Friday, 17 May 2024
นักศึกษา

นิสิต อุบลฯ หลากคณะฯ พร้อมใจเข้าพิธีไหว้ครู ปี 65 สะท้อนความเคารพต่อผู้ประสาทวิชาแบบไม่ต้องอายใคร

เมื่อไม่นานมานี้ เพจเฟซบุ๊ก 'สำนักงานพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี' ได้โพสต์ภาพพร้อมคำบรรยายเกี่ยวกับพิธีการไหว้ครูของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2565 ว่า...

'พิธีไหว้ครูและบายศรีสู่ขวัญ​ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2565'

วันที่ (28 มิ.ย. 65) อธิการบดีและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ประชุมหารือร่วมกันกับผู้นำนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้แก่ องค์การนักศึกษา, สภานักศึกษา และนายกสโมสรนักศึกษาแต่ละคณะ พร้อมสะท้อนมุมมองอันดีแก่กัน โดยเนื้อหาระบุว่า...

การแสดงความเคารพ เป็นสิ่งสะท้อนระบบความสัมพันธ์ที่เราแสดงออกต่อกัน ไม่มีปราการกั้นของ อายุ วัย ประสบการณ์ หรือสถานะ

การแสดงออกถึงความเคารพนั้น เป็นการสื่อสารที่ละเอียดอ่อน 

หากนักศึกษาจะแสดงความเคารพ ไม่ว่าในแบบขนบเดิม หรือ ขนบใด ย่อมเป็นในนามของ 'ความเคารพ' ทั้งสิ้น​ 

หลังจากการหารือประชุมหลายฝ่ายเสร็จสิ้น ล่าสุด (30 มิ.ย.65) เพจดังกล่าวก็ได้โพสต์ภาพบรรยากาศพิธีการไหว้ครูของนิสิตนักศึกษาจากหลายๆ คณะ เช่น คณะเกษตรศาสตร์ คณะเภสัช​ศาสตร์ และคณะวิทยา​ศาสตร์ที่พร้อมใจกันเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้ ปรากฏเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของพิธีไหว้ครูและบายศรีสู่ขวัญ​ ที่ชาวมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีทั้งองคาพยพให้ความพร้อมใจร่วมอนุรักษ์กิจกรรมอันดีนี้ไว้

เฉกเช่นเดียวกันกับผู้ที่พบเห็นภาพดังกล่าวต่างก็ชื่นชมและอวยพรให้แก่เหล่านิสิตต่างๆ นานา ว่า...

>> คิดดีทำดีพูดดี ก็มีโอกาสดี ได้รับสิ่งดีดีเสมอ นะน้องๆ เด็กๆ จงเข้มแข็งสู่โลกกว้างด้วยใจที่มั่นคง มั่นใจที่จะทำความดี ชีวิตที่ดีเป็นของเราแน่นอน

แม่โพสต์ซึ้ง ตามหานักศึกษา ปั๊มหัวใจลูกชายจนรอด เผยลูกชายตั้งใจบวช ทดแทนคุณผู้ช่วยชีวิต

หัวอกแม่ ประกาศตามหาจนเจอนักศึกษาฮีโร่ ปั๊มหัวใจลูกชายจนรอด ตั้งใจบวชให้ผู้ช่วยชีวิต

หลังจากที่มีผู้ใช้ TikTok ชื่อ pantib888 โพสต์ภาพอุบัติเหตุประกาศตามหานักศึกษาที่มาช่วยเหลือลูกชายหลังประสบอุบัติเหตุจนหัวใจหยุดเต้น แต่ได้รับการปั้มหัวใจจนรอดชีวิต พร้อมระบุข้อความว่า

“ตามหาน้องนักศึกษาที่ช่วยปั๊มหัวใจลูกชายแม่.. เหตุเกิดวันที่ 15 ก.พ. รถมอเตอร์ไซค์ชนกับปิ๊กอัพ ระหว่างรอรถโรงบาลลูกชายแม่หัวใจหยุดเต้น คนแถวนั้นบอกว่ามีคนปั๊มหัวใจจนน้องฟื้นขึ้นมา คนช่วยชีวิตน้องเป็นนักศึกษา ครอบครัวแม่อยากเจอมาก ๆ ค่ะ ตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วค่ะ สถานที่เกิดเหตุ หน้าร้านตำหรอย พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี”

“ตอนน้องฟื้นมีสติเล่าให้เค้าฟังว่ามีพี่นักศึกษาช่วยชีวิตลูกปั๊มหัวใจลูก ตอนนั้นลูกหัวใจหยุดเต้น และพอพี่เค้าปั๊มหัวใจลูกหายใจเฮือกขึ้นมา พอดีกับรถโรงพยาบาลมาที่เกิดเหตุ เล่าเสร็จเค้านอนน้ำตาไหล เอานิ้วชี้ไปที่ตัวเอง และที่หัว แม่เข้าใจว่าน้องเจ็บ น้องสั่นหัวและพูดว่าบวชๆๆ พอหมอถอดเครื่องช่วยหายใจออก คำแรกที่พูดคือ “แม่…ลูกขอบวชบวชให้พี่นักศึกษาด้วย” ครอบครัวแม่และญาติ ๆ อยากเจอน้องนักศึกษามาก ๆ อยากกอดเค้าแน่นๆแล้วบอกว่า "ขอบคุณมากที่พาน้องกลับมาให้แม่ พาหัวใจของแม่และครอบครัวกลับมา" คำพูดมากมายอยู่ในหัวใจพ่อแม่เยอะแยะมากมาย อยากเจอฮีโร่น้องนักศึกษาคนนี้จริงๆ”

หลังจากที่คลิปดังกล่าวเป็นไวรัลไม่นาน ใน Tiktok เดิมที่เป็นแม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บก็ได้โพสต์ข้อความว่า หาน้องนักศึกษาที่ช่วยชีวิตลูกชายพบแล้ว โดยหนุ่มพลเมืองดีอายุ 17 ปี เป็นจิตอาสา เรียนอยู่ที่โรงเรียนโปลีเทคนิค สุราษฎร์ธานี

“ตามหากันเจอแล้ว โทรคุยกันน้องเล่าว่าน้องเลิกเรียนพอดี และเห็นเหตุการน้องเลยเลี้ยวรถกลับมาและเรียกลูกชายแม่ แต่ลูกชายแม่นิ่งไม่ตอบสนองใด ๆ จนน้อง cpr ปั๊มขึ้นมาราว 30 ครั้ง จนลูกชายแม่รู้สึกตัวเฮือกขึ้นมา น้องเป็นจิตอาสาน้องชื่อน้องฟิล์ม อายุ 17 ปี เรียนอยู่ รร.โปลี แม่ขอนัดเจอน้อง และพาคนที่น้องฟิล์มช่วยชีวิตไว้ไปเจอกัน ขอบพระคุณทุก ๆ คนที่ช่วยแชร์ช่วยตามหาให้นะคะ แม่ตื่นเต้นมากตอนที่คุยกับน้องฟิล์ม “หัวใจลูกหล่อมาก” ถ้าตอนนั้นลูกไม่เลี้ยวรถกลับมาลูกชายแม่คงไม่มีชีวิตคงไม่ได้กลับมาให้พ่อกับแม่ได้กอดได้หอม “ครอบครัวแม่ขอกราบที่หัวใจของลูกนะ”

อย่างไรก็ตาม ทางด้าน มูลนิธิกุศลศรัทธาท่าโรงช้าง กู้ชีพ-กู้ภัยท่าโรงช้าง ได้แชร์ภาพน้องฟิล์ม พร้อมระบุว่า

“น้องเขาปลอดภัยพวกเราก็ชื่นใจและขอแสดงความยินดีขอให้น้องหายไว ๆ

‘มจธ.’ ให้การสนับสนุน ทุนการศึกษา ‘น้องช่อฟ้า’ ย้ำเจตนา ต้องไม่มีนักศึกษาผู้ใดออกไป เพราะไม่มีค่าเล่าเรียน

ประกาศมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวสื่อมวลชนกรณีน้องช่อฟ้า สอบติด 5 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า แต่คุณพ่อไม่มีเงินส่งลูกเรียนนั้น

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) โดยกลุ่มงานช่วยเหลือทางการเงินแก่นักศึกษา ได้ทราบเรื่องและประสานไปยังน้องช่อฟ้าในทันทีเพื่อสอบถามรายละเอียด และได้ตรวจสอบในระบบฐานข้อมูนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแล้ว ทราบว่าน้องช่อฟ้าได้ยืนยันสิทธิ์เป็นนักศึกษาเข้าศึกษาต่อที่ภาควิชาวิศวกรรมระบบควบคุมและเครื่องมือวัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ 
มจธ. พร้อมให้การช่วยเหลือและสนับสนุนการเรียนรู้ของนักศึกษาในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง มีกลไก ในการสนับสนุนทุนการศึกษาที่เหมาะสมกับนักศึกษาทุกคนและติดตามการศึกษาของนักศึกษาจนกระทั่งสำเร็จการศึกษา ตามเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยที่จะไม่มีนักศึกษาผู้ใดต้องออกไปเพราะไม่มีค่าเล่าเรียน และขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือครอบครัวของนักศึกษา

ทั้งนี้ หากนักศึกษาเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน หรือพบเห็นเพื่อนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถประสานเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานช่วยเหลือทางการเงินแก่นักศึกษา โทร. 0-24708097-8, 0-24708107 อีเมล [email protected]

'หม่อมปลื้ม' แฉ!! นักวิชาการฝ่ายซ้าย ล้างสมองนักศึกษาจนคลั่งเสรีภาพ

(8 ก.ค. 66)  หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘คุณปลื้ม’ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว ได้เผยแพร่บทความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า...

นักวิชาการฝ่ายซ้ายล้างสมองนักศึกษาไปซ้ายสุดโต่งจนล้นเกิน คลั่งสิทธิเสรีภาพอย่างไม่รอบด้าน คิดทุกอย่างในมิติของการถูกกดขี่จึงต้องปลุกตนเองให้ลุกขึ้นสู้ตลอดเวลา ทำอย่างนี้ในสถาบันการศึกษาชั้นนำ ทั้งในสหรัฐฯ เเคนาดา ยุโรป เเละในประเทศไทยของเรา

อุดมการณ์ทางสังคม จริยธรรม การเมือง เศรษฐกิจ อุดมการณ์ต่างๆ เปรียบเสมือนน้ำในตู้ปลา คุณและผมคือปลาในตู้ปลา คุณจะมีอุดมการณ์อะไรมันขึ้นอยู่กับว่า ใครเป็นผู้เทน้ำนั้นเข้าไปในตู้ปลา เราคิดว่า เราได้เลือกว่าเราจะมีอุดมการณ์ชุดใด ในความเป็นจริง ไม่เป็นเช่นนั้น เเท้ที่จริงเเล้วมันอยู่ที่ว่า คุณถูกบ่มเพาะจากใคร ที่ไหน อย่างไร เเละเมื่อไรต่างหาก

บางคนได้อุดมการณ์หลักมาจากพ่อแม่ บางคนได้มาจากช่วงวัยเรียน ช่วงมัธยม ช่วงที่ถูกสั่งสอนโดยครูตั้งเเต่สมัยวัยหนุ่มสาว หรือบางครั้งก็จากการคบเพื่อนเเละพวกพ้องในสมัยวัยเรียน คบคนอย่างไรที่มีอิทธิพลต่อเราก็อาจได้การหล่อหลอมเช่นนั้นมา ประสบการณ์เป็นส่วนหนึ่งในการในสร้างอุดมกาณ์ด้วยเช่นกัน บางคนไม่ได้ใกล้ชิดกับใครในสมัยเรียนตอนเด็กแต่เมื่อเริ่มเรียนในระดับมหาวิทยาลัยก็เริ่มสนใจ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่มันสมองเริ่มเปิดกว้างเพื่อให้เกิดการซึมซับมากที่สุด

ดังนั้น คนที่มีโอกาสไปแนวซ้ายมากที่สุด อาจจะเป็นคนซึ่งอยู่ในตู้ปลาที่ขาดการเติมเต็มจากมุมมองด้านอื่นจากผู้ปกครองเเละจากโรงเรียนในสมัยวัยเด็ก เสร็จเเล้วในช่วงที่สมองเปิดรับข้อมูลเเละชุดความคิดในวัยที่เรียนระดับอุดมศึกษา เมื่อเข้าเรียนในสถาบันระดับอุดมศึกษาไม่ว่าในประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับชั้นนำในทุกทุกประเทศ นั่นนะเเหละตัวดี

เพราะองค์กรเหล่านี้ ถ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสาย Liberal Arts ถ้าบังเอิญเรียนรัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ สังคมวิทยา หรือ เรียนประวัติศาสตร์ ก็จะเต็มไปด้วยนักวิชาการทั้งระดับอาวุโสเเละที่เพิ่งบรรจุใหม่ที่ล้วนแล้วเเต่หัวเอียงซ้าย ถึงเเม้ว่าจะไม่ทั้งหมด เชื่อในรัฐสวัสดิการเสมอ เเถมมักจะมีเสริมการสอนเรื่องการย่อยสลายวัฒนธรรมอำนาจนิยม ปั่นวาทกรรมว่าทุกคนโดนกดขี่

เริ่มกระบวนการในการล้างสมองเด็กเข้ามา (บ่อยครั้งทำโดยไม่รู้ตัวเพราะตนเองก็ถูกล้างสมองมาอีกทีจากครูบาอาจารย์ชื่อดังในต่างประเทศเเละในประเทศที่เป็น Leftists อีกรอบหนึ่ง) เมื่อเข้าไปเรียนในระดับอุดมศึกษา ปลาตัวน้อย ๆ โดยเฉพาะที่ไม่เคยรับน้ำก็จะขาดภูมิคุ้มกันจากการหว่านล้อมอุดมการณ์ Keynesian สุดขั้ว Social Democracy สเเกนดิเนเวียนสุดทาง หรือไม่ก็นีโอมาร์กซิสต์ตามสูตรโรงเรียนเเกรมเชี่ยนจนสติเเตก

กลุ่มเดียวที่อาจจะรอดจากการถูกล้างสมองเช่นนี้ในโปรเเกรม Liberal Arts ต่าง ๆ ก็คงจะเป็นนักศึกษาที่สามารถเจียดเวลาไปเรียนวิชาปรัชญาอย่างรอบด้านหรือไม่ก็พวกซึ่งเรียนสายเศรษฐศาสตร์ที่มีโอกาสดีพอที่จะได้ศึกษาจากอาจารย์ที่เน้นหลักการณ์ด้านกลไกตลาดเสรีในเเบบที่ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์สำนักสังคมนิยม ที่วัน ๆ เอาแต่คิดจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รัฐสวัสดิการ รัฐสวัสดิการ ทำอย่างไรให้ไม่รู้สึกผิดต่อคนยากคนจน ทำจนเศรษฐกิจพัง นักธุรกิจไม่ต้องเหลือเงินกัน เก็บภาษีให้เยอะ อย่างนี้เป็นต้น

ในโลกเเห่งการเเข่งกันออกนโยบายทางการเมืองเเละในโลกเเห่งการเขียนรายงานในมหาวิทยาลัยยุคปัจจุบัน วัน ๆ เอาแต่นั่งคิดเรื่องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ สร้าง Living Wage ที่เป็นจริง ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการใช้เงินผู้อื่น จะเปลี่ยนประเทศเป็นรัฐสวัสดิการ ทำยังไงให้ไม่รู้สึกผิดต่อคนยากไร้ เอาแต่คิดแบบเนี้ยจนเศรษฐกิจพังไปหมด มีเเต่การสอนให้บิดเบือนกลไกตลาดตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อภาคธุรกิจเเละนายจ้างที่เดือดร้อนต้องลดส่วนเเบ่งกำไรไม่รู้จักจบ

นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ในที่สุดก็จะนำไปสู่การลดการจ้างงานผู้ซึ่งมีทักษะเเรงงานน้อยกว่าผู้อื่นก่อนเพื่อน สังคมเราจึงเต็มไปด้วยบัณฑิตที่ควรจะรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์เเต่ดันคิดเเบบนักสังคมนิยมที่ต้องการตัดต่อพันธุกรรมระบบเศรษฐกิจที่เวิร์คดีอยู่เเล้ว

คนที่มีโอกาสไปซ้ายมากที่สุดคือคนที่อยู่ในตู้ปลาที่เป็นปลา แล้วบังเอิญในสมัยวัยเด็ก ผู้ปกครองไม่ได้เทน้ำเข้ามา หรือไม่ก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง ที่พ่อเเม่พี่น้องปู่ย่าตายายอุตส่าห์เทน้ำเข้ามาเเต่ก็ถูกสลัดทิ้ง เป็นคนที่ไม่สามารถซึมซับข้อมูลจากผู้ปกครองได้ เสร็จแล้วพอเรียนช่วงมัธยมก็มัวแต่คิดว่าเรียนยากจัง อ่านหนังสือก็ง่วง จึงโดดเรียนไปเดินตามห้าง ไปเที่ยวเตร่ ในตู้ปลาที่ปลาว่ายน้ำกันอยู่ มันจึงขาดน้ำ

กลุ่มนี้เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยในระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี โอ้โห! ก็จะมีโอกาสเจอบรรดานักวิชาการตัวพ่อที่เป็นประเภท Left-wing Liberal Democratic Socialists เทน้ำเข้ามาเต็มเปี่ยมเลย ที่นี้พอจบมา เลยล้นเลย คือเกิน คือล้นเลย มันเเปลว่าล้นวิชาการเกิน ล้นซีกซ้ายอย่างเดียวเเต่ไม่รอบด้าน ขาดประสบการณ์จริงกับเรื่องที่เรียนมา เฉกเช่นเดียวกันกับปฏิกิริยาปลาดิ้นพลิกไปพลิกมาเวลามีคนเทน้ำเข้าไปในตู้ปลานั้น ๆ อย่างเเรงเเรงเร็วเร็ว

กลุ่มนี้ก็จะมีความกระตือรือร้นที่จะชุมนุมต่อต้านทุกอย่างตามที่อุดมการณ์สั่งสมบ่มเพาะมา กลายมาเป็น Activists ที่เพิ่งโดนกดปุ่ม Activated

ผู้ซึ่งผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสิ้นคิดเช่นนี้ในที่สุดถ้าได้ก็จะพยายามนำเสนอ Redistribution of Income ในรูปเเบบที่เอาเปรียบเจ้าของเงิน เมื่อปล่อยไปก็จะค่อยๆ คล้อยไปเป็นเสมือนรูปเเบบ French-Scandinavian Style Progressive Taxation ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในไทยตอนนี้ ยิ่งฐานะรายได้ดีก็จะยิ่งมีการเสนอให้ตัดฐานะรายได้นั้นเเละทำลาย Dominant Market Positioning ของทุกบริษัทชั้นนำให้มันเหี้ยน

เเนวคิดซ้ายทางเศรษฐกิจนี้คือต้องการให้คนรวยกลายเป็นคนจนลง จนไม่มีใครอยากลงทุนเหมือนในเเถบสแกนดิเนเวีย ให้คนที่ไม่ต้องทำงานสามารถมีบ้านอยู่ได้โดยที่วันๆ ไม่ต้องออกไปทำอะไรเลย ให้มี Universal Basic Income อย่างขาดวินัยการเงินการคลัง สิ่งนี้คือความฝันอันเกือบสูงสุดของฝ่ายซ้ายด้านเศรษฐกิจ

บ่อยครั้งในมหาวิทยาลัยอาจารย์จะมีโอกาสเติมเต็มมากๆ เพราะในช่วงเข้าไปศึกษาใหม่ๆ ปรากฎว่าในตู้ปลานั้น เป็นตู้ปลาซึ่งไม่เคยมีใครเคยเติมน้ำเข้าไปได้สำเร็จ หรือบางทีผู้ปกครองหรืออาจารย์แนะแนวและครูประจำชั้นในสมัยมัธยมเคยพยายามเติมน้ำ แต่เป็นพวกประเภทไม่ยอมซึมซับน้ำเลย แต่เมื่อถึงวัยมหาวิทยาลัย ได้บังเอิญพบเจอกับอาจารย์ที่เป็น Socialist-Liberal เทน้ำลงมา…โอ้โหว ล้นเต็มเปี่ยม

อุดมการณ์ที่คุณและผมมีอยู่ มันเป็นอุดมการณ์ที่ผ่านการบ่มเพาะมา คำถามที่คุณต้องถามตนเองคือ คุณเติมเต็มหรือยังเเละที่ผ่านมาใครคือผู้ซึ่งบ่มเพาะคุณเเละผู้นั้นหวังดีต่อคุณเเละสังคมจริงหรือ? หรือเป็นไปได้ไหมว่าผู้ซึ่งบ่มเพาะคุณมาทางด้านการเมืองในสถาบันการศึกษาต่างๆ ล้วนเเล้วเเต่เคยได้รับการเทน้ำมาอีกทีหนึ่งจนล้นเกินจากซ้ายอกหักจากยุคสมัยสงครามเย็นที่ในวันนี้ต้องการเอาคืน เเก้มือ หรือเเก้เเค้นอดีตที่ได้เคยพ่ายเเพ้เเละเจ็บปวดไปเมื่อ 47 ปีที่เเล้ว

‘ทนายบอน’ แนะ!! นักศึกษาใหม่ มธ.ที่ฟังบรรยาย ‘พิธา’ ถ้าจะฟังที่พี่เค้าพูด ‘พอได้’ แต่อย่าไปเชื่อที่พวกพี่เค้าทำ

(5 ส.ค.66) นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ‘ทนายบอน’ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า...

[พิธา บรรยายนักศึกษาใหม่ มธ.] ฟังที่พี่เค้าพูดพอได้ แต่อย่าไปเชื่อที่พวกพี่เค้าทำครับ

พี่เค้าพูด ว่า เค้ายึดมั่นในประชาธิปไตย เสรีภาพ ที่พูดหล่อๆ ก็พอฟังได้

แต่ที่เห็น คือ พวกพี่เค้าแต่ละคนนั้นใครเห็นต่างไม่ได้ต้องทัวร์ลง อ้างเสรีภาพไปข่มเหงรังแกคนเห็น ดังนั้น อย่าไปเชื่อที่พวกพี่เค้าทำครับ เราไม่ได้ต้องการประชาธิปไตยแบบนั้น

พี่เค้าพูด ว่า “โลกต้องการคนรุ่นใหม่” ใช่ครับ

แต่ที่เห็น คือ พวกพี่เค้าแต่ละคน ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกปั่นยุยง สร้างความแตกแยก ทำแต่สิ่งผิดกฎหมาย เราไม่ได้ต้องการคนรุ่นใหม่แบบนั้นครับ

พี่เค้าพูดว่า “จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ คือ เสรีภาพ ภราดรภาพ” ใช่ครับ

แต่ที่เห็น คือ พวกพี่เค้าฟาดฟัน ทำลายล้าง สร้างความแตกแยก ทำให้คนเกลียดชังกัน ในขณะที่ภราดรภาพ คือ ความเป็นพี่เป็นน้องกัน กลมเกลียวกัน เราไม่ได้ต้องการสังคมแบบนั้นเพื่อสร้างประเทศครับ สิ่งที่พวกพี่เค้าทำห่างไกลสุดกู่กับคำว่าภราดรภาพ

ที่ธรรมศาสตร์ เค้าสอน ให้ใช้เสรีภาพแบบมีความรับผิดชอบ ไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ไอ้ที่เห็นการอ้างเสรีภาพไปรังแกถล่มคนอื่น ไอ้พวกนั้นไม่รู้ไปเรียนจากที่ไหนมา

ที่ธรรมศาสตร์ เค้าสอน ว่าประชาธิปไตย ไม่ได้มีแค่การเลือกตั้ง แต่ต้องเคารพเสียงข้างน้อย รับฟังความเห็นต่างได้ ไอ้ที่เห็นว่าพวกกูถูกอย่างเดียว คนอื่นผิดหมด ไอ้พวกนั้นไม่รู้ไปเรียนจากที่ไหนมา 

ที่ธรรมศาสตร์ เค้าก็สอนเรื่องภราดรภาพนะ ว่าคือการกลมเกลียว เป็นพี่น้องกัน แต่ที่เห็น ภราดรภาพบ้านพวกพี่เค้า เผา ทำลายล้างทุกอย่าง สรุป ไม่รู้ไอ้พวกนั้นไปเรียนจากที่ไหนมา

สรุปสุดท้าย ที่พี่เค้าบอกว่าพวกพี่เค้า DNA เดียวกับธรรมศาสตร์ ผมว่าพี่เค้าสำคัญผิดไปเยอะ เฉพาะสิ่งที่พี่เค้าพูดหล่อๆ ก็พอจะใกล้เคียง แต่ที่พวกพี่เค้าทำ ห่างไกลสุดกู่ครับ

#ทนายบอน

'ม.ขอนแก่น' มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต จ่อปรับโฉม 'หอพัก-คอมเพล็กซ์' สร้างพื้นที่ 'น่าอยู่-ปลอดภัย' แก่ 'นักศึกษา-คณาจารย์'

มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีการวางแผนยุทธศาสตร์การบริหาร คือการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ (Transformation) เพื่อวิสัยทัศน์ในการเป็น ‘มหาวิทยาลัยวิจัยและพัฒนาชั้นนําระดับโลก’ ทั้งด้านการจัดการศึกษาการวิจัยการบริการวิชาการการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและด้านการบริหารจัดการองค์กรเพื่อให้มหาวิทยาลัยยังคงมีความก้าวหน้าและการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน

สำหรับด้านระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย (Ecological) ซึ่งอยู่ภายใต้การรับผิดชอบของฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น นั้น ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม เผยว่า การสร้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นที่น่าทํางาน (Best place to work) ให้เป็นที่ทํางานที่สนุกและท้าทายทําให้คณาจารย์และบุคลากรอยากทํางานด้วยมากที่สุด โดยจะมีการสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ (Great place to live) เพื่อให้เป็นสถานที่ที่มีความเหมาะสมในการใช้ชีวิตมีสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวมีห้องเรียนด้านพฤกษศาสตร์และมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต (Biodiversity)

ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้ กล่าวว่า “โครงการที่เป็นเรือธงในการพัฒนามหาวิทยาลัยขอนแก่น (Flag ship projects) ของฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม คือ การเพิ่มจำนวนที่พักบุคลากรที่พักนักศึกษาและบุคลากรให้มีจำนวนมากขึ้น นำพื้นที่สนามซอฟท์บอล หลังหอ 26 สร้างเป็นหอพักนักศึกษา โดยจะจัดหาพื้นที่ใหม่สำหรับสร้างสนามซอฟท์บอลทดแทน และพื้นที่อยู่ด้านหลังปั๊มน้ำมัน ปตท. รวมสองพื้นที่นี้จะรองรับนักศึกษาได้ประมาณ 4,000 คน ส่วนที่พักบุคลากรนั้นจะอยู่บริเวณฝั่งบึงสีฐาน เป็นพื้นที่ใกล้ๆ กันกับพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ การดำเนินการเป็น 2 เฟส คาดว่าจะรองรับบุคลากรได้ประมาณ 2,000 คน ขณะนี้มีความก้าวหน้าอยู่ในช่วงทำร่างขอบเขตงาน (Term of Reference) หรือ TOR เสร็จแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนหาผู้ร่วมลงทุนมาดำเนินการก่อสร้างต่อไป”

“อีกส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับงานพลิกโฉมที่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบก็คือ เรื่องของการปรับปรุงศูนย์อาหารและบริการ หรือ คอมเพล็กซ์ นั้น เป็นการปรับปรุงใหญ่ซึ่งท่านอธิการให้ความสำคัญเนื่องจาก Complex เป็นพื้นที่ที่บุคลากรส่วนใหญ่ทั้งมหาวิทยาลัยมาใช้งานในพื้นที่นี้ร่วมกัน ขณะนี้อยู่ในช่วงของการออกแบบพื้นที่”

“นอกจากนี้ยังมีระบบประปา ที่มหาวิทยาลัยลงทุนขุดลอกบ่อเก็บน้ำดิบ เพื่อเก็บกักน้ำที่ผลิตได้ให้มากขึ้น ป้องกันการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ลดความเสี่ยงการขาดน้ำของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้มีการดำเนินการเกือบสมบูรณ์แล้ว สำหรับการสำรองน้ำที่ผลิตเป็นน้ำประปานั้น มีแผนจะนำเอาถังเก็บน้ำที่เลิกใช้เอากลับมาบูรณะใหม่ เพื่อจะเพิ่มปริมาตรการเก็บกักน้ำที่ผลิตเป็นน้ำประปาให้มีน้ำใช้ได้ตลอดปี ส่วนน้ำที่ใช้ในด้านการเกษตร เช่น คณะเกษตรศาสตร์ได้มีการวางท่อจ่ายน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย และสูบน้ำดิบที่ได้มาตามธรรมชาติ สุ่มจ่ายไปหลายจุดนำไปใช้รดต้นไม้ ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาบึงต่างๆ ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เช่น การขุดลอกหนองหัวช้างซึ่งเป็นสระเก็บน้ำเก่าแก่ของมหาวิทยาลัยที่ปัจจุบันมีความตื้นเขินเพื่อจัดเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ทั้งยังสร้างระบบนิเวศให้น่าอยู่ ร่มรื่น เพิ่มความผาสุขการทำงานบุคลากรต่อไป” ผศ.อาวุธ ยิ้มแต้  รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งแวดล้อม  กล่าวในที่สุด

'บอสใหญ่ BAM' ชวนนักศึกษาทั่วไทย ระเบิดไอเดียสร้างสรรค์ ร่วมประชันโครงการ 'BAM สร้างแบรนด์' ชิงเงินกว่า 4 แสนบาท

จากรายการ THE TOMORROW ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ประจำวันที่ 26 ส.ค.66 ได้พูดคุยกับแขกพิเศษ นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เกี่ยวกับงานประกวด 'BAM สร้างแบรนด์' งานที่เปิดโอกาสให้กับนิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ได้ร่วมระเบิดไอเดียสร้างแบรนด์ BAM ให้ปัง และยั่งยืน ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 400,000 บาท พร้อมรับโล่รางวัลและประกาศนียบัตร โดยร่วมสมัครและส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2566 นี้ ว่า...

BAM เป็นองค์กรหลักที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทั้ง NPL และ NPA โดยทำหน้าที่แก้ไขหนี้เสียให้กลับเป็นหนี้ดีเพื่อส่งคืนสู่ระบบเศรษฐกิจปกติอีกครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา BAM ดำเนินธุรกิจโดยมีแนวคิดในการสร้างเสริมเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เข้มแข็ง โดยแบ่งปันโอกาส คำนึงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา BAM ได้ดำเนินโครงการที่เป็นการส่งเสริมให้เยาวชน นิสิตนักศึกษา ได้รับการพัฒนาทักษะและยกระดับคุณภาพการเรียนรู้มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น 'โครงการมอบทุนการศึกษา' ให้กับนักเรียนนักศึกษา มากกว่า 15,000 ทุน รวมเป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท 

'โครงการโรงเรียนต้นคิด ชีวิตยั่งยืน' เพื่อให้นักเรียนระดับประถมศึกษา ได้จัดทำแปลงเกษตรอาหารกลางวันในพื้นที่โรงเรียน เป็นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดี และเพิ่มคุณค่าโภชนาการควบคู่ไปกับแผนการเรียนการสอน พัฒนาทักษะด้านการเกษตร

สนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนโดยมุ่งเน้นประสบการณ์จริง ด้วยการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยจัด 'โครงการประกวดการออกแบบทรัพย์สินรอการขายของ BAM' โดยนำแบบที่ชนะการประกวดไปปรับปรุงพัฒนาทรัพย์ต้นแบบของ BAM เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินรอการขายให้เป็นที่ต้องการของตลาด และยังเป็นการเปิดเวทีให้นักศึกษาได้แสดงฝีมือในเชิงสร้างสรรค์อย่างเต็มที่

***สำหรับในส่วนของโครงการ 'BAM สร้างแบรนด์' ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ BAM ตั้งใจที่จะให้นิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ได้มีพื้นที่ในการนำเสนอความคิด จัดทำแผน ซึ่งจะสร้างการรับรู้ ของแบรนด์ BAM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้ความหลากหลายทางจินตนาการและความคิดที่สดใหม่

"ผมมองว่าการเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้นำเสนอความคิดนั้น เพราะเป็นผู้ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน จึงมีจินตนาการที่กว้างไกล มีการครีเอทแนวความคิดที่ใหม่และสด ซึ่งจะทำให้นักศึกษาเหล่านี้เติบโตเป็นต้นกล้าได้ในอนาคต ต่างจากการจ้างบริษัทเอเจนซี่ ที่ส่วนใหญ่ต้องเป็นไปตามประสบการณ์ของแต่ละบริษัทนั้นๆ เท่านั้น" นายบัณฑิต กล่าว

ในส่วนของเงินรางวัลรวม ก็มีทั้งสิ้น 440,000 บาท ประกอบด้วย...

- รางวัลชนะเลิศ มูลค่า 200,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและประกาศนียบัตรจำนวน 1 รางวัล 
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มูลค่า 100,000 บาท  พร้อมประกาศนียบัตรจำนวน 1 รางวัล  
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ  2  มูลค่า  50,000  บาท พร้อมประกาศนียบัตรจำนวน 1 รางวัล 
- รางวัลชมเชย มูลค่า 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรจำนวน 2 รางวัล 
และรางวัล Popular Vote มูลค่า 30,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตรจำนวน 1 รางวัล

สำหรับโครงการ 'BAM สร้างแบรนด์' จะหมดเขตรับสมัครในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 โดยหลังจากนั้นจะมีการคัดเลือกทีมให้เหลือ 20 ทีม และมีการเทรนนิ่ง พร้อมคัดรอบรองชนะเลิศ, ประกาศ 10 ทีมสุดท้าย และประกาศผลในรอบสุดท้ายพร้อมมอบรางวัล ในวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ต่อไป

"เราหวังว่าโครงการนี้ จะเป็นกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะสามารถนำไปต่อยอดและประยุกต์ใช้งานจริงในอนาคตได้ต่อไป" นายบัณฑิต กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามน้องๆ คนไหนที่สนใจ ยังพอมีเวลา สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bam.co.th และทาง LINE Official Account :@bambrandcontest สมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ www.bambrandcontest.com

‘นศ.เวชนิทัศน์ ปี 2 ม.ขอนแก่น’ วาดภาพกระดูกอาจารย์ใหญ่ โซเชียลสุดทึ่ง!! เป๊ะทุกสัดส่วน เหมือนจริงราวกับภาพถ่าย

เมื่อไม่นานนี้ ได้เกิดไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อเฟซบุ๊ก ‘ชมนาด อุปชิตกุล’ โพสต์ภาพ ‘ผลงานภาพวาดกระดูกอาจารย์ใหญ่ด้วยเทคนิคสีน้ำ’ ของนักศึกษา ชั้นปีที่ 2 อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ที่เหมือนจริงราวกับภาพถ่าย จนชาวโซเชียลต่างเข้ามาคอมเมนต์ และแชร์โพสต์ชื่มชนเป็นจำนวนมาก

ดร.ชมนาด อุปชิตกุล อาจารย์ประจำสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มข.เปิดเผยว่า ผลงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาจิตรกรรมขั้นสูงสำหรับเวชนิทัศน์ ซึ่งอยู่ในสาขาวิชาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ แม้จะอยู่ในสังกัดคณะแพทย์ แต่นักศึกษาสาขานี้ไม่ใช่หมอ ซึ่งสาขาเวชทัศน์ คือการเรียนการสอนเพื่อสร้างสื่อทางการแพทย์ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ หุ่นจำลอง วิดีโอ ภาพถ่ายเพื่อเป็นสื่อการศึกษาทางการแพทย์ หรือแม้แต่แอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยสื่อสารให้คุณหมอ นักศึกษาแพทย์ และคนไข้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น

“เวชนิทัศน์ เป็นการเรียนหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต 4 ปีจบ ที่นักศึกษาจะได้เรียนทั้งวิชาด้านการแพทย์ เช่น อาการทางคลินิก วิชาปรสิตวิทยา วิชาพยาธิวิทยา หรือ Gross Anatomy จากอาจารย์หมอ ควบคู่กับการเรียนรู้เทคนิคด้านการสร้างสื่อเทคโนโลยี และศิลปะ เราอาจนิยามได้ว่านักศึกษาเราคือ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์ อย่างไรก็ตาม การวาดภาพทางการแพทย์นั้น ต้องใช้เทคนิคที่แตกต่างจากการวาดภาพธรรมดา เพื่อให้เห็นภาพความเป็นจริง ใส่รายละเอียด สัดส่วนที่แม่นยำ ถูกต้อง เพื่อให้ใช้อ้างอิงในเชิงวิชาการได้ ซึ่งต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ หรือคุณหมอ ไม่ใช่เพื่อความสมจริง และสวยงามเท่านั้น” ดร.ชมนาด กล่าว

ดร.ชมนาดกล่าวอีกว่า ด้วยความตั้งใจที่อยากให้นักศึกษามีกำลังใจในการเรียน และเป็นเหมือนบอร์ดเก็บผลงานลูกศิษย์ ตนจึงตัดสินใจโพสต์ภาพวาดบนโซเชียล แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมานั้นเกินความคาดหมาย เพราะยอดไลก์ ยอดแชร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันอาจารย์หมอ หรืออาจารย์คณะอื่นๆ ก็ติดต่อเข้ามาว่าสนใจให้นักศึกษาไปช่วยวาดภาพวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่างๆ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนด้วย

“ผู้ที่สนใจเข้าศึกษาต่อที่สาขาวิชาเวชนิทัศน์ ไม่จำเป็นต้องวาดภาพเก่ง หรือถนัดทั้งสายวิทย์ และสายศิลป์ แต่ขอให้เป็นคนที่ชื่นชอบการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริง เพราะตั้งแต่ปี 1-2 นักศึกษาจะได้เรียนรู้การสื่อสารสำหรับเวชนิทัศน์ ฝึกฝนการ Drawing พื้นฐานศิลปะ กราฟิก และการปั้น ขึ้นปี 3 จะเริ่มเรียนรู้วิชาหุ่นจำลองทางการแพทย์ ฝึกฝนการทำ Motion Graphic, Coding การวาดการ์ตูนสำหรับเวชนิทัศน์ ไปจนถึงถ่ายภาพทางการแพทย์ เป็นการสร้าง Multi skill ก่อนชั้นปี 4 ได้เรียนรู้วิชานิทรรศการ สร้างโปรเจ็กต์สื่อทางการแพทย์จากสิ่งที่แต่ละคนชื่นชอบ และสนใจ ซึ่งอาจร่วมมือกับอาจารย์ หรือนักศึกษาคณะอื่นๆ เพื่อบูรณาการศาสตร์ต่างๆ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้บริบทการทำงานของนักเวชนิทัศน์ในโรงพยาบาล และการสร้างสื่อการเรียนการสอนในสายการศึกษาด้วย” ดร.ชมนาด กล่าว

ดร.ชมนาดกล่าวอีกว่า มีนักเรียนสมัครเข้ามามากขึ้น เพราะเราพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริง เมื่อแต่ละคนไปฝึกสหกิจ ก็ทำให้สถานประกอบการสนใจ และให้ทำงานต่อทันทีกว่า 30% ทั้งในไทย และประเทศอาเซียน ซึ่งพบว่าหลังจากจบการศึกษา มีภาวะว่างงานน้อยในสายงานการตลาดที่หลากหลาย

นายนนทกรณ์ จันทร์หวาน นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาเวชนิทัศน์ คณะแพทยศาสตร์ มข.กล่าวว่า หลังเห็นฟีดแบ็กบนโซเชียลก็ดีใจ ที่มีคนชื่นชอบผลงานภาพวาดครั้งนี้ เพราะเป็นการวาดภาพกระดูกอาจารย์ใหญ่ของจริงครั้งแรก และเป็นภาพวาดที่ใช้เทคนิคสีน้ำขั้นสูงครั้งแรก ก่อนวาดก็จะวัดสัดส่วนกระดูก ดูมุมแสง และเงา เก็บรายละเอียดต่างๆ จนมั่นใจว่าเหมือนจริง และถูกต้องทุกรายละเอียด จึงรังสรรค์มาเป็นผลงานกระดูกแขน และมือ

“ผมเลือกวาดกระดูกส่วนแขน และมือ เพราะเป็นส่วนที่มีรายละเอียดเยอะ ใช้เวลาวาดประมาณ 3-5 ชั่วโมง ผลงานก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ และหวังว่าภาพวาดนี้จะถูกนำไปเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือสื่อการศึกษาทางการแพทย์ในอนาคต แม้จะไม่เคยรู้จักสาขาวิชาเวชนิทัศน์มาก่อน แต่ผมเลือกที่จะลองเข้ามาเรียนรู้ เพราะสนใจในหลักสูตรที่บูรณาการทั้งวิทยาศาสตร์ และศิลปะไว้ด้วยกัน โดยหวังว่าการผลิตสื่อทางการแพทย์ของตัวเอง จะไม่ใช่เพียงสื่อที่ให้แพทย์ได้ศึกษาเท่านั้น แต่จะเป็นตัวกลางระหว่างหมอกับคนไข้ ให้สื่อสารเรื่องยากได้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น” นายนนทกรณ์ กล่าว

‘2 นักศึกษาสาว’ สงสาร ‘คุณยาย’ ปั่นจักรยานเก่า-ท่าทางเหนื่อยล้า อาสาไปส่งบ้าน ก่อนพบความจริงแล้วอึ้ง เมื่อเจอประธานบริษัทตัวจริง

(12 ต.ค. 66) คลิปไวรัลที่มีคนเข้าไปแห่ดูคลิปและแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก เมื่อผู้ใช้ TikTok @kikida29 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด โพสต์คลิปวิดีโอถูกช็อตฟีลหนักมาก พร้อมระบุข้อความว่า “เมื่อยาย ทำเราอึ้ง”

โดยคลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าของคลิปกับเพื่อนที่เป็นนักศึกษาพยาบาล ลงพื้นที่ชุมชนใน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสอบถามข้อมูลด้านสุขภาพของคนในชุมชน แล้วได้ไปเจอคุณยายกับจักรยานคันเก่า สังเกตเห็นคุณยายเดินเข็นจักรยานพร้อมกระสอบข้าวสาร ท่าทางมีอาการเหนื่อยล้า เกิดความสงสาร จึงเข้าไปสอบถามและให้การช่วยเหลือ

กระทั่งไปถึงบริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำเอาอึ้งไปเลยกับบ้านที่เห็นหลังใหญ่มากยังไม่พอ ยังมีพื้นที่มีบริเวณกว้างขวางอีกด้วย เจ้าของโพสต์จึงถามว่าบ้านใคร ยายหันมาตอบว่า บ้านยายนี่แหละ ทำเอาเจ้าของโพสต์ถึงกับร้องอุทานออกมาว่า “เอ้า” น้ำเสียงอารมณ์ช็อตฟีลสุดๆ อารมณ์ประมาณเจอท่านประธานบริษัทตัวจริง เรียกว่า ผ้าขี้ริ้วห่อทองกันเลยทีเดียว

ขณะที่มีชาวเน็ตได้ดูคลิปก็ต่างช็อตฟีลไปตามๆ กัน เข้าไปคอมเมนต์สนั่น อาทิ จริงๆ แล้ว ยายคือประธานบริษัท, จริงๆ แล้วยายคือประธานบริษัทปลอมตัวมา, เอ้าาาเสียงคือสิ้นหวัง555, ยิ่งกว่าในละครสั้น, ยายทดสอบสังคม, เขาเรียกผ้าขี้ริ้วห่อทองของแท้, แปลกๆ ตั้งแต่เอาผ้าแพรไหมเช็ดน้ำหมากแล้ว555 เป็นต้น

ขณะที่ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งแสดงตัวว่าเป็นหลานของยายคนดังกล่าว เข้ามาคอมเมนต์ด้วยว่า “ย่าเราเองค่ะ ชอบปั่นจักรยานทุกวันค่ะ” ซึ่งก็มีคนมาแซว อาทิ ย่าดังแล้วปอน55555, ยายเพิ่ลจำหลานเขยอย่างอ้ายได้บ่น้อ เป็นต้น

ไวรัลจุกอก!! ‘รปภ.’ เขียนข้อความกลั่นมาจากใจถึง ‘นศ.’ อวยพรเด็กๆ เรียนให้จบทุกคน เพราะตนไม่มีโอกาสนี้

เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 67) เป็นไวรัลที่ทำให้หลายคนประทับใจไม่น้อย เมื่อผู้ใช้ TikTok ที่ชื่อว่า ‘oxf_26’ แชร์ภาพของ รปภ.มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กำลังนั่งคุกเข่าลงกับพื้น เพื่อเขียนข้อความในแผ่นผ้าสีขาว อวยพรนักศึกษา

โดยเมื่อเข้าไปซูมอ่านข้อความที่เขียนไว้นั้น เหมือนเป็นคำแทนใจให้กับหลายคนที่อยากมีโอกาสได้เขียน แต่ไม่สามารถทำได้ และขออวยพรให้แทนว่า…

“ขอให้น้องๆ ตั้งใจเรียน เรียนให้จบทุกคนนะ เพราะพี่ไม่มีโอกาสได้เรียน 07 รปภ.ศรีปทุม”

ที่เจ้าของคลิปก็ได้โพสต์ไว้จนมีคนเข้าไปชมกว่า 1.7 ล้านครั้ง โดยว่า “ขอให้พี่มีความสุขในทุกๆ วันนะคะ”

โดยมีคนเข้าไปคอมเมนต์ข้อความต่างๆ อาทิ

- “อายุ 30 แล้วลงเรียน ป.ตรีได้ไหมครับ”
- “ขอบคุณพี่ รปภ.จากใจศิษย์เก่าศรีปทุมรุ่น 52”
- “ไม่มีโอกาสได้เรียนเหมือนกัน นี่จบแค่ ม.6 อายุ 23 แล้ว ยังมีโอกาสจะได้ใส่ชุดนักศึกษาอยู่ไหม”
- “ใจฟูขึ้นมาทันทีเลยค่ะ”
- “พี่รปภ.คนนี้น่ารักจริง ๆ ค่ะ หนูรอสอบข้างโรงเย็นนั่งคุยกับเพื่อนที่พื้นพี่เขาเห็นก็ไปยกม้านั่งเหล็กมาให้แล้วบอกอย่านั่งพื้นเลยนั่งอันนี้ดีกว่า”
- “ประโยคเดียวแต่ความรู้สึกเป็นล้านเลย”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top