Tuesday, 14 May 2024
ลิณธิภรณ์วริณวัชรโรจน์

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ‘ปราบโกง’ แค่วาทกรรมของรบ. ซัด!! หากทำได้จริง คงไม่มีคดีจับอธิบดีกรมอุทยานฯ

‘ลิณธิภรณ์’ สับ ‘ประยุทธ์’ ปราบโกงแค่วาทกรรมรบ. หน้ากากคนดี จี้เร่งรื้อทุจริตใต้พรม ตรวจสอบการโกงทุกระดับ แซะจับ ‘ตู้ห่าว’ หวังหาเสียงช่วงปลาย รบ.

(28 ธ.ค. 65) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีการจับกุมอธิบดีกรมหนึ่งที่มีรายงานข่าวว่ามีพฤติกรรมเรียกรับเงินโยกย้ายตำแหน่งภายในหน่วยงานจากข้าราชการ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม คิดตามอัตราส่วนจากหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชันไม่ได้ถูกปราบปรามอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยเป็นผู้นำจากการรัฐประหารที่ประกาศเสียงแข็งว่ายึดอำนาจเพื่อเข้ามาปราบโกง แต่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ปราบโกงเป็นเพียงวาทกรรมของรัฐบาลหน้ากากคนดี 

ทั้งนี้ การจับกุมอธิบดีกรมดังกล่าวเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของการทุจริตที่อยู่ใต้พรมมานานกว่า 8 ปี การทุจริตเชิงระบบจากการต่อรอง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและผลประโยชน์จึงเบ่งบานขึ้น หลายปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์นอกจากจะไม่จริงจังปราบโกงแล้ว ยังมีส่วนทำให้การตรวจสอบในรัฐราชการอ่อนแอและพังลง การทุจริตคอร์รัปชันจึงเพิ่มมากขึ้น 

‘เพื่อไทย’ ชู 70 นโยบาย ดัน 'เศรษฐกิจไทย' โตต่อเนื่อง พร้อมวางแผนจัดการโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับชีวิต ปชช.

“ประชาธิปไตยที่กินได้ คือ ฐานคิดของพรรคเพื่อไทย เรามุ่งหวังสร้างเศรษฐกิจให้คนยากจนกลายเป็นชนชั้นกลาง รายได้ที่ดีและเศรษฐกิจที่ดีจะทำให้ประชาชนไม่ต้องหาเช้ากินค่ำ”

(29 เม.ย.66) ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการและรักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวบนเวทีดีเบตเทียบวิสัยทัศน์ งัดนโยบาย ที่ห้อง Auditorium 11-101 อาคารรัตนคุณากร มหาวิทยาลัยรังสิต ถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยซบเซา GDP เติบโตเพียง 2% พรรคเพื่อไทยจึงมองเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเชื่อมโยงส่งเสริมศักยภาพ SME ประกอบกับการสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่พร้อมกับพัฒนาการขนส่งคมนาคมให้กระจายออกด้วยการเพิ่มสนามบินนานาชาติและสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง อัพเกรดการท่องเที่ยวให้ไม่มี low season และใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลวางโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก

ลิณธิภรณ์อธิบายเสริมว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลจะใช้เงินบาทที่ค้ำประกันโดยรัฐ และใช้เทคโนโลยี block chain กำหนดรูปแบบของการใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแบบจำเพาะเจาะจงได้ และเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่จะเติมให้กับประชาชนนั้นจะมาจากภาษีตามประมาณการการจัดเก็บภาษีในปี 2567 และการบริหารจัดการงบประมาณให้มีประสิทธิภาพลดความซ้ำซ้อน โดยคาดการณ์ว่ารัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีจากร้านค้าจากการใช้จ่ายเงินดิจิทัลในส่วนนี้ได้อย่างน้อย 1.1 แสนล้านบาท

ลิณธิภรณ์กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยมี 70 นโยบายเร่งเศรษฐกิจโตซึ่งจะทำให้ขึ้นค่าแรงได้ถึง 400 กว่าบาทภายในปีแรกของการเป็นรัฐบาล ดังนั้น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570 นั้นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ทำได้แน่นอน ส่วนเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาทเราจะเริ่มจากภาคราชการก่อน เมื่อประกอบกับเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต มั่นใจว่าเอกชนก็จะขยับตามเอง นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายแก้ปัญหาตกงานด้วยแพลตฟอร์ม Learn to Earn ซึ่งมีระบบจับคู่งานกับทักษะเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการ มีใบประกาศให้ไว้ใช้สมัครงาน เพิ่มโอกาสด้านการศึกษาและศักยภาพทางด้านอาชีพตลอดชีวิต และโครงการ 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ สร้างโอกาสให้คนในระดับครัวเรือน

ในส่วนของปัญหาค่าครองชีพนั้น ลิณธิภรณ์ยืนยันว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะเดินหน้าลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนการผลิต พร้อมพักชำระหนี้ แก้ปัญหาค่าไฟแพงด้วยการรื้อเรื่องอัตรากำลังการผลิตส่วนเกิน และควบคุมให้แปรผันพร้อมกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ รื้อโครงสร้างราคาให้แปรผันจริงตามต้นทุน ลดสัดส่วนการซื้อแก๊ซธรรมชาติ เพิ่มการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ solar cells ลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าที่มาจากสายส่ง และเร่งเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนแหล่งก๊าซธรรมชาติ

‘ลิณธิภรณ์’ ฟาดใส่ ‘พิธา’ เดินสายไร้เป้าหมาย แนะควรรู้จักหน้าที่ ชี้ ‘เศรษฐา’ ขึ้นเชียงใหม่ 3 ครั้ง เดินหน้าแก้ฝุ่น ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้

(16 มี.ค.67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีกำหนดร่วมภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 16 - 17 มี.ค.ในระยะเวลาเดียวกันกับที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจราชการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และลำพูน ระหว่างวันที่ 15 - 17 มี.ค.ว่า นายเศรษฐาประกาศนโยบายการจัดการปัญหาฝุ่น ตั้งแต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย จนถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายเศรษฐายังตอบสนองตามพันธสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากมีข้อสั่งการของนายกฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.66 และมีมติคณะรัฐมนตรีในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด พ.ศ. … ต่อรัฐสภาแล้ว นายเศรษฐายังลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่นด้วยตนเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่นายกฯ เดินทางไปแล้วถึง 3 ครั้ง 

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 นายกฯ มอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองปี 67 ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับอากาศสะอาด ย้ำทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ผ่านไป 2 เดือน นายกฯ เยือน จ.เชียงใหม่ ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 11 ม.ค.67 เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือตาม 6 แนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหา และครั้งล่าสุดตามกำหนดการครั้งนี้ เพื่อเฝ้าสอบถามและติดตามความคืบหน้าต่อไปตามบทบาทหน้าที่ของฝ่ายบริหาร

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ผ่านมาเกือบ 7 เดือนแล้วนับแต่การจัดตั้งรัฐบาล พรรคก.ก.โดยเฉพาะผู้บริหารพรรค ควรเข้าใจบทบาทของฝ่ายค้านตามระบอบประชาธิปไตยได้แล้ว ว่าฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารหรือเสนอแนะรัฐบาล หากทำงานผิดพลาดหรือใช้งบประมาณโดยไม่ถูกต้อง แต่หากนายพิธาและพรรคก.ก.เคลื่อนไหวในลักษณะนอกบทบาทหน้าที่ที่ไม่อาจเกิดการพัฒนาได้ ก็จะสร้างคำถามและความสับสนขึ้นได้ ว่าการเดินสายลักษณะนี้ใครจะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะประเทศชาติกำลังเดินหน้าไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

“อยากให้นายพิธามูฟออนกลับมาสู่ความเป็นจริง ที่สำคัญคือเข้าใจบทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้านที่เป็นอยู่ ไม่ใช่คิดแต่จะเดินสายโดยไร้เป้าหมายที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนอย่างที่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา จริงจังกับการเดินหน้าติดตามแก้ไขปัญหาฝุ่นควันต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top