Tuesday, 14 May 2024
รัฐบาลประยุทธ์

‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ เตือนรัฐบาลระวังอิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก ชี้ หากคุมเสียงไม่ดี มีสิทธิ์พัง

8 พ.ค.2565-นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ‘อิทธิฤทธิ์พรรคเล็ก’ โดยระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้สนับสนุนให้เกิดพรรคเล็กขึ้นมามากมาย บางพรรคมีคนเดียว บางพรรคมี 3-4 คน ถึงแม้จะเป็นพรรคการเมือง แต่การบริหารจัดการตกอยู่กับคนที่เป็น ส.ส. ในสภาเท่านั้น คุณค่าของพรรคเล็กขึ้นอยู่กับ ‘คะแนนของรัฐบาล’ ว่า หากมีเสียงมากเกินครึ่ง จะต้องไปพึ่งเสียงนกเสียงกา เล็กๆ น้อยๆ ทำไม? เพราะไม่มีผลสั่นสะเทือนใดๆ ต่อสถานะรัฐบาล

ในยุคสมัยก่อน คะแนนของ ส.ส. ซีกรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่งไปมาก พรรคเล็กจึงไม่มีความหมาย แต่เมื่อคะแนนฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านไม่ได้ห่างกันมากในยุคนี้ พรรคเล็กพรรคจิ๋วจึงรวบรวมกำลัง ผนึกจับมือกัน ทำให้มีพลังต่อรองขึ้นมามากทันที

ความปวดเศียรเวียนเกล้ากับการบริหารจัดการพรรคเล็ก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ 1. ต่างคนต่างมา พรรคละ 1-4 คน ทุกคนจึงใหญ่หมด คุมกันไม่ได้ 2. ทิศทางการเมืองไม่แน่นอน อุดมการณ์ไม่มี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยมากน้อย 3. ส.ส. แต่ละคนในพรรคเล็ก บางคนคิดว่าไหนๆ ก็ได้เป็น ส.ส. แค่สมัยเดียวแล้ว ต้องได้คุ้มก่อนจาก  4. การตัดสินใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค หรือนโยบายพรรค แต่ขึ้นอยู่กับความพอใจของตนเองเป็นหลัก ยิ่งเป็น ส.ส. สมัยแรกยิ่งหนัก 5. ไม่สนใจการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่พะวงกับคะแนน จะทำอะไรก็ไม่แคร์สายตาประชาชน เพราะเป็น ส.ส. ครั้งนี้ครั้งเดียว

ทั้งผสมโรงจาก ส.ส. ที่ฟลุ๊คได้มาในบางพรรคใหญ่ แล้วแปรสภาพกลายเป็น ‘งูเห่า’ ย้ายพรรคจนจำไม่ได้ หรือการโหวตสวนกับมติพรรคตลอด ชื่ออยู่พรรคหนึ่ง แต่ใจไปอยู่อีกพรรค เป็น ‘ชู้’ กันให้เห็นไม่เกรงใจ ‘รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ’ หากคุมไม่ดี หรือพรรคเล็กทำท่าทีเข้าข้างฝ่ายค้าน มีโอกาสล้มรัฐบาลได้ รัฐบาลจึงต้องโอ๋สุดๆ ได้โก่งราคากันสุดโต่ง ยิ่งใกล้หมดเวลา ยิ่งได้เห็นอิทธิฤทธิ์ของพรรคเล็กชัดเจนขึ้น ใครว่าใกล้หมดเวลาไม่มีราคาให้ ผมกลับเห็นว่ายิ่งต้องจ่ายไม่อั้น เพราะมีผลถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าจะมีโอกาสกลับมาหรือไม่ ?

เปิด 3 แกนกลยุทธ์สร้างอนาคตให้เมืองไทย ในวันที่ ‘รบ.ประยุทธ์’ ทำสำเร็จแล้วหลายส่วน

'บิ๊กตู่' ปรับลุคใหม่ ปล่อยคลิปแถลงการณ์ 'กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต' โชว์แผนนำไทยพ้นวิกฤติ 

นายกฯ ออกแถลงการณ์ ‘กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต’ ปลุกคนไทยร่วมสู้วิกฤติอีกครั้ง ให้หลุดพ้นความจน สร้างความมั่งคั่งรุ่งเรือง ลั่นเป็นภารกิจนายกฯ ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง เหน็บรบ.อดีตวางโครงการสวยหรูเก็บขึ้นหิ้งฝุ่นเกาะ ยอมรับนำเสนอไม่เก่งแต่รู้วิธีทำเรื่องใหญ่ให้เกิดขึ้นได้ อ้อนบริสุทธิ์ใจ มีหัวใจอยู่กับปชช.และประเทศ

(8 ก.ค.65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวแถลงการณ์ ‘กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต’ เป็นคลิปวิดีโอความยาว 17.48 นาที ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha’ ว่า... 

วันนี้ตนอยากพูดกับทุกท่าน เกี่ยวกับอนาคตของบ้านเรา และการเดินหน้าต่อไปของประเทศไทย ตอนนี้ประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่ภาวะการใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงปกติแล้ว ข้างหน้าของเรายังมีอีกหนึ่งภัยร้ายที่ใหญ่ ยิ่งกว่ารอเราอยู่ นั่นคือ เราจะอยู่รอดอย่างไร จากการโหมกระหน่ำของพายุการขึ้นราคาทุกอย่าง ซึ่งสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่กระตุ้นให้ข้าวของแพง ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน อาหาร ค่าขนส่ง จนถึงขั้น ทำให้บางประเทศในภูมิภาค เข้าใกล้การล่มสลายทางเศรษฐกิจ วันนี้ตนขอใช้เวลาซักนิด เล่าเรื่องสำคัญ คือ กลยุทธ์ภาพใหญ่ของตนที่จะมาแก้ปัญหาปากท้องและความยากจนให้หมดไปเสียที

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศในช่วงระยะสั้นๆ ได้ดำเนินนโยบายระยะสั้น แก้ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า หรือมีโครงการลดแลกแจกแถมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า บางโครงการเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามวิกฤต เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่โครงการแบบนั้น ไม่ใช่วิธีที่จะแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน และแน่นอนว่าวิธีการเหล่านั้น ไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น ตนจึงตั้งใจเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น ที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ ให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อช่วยทุกคนให้สามารถสร้างรายได้ ได้มากขึ้นอย่างยั่งยืน ตนขอให้ทุกท่านเดินหน้าไปกับตน ในช่วงเวลาที่ภารกิจระยะยาวเพื่อทุกคน ที่ตนได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตนกำลังขับเคลื่อนกลยุทธ์ภาพใหญ่ที่มี 3 แกนหลัก ที่จะมายกระดับความรุ่งเรืองของประเทศ เป็น 3 แกนหลักที่กำลังจะเสร็จ และกำลังจะพร้อมที่จะช่วยเราทุกคนได้ในอนาคตอันใกล้

>> แกนที่ 1
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แกนที่ 1 คือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ ที่ใหญ่ที่สุด และบูรณาการมากที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โครงการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน หรือท่าเรือ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความรุ่งเรืองมั่งคั่งของทุกคน โครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างยาวนานหลายปี และตอนนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

เป็นสิบๆ ปีที่ผ่านมา รัฐมักจะวางแผนโครงการที่สวยหรูมากมาย ทั้งการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน และท่าเรือ แต่สุดท้าย แผนโครงการที่สวยหรูเหล่านั้นก็ถูกเก็บขึ้นหิ้ง จนฝุ่นเกาะ และไม่เคยถูกทำให้เกิดขึ้นจริง – กลายเป็นว่า ประชาชนหลายสิบล้านคน ยังคงต้องใช้ชีวิตกันต่อไป โดยไม่ได้รับประโยชน์จากการมีโครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมขนส่งที่ดีกว่า และถูกกว่า ที่ในที่สุดแล้ว จะช่วยเปิดโอกาสให้ประชาชน สร้างรายได้ ได้มากขึ้นด้วย 

ความมุ่งมั่นหลักของตนคือ ทำอย่างไรให้โครงการนับร้อยๆ เหล่านั้น เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเป็นไปอย่างบูรณาการ เพราะตนรู้ว่า เมื่อโครงการทางรถไฟ โครงการรถไฟความเร็วสูง ถนน ท่าเรือ และสนามบินต่างๆ เกิดขึ้นจริง โครงการเหล่านั้นจะเชื่อมต่อกัน เหมือนต่อจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ได้สำเร็จ และนั่นคือเวลาที่เราจะคาดหวังถึงความเจริญรุ่งเรืองอย่างก้าวกระโดดของประเทศเราได้ – และเมื่อโครงการต่างๆ เหล่านั้นเชื่อมต่อกัน จะเป็นเหมือนสะพานเชื่อม เป็นเครื่องมือให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง และประเทศได้โครงการสำคัญต่างๆ ของเรา ในทุกมุมของประเทศ มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร และเริ่มใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว

>> แกนที่ 2
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แกนที่ 2 ของกลยุทธ์ภาพใหญ่ของตน เพื่อที่จะสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับคนไทย คือแกนที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด โดยภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงต่างๆ เป็นภาคอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงเชื่อมต่อไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดเล็กอีกมากมาย ตลอดจนดึงเงินมหาศาลให้ไหลเข้าประเทศไทย ผ่านการส่งออกต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนความมั่งคั่งรุ่งเรืองของไทย ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา 

แต่วันนี้ อุตสาหกรรมนี้ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่ เพราะการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก เป็นเวลาที่ผู้ผลิตยานยนต์ อาจจะต้องเลือกที่จะสร้างโรงงานผลิตรูปแบบใหม่ ในประเทศต่างๆ 

ดังนั้น เราต้องเดินหน้าให้เร็ว และเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ที่กำลังพยายามจะใช้โอกาสนี้ ดึงเอาอุตสาหกรรมยานยนต์ออกไปจากประเทศไทย ให้ไปอยู่ในประเทศของเขา เพราะฉะนั้นผมได้ขับเคลื่อน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก เราต้องล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลก ให้อยู่ในประเทศไทย และเราต้องช่วยให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นสำหรับเขา ในการที่เค้าจะลงทุนเพิ่ม และขยายธุรกิจของเค้าในประเทศไทย 

ถ้าเราทำสำเร็จ เส้นทางนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่เกื้อหนุนหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่างๆ และประเทศไทยให้มั่งคั่งต่อไปได้ อีกเป็น 20-30 ปีข้างหน้า วันนี้ เราเดินมาได้ไกลแล้ว ด้วยการทำงานอย่างรวดเร็ว และบูรณาการหลายหน่วยงาน จนผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกหลายราย แสดงเจตนารมณ์ว่าจะเดินหน้าตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องทำ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปกับผู้ผลิตยานยนต์ต่างๆ เหล่านั้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า และอีกส่วนหนึ่งของภารกิจในแกนหลักที่ 2 ของตนคือ เราจะต้องทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มีราคาที่ถูกลง สำหรับคนไทยทุกคน ตนจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม และความคืบหน้า เกี่ยวกับกลยุทธ์แกนที่ 2 นี้ ประมาณช่วงเดือนหน้า

3 แกนกลยุทธ์ฝ่าวิกฤติ 'รัฐบาลประยุทธ์'

ไม่มีคำว่าดีที่สุด!! หรือสมบูรณ์แบบที่สุด!!

ขนาดรสชาติของอาหารยังไม่สามารถนิยามคำว่าอร่อยที่สุดให้คนทุกคนยอมรับได้ จะมีก็แต่ถูกปากหรือไม่ถูกปากที่สุดสำหรับใครเท่านั้น

นั่นจึงไม่แปลกที่ภาพรวมผลงานของทุกๆ รัฐบาลไทยที่ผ่านมาหลายทศวรรษ จะโดนบ้าง ไม่โดนบ้าง ทันใจบ้าง ไม่ทันใจบ้าง รับรู้ได้บ้าง ไม่รับรู้ได้บ้าง

แต่เชื่อว่าทุกๆ รัฐบาลไทย ล้วนมีธงแห่งความท้าทายในการสร้างสรรค์สิ่งดีงามทิ้งไว้ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่ตน รวมถึงนำประโยชน์มาสู่คนในสังคม และประเทศชาติไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (ส่วนคอรัปชันก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

คำถาม คือ คนไทยในวันนี้ใจกว้างแค่ไหนที่จะมองไปรอบๆ ตัว ว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีบ้างแล้ว? หรือสนใจแค่ความสะใจจากกระแสสื่อที่เอามันส์ จนกลบความเปลี่ยนแปลงแบบมโหฬารมันช่างดูไร้ค่า!!

>> พัฒนาการที่เด่นชัดของโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วไปและเมืองท่าสำคัญ รถไฟ, รถไฟฟ้า, ถนน, สนามบิน, ท่าเรือและโครงสร้างที่เอื้อต่อระบบเศรษฐกิจในยุคโลกไร้รอยต่อมากเป็นประวัติการณ์

>> การวางแผนต่อยอดให้คนไทยดำเนินชีวิตต่อได้ในวันที่ Climate Change เข้ามาแทรกซึมสังคมโลก แต่เรายังไม่เคยชะโงกหน้าออกนอกจอมือถือ แล้วไปส่องดูว่าระบบนิเวศแห่งพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังค่อยๆ เปลี่ยนผ่านเข้ามาใกล้ชีวิตขึ้นเรื่อยๆ จากการผลักดันของรัฐบาลที่รวดเร็วขึ้นทุกวันๆ จนรู้ตัวอีกทีปั๊มน้ำมันอาจจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นปั๊มชาร์จไฟ

>> คนรุ่นใหม่ทึ่อยากทำธุรกิจ และคนค้าขายทึ่เริ่มติดขัดทางธุรกิจ ขาดทุนหมุนเวียน เพราะแหล่งทุนใหญ่จมอยู่แต่คนมีเครดิต ก็กำลังจะถูกปรับโดยรัฐบาลที่ค่อยๆ เข้าไปเจรจากับนายแบงก์อย่างละมุนละม่อม และรอวันที่สุกงอม เปิดโอกาสให้ทุนหมุนเวียนเข้าถึงประชาชนทุกคนที่พร้อมนำไปบริหารชีวิตตนเองได้ง่ายดายขึ้น

'จุติ' ยัน!! เบี้ยยังชีพพิเศษผู้สูงอายุ งวดแรกวันที่ 19 ก.ค.นี้ แน่นอน

(9 ก.ค.65) นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวในรายการ 'คุยเรื่องบ้าน คุยเรื่องเมือง คุยทุกเรื่องกับรัฐมนตรี' ว่า..

ผู้สูงอายุที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมเป็นเบี้ยยังชีพพิเศษ หลังได้รับผลกระทบช่วงโควิด-19 ตามมติคณะรัฐมนตรี ได้แก่ ผู้สูงอายุจำนวน 10.95 ล้านคน ระยะเวลา 6 เดือน ระหว่าง เม.ย. – ก.ย. 2565 จะแบ่งตามช่วงอายุ ระหว่าง 100 – 250 บาทต่อคนต่อเดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบเศรษฐกิจ โดยจะเริ่มจ่ายครั้งแรกวันที่ 19 ก.ค. เป็นการจ่ายย้อนหลังตั้งแต่เดือน เม.ย. – ก.ค.  

ส่วนครั้งที่ 2 วันที่ 19 ส.ค. และครั้งที่ 3 วันที่ 19 ก.ย. จึงขอให้ผู้สูงอายุได้นำเงินที่รัฐบาลให้ไปใช้ประโยชน์ให้เต็มที่

ประเทศไทยสุดยอดแค่ไหน!! ตามติดอันดับของไทยด้านการท่องเที่ยว จากผลสำรวจทั่วโลก ปี 2565

- เกาะพะงัน เป็นสถานที่เหมาะสมสำหรับการทำงานที่สุดในโลก ประจำปี 2565 (Workation)

(ที่มา : William Russell.com)

- กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุด (Best City) ในการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก

(ที่มา : นิตยสาร DestinAsian)

- 'เกาะที่ดีที่สุด' ภูเก็ต และเกาะสมุยในภาคการท่องเที่ยว ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

(ที่มา : นิตยสาร DestinAsian)

- จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวน่ามาเยือนมากที่สุดในโลก หลังสถานการณ์โควิด-19

(ที่มา : Visa Global Travel Intentions Study)

- ประเทศที่มีความปลอดภัยในการเดินทางสูงที่สุด

(ที่มา : Berkshire Hathaway Travel Protection)

- ประเทศที่มีผู้เข้าชมใน Street View มากที่สุดจากทั่วโลก

(ที่มา : Google Street View)

- 'ต้มยำกุ้ง' ซุปที่ดีที่สุดในโลกในปี 2022 ของ CNN Travel ในปี 2565

(ที่มา : CNN Travel)


ที่มา : กระทรวงการต่างประเทศ www.mfa.qo.th

U2T ประจักษ์!! หนึ่งในผลงาน 8 ปีที่รัฐบาลผลัก จ้างงานท้องถิ่นต่อเนื่อง สมคำ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

กลายเป็นผลงานที่เก็บเกี่ยวได้ทั้งข้อมูลเชิงลึก และยังช่วยจ้างงานแก่บัณฑิต นักศึกษา และประชาชนไปในตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล ได้อนุมัติให้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ดำเนินการจ้างงานในโครงการ U2T เปิดโอกาสให้บัณฑิต นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ได้ลงไปทำงานกับชุมชน จนทำให้ประเทศได้ฐานข้อมูลชุมชนขนาดใหญ่หรือบิ๊กดาต้า ในชื่อ TCD (Thailand Community Data) เพื่อนำไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจบีซีจี ที่เป็นวาระแห่งชาติ

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Mindbacar Luemongkol หนึ่งในผู้ได้รับโอกาสจากโครงการดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความขอบคุณ ระบุว่า...

โครงการ U2T 1 ตำบล 1 มหาลัย ปีที่แล้ว จ้างงาน 11 เดือน ได้เสื้อสีเหลือง รูปภาพซ้าย 🇹🇭❤️

โครงการ U2T มหาลัยสู่ตำบล ปีนี้ จ้างงาน 3 เดือน ได้เสื้อคล้ายสีน้ำตาล รูปภาพขวา (เปลี่ยนทุกอย่าง)

รัฐบาลประยุทธ์ ยกระดับ ‘บัตรทองพรีเมียม’ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 คุณภาพระบบสุขภาพอาเซียน

‘ทิพานัน’ ชี้รัฐบาล ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ยกระดับ ‘บัตรทองพรีเมียม’ ลดเหลื่อมล้ำ สะดวก รวดเร็วมีคุณภาพ  เพิ่มสิทธิรักษาโรคร้ายฟรี  ย้ายสิทธิก็ง่าย  เพิ่มบริการครอบคลุมทุกกลุ่ม เป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ระบบสุขภาพที่มีคุณภาพ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน และการเข้าถึงบริการภาครัฐของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขทำการพัฒนา บัตรทอง หรือบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้เป็น ‘บัตรทองพรีเมี่ยม’ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มคุณภาพและบริการ โดยผู้ถือบัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลรัฐที่เป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิทั่วประเทศ นอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องมีใบส่งตัว  นโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติมีสิทธิทุกที่ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้รับการคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการอย่างปลอดภัย ไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง หรือพ้นภาวะวิกฤติ เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาล สามารถเปลี่ยนสิทธิรักษามีผลทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน  ผ่านแอปพลิเคชันของ สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวกสบาย ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางไปรักษา  

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ผู้มีสิทธิบัตรทองใน ช่วง รัฐบาล พลเอกประยุทธ์  หลายท่านยังไม่ทราบว่า มีการเพิ่มสิทธิการรักษาและการดูแลด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้นมาก เช่น ได้รับสิทธิในการรักษาโรคร้าย โดยผู้ป่วยมะเร็งสามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉพาะทาง และรักษามะเร็งได้ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกที่ ได้รับสิทธิฟอกไตฟรี รักษาโควิดฟรี เพิ่มบริการสำหรับแม่และเด็ก เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การเพิ่มวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก คัดกรองภาวะ Down Syndrome ในหญิงตั้งครรภ์ (อายุไม่เกิน 35 ปี) ผ่าตัดฝังประสาทหูเทียมสำหรับเด็กหูหนวก และการให้บริการแว่นตาเด็ก

รัฐบาล เร่งจ่ายค่าเสี่ยงภัยอสม. 2 พันบาท ต.ค.นี้ ย้ำ ที่ผ่านมา เพิ่มสิทธิ-หลักประกันความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง

‘ทิพานัน’ ย้ำรัฐบาลห่วงใย อสม. เร่งจ่ายค่าเสี่ยงภัย 2,000 บาท ภายในตุลาคมนี้ ชี้ที่ผ่านมารัฐบาล 'พล.อ.ประยุทธ์' เพิ่มสิทธิห้องพิเศษฟรี- จัดตั้งฌาปนกิจสงเคราะห์ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงและเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้ อสม.ทั่วประเทศ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ครม. มีมติอนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สําหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ในชุมชน จำนวนคนละ 2,000 บาท ระยะเวลาปฏิบัติงานเดือนมิ.ย. – ก.ย. 2565 ว่า ในการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนเสี่ยงภัยทางระบบ e-social welfare นี้ กรมบัญชีกลางได้กำหนดปฏิทินการเบิกจ่ายรอบเดือน ก.ย. 2565 สำหรับผลการปฏิบัติงานของอสม.เดือน มิ.ย.-ส.ค. 2565 และเบิกจ่ายรอบเดือน ต.ค. 2565 สำหรับผลการปฏิบัติงานของอสม.เดือน ก.ย. 2565

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลขอขอบคุณการทำงานหนักที่ผ่านมาของ อสม.และ อสส. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการช่วยควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เบื้องต้นในระดับชุมชน โดยเฉพาะการดูแลทั้งมาตรการป้องกัน มาตรการคัดกรอง และมาตรการดูแลกลุ่มเสี่ยงที่เจ้าหน้าที่ อสม. และ อสม. เป็นด่านหน้าเคาะประตูดูแลถึงบ้านสำหรับกลุ่ม 608 ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงวัย และประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจึงไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ ที่สำคัญคือ อสม. และ อสส. เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้สามารถควบคุมโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังได้ โดยระหว่างเดือน มิ.ย.-ก.ย. 2565 ระยะเวลา 4 เดือนที่ เจ้าหน้าที่ อสม.  อละ อสส. ต้องมีภาระงานที่เสี่ยงภัยเพิ่มมากขึ้นสำหรับการควบคุมโควิด-19

รัฐบาลปลื้ม ผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 ไทยได้ปรับอันดับขึ้นหลายดัชนี อยู่ในกลุ่มที่มีการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในระดับสูงมากพร้อมก้าวเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ

เมื่อวันที่ 2 ต.ค.นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยการดำเนินงานตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งผลให้ สหประชาชาติได้เปิดเผยผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 โดยไทยได้รับการปรับอันดับขึ้นในหลายดัชนี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้วางแนวทาง สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ไทยก้าวเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ 

“องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศผลการสำรวจรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ประจำปี 2022 หรือ UN E-Government Survey 2022 ที่จัดทำโดย สำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Department of Economic and Social Affairs – UN DESA) โดยจัดการประเมินทุก 2 ปี สำรวจจาก 193 ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ พิจารณาจาก 3 ปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index: EGDI)  ดัชนีการมีส่วนร่วมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประชาชน (e-Participation Index: EPI) และดัชนีให้การบริการออนไลน์ภาครัฐส่วนท้องถิ่น (Local Online Service Index: LOSI)”นายอนุชากล่าว

‘ตรีชฎา’ เย้ย ‘ประยุทธ์’ กำลังถูกโดดเดี่ยว หลัง ‘2 ป.’ จับมือถอน กม.ต่างชาติซื้อที่ดิน

เมื่อวันที่ (8 พ.ย. 65) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลงนามถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้คนต่างชาติออกตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเสนอมาว่า หวังว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีเพียงคำตอบเดียวที่ ครม.จะให้กับประชาชน คือยกเลิกแนวคิดนี้ไปเสีย จะถือว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้ทำประโยชน์กับประเทศบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรีบดำเนินการ ไม่ผ่านกระบวนการศึกษารายละเอียดถึงผลดี ผลเสียอย่างดีพอ จนอาจเดินเข้าสู่ตัดสินใจบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง จนทำให้สังคมปรามาสว่าเป็นแนวคิดขายชาติ 

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า อยากเตือนสติบรรดากองเชียร์ลิ่วล้อที่หลับหูหลับตาเชียร์แบบไม่รู้เรื่อง กลุ่มคนเหล่านี้ควรเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังข้อมูลจากผู้อื่นบ้างจะได้ไม่พลาดอีก โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เคยออกมาเชียร์กฎกระทรวงนี้ ว่าช่วยกระตุ้นการลงทุน และยังโจมตีว่ากฎกระทรวงการขายที่ดินต่างชาติปี 2545 เข้มงวดเกินไป ทั้งที่ในช่วงนั้นรัฐบาลภายใต้การนำโดยพรรคไทยรักไทย คิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าต้องยังคงไว้ซึ่งการรักษาชาติ รักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top