Friday, 3 May 2024
นนทบุรี

รมต.กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนในพื้นที่บ้านสุเหร่าสำลี ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

วันที่ 24 มีนาคม 2564 เวลา 6.00 น.  นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี เป็นประธานปล่อยแถวชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่แพร่ระบาด ลดความเดือดร้อนของประชาชน “ชุมชนสีขาวสร้างสุข” ตามยโยบายรัฐบาล ณ ศาลาว่าการจังหวัดนนทบุรี  จากนั้นเวลา 7.30 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าที่ ร.ต. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์  เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายสุจินต์  ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และหน่วยงานภาคี ลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนในพื้นที่บ้านสุเหร่าสำลี ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 

ซึ่งเป็นพื้นที่เครือข่ายตามกองทุนแม่ของแผ่นดิน เป็นตำบลสีขาวในในด้านการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชนร่วมกันภายในชุมชน เพื่อเฝ้าระวังป้องกันและแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการปฏิบัติงานกับตัวแทนผู้นำชุมชนเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านยาเสพติดอย่างใกล้ชิดเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพัฒนาในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อยากตรงประเด็น ชัดเจน พร้อมทั้งแถลงนโยบายการปฏิบัติการชุมชนสีขาวสร้างสุขครั้งที่1 / 2564 ในระหว่างวันที่ 17- 24 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา มีเป้าหมายในการปฎิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่รวมจำนวน 22 จังหวัดและเป้าหมายผู้ค้าผู้เสพจำนวน 379 ราย

นายสมศักดิ์กล่าวว่าหลังจากนี้สำนักงาน ป.ป.ส.จะกำหนดให้มีการปฎิบัติการ ”ชุมชนสีขาวสร้างสุข” อย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องคนไทยปลอดภัยจากยาเสพติด และประชาชนมีความพอใจมีความเชื่อมั่นของการแก้ไขปัญหายาเสพติดจากรัฐบาล ดังนั้น หากประชาชนพบเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส โทร 1386 โดยทุกข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกเก็บเป็นความลับและได้รับการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของภาครัฐ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามผู้ค้าในพื้นที่แพร่ระบาด นำผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีสู่สังคมและให้สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

"ราชทัณฑ์" จับมือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เปิดโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรีโมเดล"

วันพฤหัสบดีที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ฝ่ายบริหาร ผศ.ดร.นิคม แหลมสัก รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรีโมเดล" เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรี" ด้านการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ ณ เรือนจำจังหวัดนนทบุรีโครงการโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตต้นแบบ "เรือนจำจังหวัดนนทบุรี"เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ กรมราชทัณฑ์ โดย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดย สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (สถานีวิทยุ ม.ก. ด้วยการเปิดรับสมัครผู้ต้องขังสูงอายุในเรือนจำจังหวัดนนทบุรี จำนวน 30 คน เพื่อร่วมอบรมเกี่ยวกับการจัดกระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังสูงอายุทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

โดยมุ่งเน้นให้ผู้ต้องขังสูงอายุมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง คลายความวิตกกังวลในขณะที่อยู่ภายในเรือนจำ มีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะอาชีพ พัฒนาองค์ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมนำไปต่อยอดให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำรุ่นต่อไป ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ต้องขังสูงวัยให้ดำรงตนอย่างมีคุณค่า  ทางสถานีวิทยุ ม.ก. จะให้การสนับสนุนการพัฒนาความรู้ เปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ได้เข้าถึงองค์ความรู้ในแขนงวิชาต่าง ๆ อาทิ ความรู้ด้านกฎหมาย ๒,ด้านสุขภาพ ๓.ด้านโภชนาการ๔.ด้านเศรษฐกิจและสังคม ๕.ด้านพระพุทธศาสนา ๖.ด้านการใช้ภาษาและการสื่อสาร ๗.ด้านการออม และ ๘.การจัดกิจกรรมสันทนาการ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังสูงวัย ให้มีสุขภาพใจและร่างกายแข็งแรงสามารถสร้างผู้สูงวัยอย่างมีคุณภาพ "Active Aging"

พร้อมต่อยอดถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ต้องขังสูงวัยในรุ่นต่อไป  ผ่านเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. โดยมีเนื้อหาหลักสูตรใน ๕ มิติ ได้แก่ ด้านร่างกาย เน้นในเรื่องการดูแลสุขภาพของตนเอง ด้านจิตใจ เน้นการรู้จักบริหารสุขภาพจิต ด้านสังคม เน้นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การเรียนรู้ภูมิปัญญาไทย การเปลี่ยนแปลงของสังคม สิทธิและสวัสดิการสังคมสำหรับผู้สูงอายุ ด้านเศรษฐกิจและกิจกรรมสันทนาการ การฝึกทักษะอาชีพ การให้ความรู้เรื่องการออมในผู้สูงวัย และด้านจิตปัญญา การส่งเสริมให้เข้าถึงธรรมชาติและสัจธรรมพร้อมกันนี้ ยังเป็นต้นแบบให้กับเรือนจำอื่น ๆ ในการต่อยอดองค์ความรู้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้ต้องขังสูงอายุ

ตามมาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมสูงอายุ โดยมีแนวทางและรูปแบบการให้การศึกษาผ่านทางเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. เป็นหลัก โดยออกอากาศ ทั้ง ๔ ภูมิภาค ในระบบ เอ.เอ็ม. สเตอริโอและผู้ต้องขังสูงอายุ ยังสามารถรับชม-รับฟัง ทั้งภาพและเสียงผ่านทางเครือข่ายของสถานีวิทยุ ม.ก. ณ สถานที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรีได้กำหนดไว้ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 30 คน ต้องติดตามรับฟังรายการวิทยุอย่างต่อเนื่องตลอดหลักสูตร ๑ เดือน ๒ สัปดาห์ ออกอากาศเนื้อหาหลักสูตรเริ่มตั้งแต่วันที่ ๒ เมษายน - ๑๒ พฤษภาคม๒๕๖๔ รวม ๒๙ หลักสูตร จึงจะได้รับประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

นนทบุรี - แม่ค้าซื้อของเก่าพบลูกปืนคอ 82 ขณะกำแยกของ แจ้งชุดเก็บกู้ระเบิดตรวจสอบ

เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 9 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด (อีโอดี) เข้าตรวจสอบที่บริเวณบ้านเช่าติดกัน 6 หลัง ประขานิเวศน์ 3 ซอย 10/1 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี พบลูกปืนคอจำนวน 1ลูกลักษณะเก่าสนิมจับวางอยู่ข้างเสาไฟฟ้าหน้าบ้านเช่าดังกล่าว 

นาง เมธาวี  ธาราธรรมรัตน์ กล่าว่าตนมีอาชีพรับซื้อของเก่าไปซื้อแถวแจ้งวัฒนะมากองหน้าบ้านที่ตนเช่าอยู่ระหว่างกำลังแยกของเมื่อช่วงเช้าพบระเบิดอยู่ในกล่องกระดาษตกใจมากจึงนำไปวางไว้ตรงเสาไฟฟ้าหน้าบ้านและรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบ

หลังจากเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิด(อีโอดี) มาถึงและตรวจสอบอย่างละเอียดจึงพบว่า วัตถุดังกล่าวเป็นเป็นลูกกระสุนปืนคอ 82 อานุภาพการทำลายล้างสูงหากใช้การได้  และจากการตรวจสอบพบว่าลูกปืนคอดังกล่าวยังอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ และไม่สามารถระเบิดขึ้นได้ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถูระเบิด (EOD) ได้ทำการเก็บกู้เพื่อนำไปทำลายต่อ


ภาพ/ข่าว กำพลศิลป์ วงษ์เดือน

นนทบุรี - สวนกระบองเพชร ดร.ฉลวย ขันจำนงค์ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีแนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีมากกว่า 1,000 พันชนิด

ที่ "สวนกระบองเพชร ดร.ฉลวย ขันจำนงค์ ตำบลไทรใหญ่ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีแนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีมากกว่า1,000 พันชนิด ตั้งแต่ราคาถูก 20 บาท ไปยันต้นละหลายพัน

คนที่เลี้ยงกระบองเพชรสามารถสร้างรายได้ไม่ยาก โดยมีความเสี่ยงน้อย แนะนำว่า ให้เลี้ยงไว้หลากหลายสายพันธุ์ เพราะ ในช่วงที่บางสายพันธุ์ราคาตก ก็เก็บไว้รอ ในขณะที่ตัวไหนราคาดี ก็ปล่อยขายไปก่อน จนวัฏจักรวนครบรอบ ตัวที่ราคาตกกลายเป็นราคาดีขึ้นมา ส่วนลงทุนเบื้องต้น ก็ลองซื้อเมล็ดพันธุ์มาเพาะ ราคาไม่แพงพอโตก็คัดต้นแปลก ๆ มาขายให้นักสะสม ในแฟนเพจกลุ่มผู้รักกระบองเพชร

แนวคิดที่น่าสนใจ กระบองเพชรมีความสวยงาม โดยเฉพาะยามออกดอกจะสร้างสีสันให้กับบ้านได้อย่างดี การเลี้ยงปลูกกระบองเพชรมีการพัฒนาสร้างพันธุ์ใหม่ขึ้นได้เองอีกหลายชนิด มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ ซึ่งบางพันธุ์จำหน่ายได้ราคาสูงกว่า 5,000 บาท ทำให้มีรายได้เข้ามาเสริมเดือนละกว่า 1 หมื่นบาทโดยการเพาะขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อเพาะเมล็ด พบว่า การขยายพันธุ์บางครั้งจะทำให้ได้กระบองเพชรชนิดใหม่ ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ ทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น จึงออกไปหาสายพันธุ์ใหม่มาเพิ่มเติม และเพาะเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น กระบองเพชรที่เลี้ยงไว้ไม่กี่ต้นขยายเติบโตขึ้นเป็นสวนใหญ่  สามารถสร้างรายได้เสริมได้จำนวนหนึ่ง มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ปัจจุบันมีรายได้เสริมจากการจำหน่ายกระบองเพชร สำหรับการเลี้ยงดูกระบองเพชรนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะกระบองเพชรเป็นพืชที่ต้องการน้ำต่ำ แต่ขาดแสงแดดไม่ได้ ใช้เวลาในการเลี้ยงดูตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปจึงสามารถจำหน่ายได้

 

นนทบุรี – อดีตตำรวจจราจร ป่วยเป็นโรคเครียด ผันตัวเป็นพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวกัญชา สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

หลังจากสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 หลากหลายอาชีพประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ดต.ฐนกร สวนหอม อายุ 54 ปี อดีตตำรวจจราจร สน.พญาไท หลังจากขอเกษียญราชการก่อนอายุราชการ ผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ย่านดุสิต ขื่อร้านเนื้อตุ๋นกัญ โอชา โดยคว้าโอกาสหลังรัฐบาลปลดล็อคพืชกัญชา ให้นำมาเป็นส่วนผสมในอาหารได้ จึงได้คิดค้นก๋วยเตี๊ยวเนื้อรสเด็ด ผสมใบกัญชา เรียกลูกค้าได้อย่างมากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำมาหากิน ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองได้เป็นอย่างดี

ดต.ฐนกร สวนหอม เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า เพิ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวมาได้ประมาณ 1 เดือน หลังมีการประกาศคลายล็อคพืชกัญชา จึงไดผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยวเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว โดยที่ร้านจะขายเฉพาะเมนูเนื้อวัวอย่างเดียว มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อผสมกัญชา โดยใช้เนื้อวัวสด ตับ หัวใจ เอ็นตุ๋น เนื้อตุ๋น ขอบกระด้ง สไบนาง และลูกชิ้น นอกจากนี้ยังมีเนื้อโคขุนย่างไว้ทานเล่น คู่กับน้ำชากัญชา ราคาไม่แพงก๋วยเตี๋ยวชามละ 60 บาท พิเศษ 80 บาท เกาเหลา ชามละ 80 บาท ข้าวเปล่า 10 บาท เนื้อปิ้งไม้ละ 10 บาท และน้ำชากัญชาขวดละ 25 บาท เปิดขายทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น.ถึง 21.00 น. ร้านเนื้อตุ๋นกัญ โอชา ตั้งอยู่เลขที่ 105 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ใกล้โรงหนังจันทิมาเก่า

ดต.ฐนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวผสมกัญชา เริ่มจากตนเองป่วยเป็นโรคเครียด รักษาด้วยแพทย์แผนไทยใช้น้ำมันกัญชา หลังเออร์รี่ออกจากราชการจุงคิดประกอบอาชีพ และคิดว่าจะทำอาหารที่มีส่วนผสมกัญชาเพื่อช่วยให้คนได้คลายเครียดด้วย จึงได้ไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตและได้ติดต่อขอซื้อใบกัญชาที่ถูกต้องจากแหล่งที่ได้รับอนุญาตมาเป็นส่วนผสมในก๋วยเตี๋ยว และทำน้ำชากัญชา ผลตอบรับจากลูกค้าดีมากให้ความสนใจเข้ามาลองชิมแน่นร้านทุกวัน ใครที่อยากทดลองชิมก๋วยเตี๋ยวกัญชาสามารถเดินทางมาที่ร้านได้ข้างซอยโรงหนังจันทิมาเก่า หรือโทร.จองโต๊ะได้ที่เบอร์ 0992863344 และ 0854946665 เปิดขายทุกวันไม่มีวันหยุด จากผลตอบรับของลูกค้าเป็นอย่างดี ดต.ฐนกร เล็งขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งแห่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี

นนทบุรี - สภ.รัตนาธิเบศร์ จับกุมผู้ต้องหาชิงทรัพย์ร้านทองโต๊ะกัง 1991ห้างพันธ์ทิพย์จังหวัดนนทบุรีได้แล้ว

เมื่อวันพุธที่ 28 เม.ย.64 เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร  ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พล.ต.ต.ณพล กลัดเข็มเพชร ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร., พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ รอง ผบก.ฯ ปฏิบัติราชการ ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.จิรายุส วานิชกุล ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี, พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ และดร.ชัยรัตน์ จำนงค์การ ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษา กต.ตร.ภ.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุมและทำแผนประกอบคำรับสารภาพผู้ต้องหาก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองโต๊ะกัง 1991 ห้างพันทิพย์งามวงศ์วาน พื้นที่ สภ.รัตนาธิเบศร์

จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ

1.นายวรธนหรือโทน สมปาง อายุ 21 ปี ที่อยู่ 32 ม.4 ต.ผาอินทร์แปลง อ.เอราวัณ จว.เลย

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

2.นายดำรงหรือดำ ใจภักดี อายุ 57 ปี ที่อยู่ 10 ม.8 ต.เกยไชย อ.ชุมแสง จว.นครสวรรค์

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน รับของโจร

พฤติการณ์ ด้วยวันที่ 24 เม.ย.64 เวลา 18.28 น. เกิดเหตุคนร้าย จำนวน 1 คน ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงเอาสร้อยทองคำรูปพรรณ ไปจากร้านทองโต๊ะกัง 1991 ห้างพันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน ได้สร้อยคอทองคำรูปพรรณ หนัก 1 บาท จำนวน 37 เส้น คิดเป็นมูลค่า 999,000 บาท จากนั้นได้วิ่งหลบหนีและใช้อาวุธปืนชิงเอารถจักรยานยนต์ บริเวณกลางซอยงามวงศ์วาน 25 ต.บางกระสอ อ.เมือง จว.นนทบุรี แล้วขับขี่หลบหนีไป

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะพักอาศัยอยู่บริเวณวัดบัวขวัญ จึงได้กระจายกำลังกันพิสูจน์ทราบ จนกระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายวรธนหรือโทน สมปาง อายุ 21 ปี พักอาศัยอยู่ภายในวัดบัวขวัญ ซอยงามวงศ์วาน 25 กับนายดำรง หรือดำ ใจภักดี อายุ 57 ปี ต่อมาพบตัวนายดำรงฯ ยอมรับว่านายวรธนฯ ได้นำทองที่ได้จากการก่อเหตุชิงทรัพย์มาฝากไว้ ต่อมาได้นำไปซุกซ่อนภายในห้องพักและนำทองจำนวน 2 บาท ไปขายที่ร้านทองตลาดท่าน้ำนนท์ ได้เงินมา 49,000 บาท จึงนำตัวไปตรวจค้นห้องพักและพบทองรูปพรรณ จำนวน 29 เส้น, เศษทอง จำนวน 1 ชิ้น ซุกซ่อนอยู่ จึงยึดเป็นของกลาง และจับกุมตัวนายดำรงฯ ดำเนินคดีข้อหา รับของโจร

ต่อมาสืบทราบว่า นายวรธนฯ หลบหนีไปอยู่ที่ อ.เอราวัณ จว.เลย จึงได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ จ.162/2564, จ.163/2564 ลงวันที่ 27 เมษายน 2564พร้อมพบของกลาง สร้อยคอทองคำ หนัก 15.21 กรัม จำนวน 1 เส้น และเศษโลหะสีเหลืองคล้ายทอง หนัก 14.68 กรัม

พร้อมตรวจยึดทรัพย์

1.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น ดรีม ซูเปอร์คัพ ทะเบียน 7 กข 3816 กทม จำนวน 1 คัน (จอดทิ้งไว้บริเวณปากซอยรังสิต นครนายก 39 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จว.ปทุมธานี)

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวฯ ณ ร้านทองโต๊ะกัง 1991 ห้างพันทิพย์งามวงศ์วาน จว.นนทบุรี


ภาพ/ข่าว  ปริญญา​  ดวง​สุวรรณ​ ​ / ข่าว​ สยามโฟกัสไทม์

นนทบุรี – กรมพลาธิการทหารบก ส่งมอบโรงพยาบาลสนามให้แก่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ 2 อาคาร 200 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว

วันนี้ ( 5 พ.ค.64)เวลา 10.00 น. ที่ กองยกกระบัตร กรมพลาธิการทหารบก อำเภอเมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พลโท กิตติชัย วงศ์หาญ  เจ้ากรมพลาธิการทหารบก พร้อมคณะนายทหาร ส่งมอบมอบโรงพยาบาลสนามให้แก่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะจำนวน 2 อาคาร 200 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว โดยมี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ พร้อมคณะแพทย์และพยาบาลร่วมรับมอบโรงพยาบาลสนามดังกล่าว 

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ผ่านมา กองทัพบกได้ตระหนักถึงความสำคัญและเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการเตรียมพื้นที่ในการช่วยเหลือประชาชนสนับสนุนหน่วยงานราชการต่าง ๆ และกระทรวงสาธารณสุข จึงมอบหมายให้กรมพลาธิการทหารบก จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคนา 2019 (COVID -19) กรณีเกินขีดความสามารถในการรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลหลัก และได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารกองคลังยกกระบัตร กรมพลาธิการทหารบกเป็น โรงพยาบาลสนาม ประกอบด้วยอาคาร 2 อาคาร การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 200 เตียง ณ กองยกกระบัตร กรมพลาธิการทหารบก ในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและ รองรับผู้ป่วยกรณีโรงพยาบาลหลักเกินขีดความสามารถที่จะดูแลผู้ป่วยได้ทั้งหมด โดยรับผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาและสังเกตอาการจากโรงพยาบาล กรณีอาการไม่รุนแรง(กลุ่มสีเขียว) ให้มาพักรักษาและติดตามอาการต่อเนื่อง จนกว่าผลตรวจจะเป็นลบหรือไม่พบเชื้อแล้ว แต่หากพบว่ามีอาการหนักขึ้น ก็จะถูกส่งตัวกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลหลักทันที

นอกจากนี้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้สนับสนุนนำเทคโนโลยี 5G และนวัตกรรมต่าง ๆ เข้าไปสนับสนุนการทำงาน การเว้นระยะห่างของการทำงานของแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ฯ ( Social distancing ) เพื่อช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยกระดับให้การทำงานของทีมแพทย์ และบุคลากรต่าง ๆ ไร้อุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ด้วย

นนทบุรี - นิพนธ์ มอบน้ำดื่ม ”ปาป้า-กปน.” ให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19

ที่รพ.ศรีธัญญา และ รพ.จุดฉีดวัคซีน ในเขต กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ ตามโครงการ “กปน. มอบน้ำดื่มแทนน้ำใจร่วมต้านภัย Covid-19”
วันที่ 20 พฤษภาคม 2564  ที่อาคารผู้ป่วยจิตเวชชาย (อาคาร 9 ชั้น) ชั้น 1 โรงพยาบาลศรีธัญญา จังหวัดนนทบุรี  นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมช.มท.)พร้อมด้วย นายนิทัศน์ มณีศิลาสันต์ นายวีรวัฒน์ ยมจินดา กรรมการ กปน. นายกวี อารีกุล ผู้ว่าการ กปน. และผู้บริหาร กปน. ร่วมมอบน้ำดื่มบรรจุขวดพร้อมดื่มให้ บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19  โดยมี รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นผู้รับมอบ 


นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า การประปานครหลวง ได้ส่งมอบน้ำดื่มปาป้าให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานสนับสนุนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ตามโครงการ กปน. มอบน้ำดื่มแทนน้ำใจร่วมต้านภัย Covid-19 มาอย่างต่อเนื่อง รวมแล้วกว่า 40,000 ขวด เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงมอบให้พี่น้องประชาชนผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะการดื่มน้ำสะอาดช่วยลดความเสี่ยงจากอาการไม่พึงประสงค์ หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโคสิด-19 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายกระทรวงมหาดไทย ในการร่วมบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน พร้อมกันนี้นายนิพนธ์ยังได้เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่ามาร่วมลงทะเบียนฉีดวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19 เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันหมู่และกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็วที่สุด"

ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา กล่าวว่า การดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ นอกจากจะช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย และขับของเสียออกจากร่างกายแล้ว การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอก่อนและหลังฉีดวัคซีน จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการไม่พึงประสงค์และควรเตรียมความพร้อมก่อนฉีดวัคซีน  ด้วยการทำความเข้าใจข้อมูลของวัคซีน  พักผ่อนให้เพียงพอ  ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามบุคลากรก่อนรับการฉีด


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา
 

นนทบุรี - ช่วงโควิด-19 หลายธุรกิจหยุดชะงัก แวะมาดูอินทผลัมออแกนิกของเกษตรกรชาวนนทบุรี สร้างศูนย์เรียนรู้ ท่องเที่ยวเชิงเกษตรใกล้กรุงฯที่จังหวัดนนทบุรี

สวนอินทผลัม ปามี 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร ใช้ที่ดินกว่า 100 ไร่ ปลูกอินทผลัม ทุเรียน และสมุนไพรอื่นๆเพื่อให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางเกษตร ชนิดที่ว่าเข้าแล้วจะอิ่มเอมกับความบริสุทธิ์ของวิถีชาวสวนและสนุกกับการเดินข้ามท้องร่องในสวนบนบรรยากาศที่เป็นระเบียบน่ามองน่าชมเกษตรกรนนทบุรี ปลูกอินทผลัมกินผลสด ผลผลิตมากคุณภาพ ขายได้ราคาดี ผลใกล้สุกแล้วปลายเดือนมิถุนายนนี้ 

สำหรับสวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “ แห่งนี้ได้ความสนใจจากประชาชนมาท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างมากมาย เนื่องจากเป็นพืชนี้มีราคาดี รสชาติหวาน กรอบ อร่อย และยังเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากและให้พลังงานสูง

อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์ม มีหลากหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสูงได้ถึงประมาณ 30 เมตร โดยใบติดอยู่บนต้น 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร มีลักษณะเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกของอินทผลัมจะออกจากโคนใบ เมื่อติดผลลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ รับประทานได้ทั้งผลสดและสุก ซึ่งผลจะมีสีเหลืองถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด โดยผลสุกจะนิยมนำไปตากแห้ง

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตรกล่าวว่า “เห็นถึงลักษณะพิเศษของอินทผลัม จึงได้นำมาทดลองปลูกภายในสวน จนประสบผลสำเร็จ ทำให้ในเวลานี้ที่ สวนอินทผลัมออออแกนิก นายสุเทพ กังเกียรติกุล หรือ“ ปามี 98 “มีผลผลิตอินทผลัมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด พร้อมทั้งแต่ละปีมีผลผลิตคุณภาพออกสู่ตลาดเป็นที่ถูกใจของลูกค้าไม่น้อยทีเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากจะปลูก ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ที่สวนเราได้ หรืออยากจะลองชิม หรือศูนย์เรียนรู้ได้ที่ ชาวสวนอินทผลัมออแกนิก เที่ยวเชิงเกษตร  เลขที่ 98 ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  สวนของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล ได้ทุกเวลา

นนทบุรี - สธ.เปิดห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ตรวจเชื้อโรคความเสี่ยงสูง

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรับมอบห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (Biosafety Level 3 laboratory) จาก Mr.Nashida Kazuya เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Dr.Daniel  Kertesz ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สร้างความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในหลายโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก่อสร้างอาคารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขแห่งชาติ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี เพื่อเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีหน้าที่ยืนยันสาเหตุและสถานการณ์ของโรคที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข และปี พ.ศ.2563 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การอนามัยโลก จำนวน 38,600,000 บาท สำหรับการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 2 และระดับ 3 ให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางชีวภาพ พร้อมที่จะดำเนินการเต็มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานกับเชื้อโรคอันตรายสูงด้วยความปลอดภัยต่อชีวิตนักวิจัยและสิ่งแวดล้อม โดยเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ครั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด -9 ในด้านการตรวจชันสูตร การพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ ชุดตรวจ วัคซีนและยารักษาโรค นอกจากนี้ยังเสริมความเข้มแข็งในการเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านปลอดภัยและความมั่นคงด้านชีวภาพทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Biosafety and Biosecurity Training Center) สำหรับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นห้องปฏิบัติการที่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ สามารถป้องกันการหลุดรอดของเชื้อโรค สู่ภายนอก ใช้สำหรับการตรวจวิเคราะห์ วิจัยเชื้อโรคความเสี่ยงสูง เช่น ไข้หวัดนก โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส โรคซาร์ส และโรคโควิด-19 เป็นต้น โดยการปฏิบัติงานที่สำคัญได้แก่ การเพาะแยกเชื้อไวรัส การเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเชื้อ การสกัดสารพันธุกรรม และการจัดการกับตัวอย่างติดเชื้ออุบัติใหม่ เพื่อเป็นคลังสายพันธุ์เชื้อแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนี้

 - การชันสูตรโรค

 - การศึกษาวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข

 - การควบคุมโรค

 - การส่งเสริมพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการเครือข่าย

 - การต่อยอดพัฒนายาและวัคซีน เพื่อการรักษาและการป้องกันโรค “ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นับเป็นหนึ่งในผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจริงจังจากองค์การอนามัยโลก ทำให้มีห้องปฏิบัติการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพและความพร้อมในการสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกัน


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top