Tuesday, 21 May 2024
ปิยบุตรแสงกนกกุล

ทัวร์ลง 'ปิยบุตร' หลังแย้งเรื่องอุดมการณ์ 'ชัชชาติ' ด้าน 'โบว์ ณัฏฐา' ให้กำลังใจ ไม่เห็นด้วยกับพวกถล่มด่า

(4 ก.ค. 65 ) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า เมื่อผมฟังคำอธิบายเรื่องค่าโดยสารสีเขียวของอาจารย์ชัชชาติ และเห็นว่าวิธีคิดของแก คือ นีโอลิเบอรัลที่เน้นการแข่งขันเอกชน และให้เอกชนดำเนินการเป็นหลัก รัฐแทบไม่มีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคม ทันใดนั้น ผมก็โดนทัวร์ลงทันที

วัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำให้คนจำนวนมาก “เลือก” ที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เสี่ยงทำให้ “ทัวร์ลง”

ต่อไป เมื่อมีกลุ่มบุคคลทำหน้าที่ชี้เป้าให้ “ทัวร์ลง” มากขึ้น ก็ทำให้คนที่ต้องการวิจารณ์เรื่องใด เลือกที่จะไม่วิจารณ์ในที่สาธารณะ เกิดการเซนเซอร์ตนเองมากขึ้น

สังคมนี้ มีเครื่องมือจำกัดแสดงความเห็น ตั้งแต่ ขนาดเบา คือ “ทัวร์ลง” ตามมาด้วย “ล่าแม่มด” ไปไกลก็ “ฟ้องคดีใช้กฎหมายปิดปาก”

นายปิยบุตรยังตอบคอมเม้นต์ว่า ถ้าวัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำงานได้ดีในโลกโซเชียล ประกอบกับพื้นที่โซเชียลบีบให้คนต้องพูดสั้น เขียนสั้น สื่อต้องพาดหัวหวือหวาเพื่อเรียกยอดไลค์ยอดวิว และคนส่วนใหญ่มักอ่านแต่พาดหัว

สภาพเช่นนี้ ต่อไป ปัญญาชนหรือบุคคลสาธารณะจะเลือกไม่แสดงความคิดเห็นที่แหลมคมแต่อาจพาไปสู่การถกเถียงหรือ controversial มากขึ้น เลือกที่จะไม่แสดงออกซึ่งความเห็นที่ แม้ฝ่ายเดียวกัน ฟังแล้วอาจจะแสลงหู เพราะ ความเห็นแบบนี้ เสียงต่อโดนทัวร์ลง และเสียการยอมรับนับถือ หรือความนิยมไป

นอกจากนี้ ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ Bow Nuttaa Mahattana นักเคลื่อนไหวสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน คอมเม้นต์ว่า เห็นใจอาจารย์นะคะครั้งนี้ สิ่งที่อาจารย์พูด เรื่องการยกพวกถล่มด่าหรือที่เรียกว่าทัวร์ลง และ cancel culture ต่าง ๆ คือสิ่งที่โบว์เคยพูดมาก่อนแล้วเป็นปี ๆ แต่ก็มีกลุ่มคนที่ส่งเสริมวัฒนธรรมแบบนั้นมาก่อน โดยไม่เคยมีการท้วงติงใด ๆ จนวันนี้ ภายใต้คำว่าเสรีภาพในการพูด

'ปิยุบตร' จวกยับ 'ก้าวไกล' ไม่ทำอะไรกับม.112 เลย ชูไว้แค่เป็นนโยบาย หวังโกยคะแนนจากคนรุ่นใหม่

(26 พ.ย. 65)​ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้

พรรคก้าวไกลกับการแก้ 112

ผมได้แสดงความเห็นกรณีพรรคก้าวไกลกับการแก้ 112 ไปในไลฟ์ เมื่อสองวันก่อน

เผื่อท่านใดไม่ถนัดกดฟังคลิปยาวๆ ผมจึงขอสรุปสั้นๆ ในโพสต์เดียวจบ ดังนี้

พรรคก้าวไกลเสนอแก้ 112 แต่ประธานสภาวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 เพราะมีเหตุยกเว้นความผิด จึงไม่บรรจุเข้าสภา เรื่องนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว แต่พรรคก้าวไกลไม่ทำอะไรต่อ นอกจากเอาไปเป็นนโยบายพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า

การไม่ทำอะไรเลยในช่วงเวลาเกือบปี แล้วป่าวประกาศว่าพรรคก้าวไกลเสนอร่างแก้ 112 แล้วนะ แต่ติดที่ประธานสภา เอาเข้าจริง จะไม่ต่างอะไรกับการไม่ทำอะไรเลย และจะทำให้สังคมและพรรคอื่นๆ คิดไปว่าพรรคก้าวไกลเสนอแก้ 112 โดยไม่หวังผลสำเร็จ แต่ทำไปเพื่อรักษาคะแนนคนรุ่นใหม่ ให้ได้ชื่อว่า “กูทำแล้วนะ”

สุดท้าย การเสนอร่าง พรบ แก้ 112 ของพรรคก้าวไกล หวังผลสำเร็จ หวังการผลักดันเข้าสภาจริงๆ หรือ หวัง ‘ได้แต้ม’ ทางการเมืองกันแน่? ณ เวลานี้ ข้อเท็จจริงปรากฏชัดเจนว่า ไม่ว่าจะยกเลิก 112 หรือแก้ใหญ่ 112 อย่างไรก็ติดล็อกที่ประธานสภา ในขณะที่ไม่มีพรรคใดที่จะเสนอแก้ 112 เลย นอกจากพรรคก้าวไกล แล้วทำไมพรรคก้าวไกลไม่คิดทำอะไรต่อ

ในเมื่อร่างยกเลิก 112 หรือร่างแก้ใหญ่ 112 แบบที่พรรคก้าวไกลเสนอ ไม่มีทางได้เข้าสภา (เว้นแต่ในอนาคต พรรคก้าวไกลเป็นเสียงข้างมาก เป็นประธานสภา ซึ่งไม่รู้เมื่อไร) ทำไมพรรคก้าวไกลไม่ยอมเสนอร่างแก้ 112 ใหม่เข้าไป ปรับแก้ตามที่ประธานสภาวินิจฉัย (ตัดเหตุยกเว้นความผิดออก) ให้เป็นร่างที่พอจะเข้าสภาได้ เพื่อเปิดประตูสภาแห่งนี้ให้พิจารณาเรื่อง 112 สักที แล้วชี้แจงประชาชนให้เข้าใจว่าทำไปเพราะอะไร

ผู้ร่วมก่อตั้งอนาคตใหม่ เผย ‘ปิยบุตร’ ที่รู้จัก เลย ‘มือพาย’ ไปไกล แค่หวั่นใจทิศทางวันนี้

(22 ก.พ. 66) นายภูวกร ศรีเนียน หรือ 'จ.เจตน์' หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และอดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จังหวัดพะเยา โพสต์เฟซบุ๊ก Phuvakorn Srinean แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในหัวข้อ 'อ.ปิยบุตร ที่ผมรู้จัก' มีเนื้อหาดังนี้...

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงปี 53 หลัง ทหารสลายการชุมนุมเสื้อแดง
กระแสสังคม คนกรุง ที่มีความรู้ ทันสมัย ส่วนใหญ่
เหยียบย่ำ ซ้ำเติม ผู้ชุมนุม

มีกลุ่มอาจารย์จำนวนหนึ่ง ออกมายืนยันความถูกต้อง ออกมายืนยันสิ่งที่ควรจะเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

หนึ่งในนั้น มีอาจารย์กฏหมาย ชื่อ ปิยบุตร
นี่คือครั้งแรกในชีวิต ที่ผมรู้จักเค้า 

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงก่อน น้ำท่วม ปี 54  กลุ่มอาจารย์เหล่านั้น
ใช้ชื่อ ว่า นิติราษฏร์ ออกมา พูดดัง ๆ ในสังคม

ล้างพิษรัฐประหาร 49 จนเป็นความหวังของคนในสังคม ที่แสวงหาหลักการประชาธิปไตยอย่างจริงจัง

เป็นการจุดคบเพลิงความคิดที่มีพลัง
แน่นอน หนึ่งในนั้น มีอาจารย์ป๊อก รวมอยู่ด้วย

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
กฏหมาย มาตรา 112 เริ่มถูกพูดถึง ในยุคที่วัยรุ่น
ยังไม่ตื่นตัวทางการเมือง

ความเสี่ยงต่าง ๆ ในการอธิบายเรื่องนี้ต่อสังคม 
แน่นอน มีน้อยคนที่จะกล้าหาญ
หนึ่งในนั้น มีอาจารย์ป๊อก รวมอยู่ด้วย

"มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"
ช่วงก่อตั้งอนาคตใหม่ ต้นปี 61 หลายคนต้องตัดสินใจเปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง  
ในวันที่ไม่มีใครรู้ว่า การตั้งพรรคการเมืองแนวใหม่ จะประสบผลอย่างไร

เยือนถิ่นคนเสื้อแดง!! ‘ก้าวไกล’ ลุยอุดรฯ ชูนโยบาย หยุดวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล ชี้ เลือกทั้งที ต้องเลือกให้ขาด เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง

(5 มี.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ยังคงร่วมกันเดินสายหาเสียงในภาคอีสานอย่างต่อเนื่องที่จังหวัดอุดรธานี โดยในช่วงเช้า ได้ร่วมเดินสายหาเสียงไปกับ นายอานันท์ อมรินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี พรรคก้าวไกล (อ.ศรีธาตุ, อ.ไชยวาน, อ.วังสามหมอ, อ.กู่แก้ว) ขึ้นรถอีแต๋นแห่หาเสียงไปตามถนนสายหลักของ อ.ศรีธาตุ ก่อนร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยที่โรงเรียนศรีธาตุวิทยาคม ท่ามกลางประชาชนชาวศรีธาตุที่ให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก

นายปิยบุตรปราศรัยว่า ที่ผ่านมาจากพรรคอนาคตใหม่มาสู่พรรคก้าวไกล เราได้พิสูจน์แล้วว่า เราเป็นพรรคการเมืองที่ทำหน้าที่ในสภาได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มีมวยล้มต้มคนดู อภิปรายทุกครั้งทุกคนยกให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่อภิปรายได้ดีเยี่ยม ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนเป็นเพื่อนเก่า ไม่มีมองว่ารัฐมนตรีคนไหนช่วยดูแลอยู่ รัฐมนตรีคนไหนประพฤติมิชอบพรรคก้าวไกลอภิปรายแทนประชาชนทั้งหมด

พรรคก้าวไกลยังได้เสนอแนวนโยบายแทนประชาชนหลายเรื่องอย่างตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทั้ง พ.ร.บ.แรงงาน, พ.ร.บ.บำนาญประชาชน, การแก้ปัญหาที่ดิน ฯลฯ หลายกฎหมายถูกนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตีตก ถูกคว่ำร่างกฎหมาย แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือน ประชาชนสนับสนุนสิ่งที่พรรคก้าวไกลผลักดันอย่างกว้างขวาง ขนาดพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลจะทำได้ขนาดไหน

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าอุดรธานีขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงคนเสื้อแดง ที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาทุกยุคสมัย ปี 2553 คนที่เข้าไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแข็งขันที่สุดก็คือ คนเสื้อแดงอุดรธานี แต่การต่อสู้ในวันนั้นจบลงด้วยการปราบปรามเข่นฆ่า คนเสื้อแดงหลายคนถูกจับดำเนินคดี บาดเจ็บล้มตายกันไป ผ่านไปถึง 13 ปี วันนี้ยังไม่ชำระสะสาง นายทหารที่บัญชาการการสั่งฆ่ายังลอยนวล ไม่มีการนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย แถมยังได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีในวันนี้

แม้แต่ พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้เสนอตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. ในวันนั้น ทำหน้าที่ปราบปรามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ถามจริงว่าพี่น้องคนเสื้อแดงยอมให้คนแบบนี้ขึ้นมามีอำนาจได้ต่อไปอย่างนั้นหรือ ใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตรได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ

สำหรับพรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอด ว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าพรรคไหนทั้งนั้น ถ้า ครม. วันข้างหน้ามีพรรคทหารจำแลงอยู่ในนั้นเมื่อไหร่พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที

“พอกันทีกับการเมืองแบบเดิม ๆ ลูบหน้าปะจมูก ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร ผ่านมา 13 ปี จากเหตุการณ์ปี 2553 คนเสื้อแดงอุดรธานีย่อมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ ความปรองดองอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ยิงพวกเราตายเสร็จแล้วบอกว่าโทษที ลืม ๆ กันไป ความปรองดองที่แท้จริงต้องมาจากการยอมรับความจริง ชำระสะสางเหตุการณ์ เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าท่ามกลางสถานการณ์ที่หน้าสื่อวันนี้ เต็มไปด้วยข่าวการย้ายพรรค ดูดตัว ส.ส. กันให้วุ่นวายน่าสับสนไปหมด วันหนึ่งอยู่พรรคสืบทอดอำนาจ อภิปรายด่าฝ่ายค้าน สนับสนุนรัฐบาลเต็มที่ มาอีกวันแค่เปลี่ยนเสื้อก็กลายเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไปแล้ว สรุปว่าพรรคการเมืองเป็นที่รวมตัวของคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หรือเป็นที่รวมตัวของคนอยากเป็น ส.ส. รวมยอดที่นั่ง ส.ส. กันไปแลกเก้าอี้รัฐมนตรีกันแน่

ใครที่ไม่อยากเห็นการเมืองเดิม ๆ แบบนี้อีกแล้ว ขอให้ร่วมกันเลือกพรรคก้าวไกลให้มาก ๆ ส.ส. พรรคก้าวไกล รวมตัวกันด้วยความต้องการเดียวเท่านั้นคือการเปลี่ยนแปลง เราต้องการ ส.ส. จำนวนมาก ๆ เพียงเพื่อไปยกมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปเลือกพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ไปส่งมอบนโยบายที่ดีให้กับประชาชนเท่านั้น

ในส่วนของนายพิธา ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถเลือกเพื่อการเปลี่ยนแปลงได้ เพื่ออนาคต 60% ของเด็กเล็กในอุดรธานีอยู่ในครอบครัวที่ยากจน เราต้องมีรัฐสวัสดิการให้ลูกเด็กเล็กแดง คืนครูให้กับห้องเรียน ยกเลิกระบบครูเวรทันที โรงเรียนต้องเป็นที่ปลอดภัยของทุกคน เราต้องกระจายอำนาจ เพิ่มอำนาจและงบประมาณให้ท้องถิ่นทุกระดับ ยกเลิกรัฐราชการรวมศูนย์ ไม่ใช่อย่างที่ประยุทธ์ไปพูดผิด ๆ ว่าจะยุบ อบต.

‘วัน อยู่บำรุง’ โต้ ‘ปิยบุตร’ ปมจัดการรัฐประหาร ลั่น!! ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ ปชช.ตัดสินใจเองได้

(7 เม.ย.66) จากกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย  ในประเด็น ‘ผมไม่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยกล้าจัดการรัฐประหาร’
.
ล่าสุด นายวัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า "คุณไม่เชื่อ ‘เรื่องของคุณ’ ครับ นี่เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุน พี่น้องประชาชนตัดสินใจเองได้"


ที่มา: https://www.naewna.com/politic/722839

'ปิยบุตร' กล่อมชาวสกลฯ ยก 'เตียง-ครูครอง' ต้นแบบ 'อนค.-ก้าวไกล' ผู้สร้างประชาธิปไตยที่ยึดคนส่วนใหญ่เป็นศูนย์กลาง

(10 เม.ย. 66) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินหน้าปราศัยพบปะพี่น้องชาวสกลนครจำนวน 4 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง เขต 1 อำเภอเต่างอย เขต 2 อำเภอวาริชภูมิ เขต 4 และอำเภอพังโคน เขต 6

ปิยบุตรกล่าวว่า สกลนครเป็นดินแดนแห่งการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพราะเมื่อใดที่บ้านเมืองเกิดความอยุติธรรม ประชาชนชาวสกลนครก็จะเป็นกลุ่มที่ยืนต่อสู้อยู่แถวหน้าเสมอ บุคคลต้นแบบของการเป็นนักการเมืองในประวัติศาสตร์ไทย ก็เป็นคนสกลนคร เช่น เตียง ศิริขันธ์ และครอง จันดาวงศ์

“เตียง ศิริขันธ์ ผู้ได้รับสมญานามว่า 'ขุนพลภูพาน' เกิดที่สกลนคร แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่กรุงเทพฯ เขาเป็นหนึ่งในขุนพลที่ได้รับความรู้ประชาธิปไตยจากที่นี่ เรียนจบไปเป็นครู แล้วลงสมัครผู้แทน และต้องเดินทางหาเสียงด้วยการขี่ม้า เนื่องจากถนนหนทางยังไม่มีในตอนนั้น จนเป็นที่รักของประชาชน ลงสมัครกี่ครั้งก็ได้เป็นผู้แทนเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กลายเป็นคนถืออำนาจบาตรใหญ่ กลับยังเสนอญัติเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนเสมอ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังเข้าร่วมกับขบวนการเสรีไทย ต่อต้านญี่ปุ่น ทำให้ประเทศไทยไม่ตกเป็นฝ่ายแพ้สงคราม เขาเป็นคนที่ยืนยันว่าคนทุกคนเท่ากัน จนสุดท้ายก็มีอำนาจมืดนำตัวเขาไปปลิดชีพ”

“ส่วนครูครอง จันดาวงศ์ ก็เป็นอีกหนึ่งนักประชาธิปไตยชาวสกลนคร ที่ถูกรัฐบาลทหารของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ใช้อำนาจตามมาตรา 17 จับไปยิงเป้าประหารชีวิต ก่อนตายท่านได้ลั่นวาทะอมตะว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ขึ้นมา”

ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ชาวสกลนครทั้งสองนี้เอง ที่เป็นต้นแบบให้ผู้แทนของอดีตพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้คิดออกแบบนโยบายโดยมีประชาชนคนส่วนใหญ่เป็นศูนย์กลาง

ทั้งนี้ ปิยบุตรย้ำว่า นโยบายที่ดี ไม่ว่าจะเป็นของพรรคใดก็ตาม จะไม่เกิดผลสำเร็จได้หากยังไม่สามารถทำให้เกิดการเมืองดี ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ปลอดจากรัฐประหารได้ ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล พรรคที่มีความกล้าหาญที่จะจัดการเรื่องยาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปกองทัพ เอาทหารมาอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ให้รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บัญชาการเหล่าทัพ แก้ไขกฎหมายความมั่นคง ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แก้ไขกฎหมายกฎอัยการศึก รวมทั้งจัดการลบล้างผลพวงรัฐประหาร เอาคณะก่อรัฐประหารมาดำเนินคดี

“นโยบายปากท้องดีจะไม่สามารถยั่งยืนได้ถ้าการเมืองไม่ดี รัฐบาลที่พี่น้องเลือกไป ไม่อาจดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพได้ หากไม่จัดการรัฐประหาร นโยบายการเมืองดีที่ควบคู่กับปากท้องดีคือจุดเด่นของพรรคก้าวไกล เช่น ปฏิรูปกองทัพ ให้รัฐบาลพลเรือนควบคุมกองทัพ ไม่ใช่กองทัพควบคุมรัฐบาลพลเรือน เอากองทัพกลับเข้ากรมกองไปเป็นทหารอาชีพ”

‘ปิยบุตร’ เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกหมายเรียก ม.116 แนะ ‘ตร.’ ใช้ดุลยพินิจ ป้องกันการกลั่นแกล้งจากช่องโหว่ กม.

วันที่ 17 เมษายน 2566 ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน จากกรณีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ตามที่นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องทุกข์กล่าวโทษข้อหายุยงปลุกปั่น และมีการลงนามออกหมายเรียกโดย พ.ต.ท.สำเนียง โสธร รองผู้กำกับการ (สอบสวน)

นายปิยบุตร กล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2564 ซึ่งผ่านมากว่า 1 ปี จึงได้ทราบว่ามีหมายเรียกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ภายหลังจากตนไปช่วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หาเสียงที่อีสาน โดยก่อนหน้านี้ ได้ประสานเจ้าพนักงานเพื่อขอเลื่อนการเข้าพบเป็นช่วงหลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม เนื่องจากอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จะไม่มีเวลาว่าง แต่เจ้าพนักงานไม่ยอม ให้เหตุผลว่าพรรคการเมืองขาดผู้ช่วยหาเสียงเพียงหนึ่งคนก็คงไม่เป็นอะไร ให้มารายงานตัวให้มันจบ ๆ ไป แต่นั่นทำให้ผมต้องยกเลิกการหาเสียงที่หนองคายในวันนี้ และทำให้เพื่อนพ้องน้องพี่ผู้สมัคร ส.ส. กทม.พรรคก้าวไกล ต้องเสียเวลามาให้กำลังใจตนแทน

ดังนั้น เมื่อมีการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่สองจึงได้เดินทางมาเข้าพบวันนี้เพื่อมาดูว่าสิ่งที่ นายณฐพร ฟ้องร้องนั้นเข้าข่ายหรือไม่ หรือเป็นการกล่าวหาลอย ๆ เพราะที่ผ่านมา นายณฐพร ก็ถือว่าเป็นนักร้องมืออาชีพ ซึ่งเคยร้องเข้าเป้าตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่จนถึงขั้นโดนยุบพรรค รวมถึงนิสิต นักศึกษา เยาวชนคนรุ่นใหม่ต่างก็โดนฟ้องร้องด้วยเหมือนกัน โดยพฤติการณ์ที่เป็นเหตุให้ตนถูกร้องในครั้งนี้คือ การจัดคลับเฮาส์พูดคุยถึงกรณี ‘แอมมี่’ นายไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์ เผาพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งตนได้บรรยายกรณีศึกษาในต่างประเทศและในไทย ที่เคยตัดสินยกฟ้องมาแล้ว

นายปิยบุตรเห็นว่า กรณีที่ตนถูกร้องนี้เป็นการจินตนาการของผู้กล่าวหาที่เลยเถิดไปมาก ซ้ำยังเป็นการลงทุนต่ำ เพียงแค่ถอดเทปจากรายการ พิมพ์เป็นเอกสาร และเดินทางมาร้อง ทำให้เป็นภาระต่อทั้งผู้ถูกกล่าวหา เจ้าพนักงานสอบสวน เจ้าพนักงานอัยการ และศาล เพราะสุดท้ายเมื่อไม่ถูกต้องตามองค์ประกอบความผิดก็ถูกยกฟ้องอยู่ดี ดังที่ปรากฏว่า ช่วงที่ผ่านมาคดีตามมาตรา 116 ถูกยกฟ้องเป็นประจำ โดยหากพนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจ ก็อาจบรรเทาการร้องเรียนเชิงกลั่นแกล้งเช่นนี้ได้

เมื่อถามว่าจะมีแนวทางอย่างไรเพื่อตรวจสอบดุลยพินิจของเจ้าพนักงานสอบสวน นายปิยบุตร กล่าวว่า ตอนสมัยเป็นอาจารย์ไม่ได้โดนหมายเรียก แต่เมื่อมาเป็นนักการเมืองกลับถูกหมายเรียกในคดีต่าง ๆ มาเป็นชุด และในช่วงที่ถอยออกจากการเมืองก็เงียบหายไป ล่าสุด ก็โดนคดี ม.112 ที่ สน.ดุสิต วันนี้ ก็คดี ม.116

สำหรับ คดี ม.116 พบว่า หลายคดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือเรื่องไปถึงศาล ก็ยกฟ้อง อยู่จำนวนมาก แต่ยังสงสัยว่าทำไมเจ้าพนักงานถึงทำสำนวนคดีให้ฟ้องอยู่ตลอด ทั้งที่ตนและเจ้าพนักงานสอบสวนก็เรียนหลักการทางนิติศาสตร์มาเหมือนกัน จึงอยากให้ระลึกถึงตอนเป็นนักศึกษาปริญญาตรี หากมีข้อเท็จจริงแบบนี้มาออกเป็นข้อสอบ เชื่อว่าหากพนักงานสอบสวนที่เคยเป็น นศ. ในตอนนั้น ก็คงตอบว่า กรณีไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ตนขอให้พนักงานสอบสวนพิจารณาใช้ดุลพินิจ เพราะเจ้าพนักงานสอบสวนไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ที่เมื่อใครมาร้องทุกข์กล่าวโทษก็ต้องทำสำนวนคดี เพื่อออกหมายเรียกทุกกรณีไป

‘ปิยบุตร’ ลุยขอนแก่น ชู ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ ลั่น!! หากก้าวไกลเป็น รบ. ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม

เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.66) ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ‘ครูใหญ่’ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล รณรงค์หาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล จังหวัดขอนแก่น

โดยช่วงบ่ายวานนี้  ปิยบุตรเดินสายปราศรัย 3 เวที ประกอบด้วย บ้านหนองปลิง บ้านโนนรัง บ้านลาดนาเพียง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ช่วยหาเสียง ‘แบงค์ชัย’ อิทธิพล ชลธราศิริ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 (เบอร์ 1) ก่อนที่ช่วงเย็น ปราศรัยที่สวนสาธารณะริมน้ำบึงแก่นนคร อ.เมือง จ.ขอนแก่น ช่วยหาเสียง วีรนันท์ ฮวดศรี หรือ ทนายป๊อก ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 (เบอร์ 4) โดยมีประชาชนมารอฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก

ปิยบุตรกล่าวว่า ตั้งใจมาช่วยหาเสียงที่ขอนแก่นเขต 1 สาเหตุสำคัญเพราะเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ประชาชนให้ความไว้วางใจผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ เทคะแนนกว่า 38,000 คะแนน แต่พอพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส.คนนั้นกลับย้ายพรรค ไม่ไปต่อกับพรรคก้าวไกล ซึ่งต้องขออภัยประชาชนอย่างยิ่ง ครั้งนี้ตั้งใจแก้มือ พรรคก้าวไกลส่งทนายป๊อกเป็นผู้สมัคร เขาคือทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่ช่วยเหลือคนที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองหลังการรัฐประหาร 2557 พี่น้องประชาชนจึงเชื่อมั่นในอุดมการณ์ได้ เลือกตั้งครั้งนี้ขอความไว้วางใจอีกครั้ง ให้พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากกว่าเดิม เพื่อยืนยันว่าประชาชนชาวขอนแก่นต้องการการเมืองแห่งความหวังและการเปลี่ยนแปลง

ปิยบุตรกล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายทั้งหมด 312 นโยบาย ที่ต้องมีมากขนาดนี้ เพราะปัญหาของประเทศไทยมีมากเหลือเกิน ที่ผ่านมาหลายพรรคการเมืองต่างมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดี แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลแตกต่างจากทุกพรรคการเมืองอย่างชัดเจน คือเรื่องการเมือง นำมาสู่คำขวัญ ‘การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต’ เพราะถ้าไม่มีนโยบายการเมืองที่ดี เมื่อไปเป็นรัฐบาลก็จะเจอทหารยึดอำนาจ เจออำนาจพิเศษเข้าแทรกแซง พรรคก้าวไกลจึงเล็งเห็นว่าต้องมีนโยบายการเมืองดี เป็นการเมืองเพื่อคนส่วนใหญ่ ที่จะทำให้นโยบายเศรษฐกิจส่งมอบให้ประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อทุนผูกขาด และกองทัพ

“ผมขอโอกาสพี่น้องประชาชนอีกครั้ง เลือกผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกลเข้าสภาฯ ทุกภารกิจที่เป็นเรื่องยาก ไม่ว่าจะเป็นปฏิรูปกองทัพ รัฐสวัสดิการที่มั่นคงยั่งยืน การกระจายอำนาจ น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ รถเมล์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลบล้างผลพวงรัฐประหาร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องเหล่านี้ที่ไม่เคยสำเร็จหรือไม่เคยมีใครทำ จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองของมวลชนที่มีเจตจำนงชัดเจน พร้อมทำทันทีโดยไม่ต้องรีรอ และมีจำนวน ส.ส. มากพอ เป็นพรรคที่ยืนอยู่ได้ด้วยการสนับสนุนทรัพยากรจากประชาชน ไม่ใช่กลุ่มทุนผูกขาด ขอโอกาสให้พรรคก้าวไกลเข้าไปทำ โดยมีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กผลักดันให้เราทำสำเร็จ เลือกก้าวไกลแล้วประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” ปิยบุตรกล่าว

‘ปิยบุตร’ ชื่นมื่น ฉลองครบรอบแต่งงาน 7 ปีกับภรรยาชาวฝรั่งเศส ชาวเน็ตอวยแซะ!! ขอให้รักสดใส มีลูกชายหญิงเหมือน ‘เพนกวิน-รุ้ง’

(6 ส.ค. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวชื่อ ‘Piyabutr Saengkanokkul’ พร้อมแนบรูปที่ถ่ายคู่กับภรรยาชาวฝรั่งเศส ระบุข้อความว่า…

“ครบรอบ 7 ปีแต่งงาน 🧡🧡🧡🧡🧡🧡🧡”

ภายหลังจากทวีตข้อความไปแล้ว ก็มีผู้ติดตามเข้ามาแสดงความคิดเห็นและอวยพรมากมาย เช่น 

- น่ารักค่อดๆ อะค้าบ
- Happy Anniversary! ครับ
- มีความสุขตลอดไปนะคะอาจารย์
- อาจารย์ป๊อกมีความสุขมากๆ ค่า🧡🙏🏻🎉 happy anniversary 🍾

นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกันเข้ามาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน เช่น

- ขอให้ได้ไปอยู่ฝรั่งเศสเมืองในฝันโดยเร็วครับ
- ขอให้มีลูกที่น่ารักเหมือนน้องหยกนะบองป๊อก ✨✨✨✨✨🥰
- มีลูกให้เหมือนนังหยกเด็กนรก ที่ทุกวันนี้พวกคุณเข้าไปล้างสมองจนกู่ไม่กลับ ขออวยพรให้ ดั่งที่เราให้พร
- ขออวยพร ใครที่ทำร้ายชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้ได้รับแต่ความฉิบหาย 7 ชั่วโคตร...นะฉิบหาย โมตายโหง พุทเข้าโลง ธาดับสูญ ยะสลายกลายเป็นดิน...

- ขอให้ภรรยาคุณเหมือนคุณเจี๊ยบ อมรรัตน์ ขอให้ถ้ามีบุตรและธิดาขอให้มีนิสัยแบบแพนกวินกะหยก และสุดท้ายขอให้คุณปิยบุตรสมหวังได้ไปที่ชอบ ที่ชอบ สาธุ

- ขออวยพรให้คู่ของอาจารย์ ซื่อสัตย์ต่อกันเหมือนคุณเอกซื่อสัตย์ต่อภรรยา ขอให้ภรรยาของอาจารย์ใจกว้างต่อบริวารเหมือนคุณเจี๊ยบปฏิบัติต่อสารถี ขอให้มีบุตรชายหญิงที่มีพยาธิสภาพน่ารักเหมือนน้องกวิ้น-น้องรุ้งและมีกิริยาน่าเอ็นดูเหมือนน้องหยก มีวาจาคมคายเหมือนคุณไอซ์ค่ะ 🤗🤗🤗


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top