Saturday, 11 May 2024
ละคร

'โบว์ ณัฏฐา' แนะคนไทยมองการเมืองเป็นการทำงานเพื่อชาติ ไม่ใช่มองทุกอย่างเป็นละครที่มี 'พระเอก-นางเอก- ธรรมะ-อธรรม'

(26 ก.ค. 66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

คนต้องเลิกมองการเมืองเหมือนคนดูละครน้ำเน่า แล้วมองการเมืองเป็น 'การทำงาน' มีเป้าหมายของงานที่ต้องทำให้สำเร็จอยู่ตรงหน้า คนรับประโยชน์จากงานคือประเทศชาติ คือประชาชน 

จะได้เลิกประสาท มองทุกอย่างเป็นละครมีพระเอกนางเอก ฝ่ายธรรมะอธรรม ผู้ร้าย ตัวโกง พ่อมดแม่มด รักกันเลิกกัน พ่อแง่แม่งอน บ้าบ้าบอบอ แล้วนั่งโกรธเกรี้ยวกรีดร้องฟูมฟาย ตีอกชกหัวอยู่หน้าจอ

ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่คนทำงาน
ทำงาน เจอปัญหา แก้ปัญหา ทำงานต่อ

แฟนคลับถกสนั่น!! หลัง ‘ลมพัดผ่านดาว’ เรตติงไม่มา เพราะช่อง 7 ปรับผังเวลาฉายใหม่ หรือละครไม่สนุก?

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 66 ตอนนี้คนทีวีแต่ละช่องกำลังงัดกลยุทธ์ต่างๆ มาสู้กันในทุกวิธี เพื่อเอาตัวรอดในยุคเปลี่ยนผ่าน ที่ผู้ชมมีตัวเลือกมากมาย ทำให้ช่องกระแสหลักเรตติงตกฮวบฮาบ ซึ่งเริ่มมีผลต่อการซื้อขายโฆษณาที่เป็นรายได้หลักสถานี

ช่อง 7HD ได้ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงตารางออกอากาศละครใหม่ในเดือนกันยายน ด้วยการฉายละครต่อเนื่อง 4 วันติดในแต่ละสัปดาห์ ตั้งแต่วันจันทร์-วันพฤหัสบดี เวลา 20.30-21.30 น. และต่อด้วยซีรีส์เกาหลีดัง ในช่วงเวลา 21.30-22.30 น. โดยละครเรื่องแรกประเดิมด้วยละครฟอร์มยักษ์สุดโรแมนติกแห่งปี ‘ลมพัดผ่านดาว’ ที่ได้นักแสดงสาวระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง ‘อั้มพัชราภา ไชยเชื้อ’ มารับบทนำ ‘ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี’ มารับบทนำควบบทบาทผู้ผลิตละครกับทางช่อง 7HD เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยพระเอกตัวท็อปของช่อง ‘เข้ม หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล’

ท่ามกลางแฟนๆ ที่กำลังจับตามองการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ปรากฎว่า ละครลมพัดผ่านดาวที่ฉายไปแล้ว 4 ตอนเรตติงกลับไม่ปัง กระแสเงียบ ในขณะที่ช่อง 3 ‘เกมรักทรยศ’ กลับทำได้ดี

งานนี้แฟนๆ ช่อง 7 ถึงกับถกกันเครียดว่าเกิดอะไรขึ้นทำไม ลมพัดผ่านดาว ถึงไม่ปังอย่างที่คิดกันไว้นี่ คือละครที่ได้นางเอก ‘อั้ม พัชราภา’ ตัวท็อปของประเทศ แต่เรตติงกลับแป้กสนิท อาทิ

- “แนวละครเบาๆ จริงๆ ตอนทำแรกๆ เราก็รู้อยู่แล้วว่าเรตติงไม่มากด้วยแนวละครด้วย”

- “จริงๆ เป็น เอฟซีสามซุปตาร์เลยนะคะ เนื้อเรื่องก็สนุก น่ารัก พี่อั้มนี่ดีงามมากแต่ทำไมเรตติงสวนทางความสนุก หรือมันฟีลกู๊ดไป? ขณะที่เกมรักช่อง 3 มาถึงจุดห้ำหั่นกันเลือดสาดไปแล้ว เลยทำให้คนดูหันไปดูอีกช่อง แต่ยังไงจะติดตามกันต่อคะ เป็นกำลังใจให้พี่อั้ม และพี่ๆ ช่อง 7 ทุกคนคะ”

- “ไม่มีปมชวนลุ้น เคยเห็นช่วงมีข่าวว่าช่องจะทำหลายคนก็บอกว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ ถึงบทสนุกก็เดาทางได้อยู่ดีว่านางเอกเลือกใครแค่นั้น”

- “เหมือนเคยคอมเมนต์ถามเหมือนกันนะ ว่าลมพัดผ่านดาวมันน่าสนใจยังไง ทำไมถึงต้องดูละครเรื่องนี้เพราะอะไรจึงจำเป็นต้องดู ก็ไม่เห็นได้คำตอบอะไรจาก แฟนละครเรื่องนี้ที่มาช่วยสนับสนุนให้เราควรดูละครเรื่องนี้หน่อย เพราะภาพที่เห็นสื่อออกมาในทีเซอร์ ละครก็ไม่น่าดูตรงไหนเลยนะ เห็นได้ฉากอื่นๆ ในๆ ตัดทีเซอร์มาแต่นั้นเราเองเรายังรู้สึกว่า ลองให้โอกาสดูละครจริง แต่ได้ดูจริงๆ มันก็ ไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้ตอนดูเลยว่าจะต้องเอื่อยเนือยแบบนี้ แล้วก็จริงด้วย เรตติงมาถึงตรงนี้ไม่ต้องโทษใครเลย โทษการดำเนินเนื้อเรื่อง มู้ดแอนด์โทนของตัวเองก็แล้วกัน ที่ทำออกมาไม่น่าสนใจเอง”

- “ละครเย็นที่เคยออน 19.00 พอปรับมาออน 18.45 เรตติงกลับตกลง บางเรื่องสนุก แต่เรตติงไม่ขึ้น จนทำให้ล่าสุด แชมป์ละครเย็นที่เคยเป็นที่ 1 แพ้ให้ช่องวันมานานแล้ว และล่าสุด หลังปรับละครหลังข่าวให้ออน 4 วัน วันละชั่วโมง 20.30-21.30  เปิดด้วยละครฟอร์มดี ลมพัดผ่านดาว เรตติงกลับไม่ปัง กระแสเงียบ ล่าสุดเรตติ้งละคร 2.3 ย้ำ ว่านี่คือละครอั้ม พัชราภา ใช่ ฟังไม่ผิด ละครอั้มเรตติง 2.3 แพ้ช่องคู่แข่ง เสียดายละคร เสียดายนักแสดง ที่อุตส่าห์ได้ระดับพระเอก นางเอกเบอร์ต้นๆ แสดง แต่กลับมาพังเพราะผังช่อง ลดเวลาละครที่เคยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำของตัวเอง หมดแล้ว สโลแกน ความสุขครบรส”

เปิดเรตติง ‘พรหมลิขิต’ EP. ล่าสุด พุ่งทะลุ 7.12 จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ฟาก ‘ลมพัดผ่านดาว’ ต่ำสุดตั้งแต่ออนแอร์ ทำเอาเพจดังถึงกับตั้งคำถาม

(1 พ.ย. 66) ปังต่อเนื่อง!! ‘โป๊ป-เบลล่า’ แน่จริง สำหรับละคร ‘พรหมลิขิต’ ล่าสุด #พรหมลิขิตEP6 ออกอากาศเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 นอกจากติดอันดับ 1 เทรนด์ไทย บน X (ทวิตเตอร์) ยอดดูสดออนไลน์ 1.1 ล้านคน กับการเป็นคู่กัดคู่รักของ ‘พ่อริด’ (โป๊ป ธนวรรธน์) และ ‘แม่พุดตาน’ (เบลล่า ราณี) และการลุ้นได้เจอหน้ากันของ ‘คุณหญิงการะเกด’ กับ ‘แม่พุดตาน’ ทำเอาเรตติงพรหมลิขิต EP.6 พุ่งขึ้นมาสูงสุดอยู่ในขณะนี้ ที่ 7.12 เลยทีเดียว!!

ขณะที่เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 เพจดัง ‘เขวี้ยงรีโมท’ ออกมาตั้งคำถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับ 2 ละครดัง ‘พนมนาคา’ และ ‘ลมพัดผ่านดาว’ เรตติงต่ำที่สุดตั้งแต่ออนแอร์ ได้ไป 1.768 และ 1.872 ด้วย” ส่วนวันที่ 31 ต.ค. ลมพัดผ่านดาว เรตติงขยับขึ้นมาอีกนิด ได้ไป 2.22

‘ช่อง 3’ ส่ง 2 ละครดังแกะกล่อง สตรีมบน ‘Prime Video’ ที่แรก หวังโชว์วิถีชีวิตคนไทยร่วมสมัย ดึงดูดความสนใจผู้ชมทั่วโลก

(15 พ.ย. 66) บีอีซี เวิลด์ หรือ ช่อง 3 เปิดดีลธุรกิจส่งละครสตรีมบน Prime Video เป็นที่แรก เพื่อเผยแพร่ใน 10 ประเทศและเป็นการสตรีมก่อนหน้าจอ ช่อง 3 อีกด้วย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตคอนเทนต์ ของไทยสู่ตลาดสากล  

โดย ช่อง 3 ยังคงเร่งขับเคลื่อนธุรกิจการขายลิขสิทธิ์ละครไปยังตลาดต่างประเทศหรือผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งฝั่งเอเชีย แอฟริกา และ ยุโรป และล่าสุดได้เปิดดีลโมเดลใหม่โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลกอย่าง Prime Video ได้ลิขสิทธิ์นำ 2 ละครใหม่แกะกล่องที่ยังไม่เคยออกอากาศมาก่อน อย่างเรื่อง ‘ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ’ (The Office Games) และ ‘มือปราบกระทะรั่ว’ (My Undercover Chef) ซึ่งผลิตโดย BEC Studio สตรีมพร้อมกันทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, บรูไน และ ติมอร์-เลสเต 

สำหรับละคร เรื่อง ‘ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ’ (The Office Games) ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่พยายามต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในแต่ละวัน โดยใช้สารพัดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ตัวเองไปสู่ความสำเร็จ นำแสดงโดย ‘มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง’ รับบท ‘อลิศ’ นักขายฝีปากดีที่แบกโลกทั้งใบไว้ภายใต้คำว่า ‘เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว’ ประกบคู่กับ ‘นนกุล’ หรือ ‘ชานน สันตินธรกุล’ รับบท ‘เมษ’ วิศวกรหนุ่มที่ชีวิตพังเพราะตึกที่ได้ออกแบบเกิดพังถล่มลงมา ทั้งคู่จึงตัดสินใจเดินเข้าสู่วงการขายกองทุนที่มีความท้าทาย แต่ที่นั่นกลับเปรียบดังสมรภูมิรบที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลโกงมากมาย อลิศ และ เมษ จะเอาตัวรอดได้อย่างไร เริ่มวันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ทาง Prime Video

และต่อมากับเรื่อง ‘มือปราบกระทะรั่ว’ (My Undercover Chef) เรื่องราวของ ‘มาวิน’ นำแสดงโดย ‘เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี’ มือปราบหัวร้อนที่ถูกพักงานเพราะความบุ่มบ่ามทำให้เอเย่นต์ค้ายาหลุดรอดไป เขาจึงต้องออกตามล่าอย่างกัดไม่ปล่อย และสถานที่ที่พวกค้ายาชอบมารวมตัวกันคือ ‘ร้านเภาโภชนา’ ที่เจ้าของร้านมีหลานสาวชื่อ ‘ขิง’ อาชีพยูทูบเบอร์ ที่อยากจะปิดร้านอาหารหนีพวกค้ายาอยู่ทุกวัน นำแสดงโดย ‘เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ’ เมื่อมาวินเข้าไปแฝงตัวเป็นเด็กเสิร์ฟและทำให้ร้านขายดี ขิงจึงตั้งตัวเป็นคู่กัดและคอยขัดขวางภารกิจการสืบหาคนร้ายเสมอมา แล้วอะไรจะสามารถเปลี่ยนให้ทั้งคู่กลับมาร่วมมือและช่วยกันทำให้ย่านอาชญากรรมกลายเป็นย่าน Street Food ได้บ้าง เริ่มวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ทาง Prime Video  

สำหรับ Prime Video คือผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลก ที่ได้นำคอนเทนต์ความบันเทิงไทยออกเผยแพร่ให้กับคนไทยทั่วประเทศได้รับชม ทั้งนี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Prime Video ได้มีการประกาศแคมเปญ ‘แกะกล่องไทยบันเทิง’ ขึ้นโดยเปิดพื้นที่เก็บรวบรวมคอลเลกชันเนื้อหาคอนเทนต์ของไทยมากมายไว้ในที่เดียว มีทั้งภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ คอนเสิร์ต เป็นการให้บริการสมาชิกแบบครบวงจรที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้โดยตรง ดังนั้นจึงถือเป็นแหล่งส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงไทยอีกหนึ่งช่องทางที่จะเติบโตได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศต่อไป

และด้วยละครใหม่ทั้ง 2 เรื่อง ‘ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ’ (The Office Games) และ ‘มือปราบกระทะรั่ว’ (My Undercover Chef) ล้วนมีบทที่แสดงถึงเอกลักษณ์การใช้ชีวิตแบบคนไทยในยุคปัจจุบัน มีแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่ร่วมสมัย จึงถือเป็น Soft Power ของคอนเทนต์จากประเทศไทยที่จะสร้างความสนใจเกี่ยวกับประเทศไทยจากผู้ชมในต่างประเทศ และเมื่อละครของ ช่อง 3 ได้สตรีมบน Prime Video ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิ่งระดับโลกก็จะยิ่งทำให้ผู้ชมต่างประเทศได้เข้าใจวัฒนธรรมไทยผ่านคอนเทนต์ได้ง่ายและมากขึ้น

‘รอมแพง’ ขอโทษ ‘แดง ศัลยา-ทีมงาน’ หลังพรหมลิขิตตอนจบถูกสับเละ ลั่น!! “ตำหนิดิฉันได้เลย เขียนนิยายได้ไม่ดีพอจะเอามาทำเป็นละคร”

เปิดตัวสวย เรตติงน่าพอใจ สำหรับละคร ‘พรหมลิขิต’ ทางช่อง 3 ภาคต่อของละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ แต่เพราะตอนจบ เหมือนรีบตัดจบ จนทำแฟนละครพากันงงและผิดหวัง วิจารณ์กันสนั่น ทำนองว่า ทำไมต้องยัดทุกเรื่องราวไว้ในตอนสุดท้าย จนทำให้ทัวร์ลงอยู่ไม่น้อย…

ล่าสุด (22 ธ.ค. 66) ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เฟซบุ๊ก ‘อาจารย์แดง ศัลยา สุขะนิวัตติ์’ ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องนี้ ยันบทละครเหมือนนิยายทุกประการ บางข้อความคล้ายพาดพิงไปถึงคนเขียนนิยาย โดยระบุว่า…

“พรหมลิขิต 2566

ยกที่หนึ่ง

พรหมลิขิตตอนจบรวบรัดเกินไป นิยายเขียนคำว่า “จบบริบูรณ์” หลังจากฉากแต่งงานของพ่อริดเและพุดตาน ต่อจากนั้น นิยายเขียนว่า “ตอนพิเศษ” ความยาว 4 หน้าหนังสือ ในเมื่อเป็นตอนพิเศษ จึงไม่เพิ่มไม่ลดไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ

บทละครจึงเหมือนนิยายทุกประการ คำว่ารวบรัดเกินไปจึงขอมอบให้ตอนพิเศษของนิยายเรื่องนี้
ยังมียกต่อๆ ไป

1. ) คาแรคเตอร์ของพ่อริด เรื่องนี้ต้องพูดกันยาว
2.) คาแรคเตอร์คนอื่นๆ : ไม่เหมือนนิยายแน่หรือ?
3.) ตัวละครหาย : คนเขียนบทหรือนิยายกันแน่ที่ทิ้งตัวละคร
4.) เหตุการณ์พุดตานถวายตัวที่ไม่มีในนิยาย : ทำไม?
5.) บทอาฆาตแค้นของจันทราวดีต่ออทิตยาที่หายไป : เพราะอะไร?
6.) ศรีปราชญ์ : ตัวละครเจ้ากรรมตั้งแต่บุพเพสันนิวาส : มีและไม่มีเพราะอะไร?
7.) การเคารพบทประพันธ์และการเคารพวิถีการเขียนบทละคร : ศาสตร์ที่แตกต่างกัน
8.) บทละครเหมือนนิยาย หรือต่อยอดจากนิยาย เป็นสัดส่วนเท่าไหร่? : ต้องคำนวณ
9) การวิพากษ์วิจารณ์รวบยอดที่รุนแรงและไม่เป็นวัตถุวิสัย

ต่อมา ‘รอมแพง’ หรือ ‘จันทร์ยวีร์ สมปรีดา’ ก็ได้เผยถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า…

ตำหนิดิฉันได้เลย บอกน่าจะเป็นนิยายที่ไม่ดีพอจะทำเป็นละคร

“ขอน้อมรับความผิดพลาดของนิยายพรหมลิขิต ที่ทำได้ดีที่สุดเท่านี้ และน่าจะไม่ดีพอที่จะทำเป็นละคร จึงทำให้ทีมละครโดนวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เป็นความผิดของดิฉันเองค่ะ

หลายท่านอาจจะไม่พอใจที่ทีมทำละครโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยที่ดิฉันเหมือนลอยตัวจากการวิพากษ์นั้น จากการที่ดิฉันพิมพ์และพูดอยู่เสมอว่า หลังขายเป็นละครแล้วแทบจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของทีมละครเลย นอกจากจะมีการขอคำปรึกษาจากทีมงาน และต้องให้เกียรติคนทำงาน เพราะศิลปะการนำเสนอของละครกับนิยายแตกต่างกัน…

ซึ่งประโยคเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดิฉันพูดมาเป็น 10 ปี ในการไปเป็นวิทยากรทุกแห่ง จากการที่นิยายได้ทำเป็นละครมาหลายเรื่อง แน่นอนว่า ดิฉันไม่มีปัญหากับการดัดแปลงเพราะเข้าใจเป็นอย่างดีในศาสตร์ที่ต่างกัน แต่อาจจะมีความเสียดายในเนื้อหาหรือคาแรกเตอร์ที่เปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ไม่ใช่ความเสียใจที่ขายเป็นละครอย่างแน่นอน

ดังนั้น แบ่งความคิดเห็นที่ตำหนิจากความผิดหวังในสิ่งที่คาดหวังจากละครมาทางดิฉันได้เลยค่ะ เพราะถ้าไม่โดนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์เสียบ้าง ก็จะไม่ทำให้เกิดการพัฒนาขอบคุณมากนะคะ รอมแพง”

ต่อมา รอมแพงก็ได้เข้าไปคอมเมนต์ใต้เฟซบุ๊กของแดง ศัลยา ระบุว่า “อุ้ยต้องกราบขอโทษป้าแดงด้วยนะคะ ที่นิยายของอุ้ยมีความผิดพลาดขาดพร่อง จนทำให้ป้าแดงทำงานยาก และต้องดัดแปลงจนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขนาดนี้ รวมไปถึงความอ่อนด้อยในการตอบคำถามของพิธีกรและนักข่าว ก็ยิ่งสร้างความลำบากใจให้กับทีมละคร เป็นความผิดของอุ้ยเองค่ะ กราบขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ อุ้ย รอมแพง”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top