Monday, 6 May 2024
พระพุทธศาสนา

????????วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกๆ ปี เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก

????????วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกๆ ปี เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน ถือเป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์  

ในปี 2564 วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเสาร์ ที่ 24 กรกฎาคม
.
วันอาสาฬหบูชา มีเหตุการณ์ สำคัญเกิดขึ้น 4 ประการ คือ
.  
1⃣ เป็นวันแรกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนา
.
2⃣ เป็นวันแรกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”
.
3⃣ เป็นวันแรกที่พระสงฆ์สาวกเกิดขึ้นในโลก คือ ฤาษีโกณฑัญญะ  ได้บวชเป็นภิกษุด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
.
4⃣ เป็นวันแรกที่มีพระรัตนตรัยครบบริบูรณ์
.

#วันอาสาฬหบูชา 
#วันเข้าพรรษา 
#พระพุทธศาสนา

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2564 สืบทอดขนบธรรมเนียมอันดีงาม ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี  2564 ในวันศุกร์ ที่ 5 พ.ย. 64 เวลา 14.00 น. ณ พระอุโบสถวัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

พล.ต.อ.วิระชัย  ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2564 ณ พระอุโบสถวัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร  มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ และประชาชนเข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกันภายใต้การปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

สำหรับพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการร่วมกันทำบุญ สร้างกุศล สืบทอดขนบธรรมเนียมและประเพณีจากครั้งบรรพกาลสู่ชนรุ่นหลังธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีงาม เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา 

ทั้งนี้ ยอดเงินจากการร่วมทำบุญถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปี 2564 จะถวายให้แก่วัดตรีทศเทพวรวิหาร และมอบให้กับโรงเรียนวัดตรีทศเทพ เพื่อใช้ในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ และเป็นค่าใช้จ่ายด้านสาธารณกุศลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

วิกฤตศรัทธาศาสนาพุทธในเมียนมา อนาคตที่ถูกชี้ชะตาโดยคนรุ่นใหม่

เมื่อไม่นานมานี้มีภาพหลุดออกมาว่อนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับภาพพระสงฆ์ที่เหมือนจะกำลังเดินอยู่บนแคตวอร์ก จนสร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตทั้งคนเมียนมาเอง ขณะที่คนต่างชาติ ก็ออกปากพูดเชิงดูหมิ่นว่า พระมาเดินแคตวอร์กอะไรทำนองนั้น  

เมื่อสืบค้นไป ก็พบว่าประเด็นนี้ มาจากมีคหบดีท่านหนึ่งจัดงานวันเกิดให้พระผู้ใหญ่ที่โรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งในย่างกุ้ง จึงมีการเชิญพระหลายรูปมาร่วมงานในที่นี้ รวมถึงมีการนำรถหรูไปรับพระด้วย

แน่นอนว่า หลายคนมองถึงความไม่สมควรของพระที่ควรจะสมถะ แต่กลับถูกโยมสร้างให้เกิดในสิ่งที่เรียกว่า 'ผิดไปจากวินัยคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า' ด้วยหรือ ว่าแล้วหลายคนจึงได้เข้าไปกระหน่ำบูลลี่สิ่งที่เห็นเพียงแค่ภาพอย่างสะใจแบบเอาตายในเชิงดูหมิ่นพระสงฆ์ 

อันที่จริง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระผู้ใหญ่โดนเช่นนี้!!

ช่วงก่อนหน้าที่ผ่านมา กรณี 'ครูบาบุญชุม' ครั้นเมื่อท่านออกจากวิปัสสนาจากถ้ำที่เมืองแกดในรัฐฉาน แล้วตัวท่านก็มีการแสดงท่าทาง อาการแปลกๆ และมีการถ่ายภาพไว้ และมีการโพสต์ลงสื่อออนไลน์ ทำให้คนหลายคนเข้ามาต่อว่า บูลลี่ไปถึงอาการที่เป็นอยู่ว่าท่านเสียจริตเอยหรืออื่นๆ อีกมากมาย

ที่เอย่าอยากจะบอก คือ อย่างไรก็ดี ศาสนาพุทธในเมียนมา ณ วันนี้ ยังคงแข็งแกร่ง เพราะพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ยังรักและศรัทธากับวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ 

แต่ในขณะเดียวกันจำนวนพุทธศาสนิกชนเมียนมาที่เอาใจออกห่างจากพุทธศาสนาก็มีเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กรุ่นใหม่และคนชั้นกลาง ซึ่งคนเหล่านี้อาจจะเป็นกลุ่มที่ชี้ชะตาถึงความแข็งแกร่งของพุทธศาสนาในเมียนมาในอนาคตอีก 20-30 ปีข้างหน้าก็เป็นได้ 

จากนี้คงต้องมาดูถึงบริบทของศาสนาพุทธที่เปลี่ยนไปกันในอนาคตกันว่าจะเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า

27 พฤษภาคม พ.ศ. 2449 ท่านพุทธทาสภิกขุ เกิดที่ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

พระธรรมโกศาจารย์ นามเดิม เงื่อม พานิช ฉายา อินทปญฺโญ หรือรู้จักในนาม พุทธทาสภิกขุ เป็นชาวอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2449 เริ่มบวชเรียนเมื่ออายุได้ 20 ปี ที่วัดบ้านเกิด จากนั้นได้เขาได้มาศึกษาพระธรรมวินัยต่อที่กรุงเทพมหานคร จนสอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค แต่แล้วท่านพุทธทาสภิกขุก็พบว่าสังคมพระพุทธศาสนาแบบที่เป็นอยู่ในขณะนั้นแปดเปื้อนเบือนบิดไปมาก และไม่อาจทำให้เข้าถึงหัวใจของศาสนาพุทธได้เลย ท่านจึงตัดสินใจหันหลังกลับมาปฏิบัติธรรมที่อำเภอไชยา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของท่านอีกครั้ง พร้อมปวารณาตนเองเป็น พุทธทาส เนื่องจากต้องการถวายตัวรับใช้พระพุทธศาสนาให้ถึงที่สุด

ผลงานเด่นของท่านพุทธทาสคืองานหนังสือ เช่น ตามรอยพระอรหันต์ คู่มือมนุษย์ และเป็นภิกษุไทยรูปแรกที่บุกเบิกการใช้โสตทัศนูปกรณ์สมัยใหม่สำหรับการเผยแพร่ธรรมะ และท่านมีสหายธรรมคนสำคัญ คือ ท่านปัญญานันทภิกขุ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ และท่าน บ.ช. เขมาภิรัต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top