Thursday, 16 May 2024
ศอบต

'ตำรวจ PCT' ออกหมายจับอีก 3 ราย เครือข่าย Eddy เจ้าของเว็บ 888Point บิ๊กข้าราชการ ศอบต. หนึ่งในผู้ต้องหาย่องเข้ามอบตัว

วันนี้ (31 ส.ค. 65) เวลา 12.00 น. ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปอส.ตร. ที่ 4  เปิดเผยว่า จากกรณีจับกุมเว็บพนันออนไลน์ 888Point เมื่อวันที่ 13 ส.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเครือข่ายของนาย Eddy สามารถจับกุมผู้ต้องหา 6 ราย ยึดเงินสดกว่า 35 ล้านบาท และทรัพย์สินอีกกว่า 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ส่ง พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ

จากการสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวเกี่ยวพันกับบุคคลต่างๆ อีก จำนวนหนึ่ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับให้จับกุมบุคคลต่าง ๆ อีก 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” ซึ่งปรากฏว่าในกลุ่มดังกล่าวปรากฏว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง ที่เราได้ออกหมายจับ และเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อค่ำวานนี้ ได้ประกันตัวหรือปล่อยตัวไป ด้วยวงเงินประกันสองแสนบาทถ้วน 

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเวปพนัน 888Point เป็นเว็บการพนันที่มีขนาดใหญ่ติดอันดับต้นๆ ที่มีคนไทยเข้าเล่น โดยพบว่าเจ้าของเว็บหรือ Eddy ได้เปิดโรงแรมและคาสิโนอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ต่อมาได้ลักลอบแอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ให้บริการกับผีพนันในประเทศ แล้วนำเงินที่ได้ดังกล่าวมาฟอกเงินผ่านทางธุรกิจโรงแรมและการรับเหมาก่อสร้างจำนวนหลายราย มีข้าราชการเข้ามาเกี่ยวพันจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการบุกทลายเครือข่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อ 13 ส.ค.65 นั้น ปรากฏว่าพบหลักฐานจากหนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนสนิทของ น.ส.กัลยวีร์ สงวนนามสกุล ซึ่งเป็นภริยาของ Eddy และเป็นผู้ควบคุมเครือข่ายเวปพนันดังกล่าว ดูแลธุรกิจในประเทศไทย ตลอดจนเป็นกรรมการบริษัทหลายบริษัทฯ ในเครือ 

พล.ต.ต.ไตรงรงค์ กล่าวอีกว่า ในส่วน น.ส.กัลยวีร์ฯ ปรากฏข้อมูลการสั่งการให้ทำธุรกรรมทางการเงิน และนำเงินมาส่งมอบให้กับตน และภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมกลุ่มเครือข่ายปรากฏว่าเช้ารุ่งของวันที่ 14 ส.ค.65 ผู้ต้องหากับพวกรวมสองรายได้ไหวตัวบินหลบหนีออกไปนอกประเทศทันที ทั้งนี้ นอกจากออกหมายจับข้างต้นแล้วเจ้าหน้าที่ยังได้อายัดบัญชีผู้เกี่ยวข้องอีกกว่า 11 บัญชี ยอดเงินกว่า 25 ล้านบาท รวมตลอดปฏิบัติการยึดเงินสดและทรัพย์สินแล้วกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม รวมถึงดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อหาบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีคืบหน้า บิ๊กข้าราชการแดนใต้เข้ามอบตัวกรณีพัวพันเวปออนไลน์ และถูกศาลออกหมายจับในความผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และฟอกเงิน 

วันนี้ 31 ส.ค. 65 เวลา 12.00 น. ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงจาก พ.ต.อ.ฤทธิชัย ช่างคำ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.ภ.7 ปฏิบัติหน้าที่ ศป.อส.ตร ฝ่ายสอบสวน (PCTชุด4) เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวทราบว่าสืบเนื่องจากกรณี การจับกุมเวปพนันออนไลน์ 888Point เมื่อวันที่ 13 ส.ค.65 ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 6 ราย และยึดเงินสดกว่า 35 ล้านบาท และมีการยึดทรัพย์สินตรวจสอบอีก กว่า 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ

จากการสอบสวนขยายผลทำให้ทราบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวเกี่ยวพันกับบุคคลต่างๆ อีก จำนวนหนึ่ง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้อนุมัติหมายจับให้จับกุมบุคคลต่าง ๆ อีก 3 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน” ซึ่งปรากฏว่าในกลุ่มดังกล่าวปรากฏว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่ง ที่เราได้ออกหมายจับ และเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้วเมื่อค่ำวานนี้ ได้ประกันตัวหรือปล่อยตัวไป ด้วยวงเงินประกันสองแสนบาทถ้วน

เลขาธิการ ศอ.บต. พบปะ สื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมแถลงนโยบายแผนการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้

ในห้วงที่ผ่านมาและที่จะดำเนินต่อไปในปี 66 เน้นยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนมีความกินดี อยู่ดี และอยู่ร่วมกันในวิถีพหุวัฒนธรรมที่ โรงแรมริเวอร์ ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมเสวนาสร้างการรับรู้การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้แก่สื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมี นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ตลอดจนสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วม

ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้พบปะเพื่อขอบคุณสื่อมวลชนในการทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการสื่อสารการทำงานของ ศอ.บต. ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนสำคัญมากต่อการทำให้บ้านเมืองในจังหวัดชายแดนภาคใต้สงบสุขเพราะพี่น้องสื่อมวลชนถือว่าเป็นกลไกหลักที่สร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจในเรื่องราวที่สำคัญของบ้านเมืองให้กับพี่น้องประชาชนที่จะทำให้เกิดทัศนคติที่ดี พร้อมกันนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้แถลงนโยบายแผนการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่ผ่านมาและที่จะดำเนินต่อไปในปีงบประมาณ 2566 ที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชนมีความกินดี อยู่ดี และอยู่ร่วมกันในวิถีพหุวัฒนธรรม อาทิ ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตซึ่งต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนตามฐานข้อมูล TPMAP ทั้ง 5 มิติ ประกอบด้วย มิติด้านสุขภาพ การศึกษา รายได้ ความเป็นอยู่ และการเข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ และยังรวมไปถึงกลุ่มเปราะบาง ซึ่ง ศอ.บต. กำลังเดินหน้าในการแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีในเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจน ศอ.บต. ได้ขับเคลื่อนโครงการ 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน ซึ่งเป็นการจัดเจ้าหน้าที่ข้าราชการประกบครัวเรือนยากจนโดยประสานกับชุดข้าราชการตำบลทุกภาคส่วนโดยข้าราชการจะทำหน้าที่เฝ้า ประกบ ติดตาม รายงาน เพื่อแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมาได้มีการนำร่องแล้ว 400 ครัวเรือน ปี 66 จะขยับขึ้นอีก 1,200 ครัวเรือน โดยเลขาธิการ ศอ.บต. เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้ต้องตอบโจทย์และต้องยั่งยืน 

นอกจากนี้ ยังมีในเรื่องของเศรษฐกิจฐานราก ไม่ว่าจะเป็นภาคการเกษตร มีการส่งเสริมการผลิตจากพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สอดคล้องกับศักยภาพพื้นที่และความต้องการของตลาด เช่น มะพร้าว ข้าว กาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการปลูกกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์พื้นถิ่น ซึ่งเป็นพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้มีพระประสงค์ให้มีการอนุรักษ์พันธุ์กาแฟพื้นถิ่น และพัฒนากระบวนการผลิตให้เป็นกาแฟที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ การส่งเสริมอาชีพปศุสัตว์ ภาคการท่องเที่ยว ส่งเสริมศักยภาพของวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชน ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก โดยเน้นการสร้างอัตลักษณ์เฉพาะของแหล่งท่องเที่ยว

‘นิพนธ์’ จี้ ศอ.บต. เร่งแก้ปัญหาเครือข่ายต้มยำกุ้ง หวังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ในมาเลเซีย

‘นิพนธ์’ เร่งรัด ศอ.บต. ดำเนินการตามที่นายกฯ สั่งการแก้ไขปัญหาเครือข่ายร้านต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย ตามที่ตนเคยเสนอ

(19 ม.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังรับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามข้อเสนอที่ตนได้เสนอเร่งด่วน 6 ด้าน เพื่อนำไปใช้วางแผนการให้ความช่วยเหลือและเป็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เดินทางไปทำงานในเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้ง ประเทศมาเลเซีย ประกอบด้วย

1. การแจ้งเกิด – แจ้งตายที่ปัจจุบันมีรายละเอียดและขั้นตอนการทำงานที่มีความยุ่งยาก หลายขั้นตอน

2. การอำนวยความสะดวกในการออกใบขับขี่ในประเทศมาเลเซีย

3. การออก Passport ให้กับคนไทยที่เดินทางมาทำงาน

เลขาฯ ศอ.บต. เผย "ศอ.บต. ขอทำงานเป็นทีมเดียวกับจังหวัด" หลังเดินทางพบหัวหน้าส่วนราชการนราธิวาส ด้าน รองผู้ว่าฯ เสนอ แก้ปัญหาการค้าชายแดน-ทรัพยากรมนุษย์-ว่างงาน ฯลฯ ในพื้นที่

เมื่อวานนี้ (16 พ.ย. 2566) พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พบปะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายปรีชา นวลน้อย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายอำเภอและหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ณ ห้องประชุมพระภิศัยสุนทร ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส (แห่งที่ 2) เพื่อแลกเปลี่ยนการดำเนินงานพัฒนา จชต. 

เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า การพบปะคนทำงานในพื้นที่วันนี้ เพื่อขออนุญาตมาทำงานร่วมกับจังหวัด และทุกส่วนงานใน 5 จชต. เพื่อให้ ศอ.บต. เป็นทีมเดียวกับจังหวัด เป็นหน่วยสนับสนุนภารกิจงานด้านการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนนราธิวาส และอีกทั้ง 4 จังหวัด ให้ทำงานเป็นแพ็คเป็นทีมเดียวกัน และมองภาพใหญ่ร่วมกัน 

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จังหวัดนราธิวาส มีเป้าหมายในการพัฒนานราธิวาสสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การศึกษา เนื่องจากพบว่า เด็ก ประถมศึกษา 3 ในพื้นที่ ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และได้คะแนนสอบ O-NET และ A-NET ศูนย์คะแนนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังวางแนวทางแก้ไขปัญหาว่างงาน พบว่า แต่ละปีมีเยาวชนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นจำนวนมาก แต่กลับว่างงาน จึงไม่มีรายรับในการจ่ายหนี้ กยศ. และมุ่งแก้ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะแม่และเด็ก ทั้งนี้เสนอให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยจัดโครงการสร้างสัมพันธ์ไทย-มาเลเซีย โดยรวมผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด และภาคเอกชน ร่วมทำกิจกรรมเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดี และใช้โอกาสนี้ในการหารือแก้ไขปัญหาด่านชายแดนต่อไป

ทั้งนี้ หัวหน้าส่วนราชการยังมีการเสนอการพัฒนาในมิติต่างๆ เพื่อเป็นหัวข้อในการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่ในอนาคต อาทิ การจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูคนพิการ การดึงภาคเอกชนเป็นผู้ดำเนินงานในโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งกับตำบล เป็นต้น

‘ศอ.บต.’ นำทัพผู้ประกอบการชายแดนใต้ บินแสดงสินค้าถึงซาอุฯ เล็งขยายตลาดฮาลาลสู่ประเทศมุสลิม คาด ดึงเงินนักลงทุน 180 ลบ.

(17 ธ.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังที่ได้มอบแนวนโยบายการแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการส่งเสริมอาชีพ ล่าสุด ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ก็ได้เริ่มเดินหน้าสนับสนุนการสร้างอาชีพแล้ว โดยร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงริยาด หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) นำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ จากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมงานแสดงสินค้า ‘Thailand Mega Fair 2023’ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 13 -16 ธันวาคม 2566

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนกว่า 200 แบรนด์ ได้นำผลิตภัณฑ์ และสินค้าที่ผลิตในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความโดดเด่น และมีความต้องการสูงของกลุ่มประเทศมุสลิม มาจัดแสดง เช่น นมถั่วเหลือง 7 รสชาติ นมข้าวโพด นมแพะ นมโค 3 รสชาติ ผ้าคลุมผมสตรี รองเท้าแตะ สำหรับใช้ในการเดินไปประกอบศาสนกิจ น้ำหอมไม้กฤษณา และ น้ำผึ้งชันโรง โดยสินค้าที่นำไปจัดแสดง ได้รับผลตอบรับจากชาวซาอุดีอาระเบีย เป็นอย่างมาก ซึ่งมีผู้ประกอบการสามารถ Bussiness Macthing กับผู้ประกอบการในซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ ได้จำนวน 2 บริษัท รวม 4 ผลิตภัณฑ์

โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถสร้างมูลค่าจากการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 100 ล้านบาท ในระยะ 1 ปีข้างหน้า จึงถือว่า การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า สามารถช่วยผู้ประกอบการให้มีโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายตลาดการส่งออกสินค้าฮาลาลในประเทศโลกมุสลิมมากยิ่งขึ้น

“การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ไปแสดงสินค้าในต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออก และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งมีการคาดว่า การแสดงสินค้าในครั้งนี้ จะเกิดมูลค่าการค้า ประมาณ 25 ล้านบาท และจะเกิดการลงทุนเพิ่มเติม 180 ล้านบาท โดยก็จะทำให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งทางตรง และทางอ้อมกว่า 400 คน จึงถือว่า เป็นส่งเสริมอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้อย่างชัดเจน และในอนาคต ก็จะผลักดันการขยายตลาดการส่งออกไปสู่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศโลกมุสลิมโดยตรง รวมถึงจะจัดตั้ง ‘Fatoni Halal One Stop Service’ จากเครือข่ายที่อยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียด้วย เพื่อทำให้เกิดการส่งเสริมอาชีพและจ้างงานในพื้นที่มากขึ้น” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

ขณะที่ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่ได้ร่วมงานในครั้งนี้ ได้ขอบคุณรัฐบาล และ ศอ.บต. ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการชายแดนใต้ มีโอกาสขยายการส่งออกไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย และประเทศโลกมุสลิมเพิ่มขึ้น เพราะการนำผู้ประกอบการไปแสดงสินค้า ก็เพื่อให้ธุรกิจในพื้นที่เติบโต ขยายตลาดส่งออก เพิ่มการจัดจำหน่าย โดยเท่ากับว่า จะสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ได้มากขึ้น พร้อมลดจำนวนผู้ว่างงานของคนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย

ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นงาน ศอ.บต. ก็มีแผนงานนำผู้ประกอบการ ทั้ง 4 กลุ่ม กลับมาเป็นต้นแบบถอดบทเรียนและถ่ายทอดให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่อยากเข้าร่วมกิจกรรมด้วย โดยใช้วิธีต่อยอด เสริมความเข้มแข็ง เพื่อให้เป็นพี่เลี้ยง ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และรายได้แก่ครัวเรือนยากจนในพื้นที่ชายแดนใต้ต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top