Friday, 29 March 2024
รถไฟสายสีส้ม

ส่วนต่างที่หายไป!! 'ก้าวไกล' กัดไม่ปล่อย ‘บีอีเอ็ม’ สอยสัมปทานรถไฟสายสีส้ม ชี้!! อย่าปล่อยให้ 'เมกะโปรเจกต์' กลายเป็น 'เมกะดีล'

(13 มี.ค.66) สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดเผยเอกสารหลักฐานที่เพิ่งได้รับ กรณีข้อสงสัยการทุจริตประมูลสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเคยอภิปรายไปหลายครั้งก่อนหน้านี้ ให้เห็นถึงความพยายามกีดกันคู่แข่งของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ชนะการประมูล ซึ่งก็คือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ให้ออกไปจากการแข่งขัน โดยมีส่วนต่างที่รัฐต้องจ่ายอุดหนุนให้เอกชนสูงถึงกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท

สุรเชษฐ์กล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่ง ว่านี่คือการประมูลที่เกิดขึ้นถึงสองครั้ง เพื่อสร้างสิ่งเดียวกัน แต่มีส่วนต่างสูงถึง 6.8 หมื่นล้านบาท และตนขอยืนยันอีกครั้ง ว่าส่วนต่างมีอยู่จริง แม้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะพยายามปฏิเสธเพียงใดก็ตาม

โดยสิ่งที่ปรากฏอยู่ในเอกสารที่ตนได้มาครั้งนี้ คือเครื่องยืนยันที่ดีที่สุด นั่นคือข้อเสนอของฝ่ายบีอีเอ็มที่ตนได้พยายามขอมาหลายครั้งผ่านทุกช่องทางแล้วแต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนองจากหน่วยงานใดๆ ที่เกี่ยวข้องเลย แต่บัดนี้เข้าใจได้ว่าเมื่อหัวโจกไม่อยู่แล้ว ข้าราชการที่รักความยุติธรรมจึงเริ่มเคลื่อนไหว ส่งข้อมูลมาให้ตนในที่สุด

สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า เมื่อนำข้อมูลข้อเสนอจากทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกัน จะเห็นได้ว่าข้อเสนอของบีทีเอส จะขอเงินจากรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้าง ในปีที่ 3-8 ยอดรวม 79,820 ล้านบาท โดยจะมีกำไรจ่ายคืนรัฐในปีที่ 20 เป็นต้นไป รวมเป็นเงินจำนวน 70,145 ล้านบาท ผลรวมจะเท่ากับเกิดส่วนต่างที่รัฐต้องอุดหนุนเพียง 9,675 ล้านบาท

ขณะที่ข้อเสนอของบีอีเอ็มนั้น มีการขอเงินรัฐอุดหนุนค่าก่อสร้าง ในปีที่ 3-8 เป็นจำนวน 81,871 ล้านบาท โดยผลตอบแทนที่บีอีเอ็มจะให้ตั้งแต่ปีที่ 14 เป็นต้นไป จะคืนเป็นยอดรวมเพียง 3,583 ล้านบาทเท่านั้น

กล่าวคือขณะที่บีทีเอสมีข้อเสนอจะจ่ายคืนให้รัฐ 70,145 ล้านบาท บีอีเอ็มจะคืนให้เพียง 3,583 ล้านบาท โดยที่ค่าก่อสร้างแทบไม่ต่างกันเลย ผิดกับที่ฝ่าย รฟม. มักออกมาอ้างว่าจำเป็นต้องใช้เทคนิคชั้นสูงในการสร้างอุโมงค์ใต้ดิน ทำให้ต้องใช้งบประมาณมากขึ้น แต่หากลงไปดูในรายละเอียดเปรียบเทียบกันแล้ว จะพบว่าทั้งสองข้อเสนอแทบไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

“ดังนั้น ที่ต่างจริงๆ ก็คือผลตอบแทนที่จะคืนให้รัฐ ซึ่งบีอีเอ็มให้น้อยกว่าบีทีเอสมาก คำถามคือส่วนต่างนี้จะเอาไปทอนให้ใคร แน่นอนว่าทั้งหมดจะอยู่ในกระเป๋าของบีอีเอ็ม แต่บีอีเอ็มจะเอาไปให้ใคร หรือให้พรรคการเมืองใดบ้างหรือไม่ ผมอยากให้พี่น้องสื่อมวลชนและประชาชนร่วมกันติดตาม” สุรเชษฐ์กล่าว

สุรเชษฐ์ยังกล่าวต่อไป ว่าจากวันนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง คณะรัฐมนตรียังมีเวลาเหลืออย่างมากอีกเพียง 2 ครั้งที่จะอนุมัติเรื่องต่างๆ คือในการประชุม ครม. พรุ่งนี้ (14 มีนาคม) หรือหากยังไม่มีการยุบสภาเร็วๆ นี้ ก็จะต้องเป็นการประชุม ครม. สัปดาห์หน้า ที่ต้องจับตาคือจะมีการยัดเรื่องนี้เข้าไปหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าถ้าทุกคนเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อไร จะมีการนำเข้าไปแน่นอน รวมทั้งอาจมีการใช้กระบวนการยุติธรรมมาฟอกขาว ว่าข้อเสนอของบีทีเอสเป็นข้อเท็จจริงนอกสำนวน

‘ภูมิใจไทย’ ส่ง ‘เสี่ยหนู’ คุมกระทรวงคมนาคม สกัด ‘อธิรัฐ’ รื้องานโครงการรถไฟสายสีส้ม

(14 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน ที่อาจเป็นนัดสุดท้ายก่อนยุบสภาฯ พบว่ามีการเสนอวาระสำคัญหลายเรื่อง อาทิ การแต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แทนนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก่อนหน้านี้ หลังนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแต่งตั้งนายอนุทิน เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เนื่องจากนายอธิรัฐ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโครงการต่าง ๆ สมัยที่นายศักดิ์สยามทำไว้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายสีส้ม ที่นายอธิรัฐจะเร่งเสนอให้ ครม.อนุมัติในวันเดียวกันนี้ แต่ถูกคัดค้านในที่ประชุม ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว กรณีศาลรับคำร้องตรวจสอบการถือครองหุ้นห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยกระทรวงคมนาคมมีคำสั่งให้ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รับตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top