Monday, 20 May 2024
บึงกาฬ

บึงกาฬ - ยกระดับอาหารพื้นถิ่นเสริมทัพรับท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 1 เม.ย.ที่พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต บ้านขี้เหล็กใหญ่ ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย  จังหวัดบึงกาฬ นายวิสูตร ดวงสิมา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ ได้เปิดโครงการยกระดับอาหารพื้นถิ่นเสริมทัพรับท่องเที่ยวภายใต้ โครงการพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้สนับสนุนการท่องเที่ยว  กิจกรรมส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ฟื้นฟู วัฒนธรรมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดบึงกาฬ  มีผู้เข้าร่วมการอบรม เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 42 คน วิทยากรอบรมให้ความรู้โดยนายสุทธิพงษ์  สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ชั้นนำในวงการศิลปะและอาหารระดับโลก

นายวิสูตร ดวงสิมา วัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าการฝึกอบรมครั้งนี้เป็นการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2564 ภายใต้โครงการพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้สนับสนุนการท่องเที่ยว กิจกรรม ส่งเสริม สนับสนุน อนุรักษ์ฟื้นฟู วัฒนธรรมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดบึงกาฬ ในการจัดอบรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการประกอบอาหารพื้นบ้าน การจัดประดับตกแต่งสำรับอาหารพื้นบ้าน ให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ในจังหวัดบึงกาฬ สามารถเสริมสร้างมูลค่าจากทุนทางวัฒนธรรมด้านอาหาร ยกระดับอาหารพื้นถิ่นเพื่อการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนในโอกาสเทศกาลวันสงกรานต์ใกล้จะมาถึงนี้ และในโอกาสต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือนในพื้นจะได้ลิ้มรสความอร่อย ถูกปาก สวยงาม เกิดความประทับใจและกลับมาเที่ยวอีกครั้ง สามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดบึงกาฬ

ด้านนายธนวณิช ชัยชนะ นายกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ทางสภาอุตสาหกรรมจังหวัดบึงกาฬมีนโยบายที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับอุตสาหกรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดบึงกาฬ ถ้าหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น แพ็คเกจจิ้งก็ดี การผลิตก็ดี หรือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาคุณภาพ ทัดเทียมต่างชาติ หรือการถนอมอาหารให้สามรถเก็บไว้ได้นาน เพื่อเป็นของฝากให้นักท่องเที่ยวนำกลับไปได้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

บึงกาฬ - กกล.สุรศักดิ์ฯบูรณาการ ไล่จับเรือบรรทุกยาเสพติดหนีพลิกคว่ำกลางโขง

กองกำลังสุรศุกดิ์มนตรี บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13) โดย ร้อย.ฉก.ทพ.2106 ฉก.ทพ.21 ร่วมกับหลายฝ่ายดักซุ่มริมน้ำโขงพบเรือต้องสงสัย 2 ลำติดเครื่องยนต์วิ่งข้ามน้ำโขงมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเข้ามาจอดริมตลิ่งฝั่งไทย จึงได้ส่งสัญญาเพื่อตรวจค้น แต่เรือทั้ง 2 ลำได้รีบขับแล่นหนีจะข้ามน้ำโขงกลับไป เรือลำหนึ่งได้เฉียวชนกับโขดหินที่น้ำโขงกำลังลดมาก ทำให้เรือพลิกคว่ำสิ่งของในเรือกระจายไหลตามน้ำไป รุ่งเช้า จนท.ออกเคลี่ยร์พื้นที่พบยาเสพติดทั้งยาบ้าและไอซ์จำนวนมาก

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 เม.ย.ที่หน้าศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายวราดิศร อ่อนนุช ปลัดจังหวัดบึงกาฬ ร่วมกับ พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่13 และรองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬ พ.ต.อ.ดาบทอง อุภัยพรม ผกก.สภ.ปากคาด พ.ต.อ.วิชยานนท์ นิติกุล ผกก.สภ.เมืองบึงกาฬ หน่วยเรือ นรข.บึงกาฬ  ฝ่ายปกครองอำเภอบึงกาฬและปากคาด แถลงผลการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ได้ จำนวน 1,345,540 เม็ด และยาไอซ์ 62 กิโลกรัม รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 122,643,200 บาท หลังทหาร ตำรวจ นรข.และฝ่ายปกครอง ร่วมกันตรวจยึดได้ริมแม่น้ำโขงในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ

ทั้งนี้จากการสืบทราบของ พ.อ.มงคล ห่อทอง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่13 และรองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 2 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดข้ามน้ำโขงเข้ามาส่งมอบให้กับกลุ่มผู้ค้าชาวไทยจำนวนมาก ที่บริเวณริมน้ำโขงบ้านเวินโดน หมู่ 8 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ หลังจากทางภาคเหนือมีการสู้รบกันระหว่างทหารพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ทำให้การขนย้ายยาเสพติดเข้าไทยยากลำบาก จึงหันมาทะลักส่งเข้าไทยทางภาคอีสาน ดังนั้น ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงต่อ กกล.สุรศักดิ์มนตรี เฝ้าระวังตรวจเข้มตามแนวชายแดนริมน้ำโขง กระทั่งเวลาประมาณ 04.30 น.เช้านี้ ร.ท.บุญทัน นกกระโทก ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2106 หน่วยเฉพาะกิจ ทพ.21 ได้บูรณาการร่วมกับ หน่วยเรือ นรช.รัตนวาปีและ นรข.บึงกาฬ ตร.ชุดสืบสวน สภ.ปากคาด ตร.กก.สืบสวน ภ.จว.บีงกาฬ ชุดสืบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ตชด.244 บึงกาฬ และปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอปากคาดและอำเภอบึงกาฬ ร่วมกันลาดตระเวนทั้งบนบกและในแม่น้ำโขง เวลาดังกล่าวขณะชุดลาดตระเวนในน้ำโขงสังเกตเห็นเรือหาปลาติดเครื่องยนต์ 2 ลำแล่นข้ามน้ำโขงมาจอดใกล้ริมตลิ่ง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น คนขับเรือพร้อมผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกันประมาณลำละ 3 คน เห็นท่าไม่ดีจึงได้ขับเรือเร่งเครื่องยนต์หลบหนีอย่างรวดเร็วทันที แต่เรือ 1 ใน 2 ลำเกิดแล่นพลาดท่าไปชนโขดหินห่างออกไป 150 เมตรซึ่งน้ำโขงเริ่มลดลงทุกวัน ทำให้เรือพลิกคว่ำทั้งคนและสิ่งของตกน้ำไปด้วย แต่เรืออีกลำคนขับก็แล่นวนกลับมารับเพื่อนขึ้นเรือกลับไปด้วย แต่ จนท.ก็ไม่กล้าเสี่ยงเข้าเคลียร์พื้นที่ เนื่องจากยังมืดค่ำอยู่เกรงจะได้รับอันตราย

และเช้าวันนี้ได้ร่วมกันออกลาดตะเวนตามลำแม่น้ำโขง พบกระสอบปุ๋ยสีขาวขนาดใหญ่จำนวน 2 กระสอบ ลอยเข้ามาติดริมฝั่งโขง ในพื้นที่บ้านเวินโดน ต.ปากคาด อ.ปากคาด เป็นยาบ้า 570,000 เม็ดและไอซ์ 62 กิโลกรัม ที่บ้านต้าย ต.นากั้ง อ.ปากคาด  1 กระสอบและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พบอีก 1 กระสอบที่บริเวณลำน้ำโขง ปากห้วยหนองมุม บ้านท่าสุขสันต์ ต.ปากคาด นับยาบ้าได้ 380,000 เม็ด ค่าสุดตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด สภ.เมืองบึงกาฬ ฝ่ายปกครองมีกำนันตำบลไคสี หมู่ที่ 2 ต.ไคสี อ.เมืองบึงกาฬ พบกระสอบปุ๋ยลอยมาติดอยู่บริเวณริมน้ำโขง ปากห้วยผาคาง อีก 1 กระสอบยาบ้า 391,540 เม็ด

ช่วงหัวค่ำก่อนหน้านี้ น.ต.วชิรวิทย์ ใจสัตย์ หน.สน.เรือบึงกาฬ ร่วมกับพวกออกลาดตระเวนบนถนสาย 212 บึงกาฬ-ปากคาด พบชายต้องสงสัยขี่รถมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อ ฮอนด้าโซนิค ทะเบียน 1 กฉ 1166 สุพรรณบุรี ขี่รถจอดอยู่บริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 105  ท้องที่บ้านโนนยาง  ต..หอคำ  อ.เมืองบึงกาฬ  จึงยึดรถเพื่อสอบถาม แต่ชายคนดังกล่าวได้ทิ้งรถ จยย.วิ่งหลบหนีฝ่าความมืดไปได้ เข้าตรวจสอบพบยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ดวางอยู่ข้างหลักกิโลเมตรจึงทำการตรวจยึด จึงรวมกันนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน รวมของกลางยาบ้า 4 รายการ จำนวน 1,345,540 เม็ด มูลค่า 107,643,200 บาท และไอซ์ 62 กิโลกรัม มูลค่า 15,000,000 บาท รวมมูลค่าของกลางทั้งสิ้น 122,643,200 บาท นำของกลางส่ง พงส.สภ.ปากคาดและสภ.บึงกาฬ สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

บึงกาฬ - หน่วยเรือ นรข.ยึดไอซ์กลางน้ำโขง 36 กก.มูลค่า 10 ล้าน

เมื่อเวลา 07.30 น วันที่ 8 เม.ย.จากการสืบทราบของ นาวาเอกราฆพ เทวะประทีป ผบ.นรข.เขตหนองคาย ว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อส่งมอบให้กับพ่อค้าชาวไทยบริเวณริมโขงบ้านท่าไคร้ หมู่ที่ 5 ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จึงได้สนธิกำลังกับ พ.ต.อ.สุกฤษณ์ ข้อร่วมคิด ผกก.สืบสวน ภ.จว เมืองกาฬ พ.ต.อ.เอกนรินทร์ สุวรรณทา.ผกก ตม.บึงกาฬ พ.ต.ต.นิคสัน ดียา รอง สว.สส.สภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ท.พลสันต์ คมขาวผบ ร้อย ตชด.244.ร.ต.อ.ทองจันทร์ หิรัญวร รอง สว.(ป.)ตำรวจน้ำบึงกาฬ นายพงษ์ชัย ศิลปะอาชา นายด่านศุลกากรบึงกาฬ นายสมบัติ ฆ้อนทอง ผอ.ส่วนควบคุมทางศุลกากร และนายภูมินทร์ ศรีโฉม ปลัดป้องกันอำเภอเมืองบึงกาฬ นำกำลังอาสาร่วมวางแผนจับกุม

ขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนได้ลาดตระเวนทางบก ที่แม่น้ำโขงมี น.ต.วชิรวิชญ์ ใจสัตว์ หัวหน้าสถานีเรือบึงกาฬ ร.ท.ประพนธ์ สิวะกุล ประจำ บก.สน.เรือบึงกาฬ ร.ต.ศกุนต์ พรมเจริญ ผค.เรือ 179 และร.ต.สัญญา จันจี ผค.เรือ ล.111 ขับเรือลาดตระเวนไปถึงกลางน้ำโขงได้เห็นชายต้องสงสัยท่าทางมีพิรุธลุกลี้ลุกลนกำลังเก็บตาข่ายดักปลากลางลำน้ำโขงอย่างรีบเร่ง จึงได้ขับเรือไปใกล้พร้อมเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น แต่ชายคนดังกล่าวเกิดความตกใจจึงพายเรือขวางลำน้ำโขง ที่ไหลเชี่ยวเพื่อหันหัวเรือกลับข้ามไปเส้นเขตแดน สปป.ลาว ทำให้เรือพลิกตะแคงคว่ำ สิ่งของในเรือจึงกระจายไหลไปตามน้ำมีทั้งเป็นกระสอบปานสีขาวและถุงเล็ก 6 ถุง พร้อมกับพยุงเรือที่พลิกตะแคงข้ามเขตแดนไทย-ลาว ด้วยความชำนาญ และรอดไปได้อย่างปลอดภัย

จากนั้นเจ้าหน้าจึงตามไปเก็บกระสอบสีขาว 1 ใบและกล่องวัสดุที่ไหลไปกับน้ำด้วย 6 กล่อง นำมาตรวจเช็คที่สถานีเรือบึงกาฬ พบว่าเป็นยาเสพติดประเภท 1 คือไอซ์จำนวน 36 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทจึงได้นำมาจัดแถลงพร้อมกับส่งของกลางดังกล่าวให้ พงส.สภ.เมืองบึงกาฬเพื่อติดตามหาตัวเจ้าของมาดำเนินคดีต่อไป


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์

บึงกาฬ – อ่วมหนัก หาดคำสมบูรณ์เจอพิษโควิด-19 ยังไม่พอ พายุพัดกระหน่ำอีกรอบ

หาดคำสมบูรณ์เป็นหาดทรายเทียมตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ หรือ Ramsar Site อันดับที่ 1098 เป็นแหล่งท่องเที่ยวท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดบึงกาฬ ที่ นทท.มักพาบุตรหลานลงเล่นน้ำคลายร้อน นอกจากทะเลน้ำจืดกว้างขวางมีคลื่นลมซัด มีอุปกรณ์เล่นน้ำให้เช่า เช่นหวงยาง เรือบานานาโบ๊ต อีกมากมายหลายอย่าง เมื่อเดือนที่แล้วเจอพิษโควิดเล่นงานจนเงียบเหงา แต่เมื่อบ่ายวันนี้เจอพิษพายุฤดูร้อนเล่นงานจนร้านรวงพังเสียหาย นอกจากนี้ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ของจังหวัดบึงกาฬก็โดนพิษพายุไปด้วย

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 นวันที่ 27 เม.ย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในหลายอำเภอ ของพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จึงทำให้มีต้นไม้ และบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เช่น ที่บริเวณหาดคำสมบูรณ์ ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ถูกลมพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำทำให้เพิงพักร้านค้า ที่ทำเป็นลักษณะเพิงหมาแหงน ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว ได้รับความเสียหายหลายหลัง โดยมีร้านที่เสียหายมากที่สุด คือร้านครัวมิวสิค หลังคาที่มุงด้วยอะลูซิงค์ ถูกลมพัดหายไปทั้งหลัง ความเสียหายประมาณ 50,000 บาท ร้านเอ๋ปลาเผาความเสียหายอยู่ที่ 30,000 บาท และร้านน้องอิงปลาเผา ความเสียหายอยู่ประมาณ 10,000 บาท 

เช่นเดียวกับในเขตพื้นที่ บ้านศรีอำนวยพร ม.8 ต.ท่ากกแดง อ.เซกา มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหายจากพายุจำนวน 4 ครัวเรือน ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง ในเบื้องต้นนางดารณี ไกรทัศน์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 พร้อมด้วย ผู้ช่วย ส.อบต. ชาวบ้าน มูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์  และเจ้าหน้าที่ อบต. เข้าช่วยตัดต้นไม้ที่หักทับชายคาเป็นที่เรียบร้อย พร้อมแจ้งไปยัง อบต.เพื่อให้ช่างได้มาดำเนินการประมาณการความเสียหาย 

ส่วนที่ในพื้นที่ตำบลนาสวรรค์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ก็ได้รับความเสียหายจากพายุเช่นกัน โดยที่บ้านของนายประยงค์ จิตนาม บ้านเลขที่ 355 ม.1 ต.นาสวรรค์ มีผู้อาศัยอยู่ด้วยกัน 3 คน ถูกแรงลมพัดเอาหลังคาบ้านที่มุงด้วยอะลูซิงค์ ปลิวลอยไปตกกลางท้องนา เสียหายทั้งหลัง มีเสา 3 ต้น ไม้แปลและไม้จันทันยาว 8 เมตร รวม 13 ตัว สังกะสียาว 12 ฟุต จำนวน 12 แผ่น อลูซิ่งยาว 8 เมตร จำนวน 11 แผ่น คิดรวมประเมินค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท และบ้านนายจันทร์ศรี รักโคตร บ้านเดียวกัน เสียหายบางส่วน กระเบื้องจำนวน 14 แผ่น เบื้องต้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสำรวจเพื่อเข้าช่วยเหลือต่อไป 


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

บึงกาฬ – ช้างป่าลงจากเขามาหากิน ตื่นคนเก็บเห็ด !! ต่างฝ่ายต่างวิ่งหนีคนล้มซี่โครงหัก เสียชีวิต

ช้างป่าภูวัวที่มีอยู่ประมาณ 50 ตัว เมื่อด้านบนภูอาหารเช่นหญ้าและไผ่หมด จึงลงมาจากภูเขาออกหากินหญ้าและน้ำด้านล่าง แยกกันเป็นโขลงๆ ละ 10-15 ตัวบ้าง เพื่อความอยู่รอดของโขลงข้าง เมื่อช้างหนุ่มแยกเดี่ยวหากินลำพังมาเจอชาวบ้านที่ออกหาเก็บเห็ดป่าตามชายป่าเชิงเข้า เกิดตื่นตกใจทั้งช้างและคนวิ่งหนีกระเจิงจนล้มลงซี่โครงหักดับอนาถ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 4 พ.ค.พ.ต.ท.สุริยา แน่นอุพำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บุ่งคล้า อ.บุ้งคล้า จ.บึงกาฬ รับแจ้งเหตุจาก นายอิทธิชัย พรมพุทธ ผญบ.หมู่ 4 มีชาวบ้านนาจาน ต.บุ่งคล้า ออกหาเก็บเห็ดป่าแล้วถูกช้างป่าที่ลงมาหากินด้านล่างทำร้ายจนเสียชีวิต 1 ราย จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยสว่างศรีวิไล จุดบุ่งคล้าจุดศรีวิไล จุดบริการโสกก่าม เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์ป่าภูวัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ออกไปยังที่รับแจ้ง ที่เกิดเหตุเป็นป่าเชิงเขาใกล้สวนยางพาราและร่องน้ำลึกประมาณ 3 เมตรที่ทำขึ้นเพื่อป้องกันช้างป่าข้ามเขตออกมาทำลายและกัดกินพืชสวนของชาวบ้าน เช่นนาข้าว และสวนยางพารา พบร่างผู้เสียชีวิตสภาพร่างนอนหงายสวมใส่เสื้อยืดกีฬาแขนสั้นลายทาง กางเกงขาวยาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลถูกช้างป่าทำร้ายที่ซี่โครงด้านขวาหัก 4 ซี่ ตามร่างกายส่วนอื่นไม่มีบาดแผลและฟกช้ำแต่อย่างใด ทราบชื่อต่อมาว่า นายนันทะ เชื้อคำจันทร์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141 หมู่ที่ 4 บ้านนาจาน ต.บุ่งคล้า 

สอบสวนชาวบ้านที่ไปเก็บเห็ดด้วยกัน ทราบว่านายนันทะ กับพวกได้ออกจากบ้านมาแต่เช้า เพื่อมาเก็บเห็ดป่าที่กำลังผุดอกขึ้นมาภายหลังฝนตกใหม่ เมื่อถึงป่าได้แยกย้ายกันไปคนละทิศละทางเพื่อหาเห็ด ขณะนั้นได้ยินเสียงร้องของนายนันทะว่า “ช้าง ๆ “ จากนั้นก็เสียงเงียบไป เมื่อเหตุการณ์ปกติเพื่อนที่ไปหาเห็ดจึงชวนกันเดินหาตามเสียงร้อง จึงพบร่างที่ไร้วิญญาณของนายนันทะ ซึงเจ้าหน้าที่คาดว่าระหว่างเดินหาเก็บเห็ดป่าอยู่นั้น ผู้เสียชีวิตคงเจอช้างที่ออกมาหากินเพียงลำพัง ช้างจึงตื่นตกใจวิ่งผ่านเบียดร่างจนกระเด็นทำให้ชี่โครงหักทิ่มปอด แต่ยังไม่เสียชีวิตทันทีและทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงดับอนาถภายหลัง จากนั้นหน่วยกู้ภัยจึงนำร่างออกจากป่ามาให้ นพ.ณรงค์วรรษ พรหมสาขา ณ นคร แพทย์เวร รพ.บุ่งคล้า ชันสูตรตามระเบียบต่อไป ส่วนญาติไม่ติดใจจึงมอบร่างไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

ด้านนายวิษณุ กุมภาว์ หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว กล่าวว่า เนื่องจากผู้เสียชีวิตได้ออกเก็บเห็ดป่าใกล้กับแนวเขตป้องกันช้างป่าออกมาหากินด้านนอก ขณะก้มหน้าก้มตาเขี่ยหาดอกเห็ดใต้ใบไม้ ไม่รู้ว่ามีช้างป่าที่แยกเดียวจากฝูงมาหากินยืนอยู่ด้านหน้า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงตกใจร้องเสียงหลงว่า”ช้าง”ทำให้ช้างก็ตื่นคนและคนก็ตื่นช้างต่างวิ่งหนี จนหกล้มซี่โครงด้านขวาหัก 4 ซี่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยกลัวช้างเข้าทำร้าย จึงรอจนปลอดภัยแต่นายนันทะทนพิษบาดแผลไม่ไหวจึงเสียชีวิตดับอนาถดังกล่าว


ภาพ/ข่าว เกรียงไกร พรมจันทร์

บึงกาฬ – อากาศร้อนอบอ้าว เห็ดระโงกผุดขึ้นใต้ต้นยางนา ชาวบ้านพากันเก็บขายกิโลละ 300 บาท

ฝนไม่ตกมาหลายวันประกอบกับอากาศร้อนอบอ้าว เห็ดระโงกทั้งสีขาวและเหลืองผุดขึ้นมาจากดิน ชาวบ้านเก็บไปทำอาหารเหลือก็ขายกิโลกรัมละ 300 บาทสร้างรายได้ช่วงโควิดระบาด

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 9 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านคำสมบูรณ์ หมู่ที่ 3 ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬว่า  ชาวบ้านหาดคำสมบูรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากภัยไวรัสโควิด 19 หลังจากมีนักท่องเที่ยวพาลูกหลานมาเล่นน้ำคลายร้อน กลับไปทำงานแล้วมีไทม์ไลน์บอกว่ามาเที่ยวหาดคำสมบูรณ์ ทำเอานักท่องเที่ยวคนอื่นไม่กล้ามาที่นี่อีก ทำให้ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องเล่นต่าง ๆ ในน้ำต่างซบเซา และกำลังฟื้นตัวดีขึ้น

แต่ชาวบ้านอีกมุมหนึ่งซึ่งเป็นชาวสวนยางพารา หลังกรีดยางเสร็จก็จะพากันออกไปเก็บเห็ด ที่เกิดขึ้นตามป่าธรรมชาติ หรือที่ขึ้นตามใต้ต้นยางนาและต้นก่อ หรือเกาลักไทยที่ปลูกไว้ เนื่องจากหลายวันมาแล้วฟ้าฝนไม่ตกลงมาเลย อากาศจึงร้อนอบอ้าวทำให้พื้นดินร้อนไปด้วย จึงเป็นเหตุให้เห็ดหลายชนิดผุดขึ้นจากดิน โดยเฉพาะเห็ดระโงกเหลืองและเห็ดระโงกขาว ชาวบ้านจึงเก็บไปทำอาหารส่วนที่เหลือก็นำไปขายกิโลกรัมละ 300 บาท สร้างรายได้ให้กับครอบครัวในช่วงโควิดระบาดหนักรอบ 3 ซึ่งพอถึงฤดูฝนเห็ดก็จะเกิดขึ้นมาให้เก็บแบบนี้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม สภาพพื้นดินที่เป็นดินทรายปนดินเหนียวจะเป็นสภาพดินที่เหมาะกับเห็ดระโงกเป็นอย่างดี

น.ส มธุศร พันธุ์สุวรรรณ์ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 129 หมู่ที่ 3 ต.บึงโขงหลง กล่าวว่าเมื่อก่อนเป็นลูกจ้างบริษัทเอกชนอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี 62 ได้กลับมาอยู่บ้าน ช่วยพ่อทำการเกษตร เช่น เพาะต้นยางนาผสมเชื้อเห็ดขาย พร้อมกับปลูกต้นยางนาไว้ตามหัวไร่ปลายนาและที่ว่างเปล่าภายในสวนของตัวเอง เนื้อที่ประมาณ 2 งาน มีทั้งต้นยางนาและต้นก่อ โดยไม่ต้องหว่านหัวเชื้อ ปลูกไว้ 2-3 ปีก็ได้เก็บผลผลิตซึ่งเป็นเห็ดระโงกผุดขึ้นมาตามพื้นดิน ออกดอกมีทั้งแบบตูมคือออกมาใหม่ แต่พอสายๆ เห็ดก็จะบาน ก็เก็บเอามาจำหน่ายให้กับชาวบ้านที่ต้องการบริโภค ในราคากิโลกรัมละ 300 บาท วันหนึ่งๆ เห็ดก็จะออกอยู่ประมาณ 3-4 กิโลกรัม สร้างรายได้ให้กับครอบครัววันละ 1 พันกว่าบาทแบ่งเบาภาระช่วงโควิด-19 ซึ่งก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และคนในหมู่บ้านคำสมบูรณ์จะนิยมปลูกต้นยางนาไว้ขายเห็ดระโงก ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ 10 กว่ารายแล้ว


ภาพ/ข่าว เกรียงไกร  พรมจันทร์

บึงกาฬ - มท.2 มอบหน้ากาก 1.4 ล้านชิ้น ให้ทุกครอบครัวป้องกันโควิด-19

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 ก.ค. ที่บริเวณโถงด้านหน้าศาลากลาง จ.บึงกาฬ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เดินทางมาเป็นผู้แทนในการมอบหน้ากากอนามัยให้กับจังหวัดบึงกาฬ จำนวน 1,400,000 ชิ้น โดยมีนายอำเภอทุกอำเภอเป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อส่งมอบต่อให้กับประชาชนในพื้นที่ทุกครัวเรือน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบน้ำใจ และความปรารถนาดีให้ชาวบึงกาฬได้สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีนายสนิท ขาวสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นสักขีพยาน

นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวว่า สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จ.บึงกาฬ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ควบคุมดูแลได้ มีผู้ติดเชื้อเข้ามาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อคนไม่สบายใจเกิดเจ็บไข้ขึ้นมา ตามปกติก็ต้องการกลับไปรักษาตัวที่บ้าน จึงไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร ทางจังหวัดบึงกาฬก็มีความพร้อมอยู่แล้วที่จะรองรับพี่น้องของเราซึ่งต้องการจะกลับมารักษาตัวที่บ้าน พร้อมจะเป็นกำลังใจให้กันและกัน แต่ก็ต้องขอความร่วมมือว่า ผู้ที่จะกลับมาก็ต้องแจ้งให้กับผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้ทราบก่อน เป็นข้อมูลว่ามีใครบ้างที่เข้าออกในพื้นที่ เพื่อใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค สำหรับหน้ากากอนามัยที่ได้นำมามอบให้กับพี่น้องชาวบึงกาฬในวันนี้ ตนได้แจ้งข่าวกับเพื่อนและคนที่รู้จักว่าต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบความห่วงใยและความปรารถนาดีให้แก่ชาวจังหวัดบึงกาฬทุกคน เป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 ซึ่งเมื่อทุกคนทราบข่าวก็ต้องการร่วมในธารน้ำใจนี้ จึงเกิดเป็นการส่งมอบหน้ากากอนามัยจำนวน 1,400,000 ชิ้นให้กับชาว จ.บึงกาฬ

สำหรับหน้ากากอนามัยจำนวน 1,400,000 ชิ้น จะถูกกระจายให้แต่ละอำเภอ ดังนี้ อ.เมืองบึงกาฬ 340,000 ชิ้น/ อ.พรเจริญ 140,000 ชิ้น/ อ.โซ่พิสัย 230,000 ชิ้น/ อ.เซกา 285,000 ชิ้น/ อ.ปากคาด 120,000 ชิ้น/ อ.บึงโขงหลง 115,000 ชิ้น/ อ.ศรีวิไล 125,000 ชิ้น และอ.บุ่งคล้า 45,000 ชิ้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) ยังได้กล่าวให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่กำลังทำงานอย่างหนักกับภารกิจควบคุมโรค และประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งการที่คนไทยเรามีน้ำใจให้แก่กัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร พรมจันทร์ / บึงกาฬ

บึงกาฬ - ผู้ว่าเปิด รพ.สนามแห่งที่ 2 เหตุผู้ป่วยล้นเตียง การระบาดโควิด-19 ทำให้เลื่อนสอบครูผู้ช่วยแบบไม่มีกำหนด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.ค.ที่หอประชุมจังหวัดบึงกาฬ ภายในศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด ผวจ.บึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศรีวิไลช์ รอง ผวจ. นางแว่นฟ้า ทองศรี นายก อบจ.บึงกาฬ นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์ สสจ.บึงกาฬ นพ.กมล แซ่ปึง ผอ.รพ.บึงกาฬ ร่วมกันเปิดโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ภายหลังในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนร่วมกันบริจาคเงินจัดซื้ออุปกรณ์จัดตั้ง รพ.สนาม ในครั้งนี้ร่วมเป็นสักขีพยาน

นพ.ภมร ดรุณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามจังหวัดบึงกาฬ แห่งที่ 2 ในพื้นที่อำเภอเมืองบึงกาฬ ในครั้งนี้เพื่อรองรับสถานการณ์การติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยภาพรวมทั้งประเทศและจังหวัดบึงกาฬมีแนวโน้มผู้ป่วยโควิด-19 สูงขึ้น ซึ่งจังหวัดบึงกาฬ มีผู้ป่วยสะสม 189 ราย รักษาหาย 65 ราย เสียชีวิต 1ราย กำลังรักษา 123 ราย ผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 11 ราย มีผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษา 142 ราย ซึ่งโรงพยาบาลในจังหวัดบึงกาฬ มีเตียงรองรับผู้ป่วย 262 เตียง และมีแนวโน้มที่เตียงรับผู้ป่วยจะไม่เพียงพอ แม้ว่าโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดบึงกาฬจะขยายเตียงเพื่อรองรับแล้วก็ตาม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการ โดยโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 นี้ จะรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้เบื้องต้นจำนวน 100 เตียง และหากมีแนวโน้นผู้ป่วยสูงเพิ่มขึ้น ก็จะขยายโรงพยาบาลสนามแห่งนี้เพิ่มขึ้นได้อีก

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามให้เป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านสุขอนามัย ความสะดวกสบาย มีทั้งอินเตอร์เน็ต ทีวี พัดลม และความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด เพื่อให้มีพื้นที่รับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือมีอาการเล็กน้อย หลังได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลให้อาการดีขึ้น เพื่อรอกลับบ้าน จากนั้น ผวจ.ได้ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบึงกาฬ เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวทาง ศบค. โดยที่ประชุมออกคำสั่งยกระดับมาตรการคุมโควิด-19 มีผล 20 กรกฎาคม 64 นี้  ร้านอาหาร ฯลฯ ให้เปิดดำเนินการตามมาตรการ แต่ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน ขอให้งด หรือชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องกักตัว โดยต้องรายงานตัวต่อผู้ใหญ่บ้าน อสม. หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ ต้องคัดกรองที่สถานีขนส่ง ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มของคนจำนวนมากกว่า 150 คน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากนายอำเภอท้องที่ ฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย บังคับใช้ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ 042 492 046 ต่อ 114 (ในเวลาราชการ) หรือ 061 205 3743 (นอกเวลาราชการ)

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นเหตุให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบึงกาฬ หรือ สพป.บึงกาฬ แจ้งในที่ประชุมเลื่อนการเปิดการสอนแบบเต็มรูป (On Site) ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ค. โดยให้จัดรูปแบบการเรียนการสอนแบบ On Ai/On tine/On hand และ On Demand เพื่อความปลอดภัยของครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มารับส่งบุตรหลาน ส่วนการสอบบรรจุครูผู้ช่วยที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ทางกระทรวงศึกษาก็ขอให้เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทุเลาเบาบางลง


ภาพ/ข่าว  เกรียงไกร  พรมจันทร์ / บึงกาฬ

‘บึงโขงหลง’ ทัวร์ท้องถิ่นวิถีชาวบ้าน ตอบโจทย์ ‘สายกรีน-สายมู’ พาล่องเรือชมธรรมชาติ พร้อมเยือนถ้ำนาคา กราบ ‘พ่อปู่อือลือ’ 

ผืนน้ำกว้างใหญ่ขนาด 13,800 ไร่ ที่ปรากฏเกาะเล็กๆ 3 เกาะ นี่คือเอกลักษณ์ของ ‘บึงโขงหลง’ จังหวัดบึงกาฬ พื้นที่ที่สำคัญทั้งในแง่มุมธรรมชาติทรัพยากร รวมไปถึงความเชื่อและแรงศรัทธา ที่นำพาคนจากทั่วประเทศให้เข้ามาเยี่ยมเยือนตลอดปี

ตลอดริมบึงโขงหลง เราจะพบป้ายทางเข้าท่าเรือที่ตั้งติดๆ กัน บางป้ายโฆษณาแผนการท่องเที่ยวไว้ให้พร้อม ทั้งเรื่องการรับทำพิธีบวงสรวง บายศรี หรือบริการเรือนำเที่ยวครบวงจร

“พื้นที่บึงโขงหลงถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของชาวบ้านที่นี่ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและการประมงด้วย” อาร์ท สุรัก แหลมจันทึก ประชาสัมพันธ์สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวบึงโขงหลง และเจ้าของเพจที่นี่บึงโขงหลง คลุกคลีกับชาวบ้านในพื้นที่และรู้จักเรื่องราวต่างๆ ของบึงโขงหลงเป็นอย่างดี จะนำพาเราท่องเที่ยวในมุมมองที่ลึกมากกว่าเดิม

“ปกติจะมีนักท่องเที่ยวมานั่งเรือข้ามไปเกาะดอนโพธิ์เพื่อไปไหว้ปู่อือลือตลอดครับ ยิ่งวันหยุดคนก็ยิ่งเยอะครับ” คำบอกเล่าของ สิงโต ด.ช.ถนอมชัย เมฆคูณ หลานชายเจ้าของท่าเรือแม่กำนัน ซึ่งจะเป็นลูกทัวร์ไปเที่ยวพร้อมกับเราในวันนี้ด้วย

เริ่มต้นทริปด้วยการนั่งเรือชมธรรมชาติบึงโขงหลง สายตาที่ทอดยาวออกไปพบความเขียวชอุ่มตลอดริมบึง บนผิวน้ำปรากฏกลุ่มบัวแดงชูดอกชมพู เห็นความสดใสยามเช้าแสนสดชื่น มีนกอีโก้งตัวใหญ่ เดินบ้าง วิ่งบ้าง บนพืชน้ำที่แผ่คลุมผิวน้ำเอาไว้ เป็นธรรมชาติที่งดงามจนไม่แปลกใจเลยที่บึงโขงหลงแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำโลกอันดับที่ 1,098 และเป็นอันดับ 2 ของประเทศ

นอกจากธรรมชาติที่พบเจอตลอดทางที่เรือแล่นไป เราจะเห็นวิถีของชาวบ้านที่ออกเรือกู้มอง ใส่กุ้ง เป็นวิถียามเช้าที่หาเลี้ยงปากท้องของชาวบ้านมานานและยังคงดำเนินไปอย่างดี ไร้ปัญหาทรัพยากรเสื่อมโทรม เพราะชาวบ้านรักและดูแลบึงโขงหลงแห่งนี้อย่างดีเสมอมา

หลังจากวนรอบเกาะพบธรรมชาติที่ชวนทึ่งก็จบทริปล่องเรือที่เกาะดอนโพธิ์ เกาะแห่งตำนานเจ้าปู่อือลือที่ชาวบ้านศรัทธาและมีผู้คนจากทั่วไทยหลั่งใหลเข้ามาตลอดไม่เว้นวัน

บางคนนำของบวงสรวงมาไหว้ ทั้งผลไม้หลากสี บายศรียิ่งใหญ่อลังการ รวมไปถึงคณะรำบวงสรวง ซึ่งทำให้เกาะดอนโพธิ์แห่งนี้ทั้งครึกครื้นและมีสีสัน ชวนให้หลงเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก “หลายคนมาบวงสรวงขอให้ธุรกิจสำเร็จ บางคนก็มาบวงสรวงเพราะขอแล้วสำเร็จก็มีครับ” สิงโตเล่าเพิ่ม

“เกาะในบึงโขงหลงทั้ง 3 เกาะ คือดอนโพธิ์ ดอนแก้ว และดอนสวรรค์ เป็นส่วนหนึ่งของตำนานเจ้าปู่อือลือที่เชื่อกันว่าเมื่ออดีตที่เจ้าปู่อือลือเป็นเจ้าเมืองเมืองรัตพานคร มีเรื่องทำให้เกิดการสู้รบกับพญานาคราช พญานาคราชถล่มเมืองรัตพานครจนกลายเป็นบึงโขงหลง ซึ่งเมื่อก่อนพื้นที่นี้เรียกว่าบึงของหลง หมายถึงสมบัติต่างๆ ของเมืองรัตพานครกระจัดกระจายในบึงนี้จนหลง หาไม่เจอ แต่เพี้ยนคำมาเรื่อยๆ กลายเป็นบึงโขงหลงในปัจจุบัน”

“ส่วนเจ้าปู่อือลือถูกพญานาคราชสาปให้เฝ้าบึงโขงหลงแห่งนี้ไว้ ความเชื่อและตำนานนี้จึงเกี่ยวโยงสัมพันธ์กับบึงโขงหลง ทำให้แรงศรัทธาของชาวบ้านค่อนข้างเข้มแข็งและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยือน” อาร์ทประชาสัมพันธ์เรื่องราวบึงโขงหลงอย่างน่าสนใจ

‘อ.เจษฎา’ ท้าพิสูจน์ ‘บั้งไฟพญานาค’ แต่ไม่ต้องวางเดิมพันเงินล้าน พร้อมแนะวิธีล่าความจริงด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ลั่น!! โทรมานัดได้เลย

(1 พ.ย. 66) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Jessada Denduangboripant’ ถึงข้อถกเถียงเรื่อง ‘บั้งไฟพญานาค’ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือ ฝีมือมนุษย์ ดังนี้…

“ผมชอบไอเดียวิธีการพิสูจน์ ‘บั้งไฟพญานาค’ ของเค้านะ แต่ไม่ต้องวางเดิมพันเงินรางวัลอะไรกันหรอกครับ (ผมข้าราชการขั้นผู้น้อย ไม่มีเงินไปวางกับท่านคหบดี บุญมา เค้าด้วย)

แค่ปีหน้า ท้องถิ่นมาช่วยกันจัดพิสูจน์เป็นเรื่องเป็นราว เชิญกองทัพสื่อทุกช่อง และผู้สนใจ ไปตั้งกล้องถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ กันเยอะๆ ดีกว่า

ผมว่า ถ้าไปบึงกาฬอาจจะไม่ค่อยเห็น ก็เลือกเอาที่จุดไหนที่ลูกไฟขึ้นเยอะๆ ให้ชัวร์ๆ ว่าไปแล้วน่าจะได้เจอ (เช่น ที่ลานพญานาค รัตนวาปี)  แบ่งครึ่งหนึ่งถ่ายฝั่งไทย อีกครึ่งข้ามไปถ่ายฝั่งลาว เอาโดรนบินตรงกลางขึ้นฟ้าไปด้วย เริ่มจัดซักปี 2 ปี ก็น่าจะได้ข้อมูล ‘ทางวิทยาศาสตร์’ ให้ไปศึกษาต่อกันได้อีกเยอะครับ

ป.ล. ปีหน้า โทรมานัด ที่ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้นะครับ

(รายงานข่าว) โต้เดือด! บึงกาฬ แถลงยัน บั้งไฟพญานาคขึ้น ท้าเดิมพัน ‘อ.เจษฎา’ 1 ล้าน มาพิสูจน์ด้วยกัน

นายบุญมา พันดวง คหบดีในบึงกาฬ กล่าวว่า ขอท้า ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทยมาพิสูจน์ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ กรณีเกิดบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา ที่ท่านบอกว่าเป็นการยิงกระสุนส่องสว่างจากอาวุธปืนเอสเคจากฝั่งลาวขึ้นฟ้า ทำให้คนไทยเชื่อว่าเป็น “บั้งไฟพญานาค” ตามความเชื่อของคนไทยและลาวริมฝั่งโขง ซึ่งเคยยืนยันเรื่องนี้มามากกว่า 10-15 ปีแล้ว ปัจจุบัน ดร.เจษฎา ก็ยังยืนยันคำเดิม

บุญมา กล่าวต่อว่า ดร.เจษฎา ไม่ต้องไปจับคนลาวที่ยิงปืนมาพิสูจน์ให้คนไทยดูก็ได้หรอก แต่ให้มานั่งดูที่ริมฝั่งโขงในเขต อ.ปากคาด ด้วยกัน โดยเชิญสื่อมวลชนส่วนกลางมาบันทึกภาพเป็นสักขีพยานด้วย เก็บภาพทุกมุม ทั้งยิงกล้องมาทางฝั่งลาวด้วย ขอร้องประชาชนหรือนักท่องเที่ยวห้ามส่งเสียงช่วงพิสูจน์ด้วยกันทั้งฝั่งและลาว จะได้รู้ดำรู้แดงให้มันจบๆ ในยุคเรา

“ขอเดิมพัน 1 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามที่ ดร.เจษฎา วิเคราะห์หรือพิสูจน์มา แต่ถ้าเป็นไปตามความเชื่อของคนหนองคายและบึงกาฬ ดร.เจษฎา ต้องยอมจ่าย 1 ล้านบาท และยินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางพร้อมอาหารที่พักให้ด้วย ถ้าตกลงตามคำท้า ขอโทรมาที่เบอร์ 09-8096-7105” นายบุญมา กล่าว ....”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top