Monday, 17 June 2024
ประเด็นร้อน

'สาวท้อง' โวย!! 'ที่นั่งบุคคลพิเศษ' ใน รฟฟ. แต่คนท้องไม่ได้นั่ง ชาวเน็ตเสียงแตก!! บ้างบอกควร 'เสียสละ' บ้างบอก 'สิทธิ์ส่วนบุคคล'

(4 ม.ค. 67) กลายเป็นเรื่องราวถกสนั่นร้อนระอุไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางที่ ‘คนท้อง’ ต้องเผชิญ สะท้อนทัศนคติผู้คนในสังคมต่อ คนท้อง และทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ คนท้อง ในสังคมนั้นมีเพียงพอหรือยัง?

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้โพสต์ข้อความว่า “ขอบคุณที่นั่งสำหรับ คนพิการ พระสงฆ์ และ คนท้อง (ที่ไม่ได้นั่งเลย ยืนตลอดสาย ) ตั้งแต่ แบริ่ง – อโศก และเป็นวัน ที่ 3 ม.ค. 67 เป็นวันที่คนเริ่มกลับมาทำงาน และ บนรถไฟฟ้า ผู้คนแน่นมาก ๆ แต่สำหรับคนท้องที่มีที่นั่งพิเศษ กลับไม่ได้นั่ง”

“ส่วนคนที่แข็งแรง และ เป็นผู้ชาย แหงนหน้ามามองหลายรอบมาก แต่กลับนิ่งเฉย (ฉันยืนเหงื่อแตก ตาลาย ไหนมือนึงจะเกาะเสา ไหนอีกมือ จะคว้านหายาดมในกระเป๋า (แทบล้มตอนขบวนออกตัว)”

“แต่เขาก็ยังนั่งมองฉันเฉย ๆ แบบไม่มีจิตสำนึกอะไรเลย ผู้คนในรถไฟฟ้าต่างมองเขากัน แต่เขาก็ยังทำตัวนิ่งเฉย เริ่มไม่เข้าใจแล้วว่า ที่นั่งสำหรับ คนท้อง คนพิการ พระสงฆ์ ติดป้ายยังไม่ชัดเจนใช่ไหม? หรือ เข็มกลัดที่ท้องเรา มันเห็นไม่ชัดใช่ไหม (ทั้งๆที่มันอยู่ตรงหน้าคุณแท้ๆ)”

เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นไวรัลสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นในสังคม ความคิดเห็นจากโลกโซเชียลแตกออกหลายเสียง

ความคิดเห็นบางส่วนมองว่า การลุกให้ คนท้อง นั่งใน ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ เป็นเรื่องของ ‘การเสียสละ และมีน้ำใจ’ คอมเมนต์บางรายถึงขั้นมองเป็นหน้าที่ เพราะผู้ที่ตั้งครรภ์ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเดินทางอย่างมาก โดยเฉพาะการเดินทางโดยรถสาธารณะ

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ ก็มีไว้เพื่อให้บุคคลพิเศษที่มีความจำเป็นนั่ง ทั้งยังมองว่าเป็นเรื่องของจิตสำนึกที่ควรตระหนักรู้ได้ด้วยตนเอง

พร้อมกันนี้ยังมีเสียงจาก คนท้อง ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ความยากลำบากในการเดินทางเช่นเดียวกันจำนวนมาก

คอมเมนต์อีกด้านมองว่า แม้ว่าที่นั่งดังกล่าวจะเป็น ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ แต่ไม่ได้มีกฎระเบียบข้อบังคับ เพียงแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น ดังนั้นการจะลุกหรือไม่ลุกให้นั่ง จึงไม่ใช่ความผิด แต่เป็นความสมัครใจส่วนบุคคล

ขณะที่คอมเมนต์อีกส่วน จวกแรง วิจารณ์พฤติกรรมของเจ้าของโพสต์ว่า ทำไมถึงไม่พูดกับชายที่นั่งตรง ๆ แทนที่จะถ่ายมาโพสต์ประจาน? และมีคอมเมนต์โจมตีมากมาย

โดยทางเจ้าของโพสต์เผยว่า เธอต้องการเป็นกระบอกเสียงให้กับคนที่ท้อง แต่ไม่ได้รับการซัพพอร์ตทางสังคมในที่สาธารณะ ทั้งยังยกกรณีคอมเมนต์จากคนท้องที่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน ซึ่งเธอหวังว่า จะสร้างความตระหนักรู้ในสังคมได้

อย่างไรก็ดี ทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) เคยมีการชี้แจงถึง ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ ไว้ดังนี้

ที่นั่งสำรองสำหรับบุคคลพิเศษ (Priority seat) คือ ที่นั่งสำรองให้แก่ เด็ก, สตรีมีครรภ์, คนพิการ, ผู้ป่วย, พระภิกษุสงฆ์ และผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน ทางบีทีเอส ได้ออกแบบสัญลักษณ์ที่นั่งสำรอง เพื่อให้เห็นเด่นชัด สังเกตได้ง่าย พร้อมที่จะเอื้อเฟื้อที่นั่งสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ที่นั่งพิเศษนี้

ที่นั่งสำรองนี้ ผู้โดยสารทุกคนสามารถนั่งได้ แต่ต้องพร้อมที่จะเสียสละ เมื่อมีบุคคลพิเศษที่มีความจำเป็นต้องใช้งาน ร่วมสร้างสังคมมีน้ำใจในการเดินทาง มีน้ำใจให้แก่กัน ทำให้การเดินทางในแต่ละวันมีแต่รอยยิ้ม

กลายเป็นประเด็นดราม่าถกสนั่น สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่ ผู้คนในสังคม มีต่อ คนท้อง ขณะที่ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับภาวะเด็กเกิดใหม่ที่ลดลงจนถึงขั้นวิกฤต ยิ่งทำให้เกิดคำถามต่อสังคมว่า สวัสดิการและสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ คนท้อง ในพื้นที่สาธารณะในสังคมไทยนั้นมีเพียงพอแล้วหรือยัง? โดยเรื่องราวจะจบลงอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป

ทาวน์เฮ้าส์เก่า ‘ทรุดถล่ม’ กลางดึกติดกัน 4 หลัง ด้านเจ้าของบ้านหนีตาย เหลือแค่เสื้อผ้ากับมือถือติดตัว

(4 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน รับแจ้งว่ามีบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ทรุดตัวได้รับความเสียหายหลายหลัง ภายในหมู่บ้านพักครู ใน ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กองช่างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรีบไปให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุเข้าจากถนนประชาอุทิศ 90 มุ่งหน้าวัดจันทร์แก้วเพชร ประมาณ 5 กิโลเมตร ด้านขวามือ พบเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 2 ชั้น ปลูกติดกันจำนวน 50 คูหา แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 25 หลัง บริเวณทาวน์เฮ้าส์ด้านซ้ายมือ 4 หลัง เกิดการทรุดตัว บริเวณด้านหลังบ้านซึ่งเป็นห้องครัวและห้องน้ำพังถล่มลงมา เศษอิฐ เศษปูนหล่นลงมากองกับพื้น

บริเวณหน้าบ้านพบกำแพงบ้านและหน้าต่างแตกแยก จนเอนเอียงไปทางด้านหลังบ้าน โดยทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.บ้านคลองสวน ปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในบ้านและยังไม่อนุญาตให้เจ้าของบ้านเข้าไปเก็บทรัพย์สินภายในตัวบ้าน เหตุเกรงว่าจะเกิดอันตราย และเกิดการทรุดตัวเพิ่มขึ้นจนพังถล่ม

นายเล็ก อายุ 63 ปี หนึ่งในเจ้าของบ้านที่บ้านพังถล่ม เล่าว่า ตนเป็นพนักงานรับ-ส่งสินค้า อยู่ในบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยบ้านหลังดังกล่าวตนซื้อต่อมาจากครูที่เกษียณราชการไปเมื่อช่วง 20 ปีก่อน ในราคา 500,000 บาท ปกติจะพักอยู่กับลูกและภรรยารวมกัน 5-6 คน แต่เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาลูก ไปซื้อบ้านอยู่อีกแห่งหนึ่ง ตนจึงอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว

กระทั่งเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 66 ที่ผ่านมา ตนได้ยินเสียงปูนของบ้านซึ่งอยู่ติดกัน บ้านหลังดังกล่าวไม่มีผู้พักอาศัยมานานกว่า 2-3 ปี ได้ยินเสียงปูนลั่นมาโดยตลอด บางครั้งลั่นทุกชั่วโมง บางครั้ง ลั่น 2-3 ครั้งแต่ไม่ได้เอะใจอะไร

กระทั่งเมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้ ในขณะที่ตนนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของตัวบ้านได้ยินเสียงปูนลั่นเหมือนเดิม และเหมือนลั่นในบ้านของตนด้วยจำนวน 2-3 ครั้ง ตนจึงลุกขึ้นเดินดูรอบบ้าน พบว่าปูนบริเวณหลังบ้านเริ่มหล่นลงมาจำนวนมาก ก่อนที่มีเพื่อนบ้านจะตะโกนเรียกตนให้รีบหนีออกมาจากตัวบ้าน

ในระหว่างที่ตนกำลังจะเดินออกจากบ้าน ยังได้ยินเสียงตัวบ้านลั่นอีก 2-3 ครั้ง ตนจึงรีบกระโดดออกทางหน้าต่างวิ่งหนีออกมาจากตัวบ้านรอดตายอย่างหวุดหวิด ทำให้ข้อเท้าด้านขวามีอาการปวดเจ็บ หลังจากที่ได้ออกมาจากตัวบ้านแล้วยืนดูตัวบ้านอยู่สักครู่ใหญ่ นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์อยู่ในบ้านจึงวิ่งเข้าไปเอาโทรศัพท์ในบ้าน ก่อนที่จะวิ่งหนีออกมาได้

หลังจากเกิดเหตุ ตนจะไปพักอาศัยอยู่บ้านลูกและคงต้องรอหน่วยงาน ในพื้นที่มาตรวจสอบและยืนยันโครงสร้างอีกครั้ง ซึ่งตนเป็นห่วงข้าวของที่อยู่ในบ้านเพราะมีหลายอย่าง ตอนที่ตนหนีออกมามีแค่เสื้อผ้าชุดเดียว กับโทรศัพท์มือถือเพียง 1 เครื่องเท่านั้น

กระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญ เดินทางมายังพื้นที่เกิดเหตุพร้อมเดินสำรวจโดยรอบ สันนิษฐานคาดว่าน่าจะเกิดจากฐานล่างของตัวบ้านเกิดการทรุดตัว จากที่ตัวบ้านหลังหนึ่งใน สังเกตด้วยสายตาพบว่าบ้านหลังดังกล่าวทรุดตัวมากกว่าหลังอื่นๆ ก่อนที่จะดึงบ้านข้างเคียงพ่วงลงไปด้วย

จึงประสานเจ้าหน้าที่ในตอนเช้าให้นำอุปกรณ์มาตรวจสอบระดับการทรุดตัวของตัวบ้าน ว่ามีเพิ่มเติมอีกหรือไม่และประชาสัมพันธ์เจ้าของบ้านไม่ให้เข้าไปในตัวบ้านโดยเด็ดขาด

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปิดกั้นบริเวณที่เกิดเหตุไว้โดยรอบพร้อมประชาสัมพันธ์ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปในจุดเกิดเหตุดังกล่าว เกรงว่าบ้านจะถล่มลงมาทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตพร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บ้านคลองสวน เข้ามาอำนวยความสะดวกและป้องกันบุคคลอื่นเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านที่เกิดเหตุ

โดยหลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่โยธาจังหวัดสมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำอุปกรณ์เร่งเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุโดยเร็วเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อน อีกทั้งจะจัดตั้งจุดลงทะเบียนพร้อมเยียวยาเจ้าของบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้น

และในวันพรุ่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาตรวจสอบถึงสาเหตุการทรุดตัวอีกครั้ง และนายพินิจ เติมบุญ นายก อบต.บ้านคลองสวน จะหาแนวทางการช่วยเหลือบ้านผู้เสียหายต่อไป ซึ่งทีมงาน ส.ส. จะติดตามการช่วยเหลือกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top