ไหวมั้ย...ท่านผู้ว่าฯ แต่ชาวประชา ดูท่าจะเริ่มทนไม่ไหว
ในฐานะเป็นคนกรุงเทพมหานครคนหนึ่ง วาดหวังมาตั้งแต่เด็กว่าอยากให้ กทม. มีป่าใจกลางเมือง รวมถึงสวนสาธารณะหลายแห่งกระจายทั่วพื้นที่ เพื่อให้คน กทม. มีพื้นที่สีเขียวไว้ฟอกปอด และพักผ่อนหย่อนใจแทนการอบแอร์ในห้างสรรพสินค้า
เมื่อรัฐบาลนี้ปรับปรุงพื้นที่โรงงานยาสูบเดิม แปลงโฉมให้กลายเป็นสวนเบญจกิติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ จึงดีใจที่สุดว่าจะได้พื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ เพราะนี่ไม่ใช่สมบัติของคน กทม.เท่านั้น หากคือ สมบัติของคนไทยทั้งชาติ
ชื่อสวนเบญจกิติได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสวนป่าเบญจกิติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งนับว่าสวนป่าเบญจกิติเป็นสวนสาธารณะที่เป็นสวนป่าแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร
ช่วงแรกกองทัพเข้ามาริเริ่มงาน จากนั้นก็ส่งไม้ต่อให้กรมธนารักษ์ ซึ่งกรมธนารักษ์มอบให้ทางกทม. ดูแล จำได้ว่าตอนที่เปิดสวนเบญจกิติใหม่ ๆ ทุกคนมีความสุขในการได้เข้าไปใช้พื้นที่ แต่ดูเหมือนว่าความสุขนั้นจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ชื่อ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ได้รับการอวยยศว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก
จากสวนอันแสนสวยงามที่ใคร ๆ กล่าวขวัญถึง กลายเป็นบึงสยองขวัญภายในไม่ทันถึงปี สภาพสวนและบึงน้ำรกเรื้อ ปราศจากการดูแลเอาใจใส่ น้ำแห้งขอดทุกคูรายรอบ ทั้งหญ้าและบัวแห้งตาย กลายเป็นสีน้ำตาลแห้งกรอบ ทำให้ผู้รักสวนสวยถึงกับหัวใจสลาย ด้วยนึกไม่ถึงว่าสภาพจะเลวร้ายขนาดนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้ผู้ว่าช่วยมาดูแลปรับปรุงด้วย แต่สิ่งที่ได้รับคือท่านผู้ว่าชัชชาติตอบกลับมาว่า ที่นี่ไม่ใช่สนามกอล์ฟ จะได้เขียวสดตลอดปี ดังปรากฏในมติชนออนไลน์
ประชาชนผู้ทนไม่ไหวถึงแจ้งต่อเพจสวนเบญจกิติ แต่ปรากฏว่าแอดมินผู้ดูแลเพจกลับชี้แจงไปในทำนองเดียวกับท่านผู้ว่าโดยโทษดินฟ้าอากาศ