Sunday, 5 May 2024
ม็อบ

'ดร.นิว' จี้ 'ผู้ว่าฯ ชัชชาติ' ลงมาอยู่กลางม็อบ พิสูจน์ให้เห็นใครกันแน่ใช้ความรุนแรง

12 มิ.ย. 2565 - ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ดังนี้

แสดงออกอย่างสงบจนสะเทือนเลือนลั่นขนาดนี้ คุณ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ควรกลับมาลงพื้นที่คั่นกลางระหว่างม็อบสามนิ้วกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเลย จะได้พิสูจน์กันชัดๆ ว่าใครใช้ความรุนแรง

'เพนกวิน' เตือนสติ 'มิตรสหายนักเคลื่อนไหว' อย่าตีตราว่าคน 'เมินเฉย' มุ่งหาวิธีสู้ที่เหมาะสมดีกว่า

เพนกวิน โพสต์เปิดใจถึงมิตรสหายนักเคลื่อนไหว อย่าน้อยใจ ถ้าคนไม่สนใจการเมือง แต่ละคนมีความสนใจต่างกัน ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีอุดมการณ์ที่ดี บางครั้งมันเป็นเรื่องจังหวะ สถานการณ์ บางคนอาจเบื่อรูปแบบหรืออยากพักก็เป็นเรื่องปกติธรรมชาติ เตือน การตีตราคนว่า 'อิกนอร์' ไม่ช่วยทำให้คนกลับมาสนใจการเมือง นักกิจกรรมการเมือง ต้องทำงานเข้าใจประชาชน หาวิธีสู้ที่เหมาะสมต่อ

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมทางการเมือง และเป็นแกนนำคนหนึ่งของการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563 ในนามของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก ส่งข้อความถึงนักกิจกรรมการเมืองว่า

"ถึง มิตรสหายนักเคลื่อนไหว"

"การเคลื่อนไหวเป็นเหมือนคลื่น มีจุดสูงจุดต่ำ ณ จุดสูงคนย่อมสนใจมาก ณ จุดต่ำคนก็ย่อมไม่ได้สนใจมาก เป็นปกติวิสัย อย่าไปน้อยอกน้อยใจ มันเป็นธรรมชาติ ซึ่งการที่คนเขาไม่สนใจ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีอุดมการณ์ เขาอาจจะเหนื่อยแล้วที่จะตามข่าว เขาอาจจะเบื่อแล้วกับกิจกรรมรูปแบบเดิม เขาอาจจะอยากพักอยู่"

"และเขาจะอย่างไรก็ตาม นั่นคือประชาชนที่นักกิจกรรมต้องทำงานด้วย ถ้าเขาไม่สนใจ แสดงว่ายังจุดกระแสไม่สำเร็จ ก็ต้องทบทวนและหาวิธีทำให้คนทั่วไปสนใจสิ่งที่เราทำ ผมมั่นใจว่าการตีตราเขาว่าเป็น “อิกนอร์” หรืออะไรก็ตามไม่ใช่หนึ่งในวิธีการทำให้คนกลับมาสนใจการเมืองแน่นอน"

ม็อบหนุนอดีตประธานาธิบดี บุกทำเนียบ ค้านผลเลือกตั้ง

(10 ม.ค. 66) กลุ่มผู้สนับสนุนนายฌาอีร์ โบลโซนารู อดีตประธานาธิบดีบราซิล ได้บุกรุกเข้าไปในสภาคองเกรส, ทำเนียบประธานาธิบดี และศาลสูงของบราซิลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ม.ค.) เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี

หลังจากนายลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิลในเดือนต.ค. 2565 ด้วยคะแนนโหวต 59.8 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 50.86% แซงหน้านายโบลโซนารู ปธน.บราซิลในเวลานั้น ซึ่งได้รับคะแนนโหวต 57.8 ล้านเสียง หรือคิดเป็น 49.14% เป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตปธน.โบลโซนารูซึ่งเป็นอดีตผู้นำขวาจัดของบราซิล ได้แสดงความไม่พอใจต่อผลการเลือกตั้งในครั้งนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แถลงว่าทางรัฐบาลได้ส่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของบราซิล และจะทำการควบคุมสถานการณ์ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. หลังจากเบื้องต้นกองกำลังความมั่นคงของเมืองหลวงแห่งนี้ไม่สามารถรับมือกับพวกผู้บุกรุกได้

ในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ ปธน.ลูลาได้กล่าวโทษนายโบลโซนารู ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์จลาจล และยังตำหนิเกี่ยวกับมาตรการความมั่นคงที่ไม่เพียงพอในเมืองหลวง โดยกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยให้กลุ่มคนที่ฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายและและกลุ่มคนหัวรุนแรงสร้างความเสียหายร้ายแรง

‘หมอวรงค์’ ซัดก๊วนปล่อยหยก บุก สน.สำราญราษฎร์  การเมืองปั่นกระแส ที่ได้ ‘พรรค - NGO’ หนุนหลัง

(11 พ.ค. 66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในหัวข้อ #สู้กับก้าวไกลต้องไทยภักดีเบอร์ 21 ผ่านเฟซบุ๊ก ‘วรงค์ เดชกิจวิกรม-Warong Dechgitvigrom’ โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

‘แบม-ตะวัน’ พร้อมเพื่อนรวม 9 คน ถูกรวบตัว หลังเดินทางไปทวงถามตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ กรณีแจ้งข้อหาเยาวชนอายุ 15 ปี (น้องหยก) เพิ่มในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน ก่อนเกิดเหตุชุลมุนสาดสีและทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ตำรวจเจ็บ 1 นาย

ผมคิดว่าพี่น้องคงได้เห็นแล้วว่า การกระทำของน้องกลุ่มนี้จงใจสร้างเหตุ และหลังจากนี้ ก็จะมี พรรคการเมือง กลุ่มการเมือง NGO ที่เชื่อมโยงต่างชาติมากล่าวหาว่า ใช้กฏหมาย ‘รังแกเด็ก’

การเลือกตั้งรอบนี้ จึงอันตรายต่อความมั่นคง ความสงบสุขของประเทศมาก โดยเฉพาะต้องต่อสู้กับพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรา 112

การต่อสู้กับพรรคก้าวไกล ต้องพรรคไทยภักดีเท่านั้น จึงจะสู้ได้ ไทยภักดีเบอร์ 21

‘อี้ แทนคุณ’ ชมม็อบแปลอักษร ‘ค.ควาย’ สร้างสรรค์ ดีกว่าม็อบใช้ความรุนแรง - ทำลายทรัพย์สิน

(24 ก.ค. 66) นายแทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​พรรค​ประชา​ธิ​ปัตย์​ และอดีต สส. กทม. กล่าว​ถึงการชุมนุม​​ของประชาชนที่สี่แยกอโศก​เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ได้มีโอกาส​ร่วมสังเกตการณ์​ด้วยตนเองบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พบว่ามีประชาชน​เดินทาง​มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก ส่วนใหญ่​ใส่เสื้อผ้าและมีเครื่องประดับทั้งสีดำและส้ม มีสัญลักษณ์​ของพรรคก้าวไกล​และป้ายข้อความ​การปราศรัย​โจมตี สว. ทั้งภาษาไทย​และภาษาอังกฤษ​ตลอดเวลา​ โดยไฮไลต์​อยู่​ที่ผู้​ชุมนุม​พร้อมใจกันแปรอักษร​เป็น​ตัว ‘ค.ควาย’ เต็มถนนบริเวณ​พื้นที่​ที่ชุมนุม ทำให้เกิด​เป็น​ปรากฏการณ์​ใหม่ที่ไม่เคยเกิดในการชุมนุม​ทางการเมือง​ของประเทศ​ไทย

“เชื่อว่าเกิดขึ้น​ด้วยความคิดสร้างสรรค์​ของแกนนอน คือ นายสมบัติ​ บุญ​งามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด นักกิจกรรม-​เคลื่อนไหว​ทางการเมือง​​ชื่อดัง ที่ออกแบบการชุมนุมในครั้งนี้โดยใช้สัญลักษณ์​สื่อความหมาย​สั้น กระชับ ตรง ทรงพลังและเป็​นที่จดจำ โดยเฉพาะ​ข้อสังเกต​คือ จากอักษร​ ‘ค.ควาย’ ที่มักถูกใช้ในการคอมเมนต์​ในโลกออนไลน์​กับความเห็นต่างเมื่อนำมาแปรอักษรเป็น ‘ค.ควาย’​ บนถนนก็แปลกตาดี โดยอยากสนับสนุน​ให้ใช้ความสร้างสรรค์​รูปแบบนี้ในทุก ๆ การชุมนุม ไม่ซับซ้อน​และตรงไปตรงมา​แสดงออกอย่างแบบสันติวิธี​นี้ ซึ่งย่อมดีกว่าการใช้ความรุนแรงและไปบุกรุกสถานที่ทำการของพรรคการเมื​องหนึ่งที่ทำลายบรรยากาศ​การหาทางออกของประเทศ​ที่กำลังเดินหน้าไปด้วยดี ทำลายทรัพย์สิน​ ทำลายความรู้สึก​ของประชาชนที่รอความหวังโดยกลุ่มการเมือง​หัวรุนแรงเดิม ที่มักใช้วิธีคุกคามคนอื่นด้วยวิธีป่าเถื่อน​เสมอ” นายแทนคุณ ระบุ

ท้ายนี้ยอมรับ​ว่าเป็นห่วงสุขภาพ​ของผู้ชุมนุม​ที่มีทั้งผู้สูงอายุ​ คนหนุ่มสาว เด็กเยาวชน​ที่เสียสละออกไปร่วมชุมนุม โดยอยากทางผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง​จัดสถานที่​การชุมนุม​ให้สอดคล้อง​กับสภาพภูมิอากาศ​ และรองรับผู้เข้าร่วม​ชุมนุม​และผู้ร่วมสังเกตการณ์​จำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย​จากโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้น​อีกจากการรวมตัวใกล้ชิด​ด้วย

‘อี้ แทนคุณ’ เตือนสติ ‘ด้อมส้ม’ หลังก้าวร้าวขึ้นทุกวัน ลั่น!! ยิ่งทำอะไรรุนแรง ‘ก้าวไกล’ ​ยิ่งพังเร็วเท่านั้น

(2 ส.ค. 66) ดร​.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์ ​กล่าว​ถึง​กรณี​การ​ชุมนุม​คาร์ม็อบ ที่แยกอโศก หลังจากได้ออกมาเคลื่อนไหว​แปรอักษร​ เป็น​ อักษร ห.หีบ และมีการวางตัวหนังสือ​ ค.ควาย เพื่อให้อ่านว่า ห.ค. รวมทั้งมีการโปรยเอกสารด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและได้มีการบุกไปที่ตลาดของสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่งในลักษณะคุกคาม เพื่อไปกดดันด้วยการทำความเสียหายให้กับธุรกิจของเขา และมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันมาก่อนหน้านี้ ทั้งบุกรุก พ่นสีถนน พ่นสีอาคารสถานที่​ ขว้างปาสิ่งของ ทำลายกล้องวงจรปิด เผาทำลายทรัพย์สินทั้งป้อมจราจร สถานีตำรวจ สถานที่ราชการ สถานที่ส่วนบุคคลและอื่นๆ อีกหลายที่

โดยประชาชน​ที่ติดตาม​กระทำของบรรดาผู้ชุมนุมหรือ ‘ด้อมส้ม’ อย่างใกล้ชิด ย่อมสังเกตว่าผู้ชุมนุมที่มีความหลากหลาย​กลุ่ม แต่กลับมีการกระทำที่ไร้วุฒิภาวะโดยสิ้นเชิง โดยเชื่อว่าจากนี้ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย​ต่างต้องทยอยถูกดำเนินคดี​อาญาตามหลังทั้งสิ้น

โดยปัจจุบัน​ทั้งบรรดาผู้ชุมนุม​และสื่อมวลชนต่างช่วยกันถ่ายทอดสดและถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ​บันทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างดี ทำให้สามารถเห็นทั้งใบหน้า พฤติ​กรรมและยืนยันตัวตนของบุคคล​ผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างละเอียด​ ซึ่งถือว่า ม็อบ ห.ค.นี้ จงใจสร้างสถานการณ์​และทำให้บ้านเมือง​เสียหาย​โดยไม่สนใจ กฎหมายและกติกาบ้านเมือง รวมทั้งบรรดาแกนนำ ที่มีคดีความ บางคนก็เคยมีข้อมูลว่าร่ำรวยขึ้นจากการเป็นแกนนำม็อบ ทั้งที่เคลื่อนไหว​โดยอิสระและที่มีเชื่อมโยงกับพฤติการณ์ของพรรคก้าวไกล ที่บิดเบือนให้ร้าย และสร้างความแตกแยกไม่รู้จบสิ้น สอดประสาน​ทั้งใน-นอกสภา ทั้ง​การใช้​ความก้าวร้าว​รุนแรง ด้อยค่าว่าร้าย บีบบังคับ​ให้คนอื่นต้องโหวตให้ ทั้งๆ ที่ดูจากสภาพทั้งหัวหน้าพรรค คือ นายพิธา และ สส.หลายๆ คน มีพฤติกรรม​กระทำผิด​กฎหมาย​ซ้ำๆ ทั้งโกหกหลอกลวง​จากนโยบาย​หาเสียง การไม่ให้เกียรติ​ทั้งสถานที่​และคนอื่นคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดเป็นศูนย์กลาง​จักรวาล​ ใครๆ ก็ต้องยอมทำตาม 

แต่ในความเป็นจริง ​เมื่อลืมตาตื่นจากฝันแล้วจะพบว่าเทคนิคทางการสื่อสารทางการตลาดที่ได้ผลสำเร็จ​ในโลกโซเชียล​ที่ทำให้ทนงตนคิดว่าเจ๋งที่สุดแล้ว เมื่อมาสู่โลกความเป็นจริงกลับไม่สามารถ​กดดันหรือบีบบังคับคนอื่นรัก เคารพได้ตลอด ด้วยพฤติกรรมของพวกเขาเอง ที่นอกจาก​ไม่มีใครอยากคบ ไม่มีใครอยากทำงานด้วย ยังทำให้บ้านเมือง​มีปัญหา​ต่อเนื่อง​ต่อไปอีกด้วย จึงขอเตือนสติว่า ‘ม็อบยิ่งทำอะไรรุนแรง ก้าวไกล​ยิ่งพังเร็วเท่านั้น’

'พลอย' แฉยับอดีตชีวิตเหมือน 'หยก' ถูก 'บุ้ง' ลากตัวใช้หาผลประโยชน์  ยอมคาย!! 'โดนบังคับบุกวัง-กระทำรุนแรงให้กลัว-ฮุบเงินทุนไว้กับตัว'

กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในช่วงเวลานี้ เพื่อต่อต้านการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย สังคมวิพากษ์วิจารณ์หนัก หลังล่าสุดบุกไปป่วนพรรคเพื่อไทย ที่แถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทย แม้กระทั่งฝ่ายที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้ว ยังรับพฤติกรรมของกลุ่มทะลุวังไม่ได้

การเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวังในเวลานี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ๆ ได้แก่ เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง, ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน, นภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ, ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก, บังเอิญ ศุทธวีร์ สร้อยคำ มือพ่นกำแพงวัดพระแก้ว โดยผู้ที่เป็นหัวโจกคือ 'บุ้ง เนติพร'

ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการแฉข้อมูลจากกลุ่มทะลุวังด้วยว่า สมาชิกในกลุ่มไม่ค่อยมีความลงรอยเช่นกัน และชี้เป้าไปที่ 'บุ้ง เนติพร' ว่ามีพฤติกรรมไม่ต่างจากพวกเผด็จการนั้น

ล่าสุด 'พลอย' บุคคลที่เคยอยู่กับกลุ่มทะลุวัง ออกมาทวีตแฉข้อมูลเกี่ยวกับ 'บุ้ง เนติพร' หรือ 'บุ้ง ทะลุวัง' ระบุว่า...

เราเคยเป็นหนึ่งในเด็กที่บุ้งเอามาดูแลเหมือนหยก รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่นักเรียนเลว ตอนนั้นที่บ้านเรามีปัญหาทำให้ไม่มีบ้านอยู่+โดนคดีมันต้องมีผู้ปกครอง บุ้งมาเป็นผู้ปกครองแทนพ่อแม่ที่ดูแลเราไม่ได้ บุ้งก็รับปากเรากับแม่เราว่าจะดูแลเราอย่างดี

บุ้งดูแลเราอย่างดีในช่วงแรกที่อยู่ด้วยกัน เรายังคงอยู่กับบุ้งเพราะไม่รู้จะไปอยู่ไหน บ้านก็ไม่มีให้กลับ ตอนนั้นเราเริ่มสัมผัสได้ถึงความรุนแรงในบ้านที่อยู่กับบุ้ง การถูก Child Grooming การโดนมินิพูเลท และการขูดรีดผลประโยชน์จากการเคลื่อนไหวในฐานะเยาวชนเพราะเราอายุแค่ 16

ตัวบุ้งมักจะชอบดูแลเด็กที่มีปัญหากับที่บ้านหรือมีปัญหาในชีวิตและมีแสง บุ้งจะรับเด็กมาดูแล อาสาเป็นผู้ปกครอง และค่อยๆ ใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้น เรากับเพื่อนโดนเอาผลงานการเคลื่อนไหวไปขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับส่งไม่ถึงเรา เพื่อนหลายคน และไม่สามารถตรวจสอบบัญชีของบุ้งได้

เรื่องการใช้ความรุนแรงของบุ้งกับเราและเพื่อนๆ เขาทำเหมือนที่ทำกับยามหน้าเพื่อไทย ตอนโมโห เขาจะใช้อารมณ์ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัว ด้อยค่า ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ตามสไตล์มินิพูเลท ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ เราโดนมินิพูเลทจนทุกวันนี้ยังกลับมาใช้ชีวิตยาก

บุ้งชอบให้เด็กออกมาเคลื่อนไหว เทคแอคชั่นแรงๆ โดยบุ้งบอกกับเราว่า เรายังเด็ก ต่อให้โดนคดีก็ยังไม่โดนหนักเพราะยังมีศาลเยาวชน และเด็กถ้าเจอความรุนแรงเช่น ตำรวจจับ บลาๆ จะเป็นข่าวง่าย ขอทุนง่าย ไวรัลง่ายกว่า แล้วบุ้งอ้างว่าจะซัพพอร์ตน้องๆ อยู่ข้างหลังแทน

จนเริ่มทำ #ทะลุวัง เราโดนหนักมากขึ้น บังคับให้เราออกไปทำไรเเรงๆ แรงสุดคือ เคยโดนให้ไปบุกคุกวังทวี แต่ตอนนั้นเราบอบช้ำจากการเคลื่อนไหวมามากแล้ว เหนื่อยโดนคดี เราบอกว่าสภาพจิตใจเราไม่ไหว ไม่อยากทำ ก็โดนปิดประตูใส่หน้า อยากจะหนีก็ไม่ได้ เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว

เราลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหว เงินก็ไม่มี ครอบครัวก็ทิ้ง ตอนนั้นเราคิดว่าเราต้องพึ่งพาแค่บุ้งเท่านั้น สุดท้ายหลุดออกมาได้ เพราะเพื่อนรอบตัวให้ความช่วยเหลือ เป็นผู้ปกครองให้แทน จนปัจจุบันเราเป็นผู้ลี้ภัย 112 อยู่ ตปท. เราก็ยังโดนเขาโจมตีในขบวนเสียๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ

ทั้งกล่าวหาว่าเรายักยอกเงิน หนีคดี ขโมยของ ตอแหล โดนแช่งให้ตายระหว่างลี้ภัย บางคนก็เกลียดเราจริงๆ ไปแล้วก็มี เรารู้มาเสมอว่าเรามีปัญหากับหลายฝ่ายในขบวน เรื่องหลายๆ เรื่องที่เราอยากคุยเพื่อคลี่คลาย ขอโทษ ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเพราะเรายังโดนโจมตีอยู่ตลอดเวลา

ควรมีการถกกันเรื่องนี้สักที เด็กกับการออกมาเคลื่อนไหวเนี่ย เด็กไม่ได้เจอแค่การคุกคามจากรัฐ ครอบครัว สังคม แต่อาจจะโดนขบวน เห้ๆ ทำร้าย โดนขูดรีด ความเป็นเด็กโดนมินิพูเลท คนที่ได้รับผลกระทบก็คือตัวเด็กเอง มันส่งผลกับการใช้ชีวิตของเด็กระยะยาวมาก นี่ยังเป็นซึมเศร้าอยู่เลย

เลิกด่าหยก เด็กเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนโดนมินิพูเลทมันไม่รู้ตัวหรอก หยกเจอความรุนแรงมามากตั้งแต่ติดคุก ทั้ง Cyber Bullying โดนคดี สังคมเฮงซวย ต้องมาเจอกลุ่ม #ทะลุวัง หยกเหมือนกระจกสะท้อนตัวบุ้ง หยุดโจมตีเด็กได้ หันมาสนใจ Abuser กันเยอะๆ ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่

ช่วยเหลือและรับฟังความต้องการของหยก หยุดให้แสงหรือโทษคนที่กำลังโดนมินิพูเลทก่อน มันละเอียดอ่อนทั้งตัวของเหยื่อและคนมินิพูเลทเอง เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแต่ละวันเหยื่อเจอคำพูด ถูกปฏิบัติแบบไหนมาบ้าง อะไรคือความรู้สึกที่แท้จริง หัวมันปั่นป่วนไปหมดเพราะการมินิพูเลท ใช้ความรุนแรงและแก๊สไล้

เราพยายามสรุปเรื่องราวตลอด 2 ปีที่อยู่กับบุ้ง จริงๆมันมีมากกว่านั้น แต่กลัวทวิตยาวเกิน แต่อย่างนึงที่เพื่อนเราเคยถูกมินิพูเลทบอก การที่ผู้ถูกกระทำหรือตัวเด็กยังอยู่ในวังวนความรุนแรง โดนมินิพูเลท แปลว่า Abuser ประสบความสำเร็จ #ทะลุวัง

‘อดีตคนพรรคส้ม’ ข้องใจหลัง ‘พลอย’ แฉ ‘บุ้ง เนติพร’ ตั้งคำถามชวนคิด ‘นายทุน’ หนุน ‘แก๊งทะลุวัง’ คือใคร?

จากกรณี น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย ทะลุวัง อดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง ออกมาวิจารณ์การเคลื่อนไหวของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ซึ่งรับสมอ้างเป็นผู้ปกครองเพื่อใช้ประโยชน์จากเยาวชนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีเบื้องหลังในการขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับไม่ถึงเยาวชน

ล่าสุด (9 ส.ค.66) นายคริส โปตระนันทน์ หัวหน้าพรรคเส้นด้าย และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงประเด็นดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊ก คริส โปตระนันทน์ - Chris Potranandana ว่า…

"ผมเคยคิดนะ ว่ามันแปลกมากที่กลุ่มนี้ทำกิจกรรมได้ตรงจังหวะการเมือง คล้าย ๆ กับเป็น organized group แต่ผมยังเชื่อว่ามีเด็กบางส่วนที่อาจจะเข้าร่วมด้วยใจบริสุทธิ์จริง ๆ แต่คำถามคือ แล้วส่วนที่ organized เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ 

วันนี้เราเจอ organizer (คนจัดการ) แล้ว คำถามที่สำคัญที่สุดคือแล้วใครคือ financier ใครให้ทุนบุ้ง และกลุ่มทะลุวัง"

‘อ.เจษฎ์’ เตือน!! ‘ก้าวไกล’ ต้องรีบปราม ‘ชาวด้อมก้าวร้าว’ ชี้!! ยิ่งปล่อยให้อาละวาด ยิ่งสร้างภาพด้านลบให้พรรค

(9 ส.ค. 66) รองศาสตราจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มทะลุวังว่า ในความเป็นพรรคก้าวไกล มันมีเรื่องของกลุ่มทะลุวัง ที่กำลังเป็นประเด็นกันอยู่ ไปจนถึงเรื่องของคณะก้าวหน้า 

สำหรับพรรคก้าวไกลเอง ปัจจุบันนี้ ไม่ได้รับการยอมรับในสายตาของพรรคการเมืองด้วยกัน ยกเว้นกลุ่มที่ต้องเข้าไปจับมือด้วยความจำเป็น ซึ่งมีไม่มากนัก ขณะที่ภาพรวม พรรคส่วนใหญ่ ไม่เอาด้วยกับก้าวไกล ด้วยประเด็นของการที่พรรคก้าวไกล มุ่งมั่นจะแก้ไข ยกเลิก ม.112 เรื่องนี้หลายพรรคเขาไปต่อด้วยไม่ได้ เพราะมันกระทบกันหมด กระเทือนกันหมด 

นอกจากนั้น อย่างที่บอกว่าพรรคก้าวไกล มันมีคณะก้าวหน้า และกลุ่มนู้นกลุ่มนี้เต็มไปหมด ซึ่งการทำงานของพรรคก้าวไกลคือ การไม่ผูกมิตร สวนทางกับธรรมชาติการเมือง ที่มันไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร แน่นอน เมื่อใครเห็นก้าวไกล ก็ไม่อยากทำงานด้วย

“มวลชนของพรรคก้าวไกล คือ ตัวฉุดพรรค ให้ดิ่งต่ำลง ยกตัวอย่าง ถ้าพรรคก้าวไกล มีความคิด มีชุดอุดมการณ์ เขาปรับแต่งได้ เรื่องการทำงานกับฝ่ายต่าง ๆ ประสบการณ์จะสอนเขาเอง เรื่องท่าทีทางการเมือง เขาจะเข้าใจ เมื่อมีพัฒนาการ เมื่อมีวุฒิภาวะ ว่าจะทำอย่างไร ให้ได้ในสิ่งที่ตั้งใจ แต่มวลชน ซึ่งไม่ว่าจะช่วงอายุไหน ก็เห็นความก้าวร้าว และไม่ย่อท้อในการสร้างเงื่อนไขไปสู่ความขัดแย้ง นี่คือ สิ่งที่แบกก้าวไกล ไปพร้อม ๆ กับดึงรั้งพรรคก้าวไกล มวลชนพรรคก้าวไกล มีความคิดดี ๆ ก็มาก เช่น การปราบทุจริต การทำลายระบบทุนผูกขาด การทำลายเรื่องเส้นสาย แต่ปัญหาคือ วิธี ที่เขามุ่งจะใช้ความรุนแรงในการทำลาย และสิ่งใหม่มาแทนที่ มันถึงได้เกิดการไล่ล่า” รองศาสตราจารย์เจษฎ์ กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล ต้องรับผิดชอบกับพฤติกรรมของมวลชนหรือไม่ รองศาสตราจารย์เจษฎ์ กล่าวว่า ตนว่าคนทำงานการเมือง เข้าไปนั่งในสภา คงไม่อยากไปไล่ล่าใคร เขาแค่ต้องการแบ่งแยก แล้วปกครอง แต่ที่สุดแล้ว พรรคการเมืองหนึ่งจะต้องรับผิดชอบต่อกองเชียร์ของตน ในแง่ของการเข้าไปห้ามปรามไม่ให้เกิดความก้าวร้าวรุนแรง ซึ่งเชื่อว่าต้องจัดการในเรื่องนี้ก่อน

‘โบว์ ณัฏฐา’ งัดหลักฐานความสัมพันธ์ ‘ก้าวไกล-ทะลุวัง’ เคยประกันตัว ‘ตะวัน’ ชูรูป ‘บุ้ง’ ในสภา แต่วันนี้บอกไม่รู้จักกัน

จากกรณี นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ที่รวมตัวไปที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าไม่ทราบรายละเอียด และไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวทุกคน โดยปฏิเสธว่าพรรคก้าวไกลไม่ได้เกี่ยวข้องหรืออยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว

ล่าสุด (10 ส.ค.66) น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ โบว์ นักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Bow Nuttaa Mahattana’ ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว ศาลเคยมอบหมาย คุณพิธา ในฐานะนายประกัน ‘ตะวัน ทะลุวัง’ ให้ดูแลให้จำเลยปฏิบัติตามเงื่อนไขการประกันตัว

ต่อมา น.ส.ณัฏฐา ยังได้แชร์ข่าวกรณีศาลอาญาสั่งปล่อยชั่วคราว ‘ตะวัน’ อดีตสมาชิกทะลุวัง เป็นเวลา 1 เดือน - ติดกำไลข้อเท้าอีเอ็ม โดยวางเงื่อนไขห้ามกระทำการกระทบสถาบันฯ ห้ามก่อความวุ่นวาย ตั้ง ‘พิธา’ เป็นผู้กำกับดูเเลให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข รวมทั้งกรณีตำรวจยื่นถอนประกันตัวชั่วคราวผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุวัง หลังบุกก่อความวุ่นวายที่พรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ น.ส.ณัฏฐายังได้แนบรูปภาพพร้อมคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า รูป ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ที่ชูในสภาวันนั้น…วันนี้ไม่รู้จักกันแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top