Tuesday, 7 May 2024
ประชากรโลก

'ยูเอ็น' ประเมินประชากร 'อินเดีย' อาจแซงหน้า 'จีน' ในปี 2023 ประชากรโลกอาจแตะหมื่นล้านคน ในปี 2100

องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผย ‘อินเดีย’ มีแนวโน้มแซงหน้าจีนขึ้นเป็นชาติที่มีประชากรมากที่สุดในโลกภายในปี 2023 ขณะที่ประชากรโลกจะแตะหลักหมื่นล้านคนในปี 2100 

รายงานของยูเอ็นซึ่งเผยแพร่เนื่องในวันประชากรโลก (World Population Day) ระบุว่า จำนวนประชากรทั่วโลกจะแตะหลัก 8,000 ล้านคนในวันที่ 15 พ.ย. ปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 8,500 ล้านคนภายในปี 2030 และ 10,400 ล้านคนภายในปี 2100

สำหรับอินเดีย เคยมีประชากรทั้งหมด 1,210 ล้านคน เมื่อปี 2011 ตามการสำรวจสำมะโนประชากรที่รัฐบาลทำทุกๆ 10 ปี ทว่าในปี 2021 อินเดียมีประชากรจำนวน 1.412 พันล้านคน ส่วนจีนมีจำนวน 1.426 พันล้านคน ในช่วงปี 2023 จึงมีความเป็นไปได้ที่อินเดียจะมีสัดส่วนประชากรเพิ่มสูงขึ้นกว่าจีน 

ส่วนในปี 2050 คาดว่าอินเดียจะมีประชากรจำนวนถึง 1.668 พันล้านคน มากกว่าจีนที่จะมีจำนวนประชากรลดเหลือ 1.317 พันล้านคน จากอัตราการเจริญพันธุ์ที่ลดลง แม้รัฐบาลจีนจะผ่อนคลายนโยบายควบคุมจำนวนประชากร โดยอนุญาตให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้ 3 คน แต่ผลการศึกษาวิจัยหลายฉบับชี้ว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดนั้นลดลง อีกทั้งรัฐยังไม่มีมาตรการอื่นๆ ที่ช่วยจูงใจในการมีลูกมากพอ

ทารกหญิงจากฟิลิปปินส์ ประชากรโลกคนที่ 8 พันล้าน ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 เวลา 01.29 น.

(16 พ.ย. 65) องค์การสหประชาชาติประกาศให้วันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 เป็นวันที่ประชากรโลกมีครบ 8,000 ล้านคน โดยมีทารกน้อยเพศหญิง ชื่อว่า Vinice Mabansag เกิดที่โรงพยาบาล Dr. Jose Fabella Memorial ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อคืนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 01.29 น. เธอได้รับเลือกให้เป็นบุคคลที่ 8,000 ล้านของโลกอย่างเป็นทางการ

การเพิ่มขึ้นของประชาการโลก จาก 7,000 ล้านคน เป็น 8,000 ล้านคน ใช้เวลาทั้งสิ้น 11 ปี (ค.ศ.2011 หรือ พ.ศ.2554 ถึง ค.ศ.2022 หรือ พ.ศ. 2565) นอกจากนี้ องค์กรสหประชาชาติยังได้คาดการณ์ไว้ว่า ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านคนในอีก 58 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี ค.ศ.2088

ทั้งนี้ ตามรายงานใหม่ของสหประชาชาติผู้คนทั่วโลกมีอายุยืนยาวขึ้นและมีลูกน้อยลง โดยอายุขัยของคนโดยเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 77.2 ปี ในปี 2050 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 72.98 ปี ในปี 2019 ส่วนอัตราการเกิดทั่วโลกก็ชะลอลง

‘อินเดีย’ ขึ้นแท่น ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก สวนทาง ‘จีน’ ที่ประชากรลดลงในรอบ 60 ปี

อินเดียมีประชากรมากที่สุดในโลกแซงหน้าจีนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่จีนมีประชากรลดลงในรอบ 60 ปี

World Population Review องค์กรอิสระที่ศึกษาสำมะโนประชากรคาดการณ์ว่าอินเดียมีประชากรถึง 1.417 พันล้านคนแล้วในช่วงสิ้นปี 2022 และกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดแซงหน้าจีนแล้วเรียบร้อย

จากจำนวนประชากรของอินเดียตามที่คาดการณ์ที่ 1.417 พันล้านคน ทำให้อินเดียมีประชากรมากกว่าจีนอยู่เกิน 5 ล้านคนก่อนหน้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยว่า ขณะนี้จีนมีประชากรอยู่ 1.412 พันล้านคน ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ตั้งแต่ช่วงปี 1961

องค์การสหประชาชาติได้คาดการณ์ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดแซงหน้าจีนภายในปีนี้ แต่จากคาดการณ์ของ World Population Review อินเดียมีประชากรถึง 1.432 พันล้านคนแล้ว ส่วนองค์กรวิจัย Macrotrends คาดว่าตัวเลขประชากรล่าสุดของอินเดียอยู่ที่ 1.428 พันล้านคนแล้ว ทั้งนี้ ไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการจากอินเดียเนื่องจากโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถสำรวจตัวเลขประชากรได้

World Population Review ยังคาดการณ์ว่าแม้ประชากรของอินเดียจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ แต่จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2050 

ครึ่งหนึ่งของประชากรอินเดียมีอายุต่ำกว่า 30 ปี ทำให้นายกรัฐมนตรี Narendra Modi เร่งสร้างงานให้คนในประเทศมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้ เพราะอินเดียแม้จะมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชียและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ได้ดี แต่ประชากรราว 800 ล้านคนยังพึ่งพาโครงการจัดหาอาหารของรัฐบาลอยู่

อินเดียเป็นประเทศที่อยู่ได้ด้วยการผลิตอาหารภายในประเทศ เป็นผู้ผลิตข้าว ข้าวสาลี และน้ำตาลใหญ่เป็นอันดับ 2 เป็นประเทศที่บริโภคน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดและเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำหรับรับประทานมากที่สุด อินเดียยังเป็นตลาดที่ใช้ทองและเหล็กกล้ามากเป็นอันดับที่ 2 และเป็นผู้ซื้อน้ำมันดิบมากเป็นอันดับ 3 รวมทั้งเป็นประเทศที่มีตลาดการบินภายในประเทศใหญ่มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก

ขณะที่อินเดียมีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จีนกลับมีประชากรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ข้อมูลจาก National Statistics Bureau เผยว่า ประชากรจีนลดลง 850,000 คนในปี 2022 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top