Saturday, 4 May 2024
ลงนามMOU

'บลูเทค ซิตี้' ประสานความร่วมมือกับกลุ่มภาคีเครือข่าย ลงนาม MOU สร้างทุ่งสมุนไพรป่าชายเลนแห่งแรกของประเทศไทย

​วันนี้ 6 ธันวาคม 2565 ที่บริเวณทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน ภายในนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) โครงการทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) โดยมีนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมบลูเทคซิตี้  และภาคีเครือข่าย 7 สถาบัน ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) โครงการทุ่งสมุนไพรป่าชายเลน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้  กล่าวว่า จากสภาวะโลกร้อน ปัญหาสุขภาพคนเมือง และปัญหาเศรษฐกิจในครัวเรือน ปัญหาเหล่านี้ทำให้บลูเทคซิตี้ เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ทำโครงการ 'ทุ่งสมุนไพรป่าชายเลนแห่งแรกของประเทศไทย' โดยการเชิญปราชญ์ชาวบ้านมาแนะนำการปลูกสมุนไพรพื้นถิ่นไทย 'ต้นเหงือกปลาหมอ' ที่มีประวัติการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณกาล โดยมักพบในบริเวณป่าชายเลน สามารถนำเป็นยาและเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่อนุรักษ์ป่าชายเลน สร้างความสมดุลให้กับสิ่งแวดล้อม รวมถึง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบ เป็นแหล่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในตำบลเขาดิน ให้เป็นหนึ่งในเมืองอัจฉริยะ เพื่อเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมได้เป็นอย่างดี โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง /กอ.รมน.จังหวัดฉะเชิงเทรา มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยบูรพา สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดฉะเชิงเทรา และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาดิน

รมว.สุชาติ ส่ง เลขาฯ สักขีพยานลงนาม MOU เครือข่ายสถานประกอบการ - สถานศึกษา มุ่งพัฒนากำลังคนรองรับความต้องการของประเทศ

รมว.แรงงาน มอบ เลขาฯ สุเทพ เปิดงาน Techno Chon & Prabhassorn "Think Different" ชื่นชมสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี โรงเรียนประภัสสรวิทยา จัดการศึกษาทศวรรษใหม่ ด้วยนวัตกรรมบริหารแนวใหม่ “Think Different” ได้อย่างมีคุณภาพ ก่อให้เกิดการพัฒนากำลังคนด้านวิชาชีพ มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 น.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดงาน Techno Chon & Prabhassorn "Think Different" และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือกับสถานประกอบการ 30 แห่ง พร้อมมอบโล่-เกียรติบัตรให้กับหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน และร่วมพัฒนาการจัดการเรียนการสอนกับทางวิทยาลัยฯ 19 แห่ง โดยมี ดร.อุไรวรรณ ตันประภัสร์ ประธานกรรมการบริหารวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนภาครัฐและเอกชน หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานกระทรวงแรงงานจังหวัดชลบุรี ร่วมให้การต้อนรับ ณ หอประชุมลีลาวดี วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี
    

นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ขอชื่นชมที่ผู้บริหารสถานศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี และโรงเรียนประภัสสรวิทยา ที่ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของการพัฒนาการจัดการศึกษาทั้งระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และระดับอาชีวศึกษา บนเส้นทางการจัดการศึกษาอันยาวนานของโรงเรียนประภัสสรวิทยากว่า 54 ปี และ 38 ปี ของวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ซึ่งได้เห็นการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความมุ่งมั่นในการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับการเตรียมคนสู่ศตวรรษที่ 21 และ “การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดการศึกษาในจังหวัดชลบุรี นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่มีการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ทั้งหน่วยงานภายในประเทศและจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก การเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญ สถานศึกษาทุกระดับจึงเป็นหน่วยงานที่สำคัญต่อการผลิตและพัฒนากำลังคน ในฐานะที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับ กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่พัฒนาและส่งเสริมแรงงานให้มีศักยภาพสูง รวมถึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพ เพื่อรองรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสมัยใหม่ การดำเนินงานของโรงเรียนประภัสสรวิทยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ได้สะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการศึกษาที่จะผลิตนักเรียน นักศึกษา ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึง อาชีวศึกษาที่มีความเชื่อมโยงกัน รวมถึงการที่วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี ได้มีการประสานความร่วมมือและพัฒนาเครือข่ายกับสถานประกอบการ สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการร่วมกันพัฒนาการจัดการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนสู่ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยการลงนามความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับสถานประกอบการครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการจัดการศึกษาในระบบทวิภาคี เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ได้เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย สามารถมีรายได้ระหว่างเรียน ซึ่งสอดคล้องกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานกับกระทรวงศึกษาธิการในการส่งเสริมการศึกษาและการมีงานทำของนักเรียนนักศึกษาและแรงงานทุกระดับ นอกจากนี้ สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการให้นักเรียนนักศึกษาฝึกงานในสถานประกอบการในระบบทวิภาคี สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมไปยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ 100 ของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการฝึกอบรม 10 รายการ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วย การยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์ของสถานประกอบการจากการฝึกอบรมกรณีรับนักเรียนนักศึกษาฝึกเตรียมเข้าทำงานตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 

8 พรรครัฐบาลลงนาม ‘เอ็มโอยู’ 23 ข้อ 5 แนวทางปฏิบัติร่วมกัน เร่งร่างรัฐธรรมนูญ นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ไร้มาตรา 112

(22 พ.ค. 66) ที่ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 8 พรรค แถลงข่าวการลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาลว่า วันนี้แถลงบันทึกความเข้าใจร่วมกันการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งวันนี้ 22 พ.ค.เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ครบรอบรัฐประหาร 2557 เป็นวันที่พวกเราเซ็นบันทึก เป็นหมุดหมายที่ดี สะท้อนความสำเร็จของสังคมไทย สามารถเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาอย่างสันติ

จุดประสงค์การทำเอ็มโอยูเพื่อรวบรวมวาระร่วมที่เราเห็นตรงกันและพร้อมผลักดันผ่านกลไกของรัฐบาลและรัฐสภา และเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล

นายพิธา อ่านเนื้อหาบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างพื้นฐานในการจัดตั้งรัฐบาลและการทำงานร่วมกัน ของ 8 พรรค

ทุกพรรคเห็นร่วมกันว่าภารกิจของรัฐบาลที่จะผลักดันนั้น ไม่กระทบรูปแบบของรัฐ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดละเมิดไม่ได้ขององค์พระมหากษัตริย์ ดังนี้

1.) ฟื้นฟูประชาธิปไตย รวมถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนให้เร็วที่สุด โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

2.) ยืนยันและผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เพื่อรับประกันสิทธิสมรสสำหรับคู่รักทุกเพศ โดยจะไม่บังคับประชาชนที่เห็นว่าขัดแย้งกับหลักการของศาสนาที่ตนเองนับถือ

3.) ผลักดันการปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม ให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย โดยยึดหลักความโปร่งใส ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน

4.) เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับ เป็นระบบสมัครใจ ทั้งนี้ยังคงไว้ซึ่งการเกณฑ์ทหารหากมีศึกสงคราม

5.) ร่วมผลักดันกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยคำนึงถึงหลักการด้านสิทธิมนุษยชน การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงทบทวนภารกิจของหน่วยงานและการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง

6.) ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ เพื่อให้ท้องถิ่นตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ปราศจากการทุจริต

7.) แก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐในทุกหน่วยงาน

8.) ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม

9.) ยกเครื่องกฎหมายเกี่ยวกับการทำมาหากิน และการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น ตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราวซึ่งใบอนุมัติ อนุญาตที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคเพื่อปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้กับ SME พร้อมกับมุ่งเน้นการเติบโต GDP ของ SME สนับสนุนอุตสาหกรรม และสินค้าไทยให้มีความเข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้

10.) ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพรรคประชาชาติขอสงวนสิทธิ์ไม่เห็นด้วยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยเหตุผลทางศาสนา

11.) ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ด้วยการผลักดันกฎหมายปฏิรูปที่ดิน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมแก้ปัญหาแนวเขตป่าไม้และที่ดินของรัฐที่ทับซ้อนกับที่ดินของประชาชน รวมถึงการทบทวนคดีที่เป็นผลจากนโยบายทวงคืนผืนป่า

12.) ปรับปรุงโครงสร้างการผลิตไฟฟ้า การคำนวณราคา และกำลังการผลิตที่เหมาะสม เพื่อลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน

13.) จัดทำงบประมาณแบบใหม่ โดยเน้นใช้วิธีการจัดงบประมาณฐานศูนย์ (zero-based budgeting)

14.) สร้างระบบสวัสดิการดูแลประชาชนตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงวัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและภาระทางการคลังระยะยาว

15.) แก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเร่งด่วน

16.) นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา

17.) ส่งเสริมเกษตรและปศุสัตว์ปลอดภัย คุ้มครอง รักษาผลประโยชน์ของเกษตรกร ลดต้นทุนการผลิตส่งเสริมการตลาด ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยี และแหล่งน้ำ ส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อวางแผนการผลิตและรักษาผลประโยชน์กษตรกร ส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรเพื่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ

18.) แก้ไขกฎหมายประมง ขจัดอุปสรรค เยียวยา ฟื้นฟู และพัฒนาอาชีพประมงให้ยั่งยืน

19.) ยกระดับสิทธิแรงงานทุกอาชีพให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม และได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมสอดคล้องกับค่าครองชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

20.) ยกระดับสาธารณสุขเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบสาธารณสุข

21.) ปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

22.) สร้างความร่วมมือและกลไกภายในและระหว่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) โดยเร็วที่สุด

23.) ดำเนินการนโยบายการต่างประเทศ โดยการฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเชียน และรักษาสมดุลการเมืองระหว่างประเทศของไทยกับประเทศมหาอำนาจ

ทุกพรรคเห็นพ้องบริหารประเทศด้วยแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้
1.) ทุกพรรคจะคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของประชาชนทุกคน
2.) ทุกพรรคจะทำงานโดยซื่อสัตย์สุจริต หากมีบุคคลของพรรคใดมีพฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชัน ทุกพรรคจะยุติการดำรงตำแหน่งของบุคคลนั้นๆ ทันที
3.) ทุกพรรคจะทำงานโดยให้เกียรติซึ่งกันและกัน จริงใจต่อกัน สนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน โดยยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง มากกว่าผลประโยชน์ของพรรคใดพรรคหนึ่ง
4.)ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจฝ่ายบริหารของรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของแต่ละพรรคการเมือง
5.) ทุกพรรคมีสิทธิในการผลักดันนโยบายอื่นเพิ่มเติม แต่ไม่ขัดแย้งจากนโยบายในบันทึกข้อตกลงร่วมฉบับนี้ โดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติของผู้แทนราษฎรที่สังกัดแต่ละพรรคการเมือง

สวธ. จับมือกับ โชว์ไร้ขีด ลงนาม MOU ส่งเสริม เผยแพร่ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านเกม พร้อมเปิดมหกรรม COSPLAY ART FESTIVAL 2023 IN THAILAND (CAF 2023) ยิ่งใหญ่แห่งปี เปิดเวทีให้คอสเพลเยอร์ไทยและนานาชาติ แสดงพลัง Soft power กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เวลา 14.00 น. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด (Show No Limit Co.,Ltd.) จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริม เผยแพร่ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านเกม และพิธีเปิดงาน COSPLAY ART FESTIVAL 2023 IN THAILAND (CAF 2023) มหกรรมคอสเพลย์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี โดยได้รับเกียรติจาก นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีลงนาม MOU พร้อมด้วย นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด ร่วมลงนาม โดยมีนางสาวลิปิการ์ กำลังชัย  นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ นางศรีตรัง สารวัตร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการบริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมคณะทูตจากประเทศญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เครือข่ายวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร และบรรดาคอสเพลเยอร์ของไทย ต่างประเทศ เข้าร่วมงาน ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม 

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม เปิดเผยว่า พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด เป็นการส่งเสริม พัฒนาศักยภาพ และองค์ความรู้ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ในการเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านเกม อันนำไปสู่การต่อยอดระดับอาชีพในอุตสาหกรรมเกม หรือทักษะต่างๆ ในการประกอบอาชีพอื่นๆ ได้ สืบเนื่องจาก สวธ. ได้มีบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ สำนักบริหารคณะกรรมการจัดระดับเกมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Game Rating and Administration Committee  - GRAC) โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสร้างวินัยในการเล่นวีดิทัศน์ (เกม) รวมถึงแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมและนำองค์ความรู้ วิธีการต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในราชอาณาจักรไทยได้ สอดคล้องตามนโยบายหลัก 12 ด้าน ของรัฐบาลไทย เพื่อสร้างสังคมให้มีคุณภาพ คุณธรรม และอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข  

อธิบดี สวธ. กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันการเข้าถึงสื่ออย่างภาพยนตร์ การ์ตูน และเกม สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาทำให้ผู้คนสามารถรับชมทางออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา เนื้อหาที่หลากหลายของสื่อเหล่านี้ ล้วนส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงค่านิยมและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมจนวัฒนธรรมบางส่วนเกิดการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงไป ที่เรียกกันว่า วัฒนธรรมย่อย (Sub Culture) มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมรับชมสื่อ ซึ่งแฝงวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาทำให้ลอกเลียนแบบในสิ่งที่ชอบ ทั้งนี้วัฒนธรรมย่อยได้ถูกผสมผสานจากวัฒนธรรมหลักของประเทศนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า Pop Culture และ COSPLAY จึงเป็น Pop Culture อย่างหนึ่งที่มีกลุ่มที่ให้ความสนใจมากมายมหาศาลทั่วโลก ซึ่งสามารถนำมาผนวกกับวัฒนธรรมไทยได้ ทำให้เกิดผลงานมีความเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของประเทศไทย ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ทำให้คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบ COSPLAY สามารถนำวัฒนธรรมไทยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มีผลงานสู่สายตานานาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมแวดล้อมให้มีรายได้ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป 
 
ด้าน หนุ่ย - พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า คอสเพลย์เป็นดั่งสีสันที่อยู่คู่งาน Thailand Game Show มาอย่างเนิ่นนานนับตั้งแต่จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 จวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็ได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่า งานอดิเรกนี้ คือ หนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยที่ได้รับความนิยมเติบโตขึ้นอย่ารวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ให้เยาวชน ไม่ว่าจะเป็นความกล้าคิดกล้าแสดงออก ทักษะงานฝีมือ การตัดเย็บ เทคนิคการแต่งหน้า เรียนรู้ทักษะการเต้น การแสดง หรือแม้กระทั่งการออกกำลังกายเพื่อให้มีรูปร่างใกล้เคียงกับตัวละครต้นฉบับที่เลือก ซึ่งก็ล้วนเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับจากการแต่งคอสเพลย์ทั้งสิ้น 
 
สำหรับงาน Cosplay Art Festival 2023 in Thailand (CAF 2023) ตลอดทั้ง 3 วันนี้ ได้รวบรวมกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทุกความเป็นคอสเพลย์ ได้แก่  Thailand and International Guest Cosplayers ที่จะได้พบปะกับ คอสเพลเยอร์ท็อปเทียร์ระดับโลกอย่าง Hakken 八犬 (ฮัคเคน) คอสเพลเยอร์ชาวมาเลเซียที่มียอดผู้ติดตามใน  Instagram เกือบ 4 ล้านคน, Xiaoyukiko (小鱼KIKO) (เสี่ยวหยูกิโกะ) คอสเพลเยอร์สาวเซ็กซี่จากสิงคโปร์ มียอดผู้ติดตามใน Facebook กว่า 1 ล้านคน และ Ely (อีลี่) คอสเพลเยอร์สาวสุดน่ารักจากไต้หวัน และยอดผู้ติดตามกวา่ 9 แสนคน อีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นไฮท์ของงาน คือ CAF Cosplay Contest รางวัลรวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท สิทธิ์เข้าร่วม Boot Camp สุด Exclusive กับคอสเพลเยอร์ชื่อดังของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมี Mini Concert Anisong! VTuber, Algorhythm Project, เกมสนุก ๆ และสินค้าลิขสิทธิ์แท้มากมาย 
 
ทั้งนี้ งาน Cosplay Art Festival 2023 (CAF 2023) มหกรรมคอสเพลย์สุดยิ่งใหญ่แห่งปี จะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 30 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2566 ณ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theconcert.com/concerts/caf2023 หรือโทร 09-2417-9289 คณสุทธดา รวดเร็ว (เจี๊บบ) สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ที่ www.culture.go.th, เฟซบุ๊ก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ Line @ วัฒนธรรม 

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top