Sunday, 19 May 2024
ภูมิธรรม_เวชยชัย

ภูมิธรรม ซัด!! ประยุทธ์ ถึงเวลามียางอาย คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน

23 สิงหาคม 2565 นี้ ‘ประยุทธ์’ จะครองอำนาจครบ 8 ปี จะได้รู้กันว่าใครสนับสนุนเป็นเนติบริกรคุ้มครองให้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยไม่รู้จักอายและไม่สนใจว่าจะ ย่ำยี หลักการรัฐธรรมนูญซ้ำ ๆ ครั้งที่เท่าไหร่
...ถึงเวลา มียางอาย คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน

ภูมิธรรม เวชยชัย 
ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
2 สิงหาคม 2565

ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘สิงหาคม 2565 ประยุทธ์ ครองอำนาจที่ยึดมาจากประชาชน และเป็นนายกฯ ต่อเนื่อง ครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ ได้เวลา มียางอาย คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน’ ระบุว่า 8 ปี ภายใต้ระบอบการเมืองแบบ ‘ประยุทธ์’ ซึ่งใช้อำนาจที่ยึดมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศ 4 ปีกว่า แล้วจัดแจงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับ ‘เผด็จการอุ้มสม’ โดยอาศัยฐานอำนาจของ 3 ป. ทั้งส่วนของกลุ่มทุน ทหาร ข้าราชการเกษียณ จัดการเลือกตั้งสร้างกลไก ส.ว. และ พรรคการเมืองบางส่วนที่ไร้อุดมการณ์กลับคำที่ให้ไว้กับประชาชน ยกมือยอมให้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลที่ไม่เคยใส่ใจทุกข์ยากของประชาชนเข้ามาบริหารประเทศต่อเนื่อง

‘ประยุทธ์’ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยฟังเสียงประชาชน ไม่เคยมีนโยบายที่สร้างความหวังให้ประชาชนและประเทศชาติ จะมีก็แต่มาตรการเจียดเงินมาจ่ายแจกทีละน้อย คิดแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบบ ‘ปัดปัญหาออกพ้นตัว’ มากกว่าการดำเนินนโยบายที่ส่งผลเชิงโครงสร้าง และภาพรวมของการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเหลื่อมล้ำซึ่งส่งผลในระยะยาว

การครองอำนาจยาวนานถึง 8 ปีภายใต้ฐานอำนาจ ฐานทุนที่จับมือร่วมกัน เป็นการบริหารที่สร้างผลประโยชน์ผูกขาดอย่างมหาศาลให้ประยุทธ์และพวกพ้อง เป็นการบริหารประเทศโดยผู้นำที่ขาดคุณสมบัติทุกประการ ทั้งความรู้ วิสัยทัศน์ มารยาท วุฒิภาวะทางอารมณ์ และความชอบธรรม

8 ปีภายใต้การบริหารของ ‘ประยุทธ์’ เราได้เห็นการทำสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นถูก แบบหน้าไม่อาย ทำลายหลักนิติธรรม นิติรัฐ เพียงเพื่อให้ตัวเองและพวก ยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปได้ พร้อมกับสกัดกั้นกลุ่มคนที่มีความเห็นแตกต่างในทุกรูปแบบ

วันนี้เราจึงได้เห็น วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชนและหลักการประชาธิปไตย กลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ซ่อนเร้นอำนาจและผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ ซึ่ง ‘ประยุทธ์และพวก’ ร่วมกันออกแบบ แก้ไข เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ โดยไม่คำนึงถึงหลักการใด ๆ ทั้งที่รัฐธรรมนูญในประเทศประชาธิปไตยทั่วไปเป็นกฎหมายสูงสุด ใช้เป็นหลักในการปกครองของทุกประเทศ โดยให้เกียรติให้คุณค่ากับประชาชน เห็นประชาชนเป็นใหญ่ และต้องออกแบบให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงเป็นเสมือนหลักยึด เพื่อให้เกิดระบบการเมืองที่สร้างสมดุลและคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพตลอดจนผลประโยชน์ของทุกคนในสังคม

แต่…สำหรับรัฐธรรมนูญประเทศไทย ภายใต้การนำของประยุทธ จันทร์โอชา ที่ยกมือยิ้มร่ายอมรับว่าเป็นผู้นำรัฐประหาร อย่างหน้าชื่นตาบาน นอกจากจะยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ยังสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะควบรวมครอบอำนาจกลับมาไว้ที่ตนเองทั้งหมด ไม่เคยตระหนักรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกขมขื่นแค่ไหน ไม่เคยรู้ว่าสังคมโลกมองผู้นำประเทศไทยอย่างไร เพราะผู้นำคนนี้ ไร้สำนึกรู้ถึงความน่าละอายของการทำรัฐประหาร ที่เป็นต้นเหตุฉุดรั้งประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม ให้ตกต่ำถึงขีดสุด

ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้ จึงไม่ได้ทำเพราะผลประโยชน์ประชาชน แต่ใช้อำนาจ สั่งการแก้ไขเพื่อให้ตนและพวกพ้องอยู่ในอำนาจได้ยาวนานที่สุด ทำให้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ขาดความน่าเชื่อถือ ไร้หลักการประชาธิปไตย

….ประเทศไทย รัฐบาลไทย รัฐสภาไทย เราเดินมาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร ?

คำตอบ คือ เพราะ 8 ปีของประยุทธ์นั้นกล้ากระทำการทุกเรื่องที่ผิดหลักการ ผิดกติกาได้เพราะถือดีว่า ‘พวกตนยึดกุมและควบรวมอำนาจการปกครองในประเทศ’ ไว้เพียงกลุ่มเดียว …ดังนั้น อยากทำอะไรก็ทำได้ไม่เกรงกลัวใคร เนื่องจากมีกลไก ส.ว. 250 คน ซึ่งล้วนเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาและพวกพ้อง กำหนดให้มีอำนาจล้นพ้น สามารถ ควบคุมกติกา กำหนดตัวนายกรัฐมนตรี และทำทุกอย่างตามใบสั่ง โดยไม่ได้ตระหนักและคำนึงถึงเกียรติศักดิ์ศรีของตำแหน่ง ส.ว. แต่ทำให้กลายสภาพจากที่ปรึกษาในสภาฯ มาเป็นลิ่วล้อหุ่นยนต์ ยกมือเพื่ออุ้ม ‘ประยุทธ์’ คนเดียว

‘ภูมิธรรม’ ลั่น!! แก้ไข รธน. ทุกฝ่ายต้องยอมรับได้ จ่อหารือพรรคการเมือง ก่อนขยายสู่การลงประชามติ

(14 ก.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง มอบหมายให้ดูแลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ตลอด 4 ปีของรัฐบาลที่ผ่านมา มีการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายร่าง แต่ที่สุดไปไม่ได้ หลายฉบับตกไป หลายฉบับค้างที่วาระ 2 วาระ 3 ในที่สุดไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และตัดสินว่าอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้อำนาจประชาชน ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องไปถามประชาชนก่อนถึงจะแก้ได้ ทางปฏิบัติจึงต้องถามประชาชนก่อนว่าจะแก้หรือไม่แก้ และถ้าแก้จะแก้ด้วยกระบวนการแบบไหน อย่างไร ดังนั้นถ้าไม่เคลียร์ให้จบก่อน แต่ละกระบวนการจะค้างไม่คืบหน้า ส่วนประเด็นหมวดหนึ่งหมวดสองนั้นรัฐบาลยืนยันว่าหากมีการแก้ไขจะไม่แก้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ 

“แต่ปัญหาที่มีอยู่คือเรื่องเกี่ยวกับการได้มาซึ่งอำนาจในระบบประชาธิปไตย ได้มาอย่างไร และทำให้กระบวนการเอื้ออำนวยต่อการบริหารประเทศ ต่อการรักษาสิทธิเสรีภาพประชาชน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือให้มีคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อให้มีความคิดเห็นที่หลากหลายในการช่วยกันคิดให้กระบวนการเดินหน้าไปได้ หาจุดที่พอดีให้เดินหน้า หากเราสามารถพูดคุยส่วนต่าง ๆ ได้จะค่อย ๆ แกะไปที่ละเปราะแล้วนำไปสู่การแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ และจะเป็นการเปิดประตูบานแรกจนได้รัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นออกมา” นานภูมิธรรมกล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราต้องเริ่มจากความเป็นจริงเพราะถ้าจะแก้อะไรที่หักหาญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เปิดอำนาจให้ ถ้าจะทำโดยไม่คำนึงถึงคนที่เห็นต่างทุกฝ่ายจะไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ ดังนั้นการได้พูดคุยกันหาความพอดีกัน เพราะทุกฝ่ายยอมรับว่าการแก้รัฐธรรมนูญควรทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ส่วนจะทำวิธีการไหนจะเป็นการประนีประนอมของทุกฝ่ายเพื่อแกะที่ละปม โดยหลังจากนี้ตนจะเร่งตั้งคณะกรรมการที่มีมาจากทุกฝ่ายตามที่นายกฯ ได้สั่งการให้ดึงการมีส่วนร่วมของทุกคนเข้ามาและให้รายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

เมื่อถามว่าการได้มาซึ่งคำถามที่จะให้ทำประชามติจะใช้เวทีรัฐสภาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวทีรัฐสภา จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะคุยถ้าเห็นพ้องกันทุกฝ่ายก็เป็นจุดเริ่มต้นว่าคนที่เป็นตัวแทนคนในสังคมพอใจกับสิ่งนี้ แล้วนำไปสู่การตัดสินของประชาชน ถ้าเห็นด้วยเลยก็จะเป็นไปด้วยดี ถ้ามีความเห็นต่างก็นำความเห็นต่างมาปรับปรุงเพื่อลดช่องว่างความเห็นต่าง 

เมื่อถามว่ามีกรอบหรือไม่ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเริ่มทำประชามติ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯกำชับอยากให้ตนที่คลุกคลีเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมา ไปดึงความคิดเห็นเข้ามาซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากการนำทีมที่ปรึกษาของแต่ละพรรคการเมืองมาพูดคุยกัน แล้วขยายตัวไปสู่กลุ่มวิชาชีพ ถ้าเห็นพ้องกันทั้งกลุ่มธุรกิจ ประชาชน ข้าราชการ ก็จะทำให้การขยับไปสู่การลงประชามติไม่ยากลำบาก

‘บิ๊กอ้วน’ จ่อหารือผู้ประกอบการ ปรับราคา ‘ข้าว ไข่ ไก่ หมู’ หวังสร้างสมดุล ‘ผู้ซื้อ-ผู้ขาย’ คาด!! ตุลาคมนี้ชัดเจน

(20 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงมาตรการลดราคาสินค้า หลังจากที่รัฐบาลประกาศลดราคาน้ำมันดีเซล ว่า การลดราคาน้ำมันของรัฐบาลเนื่องจากเป็นปัญหาต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน ซึ่งมีปัญหาเรื่องต้นทุนสินค้าตามมา เพราะในต้นทุนสินค้า มีค่าโลจิสติกส์และค่าผลิต เรื่องนี้ได้มอบหมายนโยบายเร่งด่วนให้กรมการค้าภายใน ดูเรื่องการลดราคาสินค้า ภายใน 15 วัน โดยให้ดูรายการสินค้าทั้งหมดที่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน สินค้าตัวไหนมีต้นทุนอย่างไร และจะลดราคาได้แค่ไหน คาดว่าต้นเดือนตุลาคมนี้น่าจะมีความชัดเจน

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือภายในสัปดาห์หน้า ตนจะไปพูดคุยกับผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อหารือกันเรื่องนี้ด้วย คนตัวใหญ่ต้องช่วยคนตัวเล็กให้ขึ้นไปด้วยกัน แก้ปัญหา สร้างจุดสมดุลให้กับผู้ผลิตผู้ประกอบการและผู้บริโภคให้ไม่กระทบกับทุกฝ่าย หาจุดที่ประนีประนอมกันได้ โดยคาดว่าสินค้าที่จะได้รับการพิจารณา จะเป็นสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันประมาณ 20 ตัว เช่น ข้าว ไก่ หมู ไข่ เราจะลดต้นทุนอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้นโยบายหาจุดสมดุลและอยู่ร่วมกันได้กับทุกฝ่าย น่าจะเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหา

'ภูมิธรรม' ปูด 'ศิริกัญญา' สมัยช่วงจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ขอ 'เพื่อไทย' ให้ทำ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' พร้อมปรับลดเพดานเงินลง

(12 พ.ย.66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า การวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน รัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว เราไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนก็เพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้ก็สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าเราผิดหรือแค่หาทางลงนั้น ตนไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล

ทั้งนี้ รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ตั้งใจทำตามสัญญา ซึ่งหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราพยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ เราได้มอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติ ว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายและทุกฝ่ายเห็นชอบ ส่วนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่ารัฐบาลกำลังกลืนน้ำลายเพราะจะกู้เงินมาทำโครงการ แล้วจะกลายเป็นจุดล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองนั้น เรายืนยันว่าเป้าหมายของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนเป็นกำลังซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐบาลทำถูกต้อง ท่านก็ไม่ควรต้องติดใจ

“ส่วนที่คุณศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังหาทางลงให้กับโครงการนี้ สมัยตอนที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล จับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล คุณศิริกัญญาเองก็ขอให้เราทำโครงการนี้ เพียงแต่ขอให้ปรับลดเพดานเงินลง แสดงให้เห็นว่าคุณศิริกัญญา ก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ผมจึงไม่อยากให้นำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตกัน ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ผมถามว่าพวกคุณเห็น ด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ“ นายภูมิธรรม กล่าว

‘ภูมิธรรม’ โวย! ‘สส. ก้าวไกล’ ใส่ความเท็จ ปมไม่เซ็นรับรอง พ.ร.บ. อากาศสะอาด

‘ภูมิธรรม’ ฉุน!! ‘สส.ก้าวไกล’ พูดจาใส่ร้ายเพื่อไทย ชี้!! เป็นปัญหาจริยธรรม เตือนหัวหน้าพรรคก้าวไกล ดูแลคนของตัวเองอย่างจริงจัง อย่าปากว่า ตาขยิบ 

(11 ม.ค.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่าน X ระบุถึงกรณี สส.พรรคก้าวไกล ออกมาตำหนินายกฯ ไม่ยอมเซ็นรับรอง พ.ร.บ.อากาศสะอาดของพรรคก้าวไกลเพราะกลัวจะเป็นผลงานของก้าวไกล โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ เป็นการเล่นการเมืองทุกอย่างว่า...

“ผมไม่สบายใจ การพูดใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยโดยพูดความจริงไม่หมด หรือพูดแค่ครึ่งเดียว เราทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่ทำให้พรรคตัวเอง แบบเอาข้อเท็จมาใส่ร้ายพรรคอื่น เพื่อชัยชนะของพรรคตน”

นายภูมิธรรม ฝากถึงหัวหน้าพรรคอีกด้วยว่า “ขอให้ดูแลคนของตนอย่างจริงจังด้วย..นี่เป็นปัญหาจริยธรรมเลยครับ เตือน ‘อย่าปากว่า ตาขยิบ’”

‘ภูมิธรรม’ เตรียมตรวจข้าวสุรินทร์ ดึงทุกฝ่ายมีส่วนร่วม คาด!! เปิดประมูล 2 โกดัง ทำรายได้หลายร้อยล้าน

(1 พ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 พ.ค.67 ตนจะนำคณะผู้บริหาร สื่อมวลชน ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมประมูลข้าวในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อร่วมกันประเมินและตรวจสอบคุณภาพของข้าวใน 2 โกดังของคดีรับจำนำข้าว ที่จ.สุรินทร์ ซึ่งโกดังแรกมีปริมาณ 1 แสนกระสอบ และอีกโกดังมีอยู่ 32,000 กระสอบว่าเสียหายหรือไม่ ซึ่งจะตรวจสอบในส่วนของตรงกลางกองข้าวด้วย จากนั้นคาดว่าจะนำข้าวดังกล่าวมาเปิดประมูลข้าวได้เร็วที่สุดภายในเดือนพ.ค.2567

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะเปิดให้ทุกส่วนที่สนใจเข้าร่วมตรวจสอบพร้อมกันกับเซอร์เวเยอร์ด้วย รวมทั้งร่วมกันประเมินราคา เพื่อนำมาพิจารณาในการทำเงื่อนไขในการเปิดประมูล (TOR) ข้าวในล็อตดังกล่าวให้มีความรัดกุม อีกทั้ง ให้เกิดความเป็นธรรมและมีความเหมาะสม หากบุคคลใดเกิดข้อสงสัยก็สามารถแย้งได้

“ประมูลรอบนี้คาดว่าจะได้รายได้จากการประมูลหลาย 100 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้ก็จะนำมาพิจารณาชดเชยให้กับเจ้าของโกดัง ส่วนปริมาณเท่าไร ต้องรอการพิจารณาและคุยกันในรายละเอียด เพื่อให้เป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะปริมาณข้าวดังกล่าวเก็บมาเป็นเวลา 10 ปี เป็นภาระและทำให้เจ้าของโกดังเสียโอกาส เนื่องจากภายในโกดังยังมีพื้นที่ว่างบางส่วน”นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี เมื่อพิสูจน์ชัดเจนถึงคุณภาพข้าวแล้วว่า ไม่ใช่ข้าวเน่า ข้าวเสีย ก็สามารถเปิดประมูลข้าวที่คนสามารถทานได้ ไม่ใช่อาหารสัตว์หรือโรงงาน ซึ่งจะพยายามดำเนินการภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ รวมไปถึงเรื่องของคดีต่างๆ ในโครงการด้วย

สำหรับคลังสินค้าที่จัดเก็บข้าวในโครงรับจำนำข้าว บจก.พูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 อ.เมือง ปัจจุบันมีข้าวคงเหลือ 32,879 กระสอบ และคลังกิตติชัยหลัง 2 อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันมีข้าวคงเหลือ 112,711 กระสอบ

‘ชาญชัย’ ฟาดใส่ ‘ภูมิธรรม’ คิดสั้นเอาข้าวเก่า 10 ปี ส่งขายต่างประเทศ ชี้!! เป็น ‘รมว.พาณิชย์’ ไม่ใช่ ‘ทนายแก้ต่างให้ยิ่งลักษณ์’ เรื่องจำนำข้าว

(11 พ.ค.67) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีข้าวหอมมะลิเก่าค้างโกดังโครงการรับจำนำข้าว 10 ปี รวม 1.5 หมื่นตันที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแนวคิดที่จะนำเข้าสู่ระบบข้าวเพื่อส่งออกไปขายให้แอฟริกานั้นว่า ข้าวที่ค้างโกดัง 10 ปี ในยุครัฐบาลนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี้เป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นอย่าเอาข้าวล็อตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตันนี้ มาทำเล่นให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรชาวนา เพราะจะทำให้ต่างประเทศที่จะซื้อข้าวจากไทย ที่เราส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งหรือ อันดับสองของโลกต้องพลอยจะเสียชื่อของประเทศไทยไปด้วยว่า เราเอาข้าวเสื่อมคุณภาพเข้าระบบข้าว มาขายแล้วไปผสมให้เขา จะทำให้ต่างประเทศเขาสงสัยและเอาไปพูดต่อให้เสียหาย นี่เป็นเรื่องของการตลาดและความน่าเชื่อถือของข้าวไทย ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าอยากจะช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ยึดความจริง อย่าไปเอาเรื่องไม่จริงไปหลอกลวงให้คนอื่นสับสนวุ่นวาย และมันจะกระทบต่อภาพรวมของวงการค้าข้าวทั้งระดับประเทศ ระดับโลก

ท่านจะซื้อข้าวนี้ไปเอง จะซื้อไปเก็บ หรือจะซื้อไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ แต่อย่าเอามาเล่นเป็นการเมือง ผมขอฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อย่าคิดสั้น ให้คิดยาว คุณเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของประเทศไทย ไม่ใช่ทนายแก้ต่างให้คุณยิ่งลักษณ์ในเรื่องโครงการรับจำนำข้าว ศาลท่านตัดสินแล้วว่าพวกคุณทำผิดกันและก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งมีการใช้หนี้ไปจำนวนมากแล้วโดยใช้เงินภาษีของพี่น้องประชาชนมาชดใช้หนี้เสียจำนำข้าว ไม่ใช่เอาเงินของคุณยิ่งลักษณ์ หรือของตระกูลชินวัตรมาชดใช้ หรือเอาเงินของพรรคเพื่อไทยมาใช้หนี้แม้แต่บาทเดียว เพราะฉะนั้น ผมขอฝากชัด ๆ ว่า บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของเล่น เราเป็นนักการเมืองเข้ามาอาสารับใช้ประชาชน ไม่ใช่มานั่งแก้ตัว หรือหาเรื่องค้าบ้านค้าเมือง หาผลประโยชน์กันต่อ ที่หาเรื่องถกเถียงในเรื่องที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว ถ้าคุณไม่ยอมรับว่า เรื่องที่ศาลตัดสินไปแล้วว่าถูกต้อง คุณก็กลับไปฟ้องว่า ใครเป็นผู้ที่ทำผิด

และถ้าเกิดคุณสงสัยว่าข้าวที่อยู่ในโครงการนี้ในอดีตที่ผ่านมาสมัย คสช.ใครไปทำผิด ผมแนะนำว่า คุณมีอำนาจ คุณไปจัดการสอบสวนและดำเนินคดีกับคนนั้น ถ้าใครทำผิดก็เอาไปจัดการ เอาเข้าคุกไปและไปยึดทรัพย์เลย ผมท้าให้พวกคุณไปทำหน้าที่ในฐานะเป็นตัวแทนประชาชน ผมจะขอบคุณด้วยซ้ำ ถ้าสามารถจับได้ว่า ใครที่ทำผิด จะมียศนายพลใหญ่ขนาดไหน ก็ไปจัดการตามกฎหมายเอา ถ้าแน่จริงขอฝากไปถึงนายทักษิณ และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และฝากถึงนายภูมิธรรม มือขวาของนายทักษิณด้วยว่า ถ้าแน่จริง ไปทำเลยถ้าไม่ทำก็แสดงว่า ไม่แน่จริง คุณกำลังเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง เพื่อจะช่วยเหลือน.ส.ยิ่งลักษณ์ตามที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กันหรือไม่ สังคมกำลังติดตาม อย่ามาทำลายเกษตรกรชาวนาไทยด้วยวิธีนี้แค่ข้าว 1.5 หมื่นตัน มันเป็นเศษเสี้ยวของความเสียหายที่พวกคุณทำอะไรกันไว้ในอดีต ขอให้ยุติเรื่องพวกนี้และไปทำเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองจะดีกว่า นายชาญชัย กล่าว

‘ดร.เสรี’ ชี้ ‘ข้าว 10 ปี’ กินไม่ได้ เพราะมีสารพิษ เป็นอันตรายต่อร่างกาย ฟาด!! ‘ภูมิธรรม’ แสดงละครกินโชว์ หวังผลเอา ‘คนหนีคุก’ กลับประเทศ

(12 พ.ค.67) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีความพยายามในการจะนำเอาข้าวเก่า 10 ปี ออกมาขาย โดยได้ระบุว่า … 

อาจารย์เคมีนำข้าว 10 ปีไปทำการพิสูจน์ตามหลักวิชาการ ได้ผลออกมาบอกว่าข้าว 10 ปีกินไม่ได้ เพราะมีสารพิษ เป็นอันตรายต่อร่างกาย

หมอบอกว่ากินไม่ได้เพราะมี Aflatoxin ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง คนทำธุรกิจข้าวบอกว่าเกิน 2 ปี ก่อมีเชื้อราแล้ว เหม็นหืน กินไม่ดี 
คนส่วนใหญ่ซาวข้าว 1-2 น้ำเท่านั้นเพื่อทำความสะอาดข้าวและรักษาคุณค่าทางอาหารของข้าว ไม่มีใครซาวข้าว 15 น้ำ

รัฐมนตรีพาณิชย์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพรรคร่วม บอกว่ากินได้ และมีการกินโชว์ให้ดู สื่อมวลชนที่เป็นนายแบก นางแบกทั้งหลายก็ร่วมเป็นตัวแสดงในการแสดงละครนี้ด้วย กินโชว์แค่หนเดียวอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ถ้าชาวบ้านซื้อไปกินต่อเนื่องเป็นเดือนเป็นปี ผลลัพธ์อาจจะต่างกัน

กรมวิทยาศาสตร์บริการจะช่วยพิสูจน์ด้วยไหมคะ อย. จะมีบทบาทอะไรได้บ้างคะ นี่เป็นเรื่องอาหารนะ สคบ. จะคุ้มครองผู้บริโภคยังไงได้บ้างคะ

ถ้าพ่อค้าประมูลมาใส่ถุงขาย ประชาชนไม่รู้ ซื้อมากินต่อเนื่อง ถ้ามีปัญหาทางด้านสุขภาพกันมากๆ จะทำยังไง แล้วที่จะส่งไปขายAfrica ภาพลักษณ์ของข้าวไทยในตลาดโลกจะเป็นยังไง ลูกค้ายังจะเชื่อถือข้าวไทยอีกไหม

จะซักข้าว 10 ปี เพื่อซักผิดในอดีตคงไม่ได้หรอกนะ

นี่คือสารตั้งต้นของการเอาคนหนีคุกกลับประเทศหรือเปล่า อย่าทำอะไรล้ำเส้นมากเกินไปเลยนะ แค่นี้คนไทยก็เอือมระอาเต็มทนแล้ว

แทนที่จะ ‘ทำงาน’ ทำไมจึง ‘ทำแต่เรื่อง’ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่กันหน่อยนะคะ

'ภูมิธรรม' เดือด!! ดรามาข้าว 10 ปี จ่อฟ้อง ‘พ.ร.บ.คอมฯ’ คนวิจารณ์ ซัดพวกจินตนาการทำลายข้าวไทย พร้อมท้า 'หมอวรงค์' จูงมือไปพิสูจน์

(14 พ.ค. 67) ที่อาคารสุเมธตันติเวชกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี อ.เมือง จ.เพชรบุรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพข้าว ว่า เมื่อวานนี้ (13 พ.ค.) ตนโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความในใจให้สาธารณชนได้รับรู้แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนพิสูจน์แล้วในขั้นต้นก่อนนำข้าวมาประมูล ซึ่งเป็นการพิสูจน์ที่โปร่งใสที่ตนพูดเช่นนี้เพราะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในกระบวนการ และเมื่อคืนที่ผ่านมา นพ.วรงค์ เดชวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ก็ระบุว่าข้าวดังกล่าวไม่มีตรารับรอง ขอให้ท่านไปดูภาพที่สื่อมวลชนถ่ายไว้ เราไม่มีอะไรต้องปิดบัง

“ผมอยากให้คนที่วิจารณ์ วิจารณ์โดยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่นั่งคิดเองเหมือนนิยายแล้วนำมาพูด ซึ่งข้าวถือเป็นสินทรัพย์ของประเทศไทย การที่จู่ ๆ มาด้อยค่าโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงเท่ากับทำลายเศรษฐกิจ และความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบโปร่งใสที่สุด สื่อมวลชนเป็นพยานได้ ผมไม่ได้ไปย้อมแมวขาย ฉะนั้นข้าวจึงไม่จำเป็นต้องหอมเหมือนข้าวใหม่” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า คนที่จำหน่ายข้าวทั้งเจ้าของโรงสี ผู้ส่งออกทั้งหมด มูลค่าธุรกิจของพวกเขาเป็นหมื่น ๆ ล้าน จะมานั่งโกหกเช่นนี้ให้ธุรกิจของเขาพังหรือ แล้วคนที่ออกมาพูดก็ไม่มีความรู้ เท่ากับการให้ข้อมูลเท็จในคอมพิวเตอร์ ซึ่งผิดกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ แต่ตนคิดว่าเจตนาของพวกเขาคงไม่มีอะไร ตนจึงยังไม่ฟ้องร้อง แต่หากยังไม่หยุดทำเช่นนี้ ตนคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตน คงต้องไปจัดการให้เหมาะสม ตนไปตรวจข้าวตามสภาพ และไม่คิดว่าต้องเป็นรัฐมนตรีฟอกข้าวเน่าข้าวเสีย หากข้าวออกดีก็ขายราคาดี แต่หากข้าวเน่าจริงก็ต้องขายกันตามสภาพ

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ตนไม่มีอะไรต้องปิดบัง ซึ่งไม่ใช่กระบวนการแน่นอน ซึ่งเท่าที่ตนได้ทดลองทานเบื้องต้น เป็นข้าวที่ผู้ส่งออกและเจ้าของโรงสี บอกกับตนว่าสามารถนำมารับประทานและสามารถนำไปขัดสีได้ ซึ่งสารอะลูมิเนียมฟอสไฟด์ ที่มีไว้สำหรับรมข้าว ไม่ใช่เป็นสารที่คนวิจารณ์นำมาพูดกันเลอะเทอะ ไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตและร่างกายมนุษย์ ซึ่งสารเคมีจะหลุดออกไปในระหว่างกระบวนการการสีข้าว

“เราขายข้าวในโรงสีให้ได้ราคาดี ให้เกษตรกรมีรายได้ให้รัฐบาลมีเงินเข้าคลัง ไม่ดีหรือครับ แล้วที่พูดกันไปเรื่อยเปื่อย เอาจินตนาการที่คิดไปเช่นนั้นเช่นนี้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันเป็นการทำลายข้าวไทย เป็นการทำลายประเทศ ท่านสะใจหรือครับ คุณหมอวรงค์และอีกหลายคนอยากทำแบบนี้หรือครับ มาจูงมือผมแล้วไปพิสูจน์ หากไม่ใช่แบบที่พวกคุณกล่าว พวกคุณต้องรับผิดชอบมากกว่านี้ ผมอยากให้เรื่องนี้ยุติได้แล้ว เพราะกระบวนการประมูลหลังจากนี้ไม่เกี่ยวกับผม” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะไม่ส่งเข้าไปตรวจสอบกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบข้าวจะเกิดขึ้นหลังประมูล แต่หากมีปัญหามากจนถึงขั้นต้องไปตรวจสอบ ตนก็ไม่ขัดข้องสามารถนำไปยื่นตรวจสอบได้ แต่ไม่ใช่จู่ ๆ จะเอาข้าวไหนก็ไม่รู้ มาเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ขอให้นำเข้าเข้าสู่กระบวนการมาตรฐานในการตรวจสอบ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ตรวจสอบ ไม่ใช่ให้คนนั้นคนนี้มาตรวจสอบ นั่นไม่ใช่หน้าที่ สามารถพาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้าวได้ทุกที่เลย ตนพร้อมทั้งหมด ขอให้นำมาพูดกันตรง ๆ อย่านำไปพูดเรื่อยเปื่อยพร่ำเพรื่อ จนตอนนี้ศักดิ์ศรีข้าวไทยจะไม่เหลืออยู่แล้ว สะใจหรือ อยากให้ยุติเรื่องนี้ เพราะตนมีเรื่องที่ต้องไปจัดการอีกมาก วันนี้ตนเพียงต้องการจะปิดตำนานเรื่องนี้ และให้ดำเนินไปในสิ่งที่ควรจะเป็น

“ผมกินอยู่ ข้าวก็ยังสามารถกินได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ผมคนเดียว แต่สื่อมวลชนที่ไปด้วยก็สามารถกินข้าวนั้นได้ แล้วก็ถูกกล่าวหาว่าทำไมไปสร้างความชอบธรรมให้นักการเมือง ใช้สมองคิดบ้างหรือเปล่าครับที่พูดออกมา” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า นอกจากจะมีข้อกังขาในเรื่องของคุณภาพข้าวแล้ว ยังมีข้อกังขาที่นำเข้าไปให้หน่วยงานอื่นรับประทาน นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีเพียงแค่สองถุงที่นำไปให้นายสรยุทธ สุทัศน์จินดา และนายกิตติ สิงหาปัด ซึ่งตนเห็นว่าเป็นสื่อมวลชนจึงให้รับประทานเพื่อที่จะได้มีความเข้าใจในเรื่องข้าว เพื่อที่จะไม่ได้ฟังจากผู้อื่นแล้วนำไปวิจารณ์ ซึ่งตนนำเข้าออกมาตามกระบวนการอย่างถูกต้อง

“ผมไม่ได้มีปัญหาในการพิสูจน์ ผมพร้อมอยู่แล้ว และไม่ได้ปกป้องข้าวเน่า ย้ำว่าหากข้าวเน่าก็จะขายตามราคาข้าวเน่า แต่ผมไปกินแล้วมันดี ซึ่งหากข้าวที่ตนกินสามารถนำไปขายได้ในราคา 18-20 บาท จะให้ไปขายในราคา 5 บาท แบบที่เคยขายมันได้หรือ ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้โมโห แต่พูดจากอารมณ์และใจจริง” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามถึง กระบวนการการประมูลข้าวที่จะเกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนให้กรมการคลังสินค้าเตรียมการเปิดประมูลแล้ว และตนจะเปิดให้ประมูลทั่วไปทั้งหมด แต่หากไม่มีคนประมูลเลย ก็ค่อยมาว่ากัน อย่าไปคิดว่าเขานำข้าวไปหลอกขายให้ต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเดินเข้าที่ประชุม นายภูมิธรรม ยังเปิดเผยด้วยว่า เตรียมทำหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้ตรวจสอบข้าว 10 ปี ในโกดังขององค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์เร็ว ๆ นี้ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top