Sunday, 5 May 2024
ธกส

‘จุรินทร์’ แจ้งข่าวดีชาวนา เตรียมรับเงินประกันรายได้ข้าว งวด 29 พร้อมโอนเข้ากระเป๋า 3 พ.ค.นี้ เพื่อชดเชยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ

(30 เม.ย. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลาง อ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ระบุว่า สำหรับการจ่ายเงินส่วนต่างตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรปี 4 นั้น ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 29 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 22-28 เมษายน 66 ดังนี้

1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว

2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13, 622.75 บาท ชดเชยตันละ 377.25 บาท

3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,132.26 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย

‘ธ.ก.ส.’ ชงพักหนี้แบบมีรายได้ 3 ปี-เล็งยกเลิกให้สิทธิ์อัตโนมัติ ดัน ครม.เห็นชอบ หวังลดภาระ-สร้างรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร

(21 ก.ย. 66) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุม โดยฝ่ายบริหารจะมีการเสนอมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ตามนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องการลดภาระและสร้างรายได้ให้เกษตรกรเป็นการเร่งด่วน คาดว่าจะนำข้อสรุปทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 26 ก.ย.นี้ เพื่อให้การดำเนินการต่อไป

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ยืนยันว่ามาตรการพักหนี้รอบใหม่ จะไม่เหมือนกับ 13 ครั้งในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา แต่เป็นการทำมาตรการบนแนวทาง 2 เรื่อง คือ

1.) มุ่งลดภาระให้เกษตรกร โดยจะพักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้เกษตรกรทันที 3 ปี ส่วนภาระดอกเบี้ยรัฐบาลจะรับภาระชดเชยให้ ธ.ก.ส.แทน

2.) เร่งฟื้นฟูศักยภาพให้เกษตรกร มุ่งสร้างรายได้ในระหว่างร่วมมาตรการพักหนี้ โดยปรับวิธีคิดการทำเกษตรจากเดิมที่เน้นจำนวนการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มเทคนิคทางการเกษตร การทำการตลาด วิธีการขาย กรณีที่มีการเพาะปลูกต้องรู้ตลาดว่าจะนำไปขายให้ใคร

“รัฐบาลให้นโยบายชัดเจนว่า ให้ ธ.ก.ส.ไปทำมาตรการพักหนี้รอบใหม่ให้รอบด้าน โดยปิดจุดอ่อนมาตรการในอดีตให้มากที่สุด โดยตอบโจทย์ 3 ประเด็น คือ 1.) ลดภาระ 2.) ฟื้นฟูศักยภาพ และ 3.) ระมัดระวังการเสียวินัยชำระหนี้หลังจากพ้นระยะเวลามาตรการพักหนี้ไปแล้ว ปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีลูกหนี้อยู่ราว 3.9 ล้านราย สินเชื่อรวม 1.4 ล้านล้านบาท ส่วนลูกหนี้รายได้จะเข้าเกณฑ์ มีสินเชื่อรวมต่อรายเท่าใดก็จะเสนอหลายแนวทางให้พิจารณา” นายฉัตรชัย กล่าว

นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า การพักหนี้รอบใหม่จะแตกต่างจากที่ผ่านมา ที่ลูกหนี้จะได้สิทธิ์ทันทีโดยอัตโนมัติไม่ต้องดำเนินการอะไร แต่ครั้งนี้ลูกหนี้ที่ต้องการร่วมโครงการ จะต้องโชว์ตัวตนผ่านแอปลิเคชัน BAAC Mobile เพื่อให้ธนาคารสามารถติดตามสถานะลูกหนี้ได้ ไม่ใช่เข้าโครงการแล้วหายไปเลย ธนาคารก็จะประเมินสถานะลูกหนี้ พร้อมกำหนดแนวทางช่วยเหลือแต่ละรายแตกต่างกันตามความสามารถของลูกหนี้ การพักหนี้รอบใหม่จะมาเป็นแพ็คเกจ ทั้งการให้สิทธิ์ประโยชน์ รวมทั้งการให้สินเชื่อเพิ่มเติมกับลูกหนี้ที่ต้องการเงินทุน เพิ่มสภาพคล่องเพื่อการฟื้นฟู ไม่ให้ไปกู้นอกระบบ

ด้านนางโสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลการศึกษาถอดบทเรียนการพักหนี้เกษตรกรไทย ว่า การพักหนี้ที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร ซ้ำยังเป็นการทำให้เกษตรกรเสพติดการพักหนี้ในกลุ่มลูกหนี้ดี

ส่วนลูกหนี้เสียเหมือนเป็นการเตะปัญหาออกไป จึงเสนอให้มีการออกแบบมาตรการให้เหมาะสม คือ

1.) ไม่ควรมีรูปแบบพักหนี้เหมือนเดิม และเน้นพักหนี้ระยะสั้น
2.) แก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ใช่พักหนี้ให้ทุกคน เช่น กลุ่มได้รับผลกระทบภัยแล้ง น้ำท่วม
3.) เสริมแนวทางให้เกษตรกรช่วยเหลือตนเอง เช่น ระบบประกันสินเชื่อเกษตรกร โดยการพักหนี้ควรเป็นเครื่องมือสุดท้ายที่รัฐบาลจะนำมาใช้

‘ธ.ก.ส.’ สรุปยอด ‘พักหนี้เกษตรกร’ ผ่านแอปฯ BAAC mobile สัปดาห์แรก ชี้ ขอเข้าโครงการทะลุ 1.2 แสนคนแล้ว ย้ำ ทำได้ถึง 31 ม.ค.67 เท่านั้น

(7 ต.ค.66) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งว่า ยอดผู้แจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อย ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC mobile ณ วันที่ 7 ต.ค. 66 เวลา 11.00 น. มีจำนวนทั้งสิ้น 122,206 ราย หลังจากยอดทะลุ 100,000 รายไปเมื่อวานนี้

ทั้งนี้ ธนาคารเปิดให้แจ้งความประสงค์มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งยังสามารถทำได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 โดย ธ.ก.ส. จะนำข้อมูลมาพิจารณาเพื่อนัดหมายผู้ผ่านเกณฑ์ไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องและเข้ารับการประเมินศักยภาพ ความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพต่อไป

โดยการแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพียงกรอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แสดงความประสงค์ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ จากนั้นระบบจะมีการประมวลข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อนัดหมายผู้ผ่านเกณฑ์และผู้ค้ำประกันไปที่สาขาหรือจุดบริการที่นัดหมาย เพื่อจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ารับการประเมินศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้

รวมถึงการเสริมความรู้ฟื้นฟูทักษะในการประกอบอาชีพภายใต้แนวทาง ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ใหม่’ เพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลังการพักชำระหนี้ พร้อมเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เหมาะสมในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพ วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท ในการจัดหาปัจจัยการผลิต เพื่อให้เกษตรกรสามารถยืนได้อย่างมั่นคงหลังการพักชำระหนี้

ทั้งนี้ โครงการพักหนี้เกษตรกร 3 ปี รอบนี้ ลูกหนี้ที่เข้าข่ายต้องมีหนี้ค้างชำระที่มีเงินต้นเป็นหนี้ทุกสัญญารวมกัน ณ 30 กันยายน 2566 ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งมีลูกหนี้ที่เข้าข่ายกว่า 2.69 ล้านราย 

‘ครม.’ เคาะ!! หนุนเงินช่วยชาวนา ไร่ละ 1 พันบาท ไม่เกิน 20 ไร่ พร้อมไฟเขียวขึ้นราคา ‘น้ำตาล’ 2 บาท/กก. หลังต้นทุนชาวไร่อ้อยพุ่ง

(14 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำหรับส่วนที่ตนดูและรับผิดชอบก็คือเรื่องข้าวและน้ำตาล ในเรื่องราคาข้าวนั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายข้าว ได้มีการประชุมกันและได้ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทำการหารือกัน ซึ่งได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้หารือและนำสรุปเข้า ครม.วันนี้ ได้ข้อสรุปว่า เงินค่าช่วยบริหารจัดการ ที่จะให้เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาท ทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 20 ไร่ เกษตรกรแต่ละครัวเรือนก็จะได้ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท ตรงนี้ก็ได้ประชุมเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินการตั้งแต่มติ ครม.ออก ซึ่งจะรอให้ ธ.ก.ส.เคลียร์รายละเอียดประชุมเสนออีกครั้งหนึ่ง เข้าใจว่าอย่างเร็วก็จะเป็นวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน หรือวันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายนนี้ แต่อยู่ภายในกรอบหนึ่งเดือน ซึ่งเกษตรกรจะได้รับเงินตรงนี้ต่อเนื่องไป

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนเรื่องน้ำตาล ตนก็ได้รับฟังจากที่ประชุม ซึ่งตนได้มีการประชุมกับคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) และได้พูดคุยกับเกษตรกร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอธิบดีกรมเจรจาการค้าต่างประเทศ ก็ได้ประชุมหารือร่วมกันไปถึง 2 ครั้ง และได้ข้อสรุปว่าเราจะดำเนินการ ในการที่จะพิจารณาอย่างเหมาะสม ตามความเป็นจริง ประเด็นแรก คือ ดูต้นทุนของเกษตรกรชาวไร่อ้อย แล้วเห็นว่าก็สมควรให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยขึ้นราคา 2 บาท ตามที่ต้นทุนมีอยู่

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ส่วนกรณีของเรื่องอีก 2 บาท ที่ขอขึ้นเพื่อจะใช้ในกองทุนเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม อันนี้เรายังไม่ให้ขึ้น ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม และกรรมการที่เกี่ยวข้องไปหารือกันว่า เรื่องนี้ไม่ควรจะให้ผู้บริโภครับผิดชอบคนเดียว ให้ไปดูว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับใครอย่างไร มีช่องทางในการดำเนินการจัดการอย่างไร ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นที่ยังไม่อนุมัติ และขอให้ดำเนินการตามนี้

เมื่อถามถึง ปัญหาเรื่องน้ำตาลขาด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ได้คุยกับที่ประชุมที่เกี่ยวข้องทุกส่วนแล้ว ยืนยันว่า น้ำตาลจะไม่ขาด

เมื่อถามว่า การประชุมมีเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คิดว่าเอาเรื่องเฉพาะหน้า ที่เกษตรกรกำลังเดือดร้อน และก็จะได้คุมราคาน้ำตาลขึ้นสองบาท แล้วก็สามารถดำเนินการได้ ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ สำหรับอนาคตที่จะต้องมีการปรับอะไรต่างๆ ก็ค่อยว่ากัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องฉุกเฉิน ที่มีปัญหาอยู่ และเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาที่ประชาชนกำลังรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า จะมีผลตั้งแต่วันนี้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ครม.ได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เกี่ยวข้องก็ไปดำเนินการต่อ จะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

‘แก้วสรร’ ชี้ แจกเงินดิจิทัล ‘ทรยศ-ลวงโลก’ แจง!! เป็นเงินเดิมในวงจรอยู่แล้ว ฟาด!! รบ.ไม่เร่งผ่านงบ ซ่อนเจตนาให้เงินเหลือจ่าย เพื่อเอาใส่ในโครงการ

(5 พ.ค.67) นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความ โครงการแจกเงินดิจิตอล : ทรยศและลวงโลก ? มีเนื้อหาดังนี้

ถาม การแจกเงินชาวบ้านคนละ 1 หมื่น   จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงไหม?
ตอบ คุณเป็นโรคขาดเลือด เพราะไขสันหลังไม่ทำงานผลิตเม็ดเลือดแดงให้เพียงพอ พอเม็ดเลือดแดงมีน้อย การขนส่งออกซิเจน กับธาตุอาหาร ไปยังเซลล์ต่างๆทั่วร่างกายก็ไม่เพียงพอตามไปด้วย   ร่างกายก็เสื่อมทรุดถึงตายได้ในที่สุด     
นี่คือ ‘วิกฤต’ ที่พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าเกิดขึ้นแล้ว  ต้องเร่งเติมเงินเติมเลือดเข้าไปโดยด่วน 

ถาม แล้วมันสมเหตุผลหรือไม่
ตอบ นักวิชาการเขาก็ยังเถียงกันอยู่  แต่ที่ฟังแล้วผมเห็นด้วยเลยนั้น ก็คือความเห็นที่ว่า งานนี้ คนไข้ขาดเลือด ก็ต้องเอาเลือดใหม่เข้ามาเติม ไม่ใช่ดูดเลือดจากแขนซ้าย ไปอัดใส่แขนขวาแบบนี้   ทำอย่างนี้มันไม่ใช่การเติมเม็ดเลือดใหม่ให้ร่างกาย   มันไม่มีผลสร้างสุขภาพใหม่ขึ้นมาได้

ถาม มันเป็นการดูดเลือดแขนซ้ายไปใส่แขนขวา ยังไงครับ
ตอบ คือที่มาของเงินแจกในครั้งนี้  มันเป็นเงินเดิมเลือดเดิมที่มีในวงจรเศรษฐกิจอยู่แล้ว  อยู่ในงบประมาณ ปี 2567 และ 2568 รวมกว่า 3.7 แสนล้าน และถ้าเอามาจาก ธกส.จริงอีก 1.3 แสนล้าน วงเงินก้อนนี้ก็เป็นเงินที่ ธกส.เขามีและจะให้กู้ช่วยการประกอบการของเกษตรกรอยู่แล้ว  มันจึงไม่ใช่เลือดใหม่อะไรทั้งสิ้น

ถาม เหตุผลเพียงเท่านี้ ก็ไปหาว่าเขาทุจริตลวงโลก เลยเชียวหรือ
ตอบ มันไม่ใช่ ‘เพียงเท่านี้’ นะครับ  คุณไม่เห็นหรือว่า   มันมีการละเว้นหน้าที่  ไม่เร่งรัดผ่านงบประมาณ ปี 2567 เช่นที่ควรจะเป็น  งบปี 67 พึ่งประกาศราชกิจจา ในพฤษภาคม นี้เอง    มีเวลาใช้งบลงทุนเหลืออยู่แค่ 6 เดือน เท่านั้น รับรองว่าผูกมัดหาคู่สัญญาไม่ทันแน่นอน พอพ้นตุลาไปแล้ว ใช้มติ ครม.ผลักเงินที่เหลือจ่าย เข้าโครงการดิจิตอลได้ทั้งหมดเลย

ถาม อาจารย์กล่าวหาว่า เขามีเจตนาประวิงให้งบประมาณ ปี 67 ผ่านล่าช้าเลยเชียวหรือ
ตอบ ถ้าสุจริต ก็ควรต้องเร่งรัดได้เร็วกว่านี้    เป็นรัฐบาลเมื่อ กันยายน 2566   ก็ควรเปิดสภาวิสามัญลุยผ่านงบให้เสร็จได้ในสิ้นธันวา ก็ไม่ทำ   เอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ จนเวลาหายไปอีก  4 เดือน วันนี้เหลือเวลาเพียง ๖ เดือนเท่านั้น

ถาม ให้ทุกส่วนราชการเร่งใช้ เร่งหาคู่สัญญามาผูกมัดงบประมาณให้หมด ไม่ได้หรือ
ตอบ ผมถามพรรคพวกในกระทรวงคลังแล้ว เขาบอกว่าไม่มีทางทัน   และที่สำคัญเขาไม่เห็นมาตรการเร่งรัดเช่นที่ควรจะเป็นเลย  

ถาม รัฐบาลที่รู้งาน ควรจะเร่งรัดอย่างไร
ตอบ ถ้าสุจริตตรงไปตรงมาจริงๆ   ต้องมีมติ ครม.โดยพลัน วางมาตรการเร่งรัด เอาไปใช้บังคับในงบทุกรายการ ทุกส่วนราชการเลย   ขั้นตอนหาคู่สัญญาที่ไม่จำเป็นก็ใช้มติ ครม.ยกเว้นเสียให้หมด   ทุกรายการงบประมาณต้องมีแผนปฏิบัติการผูกมัดงบประมาณ เห็นเป็นแผนเวลาชัดเจน  โดยต้องรายงานทุกเดือนว่าคืบหน้าตามแผนหรือไม่  ถ้าล่าช้าต้องรายงานพร้อมเสนอมาตรการแก้ไขมาด้วย   

ถาม แล้ววันนี้ เขาไม่เร่งกันเลยหรือครับ
ตอบ เพื่อนผมบอกว่า   ดีไม่ดีน่าจะแอบส่งสัญญาณห้ามเร่งรีบซะด้วยซ้ำไป คุณดูอาการในงบกระทรวงคมนาคมให้ดีๆก็แล้วกัน

ถาม ถ้าเตะถ่วงได้เต็มที่จริงๆ เงินจะเหลือพอโครงการดิจิตอลไหม
ตอบ เขาพูดกันว่า  เหลือได้ถึง 3 แสน เลยทีเดียว เติมงบกลางอีกหน่อย  ก็ไม่ต้องไปกู้ ธกส.หรอกครับ

ถาม หมายความว่า  ที่รัฐบาลบอกจะกู้ ธกส.1.3๓ แสนล้านนั้น มันเป็นโคมลอย ที่หลอกให้ผู้คนหลงทางโจมตีกันไป อย่างนั้นหรือ
ตอบ ครับ เป็นไปได้อย่างยิ่ง ผมดูทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่นี่ เขามีดีเอ็นเอ เดียวกันทั้งนั้น  สามารถจะร่วมมือกันดึงงบได้ดีทีเดียว

ถาม ถ้าเป็นจริงอย่างที่เราสงสัย  พฤติการณ์จงใจใช้งบล่าช้าเพื่อแปลงงบแผ่นดินเป็นงบดิจิตอลอย่างนี้  จะมีความผิดหรือไม่ครับ
ตอบ เป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติราชการโดยสุจริต มุ่งประโยชน์ทางการเมืองที่มิควรได้ ทำให้เศรษฐกิจบ้านเมืองเสียหายงบแผ่นดินไม่ถูกเร่งผลักดันออกมาใช้ในเวลาอันควร จนบ้านเมืองขาดเงินหมุนเวียนเป็นแสนล้านกว่า ๖ เดือน    

ถาม ฟังดูเหมือน ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต นะครับ
ตอบ ในทางกฎหมายยังเถียงกันได้ แต่ในทางการเมือง ถูกตราหน้าว่า ‘ลวงโลก’ และ ‘ทรยศต่อหน้าที่’ ได้แน่นอน    
ก็ไม่เป็นไรครับ....บ้านนี้เมืองนี้ ‘ประชาชน’ มีไว้หลอกลวงและป้อนอาหารเม็ดอยู่แล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top