Monday, 13 May 2024
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

10 มิถุนายน พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระนามเดิม ‘ด้วง’ หรือ ‘ทองด้วง’ เป็นบุตรพระอักษรสุนทร (ทองดี) ข้าราชการกรมอาลักษณ์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เสนาบดีกรมพระคลังในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับท่านหยก ธิดาเศรษฐีจีน มีพระบรมราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ 

ต่อมาได้ทรงรับราชการเป็นมหาดเล็กในเจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต จนพระชนมพรรษาครบ 21 พรรษา ได้ทรงผนวช ณ วัดมหาทลายพรรษาหนึ่ง หลังจากทรงลาผนวชแล้วทรงกลับเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวงอีกครั้ง ครั้นพระชนมพรรษาได้ 25 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสุริยาศน์อมรินทร์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหลวงยกกระบัตร ออกไปรับราชการที่เมืองราชบุรี

ใน พ.ศ. 2311 หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เสด็จเข้ามารับราชการในกรุงธนบุรี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระราชวรินทร์ ในกรมพระตำรวจหลวง โดยได้เสด็จสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไปปราบก๊กต่างๆ จนได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ จางวางกรมพระตำรวจ

ต่อจากนั้น ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้เป็นแม่ทัพไปปราบหัวเมืองต่างๆ หลายครั้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จความชอบให้เป็นพระยายมราช และทรงทำหน้าที่สมุหนายกด้วย 

ในปีต่อมาทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าพระยาจักรี ที่สมุหนายก และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก รับพระราชทานเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรม

ครั้น พ.ศ.2324 ได้เกิดเหตุจลาจลขึ้นในกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกต้องยกทัพกลับจากเขมรเพื่อปราบจลาจล และได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2325 และทรงสถาปนาพระราชวงศ์จักรีขึ้น 

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมทุกด้าน โดยมีพระราชประสงค์ให้กรุงรัตนโกสินทร์เจริญรุ่งเรืองเหมือนกับกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดต่างๆ เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และโปรดให้เชิญพระพุทธรูปโบราณตามหัวเมืองต่างๆ มาประดิษฐานในพระนครด้วย

นอกจากนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชำระกฎหมายโบราณสมัยอยุธยา ที่เหลืออยู่ให้เป็นหมวดหมู่และประทับตราสามดวงไว้เป็นฉบับหลวง

ทางด้านศาสนาโปรดให้ชำระพระไตรปิฎกและคัดเป็นฉบับหลวง เพื่อเก็บรักษาไว้ในหอพระมณเฑียรธรรม ภายในพระบรมมหาราชวัง 

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ.2352 พระชนมพรรษาได้ 73 พรรษา

20 มีนาคม พ.ศ. 2280 วันคล้ายวันพระราชสมภพ ‘พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช’ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี บูรพมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสยามประเทศ

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระนามเดิม ด้วง หรือ ทองด้วง เป็นบุตรพระอักษรสุนทร (ทองดี) ข้าราชการกรมอาลักษณ์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เสนาบดีกรมพระคลังในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับท่านหยก ธิดาเศรษฐีจีน มีพระบรมราชสมภพเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2280 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ 

ต่อมาได้ทรงรับราชการเป็นมหาดเล็กในเจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต จนพระชนมพรรษาครบ 21 พรรษา ได้ทรงผนวช ณ วัดมหาทลายพรรษาหนึ่ง หลังจากทรงลาผนวชแล้วทรงกลับเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวงอีกครั้ง ครั้นพระชนมพรรษาได้ 25 พรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสุริยาศน์อมรินทร์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นหลวงยกกระบัตร ออกไปรับราชการที่เมืองราชบุรี

ต่อมาในปี พ.ศ. 2311 หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เสด็จเข้ามารับราชการในกรุงธนบุรี ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระราชวรินทร์ ในกรมพระตำรวจหลวง ได้โดยเสด็จสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชไปปราบก๊กต่าง ๆ จนได้รับบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอภัยรณฤทธิ์ จางวางกรมพระตำรวจ ต่อจากนั้นทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้เป็นแม่ทัพไปปราบหัวเมืองต่าง ๆ หลายครั้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จความชอบให้เป็นพระยายมราช และทรงทำหน้าที่สมุหนายกด้วย 

ในปีต่อมาทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าพระยาจักรี ที่สมุหนายก และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก รับพระราชทานเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรม ครั้น พ.ศ. 2324 ได้เกิดเหตุจลาจลขึ้นในกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกต้องยกทัพกลับจากเขมรเพื่อปราบจลาจล และได้ขึ้นปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ขณะที่มีพระชนมายุได้ 46 พรรษา 

ทั้งนี้ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีราชธานีเดิมที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา พระองค์โปรดให้สร้างพระราชวังหลวงและโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานฉลองสมโภชพระนครเป็นเวลา 3 วัน ครั้งเสร็จการฉลองพระนครแล้ว พระองค์พระราชทานนามพระนครแห่งใหม่ให้ต้องกับนามพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรว่า ‘กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์’ หรือเรียกอย่างสังเขปว่า ‘กรุงเทพมหานคร’

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว พระองค์ทรงมีพระราชกรณีกิจที่สำคัญยิ่ง คือ การป้องกันราชอาณาจักรให้ปลอดภัยและทรงฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยอันเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและอยุธยา การที่ไทยสามารถปกป้องการรุกรานของข้าศึกจนประสบชัยชนะทุกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของพระองค์ในการบัญชาการรบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามกับพม่าใน พ.ศ. 2328 ที่เรียกว่า ’สงครามเก้าทัพ‘ นอกจากนี้พระองค์ยังพบว่ากฎหมายบางฉบับที่ใช้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาไม่มีความยุติธรรม จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการตรวจสอบกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมด เสร็จแล้วให้เขียนเป็นฉบับหลวง 3 ฉบับ ประทับตราราชสีห์ คชสีห์ และบัวแก้วไว้ทุกฉบับ เรียกว่า ’กฎหมายตราสามดวง‘ สำหรับใช้เป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงรับการยกย่องเป็น 1 ใน 8 สมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย พระองค์ทรงได้รับพระราชสมัญญานามว่าเป็น มหาราช เพราะทรงได้รับชัยชนะจากสงครามเก้าทัพนั่นเอง

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน  พ.ศ. 2352 พระชนมพรรษาได้ 73 พรรษา

6 เมษายน พ.ศ. 2325 ‘ในหลวง ร.1’ เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พร้อมก่อสร้างพระนครแห่งใหม่ในนาม ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองหลวงปัจจุบัน

วันจักรี (Chakri Memorial Day) ตรงกับวันที่ 6 เมษายนของทุกปี อันเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือพระรามาธิบดีที่ 1 ทรงเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และเป็นวันครบรอบการก่อตั้งราชวงศ์จักรี ในวันนี้จึงถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งที่พวกเราชาวไทยควรให้ความระลึกถึง กว่าจะมาเป็นสยามได้ในทุกวันนี้

ทั้งนี้ วันจักรี (Chakri Memorial Day) คือ วันที่ระลึกถึงมหาจักรีบรมราชวงศ์ เป็นวันที่ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี อีกทั้งยังเริ่มก่อสร้างพระนครแห่งใหม่ในนาม ‘กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์’ ที่นับว่าเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ถัดจากกรุงธนบุรี ซึ่งเมื่อครั้งที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานีนั้น มีอาณาบริเวณรวมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เป็นเมืองหลวงที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเปลี่ยนนามใหม่ จาก ‘กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร์’ เป็น ‘กรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์’ ซึ่งช่วงเวลาตั้งแต่ก่อตั้งกรุงเทพมหานครฯ เมื่อปี พ.ศ. 2325 มักเรียกกันว่า สมัยรัตนโกสินทร์ เช่นเดียวกันกับที่เคยเรียกยุคสมัยที่ผ่านมาในสยาม โดยพระเจ้าแผ่นดินในสมัยรัตนโกสินทร์นี้ได้สืบสันตติวงศ์ต่อเนื่องกันมาในราชวงศ์เดียวกันจนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 10 รัชกาล

จากบันทึกตามประวัติศาสตร์ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2416 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูปของบูรพมหากษัตริย์ 4 พระองค์ (รัชกาลที่ 1 - รัชกาลที่ 4) ขึ้นประดิษฐานเอาไว้สำหรับให้พระมหากษัตริย์พระองค์ต่อ ๆ ไป ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนทั่วไปได้ถวายความเคารพสักการะ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นธรรมเนียมปีละหนึ่งครั้ง และได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนสถานที่ประดิษฐานหลายต่อหลายครั้ง
จนมาถึงในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เคลื่อนย้ายพระบรมรูปของบูรพมหากษัตริย์ 4 พระองค์มาไว้ ณ ปราสาทเทพบิดร ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พร้อมกับพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 พระชนกชาถ ซึ่งพระที่นั่งสำหรับประดิษฐานพระบรมรูปองค์นี้ รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดให้ซ่อมแซมจากพุทธปรางค์ปราสาทเพื่อการนี้โดยเฉพาะ และได้พระราชทานพระนามว่า ปราสาทเทพบิดร โดยได้มีการซ่อมแซมและประดิษฐานพระบรมรูปทั้ง 5 รัชกาลแล้วเสร็จในเดือนเมษายน พ.ศ. 2461 จากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการประกาศตั้งพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูปขึ้นในวันที่ 6 เมษายนปีเดียวกัน อีกทั้งยังโปรดให้เรียกวันที่ 6 เมษายนนี้ว่า วันจักรี

นอกจากนั้น ในวันที่ 6 เมษายน ซึ่งเป็นวันจักรีของทุกปี รัฐบาลยังได้ประกาศเป็นวันหยุดราชการ แต่หากในปีใดที่วันจักรีตรงกับวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ก็ให้หยุดชดเชยได้ในวันทำการวันต่อไป

‘ปรเมษฐ์ ภู่โต’ สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์ข้อความ เนื่องในวันจักรี ย้ำ!! น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ‘พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี’

(6 เม.ย. 67) นายปรเมษฐ์ ภู่โต ผู้ดำเนินรายการ ‘ถึงแก่น Live’ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

นั่งคิดอยู่นานว่าจะโพสต์เนื้อหา อะไรเนื่องในวันจักรี 6 เมษายน 2567 นอกจาก คำว่าน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี และกรุงรัตนโกสินทร์

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อครั้งยังคิดว่าตัวเองเป็น 'ฝ่ายก้าวหน้า' และ 'คิดจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน' การพูดถึงวันจักรี ก็จะมีชุดข้อมูลอีกแบบ ซึ่งก็ไม่ได้มีหลักฐานอะไรมายืนยัน มีแต่เรื่องเล่าต่อ ๆ กันมา ของรุ่นพี่ ของรุ่นพี่อีกทีจนมาถึงรุ่นเรา

แต่เมื่อเรา เติบโตขึ้น อ่านมากขึ้น เรียนรู้มากขึ้น เข้าใจ สิ่งที่เรียกว่า 'บริบททางประวัติศาสตร์ ' มากขึ้น เราจึงเห็นว่า การสร้างบ้านเมืองให้มั่นคงเป็นปึกแผ่นนั้นสำคัญมาก ทั้งต่อคนในยุคนั้น และส่งต่อมาถึงยุคหลัง ความมั่นคงปึกแผ่นของบ้านเมือง คือพื้นฐานสำคัญที่สุดของการพัฒนาบ้านเมืองในทุก ๆ ด้าน ประเทศจีนกว่าจะมายิ่งใหญ่ทุกวันนี้ ก็ต้องผ่านการรวมแผ่นดิน จาก 3 ก๊กมาเป็นหนึ่งเดียว

สหรัฐอเมริกานั้นก็ผ่านสงครามระหว่างฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ กว่าจะมาเป็นมหาอำนาจคับโลก
ในขณะที่ชาติอาหรับ หลายประเทศผู้คนล้วนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ถูกมหาอำนาจ แบ่งซอยเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย แล้วขายอาวุธให้รบกันเองจนถึงทุกวันนี้

ประเทศที่ไม่มีเอกภาพ ผู้คน และดินแดน แตกเป็นเสี่ยง ๆ ยากที่จะพัฒนาให้เข้มแข็ง ชีวิตของผู้คนในประเทศนั้นก็ยากจะมีความสุข 

กล่าวโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตัวเองบ้าง เทือกเถาเหล่ากอผมนั้นฝ่ายพ่อ เป็นคน"เชื้อชาติจาม" หรือ 'แขกจาม' อยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศกัมพูชาปัจจุบันโดนกวาดต้อนมา และมามีบทบาทในประวัติศาสตร์ไทยในฐานะ นักรบ 'กองอาสาจาม' มีปรากฏหลักฐานว่าได้ร่วมเป็นกำลังสำคัญในหลายสมรภูมิ ( ทางฝ่ายแม่นั้นฟังว่า ก็มีเชื้อสายมอญ ) ชุมชนที่เกิดและเติบโตในกทม.คือชุมชนบ้านครัวนั้นก็ได้รับพระราชทานที่ดินจากพระมหากษัตริย์ในอดีต ก็อยู่เย็นเป็นสุขเรื่อยมา ไม่ได้มีข้อจำกัดใด ๆ ในเรื่องศาสนา ส่วนจะรวยจะจน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนดำเนินชีวิตกันเอง เอาแค่ว่า การได้เกิดและเติบโตในผืนแผ่นดินที่ชื่อประเทศไทย ที่ในหลวงรัชกาลที่ 1ได้ทรงสร้างให้เป็นปึกแผ่น ก็ถือว่าโชคดีขนาดไหนแล้ว

ผมลองคิดเล่น ๆ ว่าหาก บรรพบุรุษของผมไม่ได้มาอยู่เมืองไทย ไม่แน่ว่าคนรุ่นพ่อผม อาจถูกพวก 'ฝ่ายก้าวหน้า' ของกัมพูชา หรือเขมรแดง ในยุค พล พต จับไปทำนารวม หรือไม่ก็คงโดนฆ่าตายแบบที่คนกัมพูชาเป็นล้าน ๆ คนโดนก็เป็นได้ 

หรือมาถึงยุคผม คิดง่าย ๆ ที่สุดเลย คืออยู่ในประเทศนี้ภายใต้พระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี แม้จะมีรัฐบาลที่เราชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง ก็ยังดีกว่าเป็นประชาชน ของฮุนเซน เป็นไหน ๆ
แล้วแบบนี้ จะไม่ให้ผมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านได้อย่างไร🙏🙏🙏

‘ภูมิใจไทย’ จัดทำบุญใหญ่ครบรอบ 16 ปี บรรยากาศคึกคัก ‘พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน’ ร่วมยินดี ‘อนุทิน’ ขอทำงานเพื่อ ‘บ้านเมือง-ประชาชน’

(6 เม.ย. 67) ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถนนพหลโยธิน จัดพิธีทำบุญพรรคภูมิใจไทยก้าวสู่ปีที่ 16 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน พร้อมด้วยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค (กห.บห.) รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และสมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีทางศาสนาพุทธ ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ โดยมีพระเทพวิสุทธิกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

จากนั้นมีการประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม นำโดย อิหม่ามสนั่น (ดาวุต) โตสมบูรณ์ อิหม่ามประจำมัสยิดเราะห์มาตุ้ลอิสลาม แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. พร้อมด้วยผู้นำศาสนาจากมัสยิดต่าง ๆ ในเขตสวนหลวง กทม. รวม 10 ท่าน เพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าทรงประทานพรอันประเสริฐให้พรรคภูมิใจไทยเจริญรุ่งเรือง และสมาชิกทุกท่านมีความสุขความประสบความสำเร็จในการทำหน้าผู้แทน และเป็นที่พึ่งของประชาชน ช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวต่อไป

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เวลา 07.00 น. นายอนุทิน พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรค ภท. ได้เดินทางไปวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะปฐมบรมราชานุสรณ์ เนื่องในวันจักรี เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และมหาจักรีบรมราชวงศ์ ณ บริเวณปฐมบรมราชานุสรณ์ สะพานพระพุทธยอดฟ้า

สำหรับงาน 'ก้าวสู่ปีที่ 16' พรรคภูมิใจไทยในวันนี้ มีตัวแทนพรรคการเมืองนำกระเช้า และแจกันดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี อาทิ พรรคเพื่อไทย ได้แก่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรค และนายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ รองโฆษกพรรค พรรคชาติพัฒนากล้า ได้แก่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค

ขณะที่ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา โดยนายวราวุธได้มอบช่อดอกไม้และกล่าวอวยพรว่า พรรคภูมิใจไทยที่เป็นหนึ่งในพรรคหลักของพรรครัฐบาล พรรคชาติไทยพัฒนาขอเป็นกำลังใจ และขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ เป็นเสาหลักให้กับน้องๆ เพื่อนฝูง ญาติสนิท มิตรสหาย และเป็นเสาหลักให้กับการเมืองไทยตลอดไปตราบนานเท่านานขอให้ประสบความสำเร็จและได้ยิ่งใหญ่ไปนาน ๆ

ขณะนายอนุทินกล่าวตอบว่า ขอบคุณพรรคชาติไทยพัฒนาที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมาตลอด 5 ปี และในปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่ 6 และขอให้ทำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชนไปด้วยกัน และจะเป็นลมใต้ปีก เพื่อให้ทุกคนปฏิบัติภารกิจได้สำเร็จไปด้วยกัน พร้อมกล่าวถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ที่มียุทธศาสตร์การบริหารที่ดี เชื่อว่าลูกมังกรไม่มีทางเป็นงูดิน แต่จะเป็นกิเลนที่พร้อมไปด้วยกัน

ต่อมา พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ และนายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ามาร่วมแสดงความยินดี

ขณะที่ พรรคซีกฝ่ายค้านมี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดย นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมช.มหาดไทย พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ รองหัวหน้าพรรค เป็นตัวแทนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top