Wednesday, 26 June 2024
ป่วนขบวนเสด็จ

'โหรลักยิ้ม' เผย คำทำนายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่อยๆ เป็นจริง ยามใดคนขาดความ 'ยำเกรง-กตัญญู' ยามนั้นก็ไม่ต่างจากสัตว์

(8 ก.พ.67) ผู้ใช้งานบัญชีติ๊กต็อก ‘flukepatsmile’ หรือ ‘โหรลักยิ้ม อาจารย์ภัทร’ ได้โพสต์วิดีโอถึงกรณีมีแก๊งป่วนขบวนสมเด็จพระเทพฯ และตอบคำถามผู้ติดตามที่ถามเข้ามาว่า ‘อยากรู้ดวงของตะวันกับแบมค่ะ ยิ่งออกมาบีบแตรขบวนเสด็จอีก แย่มาก’ โดยระบุว่า…

“สมเด็จพระเทพฯ ท่านเป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างมาก ส่วนตะวันกับแบม ก็เป็นเด็กที่อายุไม่เท่าไหร่ อายุก็ห่างกับสมเด็จพระเทพฯ เยอะมาก พฤติกรรมที่ทําก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง สำหรับคำถามที่ถามเข้ามาก็ต้องดู 3 ส่วน คือ ตามคําทํานาย ตามพิชัยสงคราม และตามหลักธรรม…

“ข้อแรกคือตามคําทํานาย บุคคลที่ทํานายไว้ก็คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งระบุไว้ว่าในกาลข้างหน้าบุคคลจะไม่เคารพศักดิ์ ไม่เคารพอาวุโส ทุกคนจะปีนเกลียวกันหมด ไม่มีความเคารพ ไม่มีความกตัญญู แม้แต่บิดามารดาก็ไม่มีความกตัญญูให้ เพราะฉะนั้นพุทธทำนายจะต้องเป็นจริงเสมอ แล้วจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกาลพ้นกึ่งพุทธกาล ซึ่งตอนนี้ก็พ้นมาแล้ว…

“ข้อสองคือ พิชัยสงคราม การ ‘ตีบนอ้อมหลัง’ ก็คือ สส. ไปยื่นแก้ 112 แล้วก็ให้เด็ก ๆ ไปตีอ้อมข้างหลัง คอยมาแยงข้างล่าง ถือเป็นหลักที่ฉลาดตามหลักมหาพิชัยสงคราม…

“ข้อสามคือการว่าร้ายคนอื่น เช่น ด่าพระ ด่าขุน ด่าพระยา ด่าราชา เมื่อเราว่าร้ายหรือกระทําการอันไม่เป็นความเคารพต่อผู้อื่น โทษก็ย่อมมีมากตามกําลังบุญของบุคคลนั้น ๆ”

โหรลักยิ้ม กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “สุดท้ายแล้วไม่ว่าคุณจะฉลาดตามหลักวิชัยสงคราม หรือเหตุการณ์ทั้งหมดจะต้องเกิดตามพุทธทำนาย แต่คุณเองก็เป็นคนเลือกได้ ว่าจะทําให้เรื่องราวเหล่านั้นเกิดขึ้นในยุคของคุณอย่างรวดเร็ว หรือว่าชะลอให้มันนานที่สุด เพราะเมื่อใดที่มนุษย์ขาดความยําเกรง ความกตัญญู การให้เกียรติผู้อื่น มนุษย์ย่อมไม่ต่างกับสัตว์”

‘แนวร่วมเพจดัง‘ ร้องสภาฯ สอบจริยธรรมร้ายแรง ‘พิธา’ กรณีเป็นนายประกัน ‘ตะวัน’ ลามปล่อย ‘ป่วนขบวนเสด็จ’

(9 ก.พ. 67) ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ นายนิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุยส์ นางกัลยาณี จูปรางค์ หรือป้าอยุธยา กลุ่มสีดาจะไม่ทน นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร ในฐานะแนวร่วมเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร‘ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เพื่อสอบจริยธรรมที่มีความร้ายแรงของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายประกัน และผู้กำกับดูแล น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน แกนนำกลุ่มทะลุวัง ในการกระทำอันเป็นการแสดงพฤติกรรมมิบังควรต่อขบวนเสด็จ 504 การให้สัมภาษณ์ให้ร้ายประเทศไทย และการพูดโกหก

โดยนายแทนคุณ กล่าวว่า เนื่องจากนายพิธาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะนายประกัน และผู้กำกับดูแลน.ส.ทานตะวัน ผู้ต้องหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมีพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง จนมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เชื่อมโยงให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง มีส่วนสนับสนุนและสัมพันธ์กันและกัน ของนายพิธา พรรคก้าวไกลและผู้ที่เคลื่อนไหว ซึ่งนายพิธา ได้แถลงต่อศาลอาญาในการรับเป็นนายประกันให้นางสาวทานตะวัน ว่าจะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแล เพื่อให้ปฏิบัติตนตามเงื่อนไขของศาล และจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ตามที่กฎหมายรับรองไว้ 

“บัดนี้ พบว่า น.ส.ทานตะวัน หนึ่งในการกระทำอันเป็นการแสดงพฤติกรรมมิบังควรต่อขบวนเสด็จ 504 โดยการพยายามขับรถยนต์ด้วยความเร็ว เพื่อไปให้ทันขบวนเสด็จ จนตำรวจต้องสกัดกั้น มิให้แทรกเบียดเข้าไปในขบวน อันอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ รวมทั้งการแสดงกิริยาก้าวร้าว มีพฤติการณ์ไม่สมควร ในการบีบแตรรถเสียงดังยาวนาน การตำหนิมีปากเสียง และต่อว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งล้วนแต่เป็นพฤติการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้คนไทยทุกหมู่เหล่า” นายแทนคุณ กล่าว

นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า รวมทั้ง กรณีที่นายพิธา ได้เคยอภิปรายในสภา ในลักษณะยกย่องนางสาวทานตะวัน ว่า  “มองตาแล้วเห็นพิพิมลูกสาวผมอยู่ในนั้น” ย่อมเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยมิชอบกับเด็ก ไม่เว้นแม้แต่บุตรสาวของนายพิธาเอง ยังทำร้ายลูกสาวได้ลงคอ เพราะรอยพิมพ์ดิจิทัลจะเป็นสิ่งที่สร้างตราบาปให้กับเด็กที่ถูกอ้างอิงตลอดไป

"ดังนั้น การกระทำดังกล่าวข้างต้น เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายและจริยธรรม รวมทั้งพฤติการณ์ที่ชอบพูดโกหกซ้ำซาก และการสัมภาษณ์ในลักษณะให้ร้ายประเทศของนายพิธาหลายเรื่อง ที่กระทบต่อศีลธรรม และภาพลักษณ์อันดีของสภาผู้แทนราษฎร เช่น การให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยต่อสื่อต่างประเทศ การกลับมางานศพพ่อไม่ทัน การติดสติกเกอร์ช่องยกเลิก ม.112 การวาดภาพลอกเลียนแบบงานของโมเมนต์ เป็นต้น รวมทั้งการนำเด็กเยาวชนขึ้นเวทีปราศรัย ในลักษณะมีข้อความเกลียดชังอีกด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชน และประชาชนทั่วไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชษฐ์ ไม่ได้ลงมารับหนังสือของแนวร่วมเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร‘ จึงต้องไปยื่นหนังสือผ่านระบบสารบรรณสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแทน

‘รัดเกล้า’ ซัด ‘ก้าวไกล’ อย่าหนุนคนทำผิดกฎหมาย-ละเมิดสถาบัน เชื่อคนรุ่นใหม่อีกมากไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ ‘ตะวัน’

(12 ก.พ. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี ในฐานะรองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขณะนี้คนพรรคก้าวไกลพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า นำประเด็นการเมืองมาคละรวมกับการก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จฯ โดยใช้วาทกรรมหลักการคนเท่ากัน สิทธิและเสรีภาพ และคนรุ่นใหม่ สร้างข้ออ้างให้คนทำผิด ชักนำให้สังคมมองผิดเป็นถูก และสร้างสภาวะแตกแยกในประเทศ

นางรัดเกล้า กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติตั้งข้อสังเกตในคำให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าทำไมถึงเจาะจงพูดถึงคนรุ่นใหม่ เป็นหลัก ทั้งๆ ที่การก่อกวนขบวนเสด็จนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายและมาตรการในการอารักขาบุคคลสำคัญโดยเจตนา เป็นการใช้อารมณ์ขับเคลื่อนการกระทำจนสร้างความเสี่ยงให้กับผู้อื่นที่ร่วมใช้ท้องถนนของคนรุ่นใหม่เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ทั้งประเทศ เพราะยังมีคนรุ่นใหม่อีกมากที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้

นอกจากนั้น ที่นายพิธาระบุว่ากังวลใจถึงสถานการณ์บ้านเมืองและอนาคตของคนรุ่นใหม่ ทั้ง ๆ ที่คนทุกรุ่นนั้นควรที่จะมีความสำคัญเท่ากันหมด ทุกคนมีสิทธิ ความเชื่อ และความศรัทธาที่หลากหลาย หากแต่มีเพียงคนรุ่นใหม่บางกลุ่มที่เอาความเชื่อของตนเป็นใหญ่ อ้างคำว่าหลักการคนเท่ากันเพื่อนำสิทธิในการแสดงออกของตนมาเบียดเบียนสิทธิผู้อื่น ละเมิดสถาบันอันเป็นที่ศรัทธาของคนส่วนให้

รองโฆษก รทสช. กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวมีประเด็นหลัก ๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ไม่มากไปกว่านั้น และการที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาแก้ต่างให้กับคำพูดของนายพิธาว่ามีเจตนาที่จะเชิญชวนให้สังคมมองกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมทางการเมือง และเหตุการณ์ขบวนเสด็จฯ โดยไม่แยกขาดจากการเมืองภาพใหญ่ ในประเด็นนี้ต้องขอให้ น.ส.ภคมน และสมาชิกพรรคก้าวไกลทั้งหมดกลับไปทบทวนบทบาทและความรับผิดชอบในการเป็นนักการเมืองที่เป็นผู้นำทางความคิดให้แก่คนในสังคม เจอคนทำผิดก็ต้องกล้าพูดตรง ๆ ว่าผิด วอนขอให้เลิกฉุดรั้งนำประเด็นการเมืองที่พรรคของตนอยากผลักดันเข้ามาสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำที่ผิด

นางรัดเกล้า กล่าวว่า ตราบใดที่คนในการเมืองยังใช้วาทกรรมเพื่อชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อชักนำกรอบความคิดสังคมให้หลุดออกจากประเด็นหลัก แล้วเอาประเด็นการเมืองมาผูกเป็นข้ออ้างให้พฤติกรรมผิดกฎหมายเยี่ยงนี้ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และสังคมจะเดินหน้าไปสู่ความแตกแยก อย่าอ้างถึง สังคมไทยที่ยังไม่มีพื้นที่ให้คนเห็นต่างพูดคุยเพื่อหาทางออก เพราะไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ อีกทั้งคนกลุ่มนี้ก็ใช้พื้นที่ในการแสดงออกมาตลอด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็แสดงความคิดเห็นที่ขัดกับกฎหมายแล้วโดนดำเนินคดีมาโดยตลอดนั้น ถือเป็นการใช้พื้นที่อย่างไม่เหมาะสมมากกว่า ไม่ใช่ประเด็นว่าไม่มีพื้นที่

“และสุดท้ายอย่าใช้คำว่านิติสงครามกดปราบผลักไสอีกฝ่ายเป็นคนไม่รักชาติ ประเด็นแรก คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน บางกลุ่มเลือกที่จะมีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและละเมิดสถาบันที่เป็นความมั่นคงของชาติ บางคนทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในระดับที่รุนแรง ในขณะที่ประชาชนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ใต้กฎหมาย ไม่ได้เห็นว่ากฎหมายคืออาวุธที่ใช้ในการทำสงคราม ฉะนั้น คุณจะเรียกสิ่งนี้ว่านิติสงครามไม่ได้ และประเด็นที่สองคนจะตีความว่าประชาชนคนไหนรักหรือไม่รักชาตินั้น อยู่ที่การกระทำของตนเอง ไม่มีใครผลักไสใครทั้งนั้น” รองโฆษก รทสช. ระบุ

'พล.ต.ท.เรวัช เปิดใจถึง 'ตะวัน' กรณีขบวนเสด็จฯ "หากหนูไม่เคารพไม่ศรัทธา ก็ไปอยู่ประเทศอื่น"

จากกรณี ตะวัน ทะลุวัง นักเคลื่อนไหวและผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ขับรถแซงขบวนเสด็จ ซึ่งขบวนกำลังแล่นผ่านทางด่วน โดยไม่ได้มีการปิดถนนแต่อย่างใด มีเพียงรถนำตำรวจปิดหัวท้ายขบวนเท่านั้น และประชาชนสามารถใช้ทางได้ตามปกติ

แต่แก๊งทะลุวังพยายามขับรถบีบแตรลากยาว และขับแซงรถขบวนเสด็จ ซึ่งทำให้ทางเจ้าหน้าที่ต้องจอดรถเพื่อมาดำเนินการตามมาตรการใช้รถขวาง

ล่าสุด (12 ม.ค. 67) พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร ได้ออกมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวผ่านช่องยูทูบระบุว่า…

“ผมเห็นคลิปเหตุการณ์เรื่องราวใหญ่โต หลังจากไอ้เด็กผู้หญิงคนนี้ ผมไม่รู้ว่าเกิดมาจากที่ไหนนะครับ หนูอยู่ประเทศไทยได้ยังไงอะ หนูกระทำการครั้งนี้ ผมเห็นว่าบังอาจมากนะลูก หนูยังเป็นเด็กที่อายุแค่ 20 กว่าปี หนูกระทำการครั้งนี้ว่าบังอาจมาก ถ้าถามว่าบังอาจยังไง บังอาจดูถูกดูหมิ่นคนที่เคารพศรัทธา ผมศรัทธายิ่งกว่าชีวิตนะครับ อย่าดูหมิ่นศรัทธาของชาวบ้านครับ”

“หนูเดินผิดทางแล้วอิหนู ซึ่งหนูจะไม่เคารพไม่ศรัทธาก็ไปอยู่ประเทศอื่นสิ ผมไม่ได้อยากยุ่งกับการเมืองนะ แล้วก็ใครอย่าไปถือหางนะ จะไปประท้วงเรื่องอะไรก็ไปประท้วง แล้วมายุ่งเรื่องทางนี้ทำไมอะไม่เข้าท่าเลย” พลตำรวจโท เรวัช กล่าว

พลตำรวจโท เรวัช กล่าวต่อว่า “บางอย่างหนูก็ทำถูกต้อง แต่บางอย่างหนูก็ทำดีผมก็เห็นด้วย เพราะหนูเป็นเด็กรุ่นใหม่ และเวลาที่หนูเข้าไปอยู่เรือนจำกันก็ประท้วงอดข้าวอดน้ำ กรมราชทัณฑ์เวลาเขาประท้วงก็เป็นสิทธิของเขา ก็ปล่อยให้เขาอดข้าวตายไปสิ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยก็ค่อยรักษา ผมดูอยู่ตลอดนะครับ”

'จิ๊บ ศศิกานต์' แนะ!! ‘แก๊งทะลุวัง’ ป่วนขบวนเสด็จฯ คนรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว-สร้างความขัดแย้ง

(13 ก.พ.67) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ หรือ ‘จิ๊บ’ อดีตผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตบางแค ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ถึง น้องที่ทำการใด ๆ ลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

พี่เห็นข่าวที่น้องมีการพยายามขับรถจี้เข้ามาที่รถคันปิดท้ายในขบวนเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ รวมทั้งบีบแตรยาวใส่ จนพี่ ๆ ตำรวจต้องเข้ามาปราม โดยที่น้องอ้างสิทธิเสรีภาพของตนเองนั้น 

พี่ดูคลิปของน้องและฟังน้องพูดคำว่า "ขบวนเสด็จฯ ปิดถนนทำไมๆๆ" หลายรอบมาก ๆ จนอดสงสัยไม่ได้ว่า ชุดความคิดนี้อาจอยู่ในสมองของน้องจนเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างบิดเบือนไป หรือเพราะเหตุใดน้องจึงพยายามพูดคำนี้ออกมา ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ น้องและเพื่อนขับรถเข้าไปจี้รถในขบวนเสด็จฯ เอง 

ถ้ามองในแง่ลบ พี่ก็นึกเผิน ๆ ว่าน้องพยายามอัดคลิปทำคอนเทนต์ อ้างว่าขบวนเสด็จปิดถนน แล้วนำไปขยายผลต่อในโลกโซเชียลมีเดีย เพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อส่งการบ้านให้ใคร พี่ไม่อาจทราบได้ 

พี่อ่านเฟซบุ๊กของน้อง ที่พยายามแก้ต่างให้ตัวเอง บิดเบือนประเด็นเป็นเรื่องของการออกมาขอโทษที่ขับรถเร็ว ด้วยแววตาที่ไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

พี่ขอบอกว่าผ่านสื่อตรงนี้ ในฐานะพี่สาวร่วมประเทศคนนึงค่ะว่า น้องอาจเกิดไม่ทัน หรือเกิดทัน แต่ไม่มีโอกาสได้รับรู้ถึงสิ่งที่กรมสมเด็จพระเทพฯ ได้ทรงอุทิศพระวรกายในการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้กับประชาชน...ซึ่งก็ไม่เป็นไร 

ชุดความคิด และความเชื่อในสมองของเรา ไม่เหมือนกัน 

แต่น้องจ๋า...การแสดงออกว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่จำเป็นต้องก้าวร้าว หรือก้าวล่วงนะคะ ไม่ว่าจะกับใคร ๆ ก็ตาม..การเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่ารัก กล้าคิด กล้าทำและแสดงออกแบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน และทำตัวให้เป็นที่รักของคนทุก ๆ คน น่าจะดีกว่าการพยายามสร้างความขัดแย้งและความเกลียดชังในสังคมนะ พี่ว่า…

พี่จิ๊บ ศศิกานต์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top