอาง่ายๆ แค่นี้ ศิริกัญญาคิดบ้างไหมว่าต้นทุนบริการจะถูกลงกว่าเดิมเยอะมาก เมื่อต้นทุนถูกลงมากจะลดดอกเบี้ยเงินกู้ไหม 

บริการธนาคารต่างๆ มันจึงอยู่รอบตัวประชาชน 70 ล้านคนอยู่แล้ว 

ใบอนุญาตแค่ 3 ใบที่ออกใหม่ก็แข่งกันแย่แล้ว ไม่ต้องคลิกเข้าไปในแอปพลิเคชัน 

แต่ละ VB ก็อาจจะเข้ามาเชิญชวนใช้บริการถึงหน้าจอมือถือเลยหากพิจารณาแล้วว่าเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ รองรับคนกู้ที่ไม่น่ามีถึง 70 ล้านคนได้อย่างสบาย

ไม่ได้จำเพาะเจาะเฉพาะศิริกัญญา แต่หากใครจะเสนอหน้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง มันต้องมี 'กึ๋น' มากกว่านี้ 

ถ้ามีกึ๋นแค่นี้ ผมไม่ได้ดูถูกหรือกดขี่ทางเพศหรอกนะ แต่บอกตามตรงว่า คุณเป็นได้อย่างมากแค่หน้าห้องรัฐมนตรี คอยยกน้ำชากาแฟเท่านั้น

~ ชวินทร์ ลีนะบรรจง, ศ.ดร.อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คลิป Tik Tik ของศิริกัญญา เป็นเรื่องแหกตาระดับชาติ ของคนที่ไม่รู้จริงอะไรเลยในเรื่องการเงิน 

ถ้าศิริกัญญาได้เป็นรัฐมนตรีการคลังจริงๆ คือ คนทั้งประเทศปล่อยให้ทารกสามขวบเล่นแกะระเบิดมืออยู่โดยไม่ห้ามปราม นั่นเอง

~ สุวินัย ภรณวลัย, รศ.ดร.อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

'ศิริกัญญา' ไร้กังวลท่าที ส.ว.เปลี่ยนใจไม่โหวต 'พิธา' นั่งนายกฯ แต่ขอให้เคารพเสียงประชาชนที่เลือกก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1

'ศิริกัญญา' มั่นใจ เสียงครบแล้ว ยันไม่มีใช้เงินซื้อ ไม่กังวลท่าทีเปลี่ยนใจ ชี้ ส.ว.หลายคน ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เชื่อโหวตผ่านตั้งแต่รอบแรก เร็วเกินไปที่จะพูดโหวต 19-20 ก.ค. อีกครั้ง 

(7 ก.ค.66) ที่พรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจากับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หลังหลายคนออกมาแสดงท่าทีเปลี่ยนใจไม่โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนเคยให้สัมภาษณ์มาหลายครั้ง ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราจำเป็นจะต้องหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ให้ได้มากเกินกว่าที่จำเป็น ในกรณีที่ ส.ว.อาจมีการเปลี่ยนใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เราได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ส่วนกระแสข่าวว่า ส.ว.จะสนับสนุนไม่ถึง 10 คนนั้น ยืนยันว่า ในฐานะข้อมูลของพรรคไม่ได้เป็นไปแบบนั้น และยังคงมั่นใจว่าในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะได้เสียง ส.ว.ยกมือสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีครบถ้วนในครั้งแรก

เมื่อถามว่า หากการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งแรกไม่ผ่านจะทำอย่สงไร น.ส.ศิริกัญญา ระบุว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร

ส่วนเสียง ส.ว.จะต้องได้มากกว่า 64 เสียงนั้น คิดว่าตอนนี้ครบหรือยัง น.ส.ศิริกัญญา ย้ำว่า ขณะนี้เสียงได้ครบแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานต่อเนื่อง เผื่อมีกรณีที่บางท่านอาจเปลี่ยนใจจะได้มีสำรองเอาไว้ เพราะเราไม่มีทางทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหน้างาน

เมื่อถามว่า ส.ว.หลายคนขอดูหน้างานก่อนนั้น กังวลเรื่องการเปลี่ยนใจหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มีบางส่วนที่พูดผ่านสาธารณะ และพูดคุยในวงเจรจา ซึ่งอาจไม่ตรงกัน ซึ่งตนยินดี และยอมรับในสิทธิของ ส.ว.ในการให้ข่าวหรือชี้แจงกับสาธารณะ 

เมื่อถามว่า จากการโหวตประธานสภามีคนมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่แข็งแรงพอ มีแนวโน้มจะทอดสะพานมาร่วมรัฐบาลด้วยนั้น พรรคก้าวไกลมีท่าทีอย่างไร นางสาวศิริกัญญาบอกว่า จะต้องประเมินหลังวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งมองว่า หากโหวตรอบแรกไม่มีปัญหาอะไรก็คงไม่มีโอกาสแบบนั้น เพราะ 312 เสียงค่อนข้างมั่นคงในรัฐสภา การที่เอามาเติมมากเกินไปก็จะทำให้กลไกการตรวจสอบถ่วงดุลมีปัญหา 

ส่วนกรณีที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ออกมาระบุว่า หากโหวตรอบแรกไม่ผ่านจะให้โหวตอีก 2 รอบคือวันที่ 19 ก.ค.และ 20 ก.ค.นั้น นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพูด เพราะยังมีกระบวนการปรึกษาหารือของวิปแต่ละฝ่ายกับประธานสภา เพื่อกำหนดวันประชุม

เมื่อถามถึงกระแสข่าวถึงการที่พรรคก้าวไกลใช้เงิน ซื้อเสียง ส.ว.ให้โหวตสนับสนุนนายพิธา น.ส.ศิริกัญญา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน และ เป็นเรื่องที่เราไม่นิยมทำอยู่แล้ว 

ส่วนมองอย่างไรกับการถูกกล่าวหาเช่นนี้นั้น ก็มองว่า อาจเป็นการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา ว่าพรรคจะหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.อย่างไรได้บ้าง เขาก็คิดว่า นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางก็ได้ ซึ่งไม่ใช่ทางที่เราเลือกเลย เพราะเราใช้วิธีการพูดคุยอย่างเดียว และก็มี ส.ว.บางท่านที่ไม่สะดวกเปิดเผยต่อสาธารณะ ก็ขอให้เห็นผลกันในวันนั้นว่าจะโหวตแบบไหน จึงเกิดความกังวลจากหลายฝ่าย ว่า คะแนนเสียง ส.ว.ไม่น่าได้มาโดยง่าย

เมื่อถามว่า แปลว่ามั่นใจหรือไม่ ว่าพรรคก้าวไกลไม่ต้องซื้อเสียง ส.ว.ก็เพียงพอ นางสางศิริกัญญา ตอบว่า “ใช่ค่ะ”

ทั้งนี้มองอย่างไรกับการที่ ส.ว.ออกมาตั้งเงื่อนไข ในการโหวตสนับสนุนนายพิธา นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า ขอให้ ส.ว.ทุกคน ยึดหลักการประชาธิปไตยเสียงข้างมากตามปกติ  

“ไม่จำเป็นที่จะต้องรักเรา ไม่จำเป็นต้องเชียร์เรา เชียร์ก้าวไกล หรือ เชียร์นายพิธา ขอแค่เคารพเสียงของประชาชนที่ได้เลือกเรามา ให้เป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับ 1 และรวมตัวจัดตั้งรัฐบาล ได้คะแนนเสียงข้างมากในสภา ยึดหลักการง่าย ๆ แค่นี้เพื่อให้ประเทศไทยได้เดินหน้าต่อ ให้โอกาสประเทศไทยได้ไปต่อ”

'ศิริกัญญา' ฟันธงโหวตนายกฯ รอบ 2 พิธาได้เสียงเพิ่มจาก ส.ว. ถาม!! ใครคือผู้ที่ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปเชิญ 'ชทพ.-ปชป.'

(17 ก.ค. 66) ที่อาคารไทยซัมมิท น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าการประชุมวันนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี และมีการหารือเรื่อง เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่สอง รวมถึงเรื่องการยกเลิกม.272 ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นไปก่อนหน้านี้ โดยขอเสียงสนับสนุนจาก 8 พรรคร่วม พร้อมทั้งไม่กังวลกับการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2

"เราได้ทำตามสิ่งที่ได้ให้สัญญากับประชาชนไว้ หากประชาชนยังไม่ถอยเราก็ยังไม่ถอย และคิดว่าจะมีการเสนอชื่อคุณพิธาอีกรอบนึงตามสมรภูมิที่เราได้แจ้งกับประชาชนไว้"

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้เจรจาการดึงพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาล มีการระบุว่าได้รับการทาบทามจากพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบเรื่องว่าใครคือ ผู้ที่ให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปเชิญ ซึ่งหากได้เสียงจากพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคชาติไทยพัฒนาก็จะได้จำนวนเสียงที่มากขึ้น
.
ส่วนเงื่อนไขที่พรรคประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนาระบุว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่แก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขที่เป็นการเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยได้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากเป็นเงื่อนไขมาตรา 112 ก็คงไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ที่มีก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้ง
.
เมื่อถามว่าการหารือระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยในวันนี้จะราบรื่นหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จะต้องราบรื่นและเป็นไปตามที่เราได้คาดหวังไว้
.
ซักว่ายังยืนยันในจำนวนเสียงส.ว.หรือไม่เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการทราบจำนวน ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เรื่องนี้เรามีการสื่อสารด้วยกันมาโดยตลอด ว่าทางพรรคก้าวไกลจะติดต่อท่านไหนและพรรคเพื่อไทยจะช่วยติดต่อคือส.ว.ท่านไหน รวมถึงมีการพูดคุยกันมาโดยตลอด ซึ่งการโหวตในรอบนี้จากที่มีการทำงานกันมาได้คะแนนเสียงเพิ่มเติมจากจำนวนส.ว.ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมในวันนั้น

น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า จริง ๆ แล้วเราไม่มีความกังวลใด ๆ เราสัญญากับประชาชนไว้ว่าจะสู้กับ 2 สมรภูมิ ซึ่งเราจะสู้อย่างเต็มที่เพื่อเสนอนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมคาดหวังว่าจากสิ่งที่เราได้ทำแคมเปญ จะทำให้ส.ว.เปลี่ยนใจมายืนเคียงข้างประชาชนก็คิดว่าเราจะได้คะแนนเสียงเพิ่ม ส่วนเรื่อง 2 สมรภูมิหากส.ว.ที่ต้องการปิดสวิตตัวเอง ในม.272 ซึ่งเป็นไปตามที่เราได้แจ้งกับประชาชนและสื่อมวลชนไว้ หากการต่อสู้ทั้ง 2 สมรภูมิไม่เป็นผลเราก็จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ถามว่าได้มีการกำหนดระยะเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ไทม์ไลน์ต่าง ๆ จริง ๆ แล้วต้องขึ้นอยู่กับประธานสภา ที่จะบรรจุวาระม.272 ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า ซึ่งตามระเบียบแล้วต้องเอาเข้าภายใน 15 วันอยู่แล้ว จึงคาดว่าจะจบภายในสัปดาห์และทราบทิศทางต่อไปอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยไม่พอใจกับการแก้ไขม.272 เหมือนเป็นการมัดมือชกพรรคเพื่อไทย จะมีการหารือในวันนี้ด้วยหรือไม่ ศิริกัญญากล่าวว่า ประเด็นม.272 จะเป็นประเด็นที่หารือกันในวันนี้เป็นการพูดคุยทำความเข้าใจ พร้อมยืนยันว่าการแก้ไขม.272 ไม่ได้เป็นการมัดมือชกใด ๆ และคิดว่าเราน่าจะทำภารกิจนี้ร่วมกันทั้ง 8 พรรค โดยยืนยันว่าหาแก้ไขม.272 ไม่สำเร็จพร้อมเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามที่ได้แถลงไว้กับประชาชน

เมื่อถามต่อว่าจะไม่เป็นการยืดเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญายืนยันว่า ไม่ได้เป็นการยืดเวลาอย่างแน่นอนซึ่งจะทราบผลในอาทิตย์หน้า หากผ่านสามารถดำเนินการวาระที่ 2 วาระที่ 3 แล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์ และไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นการยืดระยะเวลาไปไกล ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดตั้งรัฐบาลและนำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณตน จากวันที่มีการเลือกตั้งใช้เวลาทั้งสิ้น 7 สัปดาห์ หากเราต้องการใช้เวลาแก้ไขม.272… 2-3 สัปดาห์ไม่ใช่การยืดเวลาอะไรอย่างใด

ซักว่ามีความมั่นใจ หรือไม่ว่าการแก้ไขม.272 จะเป็นทางออกของพรรคก้าวไกล ศิริกัญยากล่าวว่า เราเห็นใจส.ว.หลายท่านและเราก็ทราบว่า มีกระบวนการที่จะไม่ให้บุคคลเหล่านั้นมาโหวตให้กับนายพิธา ถูกขู่เอาชีวิตและเราเห็นใจและคิดว่านี่คือทางออกที่หลายฝ่ายสบายใจ รวมถึงส.ว.ด้วยที่อยากจะปิดสวิตช์ตัวเอง

ถามอีกว่ามีความเข้าใจในเรื่องสัดส่วนในการแก้ไขม. 272 ต้องใช้เสียงจากฝ่ายค้าน น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการโหวตที่อยู่ในขั้นที่ 3 ที่จะต้องใช้คะแนนเสียงจากฝ่ายค้าน ซึ่งเราได้มีการคำนวณแล้ว คิดว่าน่าจะผ่าน ถึงวาระที่สาม

เมื่อถามว่าเหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่ถอยการแก้ไขมาตรา 112 แทนที่จะมาเดินหน้าแก้ไขม. 272 น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราได้สัญญากับประชาชน ผ่านการหาเสียงเลือกตั้ง และแล้วเราก็คิดว่าการแก้ไขม.112 เป็นเพียงข้ออ้าง ที่จะไม่โหวตให้กับพรรคก้าวไกล ถึงแม้ว่าเราจะยอมถอย และเสียสัจจะที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน ก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างที่ทำให้ส.ว. จะไม่โหวตให้กับเราเพราะเรื่องการแก้ไขม.112 อย่างแน่นอน ดังนั้นเราขอเลือกที่จะไม่เสียสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน

ถามว่าไม่กังวลเรื่องการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ยาวใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่าไม่ถึงขั้นนั้นและไม่ได้ใช้ระยะเวลาเป็นปีอย่างมากแค่ 3 สัปดาห์และอยู่ในวิสัยที่เราสามารถจัดการได้อย่างแน่นอนซึ่งนิด้าโพลได้มีการเผยแพร่อย่างชัดเจนว่าประชาชนอยากให้ทำการโหวตให้กับนายพิธาไปเรื่อยๆ

‘เศรษฐา’ โต้เดือด!! ‘ศิริกัญญา-หยุ่น’ ปมดิจิทัลวอลเล็ต ซัด!! อย่าเอาความคิดตัวเองมาสร้างความสับสนให้ ปชช.

(11 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความใน X หรือ ‘ทวิตเตอร์’ ตอบโต้นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

นายเศรษฐา ระบุว่า “อย่าเอามาตรฐานความคิดของตัวเองมาหวังว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนกัน อย่ามองความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน มาเป็นมุมการเมืองที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนเลยครับ”

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้ตอบโต้นายสุทธิชัย หยุ่น ที่โพสต์ระบุว่า “นายกฯ ย้ำคำว่า ‘e-government’ หลายครั้ง คงต้องนิยามให้ชัด ๆ อย่าให้งงเหมือน soft power” โดยนายกฯ กล่าวว่า “ผมว่าทุกคนเค้าเข้าใจดีครับ ยกเว้นสื่อบางสื่ออาจจะพยายามบิดเบือนหรือสร้างความเข้าใจ เพื่อให้คุณเข้าใจผิด”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top