Friday, 3 May 2024
พรรคไทยสร้างไทย

'ไทยสร้างไทย'​ ส่ง 'ศิธา ทิวารี'​ ชิงเก้าอี้ผู้ว่ากทม. พร้อมเปิดตัวว่าที่​ ส.ก. 50​ เขต​ 30​ มี.ค.นี้

รายงานข่าวจากพรรคไทยสร้างไทยแจ้งว่า พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ตัดสินใจส่ง​ 'ผู้พันปุ่น'​ น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลไทยรักไทย และอดีต ส.ส.กทม. ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) ในนามพรรคไทยสร้างไทย โดยจะมีกำหนดการเปิดตัวเป็นทางการในวันที่ 30 มี.ค. พร้อมการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ทั้ง 50 เขต

เบื้องต้นทางพรรคไทยสร้างไทยติดต่อขอจัดงานเปิดตัว น.ต.ศิธา และผู้สมัคร ส.ก. รวมทั้งการเปิดนโยบายที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (หอศิลป์ กทม.) แยกปทุมวัน


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9650000028007
 

‘ไทยสร้างไทย’ ล่าชื่อตรวจสอบจริยธรรม ส.ว. ยกเลิกอำนาจในการโหวตนายกรัฐมนตรี

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุเนื้อหาถึง การเปิดแพลตฟอร์ม D-vote ล่ารายชื่อเพื่อยื่นตรวจสอบ ส.ว. ที่แต่งตั้งเครือญาติเข้ามาทำงานในสภา พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตซ์อำนาจ ส.ว. แต่งตั้งในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

หลัง iLaw เปิดชื่อ ส.ว. แต่งตั้งญาติ 50 คนเป็นผู้ช่วยของตัวเอง และฝากเลี้ยงไว้กับ ส.ว. คนอื่น ทั้งยังพบทหาร คนใกล้ชิด คสช. อีกกว่าครึ่งพันมานั่งเป็นคณะทำงานของ ส.ว. ตามโควตา ส.ว. 1 คนต่อคณะทำงาน 8 คนตามข้อมูลเมื่อวันที่ (30 ก.ย. 63) ทำให้วุฒิสภาต้องใช้เงินภาษีของประชาชนจ่ายค่าตอบแทนทั้งตัว ส.ว. 250 คน คนละเป็นแสนต่อเดือน คณะทำงานหลักหมื่นต่อคน และยังไม่นับรวมสวัสดิการอื่น ๆ อีก เฉลี่ยปีละ 387.33 ล้านบาท

หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวล รวมทั้งพี่น้องประชาชน ภาควิชาการ และเรียกร้องให้มีการสอบจริยธรรม ส.ว. ที่เข้าข่ายดังกล่าว ขณะเดียวกันเหลือเวลาอีกไม่ถึงปี ที่สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะสิ้นสุดลง แต่ ส.ว. ยังคงมีอำนาจในการโหวตเลือกนายกอยู่

พรรคยืนยันไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะกาลที่ระบุให้ระหว่าง 5 ปีแรก ส.ว. มีสิทธิ์ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพราะคนเหล่านี้คือ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง และหาก ส.ว. ชุดนี้อยู่ครบวาระก็เท่ากับว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรีได้ถึง 2 คน เพราะสภาผู้แทนราษฎรมีอายุเพียง 4 ปีเท่านั้น หาก ส.ว. ทั้ง 250 คนไม่มีเสียงแตก การเลือกตั้งสมัยหน้าประชาชนก็อาจจะได้กลุ่มคนเผด็จการเช่นเดิมมาบริหารประเทศ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เผย ศึกซักฟอก รัฐมนตรีรอดทุกคน แต่ประชาชน กำลังอดตาย ซัด สภาพึ่งไม่ได้ เดินหน้าสร้าง ต่อยอด แพลตฟอร์ม ประชาชนมีส่วนร่วม

24 ก.ค. 2565 -คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงผลการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีรวม 11 คน ที่สภาผู้แทนราษฎรเทคะแนนเกินครึ่งให้ความไว้วางใจปฏิบัติหน้าที่ต่อ ว่าความรู้สึกหลังจากทราบผลคือไม่อยู่จะพูดยังไง หรือภาษาอีสานคือ เบิดคำสิเว้า เพราะจากการที่ตัวเองติดตามฟังการอภิปรายมาตลอด 4 วัน 4 คืน หลายเรื่องที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาเป็นเรื่องจริงที่สะท้อนว่ารัฐบาลไร้สามารถในการบริหารประเทศจนทำให้เศรษฐกิจถดถอย พลังงานแพง สินค้าและค่าครองชีพสูง 

นอกจากนี้ข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันหลายอย่างก็ชัดเจน ตั้งแต่ นาฬิกาหรูยืมเพื่อน ปั่นหุ้น ฮั้วประมูล เอื้อประโยชน์พวกพ้อง หรือเอาพรรคพวกเข้ามารับตำแหน่งกินภาษีประชาชนโดยมิชอบ ทั้งหมดมันยิ่งตอกย้ำว่าในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังลำบากเดือดร้อน แต่รัฐบาลกลับซ้ำเติมประชาชน แถมยังมีเสียงในสภาคอยหนุนหลัง เป็นผู้แทนราษฎรที่มองข้ามความเดือดร้อนและไม่ฟังเสียงประชาชน เช่นเดียวกับอีกหลายองค์กรอิสระที่กลายเป็นตรายางฟอกขาวให้รัฐบาล ดังนั้น การขจัดคอร์รัปชันต้องเป็นวาระแห่งชาติ และพรรคไทยสร้างไทยจะขอเป็นช่องทางรับฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อนำไปแก้ไขปัญหา และพัฒนาเป็นนโยบายในอนาคต ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ สู้เพื่อคนตัวเล็ก

“อภิปรายไม่ไว้วางใจ รอดทุกคน ยกเว้นประชาชนที่กำลังจะอดตายในวิกฤตเศรษฐกิจ แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ เอาภาษีไปบำเรอพวกพ้อง เมื่อสภาก็พึ่งไม่ได้ ป.ป.ช. ก็พึ่งไม่ได้ พรรคไทยสร้างไทยขอเป็นที่พึ่งรับฟังเสียงของประชาชนเพื่อช่วยเหลือและพัฒนาเป็นนโยบาย ตามเจตนารมณ์ของพรรคคือ สู้เพื่อคนตัวเล็ก” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

ควบรวม 'สร้างอนาคตไทย-ไทยสร้างไทย' เตรียมนัดแถลง 29 ธ.ค.นี้ หลังดีลลงตัว

(28 ธ.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการแจ้งกำหนดกับสื่อมวลชน เพื่อขอเชิญไปร่วมทำข่าวการหารือระหว่างพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทย ที่ร้านอาหาร Corner สุขุมวิท 26 ในวันพฤหัสบดีที่ 29 ธ.ค.เวลา 10.00 น.

โดยในการหารือดังกล่าว มีแกนนำคนสำคัญของทั้งสองพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย, นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย, นายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย 

'ไทยสร้างไทย' ปักธงภาคอีสาน ประกาศรื้อสัญญาไฟฟ้าเอื้อนายทุน

“สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่กาฬสินธุ์ ประกาศปักธงพื้นที่ภาคอีสาน ลั่นไทยสร้างไทยเป็นรัฐบาลรื้อสัญญาไฟฟ้าเอื้อนายทุน หลังทำคนไทยจ่ายค่าไฟแพง และลดค่าไฟทันทีเหลือหน่วยละ 3.50 บาท เพื่อให้ชาวอีสานใช้ในราคาถูก ชูนโยบายหายจน ทำ “อีสานมั่งคั่ง” บอกลาความแห้งแล้ง มั่นใจ พูดจริง ทำได้ 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 15 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายประวัฒน์ อุตตะโมช นายธนธัช ตัณฑสิทธิ์ นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และทีมผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมประกาศประกาศปักธงพื้นที่ภาคอีสาน บริเวณศูนย์ประสานงานพรรคไทยสร้างไทย อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ของนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยสร้างไทย จ.กาฬสินธุ์ เขต 2 โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายจังหวัดในภาคอีสาน และประชาชนร่วมฟังการปราศรัยกว่า 20,000 คน

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวปราศรัยว่า พรรคไทยสร้างไทยจะลดราคาค่าไฟให้เหลือหน่วยละ 3.50 บาท และจะฟ้องร้องต่อสู้เพื่อแก้ไขสัญญาทาส ที่เป็นผลมาจากรัฐบาลเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าแพงเกินจริงจากการตั้งสำรองปริมาณไฟฟ้าเกินมาตรฐาน ซึ่งทำให้ประชาชนต้องเสียค่าไฟแพงมาก โดยพรรคไทยสร้างไทยมีแผนซื้อไฟฟ้าราคาถูกจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้ชาวอีสานได้ใช้ไฟในราคาถูก 

นอกจากนี้คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวปราศรัยย้ำนโยบายบำนาญประชาชน ค่าปุ๋ยราคาถูก  โครงการเรียนฟรีแก้ปัญหาเรื่องหนี้ กยศ. และอบรมยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน หรือ อสม.ให้มีขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุในชุมชน พร้อมให้มีค่าตอบแทน เดือนละ 2,500 บาท ฯลฯ 

อุ๊งอิ๊ง VS คุณหญิงหน่อย อาภรณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความรวย

เริ่มเป็นที่ชัดเจนว่า สนามเลือกตั้งครั้งต่อไปของประเทศเรา จะมีสตรีสองคนลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หนึ่งคือ 'คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์' หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับสอง 'คุณอุ๊งอิ๊ง - แพทองธาร ชินวัตร' หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นับเป็นสีสันและความหวังของเหล่าสตรีบนฐานะผู้นำพรรคการเมือง แต่สิ่งน่าสนใจกว่า (ตอนนี้) อุดมการณ์สร้างประโยชน์แก่ชาติ ก็ด้วยทั้งสองมีพื้นเพมาจากครอบครัว 'Hight Rich' อาภรณ์ห่อหุ้มกายจึงควรค้นหา จับตา ทุกครั้งที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน

"...การแต่งกาย คือ 'แบรนด์ดิ้ง' (branding) คนไทยอาจไม่ได้แต่งตัวถูกต้องตามแบบแผนนัก แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับบุคคลสาธารณะ เพราะการแต่งตัวบ่งบอกว่าเราเป็นใคร ถ้าจะดูนักการเมืองสมัยก่อน อย่างจำลอง ศรีเมือง ต้องใส่เสื้อผ้าม่อฮ่อมคอจีน แขนสั้น เนื้อผ้าเก่า ๆ หรือ ป๋าเปรมก็จะต้องชุดพระราชทาน ซึ่งท่านเป็นคนเผยแพร่ชุดพระราชทานในประเทศไทย และใส่ออกมาดูดี ด้วยรูปร่างและบุคลิกที่นิ่ง เป็นคนที่พิถีพิถันมาก"

ประโยคข้างต้น - 'ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์' กูรูด้านแฟชั่นและบุคลิกภาพ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร 'Esquire' ที่ทุกวันนี้คนรู้จักในนาม 'ลุงเฮม่า' เจ้าของคอลัมน์ตอบปัญหาสารพันบนออนไลน์ เคยกล่าวอรรถาธิบายไว้

ยุคต้นของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่เพิ่งร่วมงานทางการเมืองกับพรรคไทยรักไทย เธอย่างก้าวสู่สายตาประชาชนด้วยมาดนักธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง เธอเป็นหญิงไม่ห้อยท้ายนามสกุลฝ่ายชาย สวมแว่นสายตาทรงเฉี่ยว โดดเด่น สมัยนั้นมักปรากฏตัวด้วยชุดเดรสส์สีสันสะดุดตา อันหมายถึงความเป็นผู้นำท่ามกลางชายบอดี้การ์ดชุดดำดุจสตรีทรงศักดิ์และอำนาจ

แทบไม่ต่างจากยุคเปิดฤดูกาลเลือกตั้ง 2566 ที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน 'จันทร์ส่องหล้า' เพราะเพียงแค่เสื้อโค้ทสวมขึ้นเวทียี่ห้อ 'GUCCI' แบรนด์เสื้อผ้าโปรดจากอิตาลีตัวเดียวก็ปาไปเกือบแสน (93,000 บาท) เข้าคู่กับรองเท้า 'Amina Muaddi' ซึ่งกำลังได้รับความนิยม (ผลิตจากประเทศโรมาเนีย) สนนราคา 3,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับ 102,412 บาทไทย

จนสื่อมวลชนต่างพากันเน้นที่ราคาเสื้อผ้ามากกว่าถ้อยคำปราศรัย

แต่การเลือกตั้งหนที่จะถึงนี้ 'หญิงหน่อย' ทำการบ้านอย่างดีล่วงหน้า ด้วยการศึกษาการแต่งกายของนักการเมืองระดับตำนานของเกาะอังกฤษ 'มาร์กาเรต แทตเชอร์' นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร จากภาพจำขุดสูทสีน้ำเงินเข้ม (Royal Blue) เข้ารูป กับกระโปรงยาวปิดเข่าสีโทนเดียวกัน ตัดกับเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวด้านใน ล้วนผ่านการเลือกคัดสรรอย่างดี เพื่อภาพลักษณ์เช่นที่เห็น สมฉายา 'สตรีเหล็ก'

เข้าใจว่าคุณแพทองธารยิ่งต้องปรับตัวมากกว่า เพราะต้องออกหาเสียงด้วยการ 'อุ้มท้อง' จนกว่าจะจบการเลือกตั้ง โดยทุก ๆ ภาพ ต้องดูดี มีอุดมการณ์ สานความฝัน ดันพ่อกลับบ้าน

‘หญิงหน่อย – ฐากร’ พา ทสท.ปักธงอีสาน เป้าใหญ่!! เขี่ยเพื่อไทยเขต 2 เมืองน้ำดำ

ซูเปอร์โพลกลางเดือนเม.ย.2566 น่าสนใจไม่น้อย เมื่อระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกตั้งแค่ 160 ที่นั่ง (เขต 133 ปาร์ตี้ลิสต์ 27) ภูมิใจไทย 121 (เขต 101 ปาร์ตี้ลิสต์ 20) ฯลฯ...ดูภาพรวมของโพลคงมีคนอยากเถียงด้วยไม่น้อยทีเดียว...

อย่างไรก็ตามที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ให้ความสนใจก็คือ ผลโพลในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 133 ที่นั่ง ของ 20 จังหวัดอีสานที่ออกมาว่า...

พรรคเพื่อไทยได้ 78, ภูมิใจไทย 36, พลังประชารัฐ 10, ประชาธิปัตย์ 2, ก้าวไกล 2, รวมไทยสร้างชาติ 1 อื่น ๆ 4

ซูเปอร์โพลไม่ได้ระบุว่า อื่น ๆ อีก 4 ที่นั่ง หมายพึงพรรรคชาติพัฒนากล้าและไทยสร้างไทยหรือไม่...เพราะคาดหมายกันว่าชาติพัฒนากล้ามีโอกาสได้ 1-2 ที่นั่งที่โคราช ส่วนพรรคไทยสร้างไทย มีโอกาสสูงในพื้นที่อีสานเหนือ โดยเฉพาะที่เขต 2 กาฬสินธุ์...

เลือกตั้งกาฬสินธุ์ปี 2562 พรรคเพื่อไทยกวาดยกจังหวัด 5 เขต ปี 2566 นี้เพิ่มอีก 1 รวม เป็น 6 เขต พรรคไทยสร้างไทยภายใต้การนำของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประกาศที่จะปักธงเขต 2 เมืองน้ำดำให้จงได้ และดูเหมือนสถานการณ์หลายอย่างจะเป็นใจ...

รอบนี้ พรรคหญิงหน่อยได้ผู้สมัครดี คือ วันเพ็ญ เศรษฐรักษา เจ้าของฉายา ‘เจ๊นาง โรงทาน’ นักธุรกิจ มีฐานะเสบียงกรังเพียบ ประสบการณ์และความทะยานอยากทางการเมืองพร้อม ปี 2554 และ 2562 เคยสวมเสื้อภูมิใจไทยลงสมัครแต่สู้กระแสพรรคเพื่อไทยไม่ได้

‘เจ๊นาง’ ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์...แต่ที่สุดเธอก็ต้องต้องขอแยกทางมาร่วมทางกับ ‘ไทยสร้างไทย’

แน่นอนพรรคไทยสร้างไทยได้รับการตอบรับค่อนข้างดีในพื้นที่อีสาน ‘หญิงหน่อย’ เองก็เป็นนายกฯ ของอีสานโพลมาหลายรอบ ความพุ่งแรงของไทยสร้างไทยถึงขั้นทำให้พรรคเพื่อไทยต้องประกาศบนเวทีว่า...พรรคเพื่อไทยไม่มีพรรคพี่พรรคน้องไม่เป็นพรรคพี่พรรคน้องกับใคร นัยว่า เพื่อสกัดกั้นพรรคหญิงหน่อยกันเลยทีเดียว

อีกปัจจัยบวกสำหรับไทยสร้างไทยก็คือ เพื่อไทยเปลี่ยนผู้สมัครเขต 2 จาก วีรวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ ที่ชราภาพเป็นคนรุ่นใหม่ที่ข้ามมาจากเขต อ.เมือง

และปัจจัยสำคัญที่มาถูกที่ถูกเวลาและน่าจะหนุนส่งให้ฝันของเจ๊นางเป็นจริงยิ่งขึ้นก็คือ...พรรคไทยสร้างไทยเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคคนใหม่เป็น ‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’ อดีตเลขาธิการ กสทช.สองรอบ...

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ยืนยันสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ย้ำจุดยืนในประเด็นการแก้ไข-ยกเลิก มาตรา 112

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้กล่าวยืนยันสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และย้ำจุดยืนในประเด็นการแก้ไข-ยกเลิก มาตรา 112 ในงานแถลงข่าว การลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MOU) จัดตั้งรัฐบาล ที่ห้องบอลรูม โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 66 ว่า…

“การสนับสนุนพรรคที่ได้อันดับ 1 เป็นผู้ก่อตั้งรัฐบาล และสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกฯ เป็นหลักการที่เรายืนยัน และในส่วนของมาตรา 112 เราได้พูดหลายครั้งแล้ว ว่าเราไม่แก้ เราไม่ยกเลิก”

ไทยสร้างไทย’ โพสต์แจง ถูก ‘กัลฟ์’ ฟ้อง 100 ล้านบาท โดนทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง ปมแถลงปัญหาค่าไฟแพง

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 66 รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ ได้รับหมายศาล ‘กัลฟ์’ ฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่ง และเรียกค่าความเสียหายอีก 100 ล้านบาท พรรคไทยสร้างไทย กับพวกรวม 3 คน ปมแถลงค่าไฟแพง

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กชื่อ ‘ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส - Treerat Sirichantaropas’ ระบุถึงกรณีการได้รับหมายศาล ซึ่งบริษัท กัลฟ์ เจพี เอ็นเอส จำกัด ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน โดยนายเนติพงศ์ โฆมานะสิน ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง พรรคไทยสร้างไทย เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 3 คน

ทั้งนี้ นายตรีรัตน์ ระบุเนื้อหาว่า วันนี้ผมได้รับหมายศาลโดยกลุ่มบริษัท ‘กัลฟ์’ หลังจากผมได้เคยแถลงข่าวถึงปัญหาค่าไฟแพง โดยผม พร้อมด้วยคุณรณกาจ (ผู้ร่วมแถลงข่าว) และพรรคไทยสร้างไทย ร่วมกันได้ถูกฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง และโดนเรียกค่าความเสียหายอีก 100 ล้านบาท

ทั้งนี้ เขายังระบุด้วยว่า ทั้งหมดที่ผมเคยออกมาตั้งคำถาม เป็นการทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่เป็นกระบอกเสียงแทนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งภาครัฐหรือคู่สัญญาของรัฐ ต้องสามารถถูกตรวจสอบได้ โดยประชาชนถึงความคุ้มค่า

แต่หากการตั้งคำถามในฐานะประชาชน ทำให้ผมต้องโดนฟ้องทั้งอาญา-ทั้งแพ่ง ผมก็ใช้จังหวะนี้ที่ผมต้องขึ้นศาล เบิกความเอาเอกสารข้อเท็จจริงทั้งหมดมาแสดงให้สาธารณชนได้รับทราบร่วมกัน ถึง “สัญญาการซื้อไฟฟ้าระหว่างรัฐและนายทุน” ส่วนรายละเอียดของคดี ผมจะขออนุญาตแถลงข่าวในภายหลัง

 

‘ไทยสร้างไทย’ แถลงจุดยืนทางการเมือง ในการจัดตั้งรัฐบาล ยัน!! ค้านแก้ ม.112 พร้อมยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ

‘พรรคไทยสร้างไทย’ ประชุมผู้บริหารพรรคแถลง 5 จุดยืนทางการเมืองในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล หวังทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติ ประชาชน ด้วยความจริงใจและเสียสละ

(25 ก.ค. 66) ที่พรรคสร้างไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการประชุมคณะผู้บริหาร นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, นายสุพันธุ์ มงคลสุธี, นายฐากร ตัณฑสิทธิ์, นายอุดมเดช รัตนเสถียร และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ซึ่งหลังการประชุม มีการประกาศ 5 จุดยืนทางการเมือง ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้

1.) พรรคไทยสร้างไทยยืนยันเคารพเสียง และเจตนารมณ์ของประชาชน ที่ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยตามข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรค ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชน และสนับสนุนให้มีการเดินหน้าตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนให้สำเร็จ เพื่อนำประเทศสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง

2.) พรรคไทยสร้างไทย ขอขอบคุณและชื่นชมความเสียสละของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ระหว่างทางจะมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่ขอให้กำลังใจให้เดินหน้าต่อไปเพื่อประเทศชาติ และประชาชน

3.) ขอให้แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคร่วมได้หาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรในการหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจาก ส.ว. และ ส.ส. ขอให้นำมาพูดคุยกัน
ด้วยความจริงใจและความเสียสละเพื่อประชาชน และถอยกันคนละก้าวเพื่อที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ

4.) พรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืนมั่นคงในการรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพรรคไทยสร้างไทยขอสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตยถาวร ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เห็นว่า รากเหง้าปัญหาของประเทศเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2560

พรรคไทยสร้างไทยจึงได้เสนอ ให้คืนอำนาจให้กับประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามร่างที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว เพื่อตัดวงจรการสืบทอดอำนาจทั้งสว. และแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยไม่แก้ หมวด 1 และ 2 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนสำเร็จลุล่วงได้จริง

5.) ยอมรับว่าขณะนี้บ้านเมืองต้องการรัฐบาล และปัญหาของประชาชนรอไม่ได้ แต่ถ้าหากสามารถตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยได้ตามที่ประชาชนคาดหวังก็จะดีที่สุด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง โดยระหว่างนี้ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อพิจารณาและประสานงานกับคณะรัฐบาลรักษาการและหน่วยงานราชการเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนไปพลางก่อน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top