Thursday, 16 May 2024
ร้องเรียน

'กลุ่มประชาสังคมฯ' ร้อง 'ประธานสภา'  จัดการ 'จิราพร' อภิปรายเหมืองทองคำบิดเบือน

กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ บุก สภา ร้อง 'ชวน' ตรวจสอบจริยธรรม-ชงป.ป.ช.ฟัน 'จิราพร' พูดบิดเบือนข้อเท็จจริงในศึกซักฟอก ยันไทยยังไม่ได้รับความเสียหาย 'ประยุทธ์' ใช้ ม.44 ปิดเหมืองเป็นอำนาจโดยชอบของรัฐบาลไทย

วานนี้ (22 ก.ค. 65) ที่รัฐสภา กลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ นำโดย นางวันเพ็ญ พรมรังสรรค์ รองประธานกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอให้สอบสวนจริยธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) จากพฤติการณ์อภิปรายกรณีเรื่องเหมืองแร่ทองคำโดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในสภา เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนางวันเพ็ญ กล่าวว่า กลุ่มของตนเป็นกลุ่มประชาชนผู้ร้องในคดีเหมืองทองคำต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ดำเนินการสอบสวนกรณีบริษัทประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำโดยมิชอบด้วยกฎหมายในหลายกรณี ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ บางส่วนก็มีการชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐและมีการสั่งฟ้องไปยังศาลแล้ว บางคดีก็อยู่ระหว่างการสั่งฟ้องไปยังอัยการ และบางส่วนก็อยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งรวมทุกประเด็นแล้วมีมากกว่า 40 ประเด็น

นางวันเพ็ญ กล่าวว่า การที่ประเทศไทยยุติการทำเหมืองแร่ทองคำของ บริษัทอัครารีซอสเซส จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2559 โดย การใช้มาตรา 44 ตามคำสั่งที่ 72/2559 ประกอบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นอำนาจโดยชอบของรัฐบาลไทยซึ่งให้สัมปทานเมื่อรัฐบาลเห็นว่าประชาชนร้องเรียนเรื่องผลกระทบ จึงใช้อำนาจโดยการระงับไม่ต่อใบอนุญาตเหมืองแร่ทองคำและโรงงานโลหะกรรมที่สิ้นอายุลงตามปรกติ เอาไว้เพื่อตรวจสอบ จนนำไปสู่การตรวจสอบตามข้อร้องเรียนพบว่าบริษัททำผิดกฎหมายหลายกรณี ซึ่งกรณีที่ว่านี้แม้ว่าประเทศไทยจะถูกดึงเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ แต่การต่อสู้ในชั้นนี้ ประเทศไทยมีจุดแข็งในการต่อสู้เนื่องจากขณะที่ใช้มาตรา 44 ประเทศไทยยังมีพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) แร่ พ.ศ. 2510 ซึ่งมีมาตรา 9 ตรี กับ 9 ทวิ คุ้มครองไว้ จึงทำให้ประเทศไทยนั้นไม่เสียเปรียบทางด้านกฎหมาย เพราะว่ากฎหมายได้คุ้มครองไว้ว่าไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้บริษัทเอกชน

‘กกต.’ แจงสั่งยุติ 61 คำร้องยุบพรรค ยึดตาม กม. เตือนนักร้อง!! ระวังเจอร้องเท็จ มีโทษหนัก

(17 มี.ค. 66) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีมีความเห็นว่าคำร้องยุบพรรค 61 เรื่องไม่มีมูล จึงสั่งยุติเรื่อง ว่า การพิจารณาการยุบพรรคของนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ถือเป็นเรื่องของกฎหมายพูด เป็นความยุติธรรมตามกฎหมาย ไม่ใช่นายทะเบียนคิดเอาเอง

นายแสวง ยังกล่าวด้วยว่า โดยหลัก เมื่อความปรากฏต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ก็จะให้สำนักงานดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง 2564 ที่กำหนดให้ต้องให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสชี้แจงเพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

จากนั้นจึงมาพิจารณาว่า การการกระทำนั้น กฎหมายกำหนดเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองหรือไม่ หลายคำร้องมีการกระทำตามที่ร้องเกิดขึ้นจริง แต่การกระทำนั้นไม่ใช่เหตุแห่งการยุบพรรคการเมืองก็จะไม่รับไว้พิจารณา หรือสั่งยุติเรื่อง

“แต่ถ้าพิจารณาแล้วการกระทำตามคำร้องนั้นอาจเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้ ก็จะรับไว้พิจารณาว่า การกระทำนั้นครบองค์ประกอบความผิดตามกฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ หรือถึงขนาดให้ต้องยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งก็แล้วแต่กรณี แต่ที่ผ่านมาพบว่าเป็นคำร้องที่ไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเป็นส่วนมาก”

‘ศปปส.' บุกร้องเรียนสำนักพุทธฯ เหตุ 'พระพยอม' เชียร์พิธาเกินงาม หวั่นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม

(24 ก.ค. 66) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) นำโดย นายอานนท์ กลิ่นแก้ว และ นายนพดล พรหมภาสิต ประธานกลุ่มศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด bully ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. พร้อมคณะ เดินทางมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการเรียกร้องให้ทางสำนักพุทธฯ ดำเนินการตามขั้นตอนกรณีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว พระนักเทศน์ชื่อดัง ภายหลังออกมาวิจารณ์การเมืองผ่านสื่อสังคมออนไลน์โดยมองว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เป็นนายกฯ เพราะถูกสกัดกั้นและจะได้คะแนนสงสารเยอะมาก คราวหน้ายิ่งกว่าแลนด์สไลด์

นายนพดล พรหมภาสิต ประธาน ศชอ. ระบุว่า "การกระทำของพระพยอม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ด้วยพระพยอมเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง หรือพระเซเลป การแสดงความคิดเห็นของพระพยอม คงปฎิเสธไม่ได้ว่า ได้กระทบในวงกว้าง หากพระพยอมยังมีพฤติกรรมวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดเกี่ยวกับการเมืองต่อไปเรื่อย ๆ อาจจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยก และทำให้พุทธบริษัท 4 ไม่ว่าจะเป็น อุบาสก อุบาสิกา หรือใครอีกหลายๆคนรู้สึกไม่สบายใจ ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า การแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมือง จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง มีทั้งฝั่งที่เห็นด้วย และฝั่งที่ไม่เห็นด้วย

พฤติกรรมของพระพยอมที่เกิดขึ้น ทำให้ถูกมองว่าพระพุทธศาสนา กำลังจะถูกโยงเข้าไปในความขัดแย้งทางการเมือง จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

พระพยอมควรระมัดระวังในการให้สัมภาษณ์ ไม่ต้องตอบทุกคำถามกับนักข่าวก็ได้ ควรสงบปากสงบคำ ถ้าคำถามนั้นทำให้เกิดเป็นประเด็นทางการเมืองที่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในสังคม"

‘ศปปส.’ บุกยื่นหนังสือสอบพฤติกรรม ‘พระพยอม’ ชี้!! ทำประชาชนแตกแยก ส่ออาบัติสังฆาทิเสส

(29 ก.ค. 66) นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) พร้อมตัวแทนประมาณ 10 คน เดินทางมายังวัดบัวขวัญ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เพื่อนำหนังสือร้องเรียนถึงประพฤติกรรมในการเทศน์ของ ‘พระพยอม กัลยาโณ’ ที่ทางกลุ่มมองว่าไม่เหมาะสม เพราะมีการพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมืองเข้าเกี่ยวข้อง จึงยื่นหนังสือให้กับ พระเทพวชิรนันทาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบัวขวัญ ในฐานะเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ตรวจสอบและลงโทษทางวินัยกับพระพยอมต่อไป

นายอานนท์ กล่าวว่า หลังจากก่อนหน้านี้ทางกลุ่มได้เดินทางไปยื่นเรื่องกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มาแล้วอาทิตย์หนึ่งแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ วันนี้จึงรวมตัวกันเดินทางนำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมของพระพยอม กัลยาโณ มายื่นให้กับเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ในฐานะผู้ปกครอง ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้ต่อไป

นายอานนท์ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฏว่าเมื่อทางกลุ่มมาถึง ทางเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรีกลับไม่ออกมารับหนังสือ เดินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ หรือว่าท่านเห็นว่าเรื่องนี้ไม่มีความสำคัญ ทั้ง ๆ พระพยอมซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ไปพูดจาพาดพิงถึงเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์และการเมือง ทำให้สังคมซึ่งเกิดความแตกแยกกันอยู่แล้ว แตกแยกกันหนักยิ่งขึ้นไปอีก

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ซึ่งมติมหาเถระสมาคมเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2538 มีมติไม่ให้พระสงฆ์ไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่พระพยอมกลับไปพูดถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในทำนองชื่นชมราวกับคนที่ฝักใฝ่ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดและขัดกับคำสั่งของมหาเถระสมาคมเป็นอย่างมาก แต่ทางเจ้าคณะก็ไม่ออกมารับหนังสือจากทางกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่ได้มีการประสานเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ทางกลุ่มมาแค่ยื่นหนังสือร้องเรียนไม่ได้มาคุกคาม

นายอานนท์ กล่าวว่า นอกจากนี้ พระพยอมยังไปพูดเห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย ม.112 ของพรรคก้าวไกลในทำนองที่เห็นด้วย ทั้ง ๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ตีความออกมาแล้วว่าการไปปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ แล้วยิ่งพระพยอมซึ่งมีผู้คนนับถือเป็นจำนวนมากมาพูดชี้นำแบบนี้ก็ทำให้ผู้คนหลงเชื่อกันไปใหญ่ ยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกตามมาก

นายอานนท์ กล่าวด้วยว่า ซึ่งในกฎของสงฆ์มีข้อห้ามเอาไว้ว่า การทำให้สงฆ์แตกแยกถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ดังนั้นการที่พระพยอมออกมาพูดแล้วทำให้คนในสังคมเกิดความแตกแยกแบบนี้ถือเป็นอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่ กลุ่มจึงเดินทางมายื่นหนังสือกับเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรีเพื่อทำการตรวจสอบพระพยอมในเรื่องนี้

นายอานนท์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพระพยอมเป็ยฝ่ายกองเชียร์คนเสื้อแดงมากว่า 10 ปีแล้ว แต่มาในวันนี้กลับกลายเป็นคนเสื้อส้ม ถึงขั้นเห็นด้วยกับกฎหมายที่พรรคก้าวไกลพยายามจะแก้ไข ม.112 จนถึงขั้นเอานายพิธาไปเปรียบเทียบกับอดีตพระมหากษัตริย์บางพระองค์ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แล้วหลังจากที่พระพยอมได้พูดชี้นำ พาดพิง จนกลายเป็นข่าวไปแล้วนั้น ตนยังไม่เห็นเลยว่าพระพยอมจะออกมาขอโทษกับทางสังคมเลย

นายอานนท์ กล่าวว่า มีแต่ไปพูดกับสื่ออีกว่า จะเลิกพูดเกี่ยวกับการเมืองหลังเข้าพรรษาไปแล้วแค่นั้น ตนและกลุ่มจึงเห็นว่าเรื่องนี้ทางเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ปกครองโดยตรงของพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ควรดำเนินการตรวจสอบเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป แต่ทางเจ้าคณะจังหวัดไม่ออกมารับหนังสือ ทางกลุ่มก็จะเดินทางไปยื่นและติดตามเรื่องกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top