Sunday, 2 June 2024
พวกเราคือผู้บริโภค

สยอง!! หนุ่มซื้อซูชิแถวบ้าน เจอหมึกคล้าย ‘หมึกบลูริง’ ร้านแจงไม่ได้แล่เอง สับปนกันมา พร้อมรีบคืนเงินให้

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 66 สมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเตือนภัยลงในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ หลังไปซื้อซูชิจากร้านแห่งหนึ่งแถวบ้าน และไปเจอซูชิหน้าหมึกที่ลักษณะคล้ายกับ ‘หมึกบลูริง’ ที่มีพิษร้ายแรง โดยระบุข้อความว่า…

“อันนี้จากร้านซูชิแถวบ้านครับ ฝากเตือนกันด้วยนะครับ ค่อนข้างจะชัดว่าเป็นวงที่หนวด ไม่ใช่ที่โคนหนวดครับผม ยังไงถ้าไม่มั่นใจ แนะนำว่าไม่ให้กิน ดีที่สุดครับ”

พร้อมกับโพสต์ภาพของซูชิหน้าหมึกคำดังกล่าว โดยที่หนวกหมึกนั้นมีวงแหวนอยู่ทุกชิ้น ซึ่งลักษณะคล้ายกับหนวดของ ‘หมึกบลูริง’ และได้โพสต์ภาพเปรียบเทียบระหว่างหมึกบลูริง กับ ‘หมึกอิคคิว’ ซึ่งหมึกอิคคิวนั้นมีวงแหวนที่แก้มแค่ 1 วง กินได้ไม่เป็นอันตราย ส่วนหมึกบลูริงนั้นมีวงแหวนที่หนวดหลายจุด มีพิษร้ายแรง

โดยผู้โพสต์บอกว่า “แจ้งทางร้านเรียบร้อยครับ ร้านขอโทษแล้ว คืนเงินมาแล้ว ร้านแจ้งว่าไม่ได้แล่เอง แต่ซื้อที่เค้าสับปนกันมาครับ”

สำหรับ ‘หมึกบลูริง’ จะมีลักษณะลำตัวขนาดเล็ก มีลายวงแหวนสีฟ้าสะท้อนแสงเล็กๆ กระจายอยู่ตามลำตัวและหนวด ตัวเต็มวัยมีขนาด 4-5 เซนติเมตร และหนวดยาวประมาณ 15 เซนติเมตร อาศัยอยู่ตามซอกหินและชอบหลบซ่อนตัวอยู่ในทรายใต้ท้องทะเล เคลื่อนที่โดยการใช้หนวดเดินจะไม่ใช้การพ่นน้ำเพื่อพุ่งตัวในการเคลื่อนที่เหมือนหมึกกล้วย

พิษของหมึกบลูริงหรือ ‘หมึกสายสีน้ำเงิน’ มีชื่อว่า ‘Maculotoxin’ (มาคูโลทอกซิน) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับพิษของปลาปักเป้าที่มีชื่อว่า ‘Tetrodotoxin’ (เทโทรโดทอกซิน) สามารถพบพิษนี้ได้ในต่อมน้ำลาย (Salivary gland) ปาก หนวด ลำไส้ และต่อมหมึก พิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาททำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และทำให้เหยื่อตายหรือเป็นอัมพาต ผู้ที่ถูกหมึกบลูริงกัดเปรียบเหมือนการฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดโดยตรง

โดยพิษจะออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว และเร็วกว่าพิษจากปลาปักเป้า อาการเริ่มแรกของผู้ที่ถูกกัดหรือกินหมึกบลูริงเข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้ ตาพร่าเลือน มองไม่เห็น ประสาทสัมผัสไม่ทำงาน พูดหรือกลืนน้ำลายไม่ได้ จากนั้นจะเป็นอัมพาตและหยุดหายใจเนื่องจากสมองขาดออกซิเจน หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจะทำให้ตายในที่สุด

‘ผู้โดยสาร’ อัดคลิปสภาพเบาะเครื่องบิน สายการบินดัง สุดช็อก!! ทั้งดำสกปรก แถมเปื่อย-ขาด สภาพเกินจะทน

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 ได้เกิดไวรัลบนโลกโซเชียล โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพพร้อมคลิปวิดีโอลงในกลุ่ม ‘พวกเราคือผู้บริโภค’ เผยให้เห็นสภาพเบาะบนสายการบินหนึ่ง เมื่อผู้โพสต์นำกระดาษทิชชู่มาเช็ดเบาะแล้วพบว่า มีคราบฝุ่นติดมาจำนวนมากจนทำให้ทิชชู่มีสีดำ รวมไปถึงเบาะอยู่ในสภาพขาดทรุดโทรม นอกจากนี้ รวมถึงพื้นของเครื่องบินมีสภาพสกปรก

โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “บินสายการบินนี้เหมือนมาสู้ชีวิต อาทิตย์ที่แล้วเบาะสกปรกเอาทิชชู่ชุบน้ำเช็ดดำปี๋ อาทิตย์นี้เจอสภาพเบาะสู้ชีวิต น้องเปื่อย เบาะขาด”

นอกจากนี้ ผู้โพสต์ยังไปแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์อีกว่า “ขออนุญาตชี้แจงก่อนนะครับ จริงๆ แล้ว อาทิตย์ก่อนที่เจอเบาะดำ ไม่สะอาด สกปรก เราได้ส่งแจ้งเรื่องทางสายการบินให้ได้รับทราบแล้วนะครับ และช่วงนี้เราต้องบินไป-กลับบ้านกับสายการบินนี้ทุกศุกร์และอาทิตย์ จนถึงเดือนมีนาคม (เพราะจองล่วงหน้าไว้)

ทางสายการบินมีการติดต่อมา จะทำการ DEEP CLEAN ซึ่ง ส่วนตัวเราว่า มันไม่ได้ถึงขนาดต้องเรื่องใหญ่ขนาดตั้ง BUDGET ขอ DEEP CLEAN แค่การทำความสะอาดทั่วไป เช่น ผ้าหรือวัสดุอุปกรณ์ ที่ถูกต้องกับคุณลักษณะของเบาะ เช็ดเบาะให้สะอาดเป็นประจำ ก็น่าจะเพียงพอ

และ… เราค่อนข้างแน่ใจอีกอย่างคือ เค้ามีการส่งข้อมูล EMAIL กันภายใน ว่า ผดส. คนนี้จะเดินทางอีกวันนี้ๆ นะ สิ่งที่เค้าทำคือ ไปทำความสะอาดที่นั่งที่เราจะนั่ง ซึ่งดูสะอาดมากๆ (เฉพาะที่นั่งเรา)

แต่บังเอิญ… มีเหตุให้เราได้ต้องย้ายที่ และสิ่งที่เจอคือ สกปรกเหมือนเดิม เพราะเค้าเช็ดแต่ที่นั่งเรา แล้ววันนี้บินอีก เจอเบาะสู้ชีวิตอีกกกก สภาพน้องคือ ไม่พร้อมให้บริการอย่างแรงงง จนต้องเขยิบไปนั่งที่ข้างๆ

สิ่งที่เราจะสื่อคือ ไม่ได้ต้องการสิ่งใดทดแทน หรือ ดูแลเฉพาะแค่เรา แต่เรื่องความสะอาดมันเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกๆ คนที่มาใช้บริการควรได้รับให้เป็นมาตรฐาน และสุขลักษณะที่ทุกๆ คนควรได้รับจากผู้ให้บริการเท่าเทียมกัน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top