Tuesday, 14 May 2024
ร้านปิ้งย่าง

‘นิกกี้ พิ้ม’ แฉ!! ร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์เจ้าประจำตรงเอกมัย คิดค่าเปิดเตาเพิ่ม-เมนูไม่ตรงปก-แกล้งลืมเสิร์ฟอาหาร

เมื่อวานนี้ (24 พ.ย.66) ‘นิกกี้ พิ้ม’ นักร้อง นายแบบ และนักแสดงหนุ่ม ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘Nicky Pimpz’ เกี่ยวกับพฤติกรรมร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ตรงเอกมัย ว่า…

พฤติกรรมร้านปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์ตรงเอกมัยที่มีโลโก้รูปลิง มีเวิ้งที่จอดรถ ข้างบนเป็นร้านชาบูน่าเกลียดมาก เป็นร้านประจำที่ไปกินกับครอบครัว ผมถือว่าผมเป็นลูกค้าประจำ บางครั้งไปกินใช้เงินเป็นหมื่นทุกครั้ง ไปไม่ต่ำกว่า 3-5,000 บาท วันนี้ถูกร้านวางยาหลายจุดเหตุเพราะไปถามว่าทำไมถึงคิดค่าเปิดเตาเพิ่ม ทั้งๆ ที่เราไปกัน 4 คน รวมเด็กด้วย 2 คนเป็น 6 คน ในโต๊ะเดียวกันมีอยู่ 2 เตา แต่มาคิดตังค์เราเพิ่ม ผมก็งงเพราะทุกครั้งไปไม่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เลยถามแบบสุภาพว่าทำไมถึงคิดค่าเปิดเตา เขาตอบแบบงูๆ ปลาๆ ว่าถ้านั่งโต๊ะนี้เป็นโต๊ะ 8 คน ถ้า 4 คนต้องคิดค่าเปิดเตา ผมไปไม่เป็นเลยทั้งๆ ที่มีลูกมาอีก 2 เป็น 6 คน

หลังจากนั้นผมก็สั่งอาหารตามปกติ เขาก็เริ่มเอาเนื้อที่ไม่เหมือนในเมนูเป็นคุณภาพชั้นต่ำเอาออกมาให้แล้วถ่วงเวลามาก ส่วนอาหารที่เป็นพวกหอยก็ไม่เอาออกมาให้ทำเป็นแกล้งลืมยื้อเวลาสุดๆ ถ่านก็ใส่มาน้อยเพื่อไม่ให้เผาไหม้ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นเนื้อที่เอาออกมาเป็นเนื้อที่เปรี้ยวเหมือนเสียแล้ว Cutting ก็ไม่ใช่แบบเดิม บอกได้เลยว่าเป็นเนื้อคนละเกรดจากในเมนู ถามว่าทำไมผมรู้เพราะว่าผมเป็นลูกค้าประจำ ผมมากินที่นี่บ่อยมากรู้เลยว่าเนื้อที่เอามาไม่ใช่เนื้อที่กินอยู่ประจำ แถมสภาพเนื้อแตกต่างกันอย่างฟ้าดิน ผมยอมกินไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเริ่มไม่ไหวเพราะไม่มีเจ้าหน้าที่มาบริการดูแล ทั้งๆ ที่ร้านก็ไม่ค่อยมีคน จนสุดท้ายผมเรียกพนักงานมาต่อว่าและพูดความรู้สึกกับเขา เขารีบยกมือขอโทษแล้วเอาเนื้อไปเปลี่ยนเป็นเนื้อที่ปกติ แบบที่กินประจำและเก็บทุกอย่างบนโต๊ะไปหมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วให้ข้ออ้างว่าอาจจะเป็นที่ห้องครัวข้างบนส่งผิดมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเริ่มบ่นและ Complain ก็เริ่มเอาหอยที่สั่งทั้งหมดออกมา แสดงว่าไม่ได้ลืม แค่ไม่อยากบริการแต่แรก บอกได้เลยว่าน่าเกลียดสุดๆ ใครอยู่ตรงนั้นจะเข้าใจความรู้สึก

ผมพาเพื่อนฝรั่งมากินเพราะเขาชอบที่นี่ทุกครั้งที่มาเมืองไทยผมจะพาเข้ามากินที่นี่เพราะเขาเป็นคน Request ขนาดเพื่อนฝรั่งครอบครัวเขายังรู้เลยว่าผิดปกติและถูกวางยาอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลาในการยื้ออาหารหรืออาหารที่คุณภาพต่ำออกมาแบบตั้งใจ ดังนั้นครั้งนี้ผมอยากจะเขียนเพื่อแสดงความรู้สึกในฐานะลูกค้าชั้นดีที่ไม่เคยมีปัญหามาก่อนว่าถ้าทำธุรกิจแบบนี้ อย่าทำเลย เพราะเราเป็นผู้บริโภคเราไม่รู้ว่าอาหารที่คุณเอามาให้เรากินจะกระทบกระเทือนต่อสุขภาพของเราหรือเปล่า

หลังจากที่ร้านรู้ตัวว่าทางลูกค้าไหวตัวทันและไม่พอใจก็เริ่มส่งพนักงานผู้จัดการมาขอโทษขอโพย ทำเป็นตีบทละครน่าเศร้า แต่บอกตรงๆ นะผมไม่กล้ากินหรอกเพราะผมไม่รู้ว่าเขาจะถุยน้ำลายใส่อาหารผมที่ออกมาใหม่หรือเปล่า ด้วยซ้ำไป ผมพาลูกเล็กมากินที่นี่บอกตรงๆ ว่าไม่กล้ากินอีกแล้ว แล้วจะบอกคนในครอบครัวและเพื่อนผมทุกคนว่าให้เลิกอุดหนุนที่นี่เพราะว่าการบริการและการวางยาให้ลูกค้าน่าเกลียดมาก

ถามว่าเจ้าของไม่น่าจะรู้เรื่องก็เป็นไปไม่ได้เพราะเนื้อที่อยู่ในร้านไม่ใช่คุณภาพเดียวกัน ดังนั้นคงมีการเตรียมพนักงานมาเรียบร้อย

บอกตรงๆ นะไม่ใช่ราคาถูกร้านอาหารนี้ ควรจะปรับปรุงและไม่ทำอย่างนี้กับลูกค้าเพราะส่วนใหญ่ลูกค้าที่อยู่แถวเอกมัยเป็นลูกค้าชั้นดีทั้งหมด ฝากไว้ให้คิด

ไขข้อข้องใจ เหตุใด ไอศกรีมร้านบุฟเฟต์ ถึงแข็ง-ตักยาก ชาวเน็ตถกกันสนั่น ร้านตั้งอุณหภูมิไว้ เย็นไปป่าว

(23 มี.ค.67) เป็นที่ทราบกันดีว่า สำหรับคนไทยที่ชอบรับประทานร้านปิ้งย่างแบบบุฟเฟ่ต์ เมื่อจบมื้อก็จะตบท้ายด้วยของหวานอย่าง 'ไอศกรีม' โดยลูกค้าต้องเป็นฝ่ายเดินไปตักจากถัง หรือตู้แช่มาทานเอง

แน่นอนว่า ไอศกรีมในร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง ก็ขึ้นชื่อเรื่องความตักยาก จนกล้ามขึ้น กลายเป็นปัญหาโลกแตกของใครหลายคน

เช่นเดียวกับหนุ่มรายนี้ ได้ออกมาโพสต์ภาพตอนตักไอศกรีม พร้อมตั้งคำถามผ่านเฟซบุ๊กว่า

“ทำไม ไอศกรีมในร้านบุฟเฟ่ต์ถึงต้องตักยากครับ เล่นเอาซะเส้นแขน ท่อนแขนตึงเลย
อันนี้ผมสงสัยจริงๆครับ ไม่ได้ตำหนิอะไรร้านนะครับ”

งานนี้เมื่อแชร์ออกไป กลายเป็นที่ถกสนั่น จนมีผู้รู้เรื่องนี้ เข้ามาตอบถึงทฤษฎี เรื่องไอศกรีมว่า “เพราะเจ้าของร้านไม่เข้าใจเรื่องของการควบคุมอุณหภูมิ ว่าอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น ๆ ต้องควบคุมอุณหภูมิที่เท่าไหร่”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีคนแย้งกลับเช่นกัน โดยมองถึงการที่ร้านกดอุณหภูมิให้ต่ำเกินกว่ามาตรฐานจริง เป็นการลดต้นทุน ทำให้คนตักไอศกรีมได้น้อยลง ยิ่งตักยาก ยิ่งเสียเนื้อไอศกรีมน้อย นับเป็นทริกอย่างหนึ่ง มิเช่นนั้นคงไม่เป็นกันทุกร้าน

ทว่าเรื่องนี้มีคนแย้งกลับว่า สาเหตุที่ต้องตั้งอุณหภูมิตู้ไอศกรีมให้เย็นกว่าปกติ ไม่ใช่ต้องการควบคุมต้นทุนทำให้คนตักน้อย

แต่เป็นเพราะร้านบุฟเฟต์มีคนตักถี่กว่าร้านที่ขายเอง จนมีการเปิดตู้บ่อย ๆ ซึ่งถ้าตั้งอุณหภูมิตามปกติ พอเจอคนเปิดตู้บ่อย ๆ ไอศกรีมจะละลายจนไม่เป็นก้อน

ดังนั้น จึงต้องตั้งอุณหภูมิให้ต่ำลงถึงจะทำให้ไอศกรีมไม่เละ จนกลายเป็นแข็งอย่างที่เห็น

ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่มองว่า ร้านทำให้ไอศกรีมแข็งเพื่อลดต้นทุน อาจจะลืมมองอีกมุมว่า การที่ตั้งค่าให้ตู้ไอศกรีมเย็นกว่าปกติ ก็ต้องใช้ไฟมากขึ้นก็นับว่าเป็นต้นทุนเช่นกัน

นอกจากนี้ก็ยังมี คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

ผมเคยตั้งให้ตักง่ายๆแล้วครับ แต่พอลูกค้าเปิด-ปิดบ่อย ความเย็น เย็นไม่ทัน ไอศกรีมละลาย ไม่สามารถเซ็ตตัวได้

พอเซ็ตไว้อุณหภูมิ ปกติ แต่ถ้าลูกค้าไม่มาเปิดเลยนานๆ มันจะแข็งมากๆ ตักยากปวดมือครับ
ไม่ได้เป็นเทคนิคใดๆหรอกครับ

เคยเจอร้านนึง ขูดไว้ให้เป็นก้อนเลยค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาและแรงขูดเอง

'ไดโดมอน' ปิ้งย่างสุดฮิตยุค 80 ปิดสาขารองสุดท้ายที่ 'เซ็นทรัลอุบลฯ' เหลือสาขาเดียวที่ 'รังสิต' จากเคยบูมกว่า 60 สาขาเมื่อ 23 ปีที่แล้ว

(28 เม.ย. 67) เฟซบุ๊กเพจ ‘Daidomon’ ประกาศปิดสาขาเซ็นทรัลอุบล โดยจะให้บริการถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นวันสุดท้าย ระบุข้อความว่า “ขออภัยในความไม่สะดวก Daidomon Korean Grill สาขาเซ็นทรัลอุบล ขอแจ้งปิดบริการ โดยให้บริการถึงวันที่ 30 เม.ย. 67 เป็นวันสุดท้าย ขอขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนทางร้านมาด้วยดีเสมอ โดยท่านสามารถใช้บริการสาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต : ชั้น B โซนโรบินสัน ได้ตามปกติ”

สำหรับ ‘ไดโดมอน’ เป็นร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 นับเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแห่งแรกๆ ในไทย เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหนึ่ง ก่อนที่ บริษัท ฮอทพอท จำกัด (มหาชน) จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 เพื่อเติมพอร์ตร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่าง จากเดิมที่เน้นสุกี้-ชาบูเพียงอย่างเดียว

ไม่นานหลังจากนั้น บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) ของตระกูล “เตชะอุบล” ก็ทำการเข้าซื้อกิจการฮอทพอทในปี 2561 จึงมีการเปลี่ยนชื่อบริษัท เป็น บริษัท เจซีเค ฮอสพิทัลลิตี้ จำกัด (มหาชน) โดยมีเป้าหมายในการบุกสมรภูมิร้านอาหารที่หลากหลาย ไม่ได้จำกัดเพียงบุฟเฟ่ต์ สุกี้ หรือปิ้งย่างอีกต่อไป หลังจากนั้นเราจึงได้เห็นความหลากหลายของพอร์ตธุรกิจในกลุ่มเจซีเคที่มีตั้งแต่อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน ไปจนถึงอาหารอิตาเลียน

อย่างไรก็ตาม หากดูผลประกอบการของกลุ่มเจซีเคที่ผ่านมาพบว่า ยังเผชิญกับภาวะขาดทุนทุกปี หากนับย้อนตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2565 พบว่า ขาดทุนสะสมกว่า 1.3 พันล้านบาท โดยมีรายละเอียดรายได้ 4 ปีหลัง ดังนี้

ปี 2562: รายได้ 1,397 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 158 ล้านบาท
ปี 2563: รายได้ 701 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 142 ล้านบาท
ปี 2564: รายได้ 440 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 257 ล้านบาท
ปี 2565: รายได้ 547 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 214 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจหลักของกลุ่มเจซีเค มี ฮอทพอท เป็น Core Business ครองสัดส่วนรายได้เกิน 50% ของโครงสร้างรายได้ทุกปี ทว่า ปัจจุบันร้านฮอทพอทมีเพียง 4 แห่งทั่วประเทศ โดยมีสาขาในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น จับตาดูสถานการณ์กันต่อไปว่า เจซีเคจะมีแผนปรับเกมเช่นไร ในช่วงเวลาที่ตลาดร้านอาหารแข่งขันกันดุเดือดเช่นนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top