Monday, 17 June 2024
บุกรุก

เชือดไก่ให้ลิงดู!! ‘สวนสัตว์พาต้า’ ทุ่ม 1 แสนบาท ตั้งรางวัลนำจับ ล่าผู้บุกรุก หลังโดนมือดีพ่นสีใส่ผนัง จี้ปล่อย กอริลลา ‘บัวน้อย’

เพจ "สวนสัตว์พาต้า" โพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร

(10 มี.ค. 66) ที่ผ่านมา เพจ "สวนสัตว์พาต้า" ได้ออกมาโพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยทางเพจระบุข้อความว่า "เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของเช้าวันที่ 6 มีนาคม 2566 ได้มีกลุ่มผู้กระทำความผิด จำนวน 5 คน บุกรุกพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าพาต้า โดยใช้การปีนสะพานลอยผ่านเข้ามายังขอบอาคารชั้น 3 ด้านหน้าห้าง ฯ และ ทำลายทรัพย์สินของบริษัทด้วยการพ่นสีใส่ผนังอาคาร เป็นข้อความในเชิงต่อต้านการครอบครองลิงกอริลลาของสวนสัตว์พาต้า โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร

ซึ่งทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอย่างมาก ทั้งที่การประกอบกิจการของสวนสัตว์พาต้านั้น อยู่ในความดูแลของหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องและผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยเหตุการณ์การต่อต้านเรื่องการครอบครองลิงกอริลลาของห้างฯ พาต้านั้น มีมานานกว่า 20 ปี และเพิ่งจะได้รับความเข้าใจจากประชาชนโดยส่วนใหญ่เมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา จากแถลงการณ์ครั้งแรกของบริษัทฯ ถึงเหตุผลต่าง ๆ และที่มาที่ไปของบัวน้อย ลิงกอริลลา เพศเมีย วัยชรา ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีตลอดมา ที่แม้ทางบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง แต่ทางผู้บริหารก็ยังไม่เคยทอดทิ้ง หรือ ตั้งราคาบัวน้อยในราคา 30 ล้าน ตามที่เป็นข่าว

ล่าสุดทางฝ่ายบริหารของทั้งห้างและสวนสัตว์พาต้า ได้เคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะขอนำเรื่องการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของบริษัทในครั้งนี้ เป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดสิทธิ์ที่ผิดกฎหมาย ที่บุคคล กลุ่ม หรือองค์กรพิทักษ์สัตว์มากมาย ทั้งในและต่างประเทศได้กระทำกันมาช้านาน

ทั้งการโพสต์โซเชียลมีเดียถึงการวิจารณ์ไปในทางหมิ่นประมาทและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อสวนสัตว์พาต้า, การรวมตัวกันเรียกร้องให้ปิดสวนสัตว์และปล่อยตัวบัวน้อย ด้วยการใช้ภาพถ่ายเน้นลูกกรงให้ดูเศร้า รวมถึงการปรับเล่นกับโทนสีของภาพให้ดูหม่นหมอง เพื่อการเรียกร้อง และนำภาพบัวน้อยไปใช้กันอย่างแพร่หลาย จนนำไปสู่การขอรับบริจาคในโครงการของตนเองหลายต่อหลายครั้ง โดยไม่มีการแจ้งถึงยอดเงินดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่าได้นำเงินนั้นไปใช้ในทิศทางใด

และสวนสัตว์พาต้า ขอใช้โอกาสและพื้นที่ตรงนี้เพื่อแจ้งว่า “สวนสัตว์พาต้า ไม่เคยรับทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคดังกล่าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีการเรี่ยไรกระทำการกันอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี”
.
รวมไปถึงนักอนุรักษ์สัตว์บางรายที่เคยฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ต่อต้านสวนสัตว์พาต้า โดยกระทำการอบรมให้ข้อมูลแก่เยาวชนถึงในสถานศึกษา เพื่อใช้เด็กและเยาวชนเป็นแรงสนับสนุน มุ่งไปที่การ “ปล่อยตัวบัวน้อย” ให้เด็ก ๆ ซึมซับว่าบัวน้อยได้รับความทุกข์ทรมาน โดยที่เด็กและเยาวชนเหล่านั้น อาจไม่รู้ และไม่เคยมาเที่ยวสวนสัตว์พาต้าเลยสักครั้งในชีวิต ซึ่งถือเป็นการมอมเมาเด็กและเยาวชนจากหลักฐานที่ผู้ต่อต้าน ชี้แนะให้เด็ก ๆ จำนวนมาก เห็นสิ่งที่สวนสัตว์พาต้า กระทำตลอดมา ว่าเป็นความผิด ทั้งที่การประกอบกิจการทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้กฎหมาย

ตลอดจนให้เด็ก ๆ เหล่านั้นเขียนข้อความ ลงลายมือชื่อ และนามสกุล เพื่อต่อต้านสวนสัตว์พาต้า ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้ มีผู้ปกครองมากมายไม่ทราบเรื่องราวว่า บุตรหลานของท่านได้ถูกบุคคลนักอนุรักษ์สัตว์ผู้นี้ ชี้นำให้กระทำการต่อต้านในสิ่งที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวุฒิภาวะของตนเอง ทั้งยังให้เด็ก ๆ เหล่านั้น ลงลายมือชื่อ และนามสกุล รวมถึง มีข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวบัวน้อยออกจาก “คุก !” ไว้เป็นเป็นหลักฐาน ด้วยการชี้นำของตน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในตัวของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น ว่าจะสามารถนำไปสู่หลักฐานเพื่อใช้ในการต่อสู้ทางคดีความ ที่จะต้องมีรายชื่อเด็ก ๆ เหล่านั้นอยู่ในสำนวนคดี

ยังไม่นับรวมถึงพฤติกรรมของนักอนุรักษ์สัตว์รายนี้ ที่ได้โพสต์ข้อความว่าได้นำเรื่องราวและหนังสือบัวน้อยที่ตนเองได้สร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายไปยังหลายประเทศ และตั้งใจส่งไปรษณีย์ไปเพื่อให้ถึงมือเจ้าชาย George องค์น้อย แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยมีข้อความบางตอนที่โพสต์ว่า “หากท่านทรงเดินทางมาเมืองไทย และทรงแวะเยี่ยมบัวน้อย ท่านคงจะทรงตกพระทัยมิใช่น้อย ที่คนไทยไม่สามารถดูแลมรดกโลกได้ดีไปกว่านี้”

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สวนสัตว์พาต้า รวมถึงประเทศชาติ ถูกตัดสินความผิดจากความรู้สึกของบุคคลผู้นี้ โดยไม่ยึดในข้อกฎหมายเป็นหลัก และยังเพิ่มความกดดัน โดยการนำเรื่องราวของบัวน้อย ออกไปไกลให้ถึงราชวงศ์ของต่างประเทศอย่างมีนัยยะ ด้วยข้อความที่ดูถูกและดูแคลนศักยภาพ และหน่วยงานผู้ดูแลกิจการ จนถึงผู้ประกอบการสวนสัตว์ของไทยอย่างเป็นหลักเป็นฐาน
.
ซึ่งเหตุการณ์ต่อต้านเรียกร้องมากมายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศที่มีกฎหมายและหน่วยงานของการควบคุมการทารุณกรรมสัตว์ ดังเช่นในประเทศไทย และสวนสัตว์พาต้า ขออนุญาตและขออภัยหากข้อความต่อไปนี้ จะถือเป็นการสอนท่านผู้อนุรักษ์สัตว์รายนี้ ว่า “นักอนุรักษ์ที่มีมาตรฐานสูงทั่วโลก จะเริ่มจากพื้นฐานแห่งจิตสำนึกด้วยการไม่ต่อต้านสิ่งที่ถูกกฎหมายบนพื้นแผ่นดินในประเทศของตน

นักอนุรักษ์สัตว์ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไร้ซึ่งนัยยะเคลือบแคลง มักจะมุ่งทำประโยชน์ให้กับชีวิตสัตว์ที่น่าสงสารอีกมากมายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เลือกแม้ตัวตน เพศ ชนิด สายพันธุ์ หรือราคาของสัตว์ตัวนั้น ๆ จนนำไปสู่โอกาสของการสร้างชื่อเสียง รายได้ และการออกสื่อ หรือเข้าถึงบุคคลผู้ทรงเกียรติที่เกี่ยวข้อง เพื่อหน้าตาทางสังคมของตนเป็นนิจ

DSI จับมือกรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งดำเนินคดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ และเอาผิดผู้บุกรุกครอบครองที่ดินสหกรณ์นิคมคลองท่อมและนิคมอ่าวลึกโดยมิชอบ

วานนี้ (วันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2566) ร้อยตำรวจเอก ปิยะ  รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายประวัติ  แดงบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินการคดีพิเศษที่ 56/2566 กรณี ทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ขณะที่ร้อยตำรวจเอก ชาญณรงค์  ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและคณะ กำลังสอบสวนบันทึกปากคำพยานปากสำคัญ ณ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่  

อีกทั้งยังได้เดินทางไปรับทราบข้อมูล ประชุมหารือแนวทางในการดำเนินคดีร่วมกัน ซึ่งขณะนี้มีจำนวน 3 คดีด้วยกัน ได้แก่

1. คดีทุจริตชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้ามากแล้ว  
2. คดีทุจริตที่ดินในนิคมคลองท่อม ขณะนี้ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการรับรองเอกสารมิชอบเพื่อออกโฉนดที่ดินในนิคมคลองท่อม จำนวน 313 แปลง
3. คดีบุกรุกครอบครองพื้นที่นิคมสหกรณ์อ่าวลึก 796 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานการอนุญาตให้ใช้ที่ดินที่ได้สิ้นสุดแล้วแต่ผู้รับอนุญาตเดิมยังคงครอบครองทำประโยชน์ และมีผู้เข้าครอบครองใหม่ 35 ราย เข้าทำการแย่งสิทธิต่อกัน โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะสืบสวนสอบสวนเอาผิดกับผู้กระทำความผิดทุกรายอย่างเป็นธรรม หลังจากที่ดำเนินคดีแล้วจะส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์นำไปบริหารจัดการตามหน้าที่และอำนาจของกรมส่งเสริมสหกรณ์ต่อไป

‘สืบนครบาล’ บุกคอนโดหรูย่านเพลินจิต รวบ ‘ไฮโซโจ’  ‘บุกรุก-ข่มขืน-ข่มขู่’ เหยื่อสาวคิดสั้นกระโดดตึก 4 ชั้นสาหัส

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค. 67) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น., ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว., ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว. กก.1 บก.สส.บช.น., ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว. ฝอ บก.สส.บช.น., ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว., ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว., ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์ รอง สว. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวชิรวิชญ์ ศิริโชควณิชย์ หรือโจ เจ้าของแบรด์ขนมกล้วยชื่อดัง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 448/34 ถ.ช่องนนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.277/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค. 67 ข้อหา ‘ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน’

จับกุมตัวได้ที่ คอนโดหรูย่าน ซ.นายเลิศ ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพ พฤติการณ์กล่าวคือ นางสาวเอ (นามสมมติ) กับร่างไร้สติในห้อง ICU ที่อาการครึ่งเป็นครึ่งตาย จากการตัดสินใจกระโดดตึกจากชั้น 4 เพื่อหวังจะลาโลกใบนี้ หลังจากที่ต้องทุกข์ทรมานดำดิ่งอยู่กับภาพจำที่สุดเลวร้ายจากการถูก ‘ไฮโซโจ’ ย่ำยีพร้อมคำพูดที่ยังตามหลอกหลอนเธอว่า “กูจะ ย จนมึงตาย” ไม่สามารถสลัดออกจากจิตใจของเธอได้กว่า 4 วัน 

เรื่องราวที่สุดแสนรันทดหดหู่เกิดขึ้นที่ย่านสีลม กรุงเทพฯ โดยผู้เคราะห์ร้าย พักอยู่ที่บ้านพักละแวกสีลมและดำเนินชีวิตโดยปกติของเธอ และมีไฮโซโจนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดัง และขยายกิจการมาเปิดร้านขายกัญชาอยู่ข้าง ๆ บ้านที่เธอพักอาศัย เรื่องเลวร้ายได้เกิดขึ้นตอนย่ำรุ่งของวันที่ 13 มี.ค. 67 เมื่อไฮโซโจตกอยู่ในอาการมึนเมาในร้านขายกัญชาของตัวเอง ก่อนจะบุกเข้าไปในบ้านและเข้าไปในห้องนางสาว เอ ที่นอนอยู่ 

จากนั้นได้ลงมือล่วงละเมิดเธอพร้อมตะคอกใส่หูเธออย่างโรคจิตว่า “กูจะ…จนมึงตาย” พยายามดิ้นต่อสู้แต่ไม่สามารถสู้แรงได้ จนเธอสลบไปตอนไหนไม่รู้ เมื่อเธอได้สติตื่นมาก็พบว่าไฮโซโจยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกับเธอ เธอรวบรวมสติก่อนจะหลบหนีออกจากบ้านอย่างสุดชีวิต มุ่งหน้าไปที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อแจ้งความในทันที เธอเดินขึ้นโรงพักด้วยท่าทีหวาดระแวงสุดขีด อาการเนื้อตัวสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดทำให้ ร.ต.อ.หญิง วิรัญชนา แพงคำ ผู้เป็นร้อยเวรที่รับแจ้งต้องพาเธอเข้าห้องเย็น ก่อนจะเกลี้ยกล่อมเธอด้วยการเปิดเพลงให้ฟัง ชวนคุยเรื่องผู้หญิงกว่าหลายชั่วโมงจนเธอยอมเปิดใจและบรรยายเหตุการณ์พร้อมใบหน้านองน้ำตากว่า 6 ชั่วโมงในการสอบปากคำ มันหดหู่ใจจนทำให้ตำรวจหญิงผู้สอบปากคำเธอถึงกับร้องไห้ตามเธอไปด้วย 

กระทั่งวันที่ 17 มี.ค. 67 เธอตัดสินใจกระโดดลงจากชั้น 4 เพื่อฆ่าตัวตาย ขณะเธอตกลงมาถึงชั้น 3 ร่างของเธอได้กระแทกเข้ากับระเบียงทำให้แรงกระแทกจากการตกลงมานั้นลดลง ทำให้เธอยังไม่เสียชีวิต แต่ก็อยู่ในอาการโคม่าครึ่งเป็นครึ่งตาย มันต้องขนาดไหนถึงทำให้หญิงสาววัย 29 ปี รายนี้ต้องถึงกับฆ่าตัวตาย

เรื่องนี้ถึงหูของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช. ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนคดีนี้ทันที ซึ่งต่อมาศาลอาญากรุงเทพใต้ได้ออกหมายจับไฮโซโจ หรือ นายวชิรวิชญ์ นักธุรกิจเจ้าของแบรด์ขนมกล้วยชื่อดัง และเป็นตระกูลของนักธุรกิตชื่อดัง หลังลงพื้นที่สืบสวน พล.ต.ต.ธีรเดช ได้สืบทราบว่าไฮโซโจนี้พักอาศัยอยู่กับแฟนสาวในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านเพลินจิต จึงนำกำลังไปซุ่มโปร่งรอจับกุม และสามารถจับกุมได้ที่ล็อบบี้ของคอนโด ขณะกลับมาจากทานข้าวเที่ยงโดยขณะจับกุมไฮโซโจมีท่าทีขัดขืนเจ้าหน้าที่จึงเกิดการปะทะคารมกันเล็กน้อย ก่อนจะยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมตัว

ในชั้นจับกุม นายวชิรวิชญ์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดังที่ส่งออกขายทั่วโลก และยังเป็นทายาทนักธุรกิจ จบการศึกษาจากต่างประเทศ ส่วนทางคดียืนยันไม่ได้ข่มขืนเพราะผู้เสียหายยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเอง ส่วนแฟนสาวที่คบอยู่ปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีโลกใบที่ 3 พึ่งจะมาทราบวันนี้” หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะมีความขัดแย้งกับคำให้การและพยานหลักฐานหลายประเด็น ต้องชื่นชมที่พนักงานสอบสวนหญิงสามารถเกลี้ยกล่อมและบันทึกปากคำหญิงผู้เสียหายไว้ได้ตั้งแต่แรก ซึ่งนี้คือพยานหลักฐานที่สำคัญมาก เพราะในตอนนี้ตัวของผู้เสียหายที่ตกจากตึกชั้น 4 นั้นสภาพร่างกายยังไม่สามารถมาให้การหรือต่อสู้ใด ๆ ทางคดีได้ ซึ่งหลังจากนี้เราจะขยายผลให้ถึงที่สุดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ ‘สืบนครบาล IDMB’ เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพราะแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top