Saturday, 18 May 2024
บิตคอยน์

'จอร์จ โซรอส' ดันบิตคอยน์ ทะลุ 55,000 ดอลลาร์ รับข่าวพ่อมดการเงิน เข้าลงทุนในบิตคอยน์

ราคาบิตคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์อินเวสต์ติง ดอท คอม เมื่อเวลา 05.10 น. ของ 7 ต.ค. 64 ปรับตัวขึ้น 6.71 % เคลื่อนไหวที่ราคา 55,201.7 ดอลลาร์รับข่าวจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินเข้าลงทุนในบิตคอยน์

การเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาบิตคอยน์ช่วงเช้าวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันพุธ (6 ต.ค.) ราคาบิตคอยน์ทะยานทะลุระดับ 55,000 ดอลลาร์และอยู่เหนือระดับ 1,800,000 บาท ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ขานรับรายงานที่ว่า กองทุนของนายจอร์จ โซรอส เจ้าของฉายาพ่อมดการเงิน ได้เข้าลงทุนในบิตคอยน์

นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นายแกรี เกนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ที่ยืนยันว่าสหรัฐฯ ไม่มีแผนที่จะสั่งระงับการซื้อขายสกุลเงินคริปโต

ขณะนี้ บิตคอยน์มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่าตลาดของบริษัทเฟซบุ๊ก ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดมีมูลค่าตลาดรวม 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับมูลค่าตลาดของบริษัทแอปเปิล อิงค์

ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 64,889 ดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา

ตร.เตือน!! คิดก่อนลงทุน ‘เงินสกุลดิจิทัล’ เสี่ยงถูกหลอก - สูญเงินนับล้าน!!

วันที่ 16 ธ.ค.2564 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากกรณี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนในธุรกิจขุดบิตคอยน์ (Bitcoin)

โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนโดยทั่วไป โดยผู้เสียหายจะต้องโอนเงินทุนเป็นบิตคอยน์มาให้กับคนร้ายก่อน จากนั้นเมื่อคนร้ายได้เงินก็จะหลบหนีไปพร้อมเงินดังกล่าวและไม่สามารถติดต่อได้  ทำให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 14 ล้านบาท จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ดังกล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังการชักชวนลงทุนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะการลงทุนที่มีการอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงผิดปกติ หรืออ้างว่าจะได้ผลกำไรแน่นอน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นการฉ้อโกง และหากพี่น้องประชาชนท่านใดมีความประสงค์ที่จะลงทุนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ขอให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลที่ชักชวนให้ลงทุนและรูปแบบของการลงทุนดังกล่าว ก่อนที่จะลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกหลอกลวง และหากผู้ที่ชักชวนให้ลงทุนมีการอ้างว่าได้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการดังกล่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย พี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อของบุคคลและบริษัทที่ได้รับอนุญาตที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/App/BOTLicenseCheck/ ซึ่งจะสามารถตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาตหรือใบขึ้นทะเบียนให้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยได้

 

แด่มิตรสหายเท่านั้น!! ‘รัสเซีย’ อาจเปิดชำระ ‘ค่าน้ำมัน-ก๊าซ’ ด้วยบิตคอยน์ เชื่อ!! ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มมูลค่าเงินรูเบิล

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย เผยว่า ทางการรัสเซียกำลังพิจารณาให้ประเทศที่เป็นมิตร สามารถชำระค่าก๊าซและน้ำมันเป็นบิตคอยน์ได้ เพื่อเป็นทางเลือก ท่ามกลางการคว่ำบาตรจากนานาชาติ

พาเวล ซาวัลนี สมาชิกรัฐสภาและประธานคณะกรรมาธิการด้านพลังงานของสภาดูมา ของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียกำลังพิจารณาให้ “ประเทศที่เป็นมิตร” กับรัสเซีย สามารถชำระค่าน้ำมันและก๊าซด้วยบิทคอยน์ได้

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลัง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศว่าจะให้ประเทศ “ไม่เป็นมิตร” ชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุลรูเบิล ซึ่งสำนักข่าว RT ของรัสเซียรายงานว่า มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเงินสกุลรูเบิล ซึ่งอ่อนค่าไปมากกว่า 20% ในปีนี้

รัสเซีย คือ ผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติอันดับหนึ่งของโลก และส่งออกน้ำมันดิบมากเป็นอันดับสองของโลก ขณะที่มาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ส่งผลกระทบต่อค่าเงินรูเบิล และส่งผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น

ซาวัลนี เสริมว่า ทางการรัสเซียกำลังมองหาทางเลือกหลายๆ ทาง เพื่อรับการชำระค่าส่งออกพลังงาน เขายังกล่าวอีกว่า จีนและตุรกี เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่เป็นมิตร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร รัสเซียได้เสนอจีนมานานแล้วว่าให้เปลี่ยนการจ่ายเงินเป็นสกุลเงินของชาติตน เช่น หยวนและรูเบิล ส่วนตุรกีนั้น จะเป็นการชำระเงินด้วยเงินสกุลลีรา และรูเบิล นอกจากนี้ ก็สามารถจ่ายด้วยบิทคอยน์ได้ด้วยเช่นกัน

ด้าน เดวิด บรอดสต๊อค นักวิจัยจากสถาบันศึกษาพลังงานในสิงคโปร์ กล่าวกับ BBC ว่า รัสเซียรู้สึกได้ถึงอย่างรวดเร็วจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพยุงเศรษฐกิจ และบิทคอยน์คือสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง ทำให้รัสเซียอาจได้ประโยชน์จากการรับการชำระเงินเป็นบิทคอยน์ แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม

ความเสี่ยงที่ว่าคือ มูลค่าของบิตคอยน์นั้นแกว่งมากถึง 30% ในปีนี้ ถ้าเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ต่อเงินยูโร ซึ่งแกว่งไม่เกิน 5%

‘เทสลา’ เทขายบิตคอยน์ 75% ของที่ถือครอง หลังราคาทรุดหนัก ส่งผลกระทบกำไรบริษัท

บริษัทเทสลา อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทได้ขายบิตคอยน์ในสัดส่วนสูงถึง 75% ของจำนวนบิตคอยน์ที่บริษัทถือครองอยู่ คิดเป็นมูลค่าการขาย 936 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ เทสลาได้เทขายบิตคอยน์ หลังจากมูลค่าของบิตคอยน์ทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยร่วงลงมากกว่า 50% แล้วในปีนี้

“ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 ปีนี้ เทสลาได้เทขายบิตคอยน์ไปประมาณ 75% ของจำนวนบิตคอยน์ที่เราถือครอง ซึ่งทำให้งบดุลบัญชีของเรามีเงินสดเพิ่มขึ้น 936 ล้านดอลลาร์”

เทสลาระบุในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันพุธ (20 ก.ค.)

เทสลาระบุในแถลงการณ์ดังกล่าวว่า บิตคอยน์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้

ที่ผ่านมานั้น นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซี โดยเขามักจะโพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์และส่งผลให้ราคาคริปโทเคอร์เรนซีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์และดอจคอยน์

ย้อนไทม์ไลน์ ‘บิตคอยน์’

ย้อนไทม์ไลน์เส้นทางการเติบโตของ ‘บิตคอยน์’ มาดูกันว่าตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

‘Bitcoin Halving’ ครั้งที่ 4 เพื่อจำกัดปริมาณการขุดให้น้อยลง ส่งผลให้ราคาพุ่งสูง ตามปริมาณความต้องการถือเหรียญที่มากขึ้น

(20 เม.ย.67) Bitcoin Halving สำเร็จแล้ว! สิ้นสุด 4 ปีที่รอคอย กลไกดันราคาจาก ‘บิตคอยน์ฝืด’

Bitcoin Halving สำเร็จแล้ว! สิ้นสุด 4 ปีที่รอคอยในช่วงเช้ามืดวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ‘บิทคับ’เปิด 3 ปัจจัยดันราคาหลังรีวอร์ดการขุดลดลงเหลือแค่ 3.125 เหรียญบิตคอยน์ต่อ 1 บล็อก

นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอยอีเวนต์ใหญ่ของนักลงทุนสายคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลก เมื่อสกุลเงินพี่ใหญ่สุดอย่างบิตคอยน์เกิดปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นทุก 4 ปีอย่าง Bitcoin Halving เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเช้ามืดวันที่ 20 เม.ย.2567

ทำความรู้จัก Bitcoin Halving

Bitcoin Halving เป็นการลดรางวัลบล็อก (Block reward) ของนักขุดให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งคือ จะลดรางวัลบล็อกบิตคอยน์ลงจาก 6.25 BTC เป็น 3.125 BTC โดยประมาณ เพื่อจำกัดปริมาณของบิตคอยน์ในทุกรอบ 4 ปี 

โดยการลดปริมาณรางวัลการขุดบิตคอยน์ให้น้อยลง สวนทางกับปริมาณความต้องการถือเหรียญบิตคอยน์มากขึ้น จึงส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์หลังปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ใน 3 ครั้งที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 

ตามสถิติที่ผ่านมา หลังการเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่ 1 ในช่วงปี 2012 ส่งผลให้บิตคอยน์สามารถทำราคาสูงสุด (ATH) ได้ที่ 1,042 ดอลลาร์ (Coinmarketcap) หรือ 37,657 บาท ต่อมาหลังการเกิด 

Bitcoin Halving ครั้งที่ 2 ในช่วงปี 2016 ส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์ทำ ATH ได้ถึง 17,500 ดอลลาร์ (Coinmarketcap) หรือ 632,450 บาท และหลังการเกิด 

Bitcoin Halving ครั้งที่ 3 ในช่วงปี 2020 ส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์ทำ ATH ไปได้ถึง 68,789 ดอลลาร์ (Coinmarketcap) หรือ 2,486,034 บาท โดยในวันที่ 20 เมษายน 2567 นี้ จะนับเป็น Bitcoin Halving ครั้งที่ 4

3 ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลต่อราคา Bitcoin ในช่วงปี 2567

1. การอนุมัติของ Spot Bitcoin ETF ในฝั่งสหรัฐฯ

เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา ได้เรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนคริปโตทั่วโลกเป็นอย่างมาก และส่งผลให้เกิดราคาสูงสุดครั้งใหม่ New Time High ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการอนุมัติของ Spot Bitcoin ETF ครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนรายย่อยบางส่วนกลับเข้ามาในตลาดและลงเล่นใหม่อีกครั้ง 

2. การอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ครั้งแรกในทวีปเอเชีย และ Spot Ethereum ETF ครั้งแรกของโลก

โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) ได้อนุมัติผลิตภัณฑ์ของกองทุน spot Bitcoin และ Ethereum ETF เมื่อ 15 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา 

โดย Eric Balchunas นักวิเคราะห์จาก Boomblerg ได้ให้ความเห็นไว้ว่า เป็นการแสดงถึงความคืบหน้าและก้าวสำคัญของฮ่องกง แต่เนื่องจากตลาดมีขนาดเล็กกว่ามาก จึงคาดการณ์ว่าคงจะยังไม่ได้รับเงินลงทุนไหลเข้ามหาศาลจนทำให้เกิดการขยับของราคาเมื่อเทียบเท่ากับที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

3. ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving

การลดลงของจำนวน BTC ในระบบให้มีจำนวนการเกิดขึ้นที่น้อยลงเรื่อย ๆ และยืดเวลาที่บิตคอยน์จะถูกค้นพบจนถึง 21 ล้านเหรียญให้ช้าลง จำนวนการไหลเวียนของบิตคอยน์จะเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้หายากขึ้นไปอีก 

จุดนี้เองที่จะช่วยสร้างความฝืดให้บิตคอยน์ และตาม Demand และ Supply แล้ว หากปริมาณเหลือน้อยลงแต่ความต้องการกลับมากขึ้น อาจจะทำให้เห็นของการขยับของราคาที่สูงขึ้นคล้ายกับที่เคยเกิดมาแล้ว 3 ครั้งตามสถิติที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ราคาของบิตคอยน์อาจจะยังไม่ได้ขยับขึ้นหลังจาก Halving ในทันที เนื่องจาก Halving เป็นการทำให้คุณสมบัติของบิตคอยน์มีความ “เกิดได้ยากขึ้น” ซึ่งไม่ได้หมายความว่า บิตคอยน์จะมีมูลค่าสูงขึ้นในทันทีทันใด และต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเศรษฐกิจของโลกด้วย

นักลงทุนทั่วโลกจึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าหลัง Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 นี้จะส่งผลต่อราคาของบิตคอยน์อย่างไร

คำเตือน:
- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top