Saturday, 4 May 2024
ท่าเรือแหลมฉบัง

ครม.เคาะร่างสัญญาร่วมลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. รับทราบผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือเอฟ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้เห็นชอบแล้ว ตามมติของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง กลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี ซึ่งได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินของรัฐเป็นค่าสัมปทานคงที่ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่อัตรา 100 บาทต่อทีอียู (ตู้สินค้าขนาด 20 ฟุต) โดยมีระยะเวลาร่วมลงทุน 35 ปี

สำหรับกลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี เป็นเอกชนผู้ยื่นข้อเสนอรายเดียวที่ผ่านการประเมิน หากดำเนินการคัดเลือกใหม่อาจส่งผลให้การเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือเอฟ ล่าช้าประมาณ 2 ปี และก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น การที่ปริมาณตู้สินค้าจะเกินขีดความสามารถในการรองรับในปี 68 

นับหนึ่งลงทุนท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 หลังช้ามานาน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้เป็นประธาน ในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ระหว่าง การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทพ.) และ บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐได้รับดีที่สุด เป็นไปตามเอกสารการคัดเลือกเอกชน และมติ ครม. ได้อนุมัติไว้

สำหรับ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง รองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยก่อสร้างท่าเทียบเรือ สำหรับรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ รวมทั้งพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ก่อสร้างท่าเทียบเรือชายฝั่งระหว่างประเทศ ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือ โครงข่ายและระบบการขนส่งต่อเนื่องที่จำเป็นในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังที่จะเชื่อมต่อกับภายนอกให้เพียงพอ รองรับการขยายตัวของปริมาณเรือและสินค้าประเภทต่าง ๆ

ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างท่าเรือ F1 แล้วเสร็จ สามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 ส่วนท่าเทียบเรือ F2 จะแล้วเสร็จปี 2572 และเมื่อโครงการในระยะที่ 3 แล้วเสร็จจะสามารถรองรับความจุตู้สินค้าจาก 11 ล้านตู้/ปี เป็น 18 ล้านตู้/ปี หรือเพิ่มตู้สินค้าไม่ต่ำกว่า 7 ล้านตู้/ปี รับการขยายตัวของปริมาณเรือขนส่งสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น เชื่อมต่อการพัฒนาสู่ท่าเรือบก เป็นศูนย์กลางการค้าบริการขนส่ง ยกระดับไทยเป็นประตูการค้าเชื่อมภูมิภาคเอเชียไปสู่ระดับโลกโดยผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐจะได้รับจากโครงการเป็นค่าสัมปทานคงที่ คิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อ TEU (หน่วยนับตู้คอนเทนเนอร์ที่มีขนาด 20 ฟุต) มีระยะเวลาร่วมลงทุน 35 ปี 

‘นิคมอุตสาหกรรม TFD’ ประกาศความมั่นคงด้านน้ำ นิคมแรกในพื้นที่ EEC!!

วันที่ 23 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ผู้พัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม TFD ได้จัด “พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ การเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ EEC โครงการนิคมอุตสาหกรรม TFD โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” ขึ้น ณ โรงแรม JC Kevin Sathorn Bangkok Hotel โดยพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ครั้งนี้ ได้ลงนามร่วมกับ บริษัท อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ส แมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการที่ให้บริษัท IWRM เข้าไปร่วมดูแลบริหารจัดการน้ำในนิคมอุตสาหกรรม และดำเนินการวางท่อส่งน้ำจากอ่างกักเก็บน้ำธรรมชาติของบริษัทฯ ความจุรวมกว่า 30 ล้านลบ.ม. เข้าสู่พื้นที่นิคมอุตสาหกรรม TFD เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการใช้น้ำภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่อไป

โดยพิธีลงนามในครั้งนี้ ประกอบด้วยตัวแทนนิคมอุตสาหกรรม TFD โดยมี คุณอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) / คุณกฤตวัฒน์ เตชะอุบล กรรมการบริหาร และคุณอนุกูล อุบลนุช กรรมการผู้จัดการ ลงนามร่วมกับ นายธนวัฒน์ สันตินรนนท์ กรรมการบริหาร บริษัท อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ส แมนเนจเม้นท์ จำกัด (IWRM) และยังได้รับเกียรติจาก ดร. คณิศ แสงสุพรรณ  เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC พร้อมด้วย นาย ธาดา สุนทรพันธุ์ รองผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  ลงนามเป็นสักขีพยานอีกด้วย

​“พิธีลงนามบันทึกความร่วมมือ การเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ EEC โครงการนิคมอุตสาหกรรม TFD โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” ในครั้งนี้ เป็นที่สนใจแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศอย่างมาก เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรม TFD เป็นนิคม Smart Industry บนทำเลทอง เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์เมืองอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ SmartCity จังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นประตูสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือEEC ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 30 กิโลเมตร ใกล้ทั้งท่าเรือกรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบัง ปัจจุบันจัดสรรพื้นที่ไปแล้วกว่า 800 ไร่โดยแบ่งเป็นเขต General Zone และเขต FreeZone พร้อมรองรับนักลงทุน ที่จะเข้ามาลงทุนใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของ EEC

 

ลูกทัวร์กว่า 600 ชีวิต โดนลอยแพ แถมเสียเงินเป็นแสน หลังเรือสำราญอ้าง บริษัททัวร์ไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้

เมื่อไม่นานมานี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก ‘โหนกระแส’ ได้ออกมาเผยแพร่เรื่องราวของลูกทัวร์ 500-600 ชีวิตที่โดนลอยแพ หลังจ่ายเงินเป็นแสน แต่ทางเรืออ้างว่าไม่มีการส่งรายชื่อมา จนทำให้เกิดเหตุชุลมุนที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี หลังบริษัทเรือสำราญแห่งหนึ่ง ลอยแพผู้โดยสารจำนวน 500-600 คน โดยอ้างว่าบริษัททวร์ไม่ได้ส่งรายชื่อมาให้

ผู้เสียหายรายหนึ่งได้ให้ข้อมูลกับทีมเพจโหนกระแสว่า ทำไมลูกค้าทัวร์ที่ซื้อโปรฯ ลดราคา หรือโปรฯ 1 แถม 1 ถึงมีรายชื่อขึ้นเรือได้ แต่อีกหลายคนที่ซื้อหลักแสน ซื้อทั้งครอบครัว ไม่ได้ขึ้นเรือ

นอกจากนี้ ยังมีครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ที่มีรายชื่อพ่อและลูกให้ขึ้นเรือ แต่กลับไม่มีชื่อของแม่ รวมถึงศิลปินนักร้องที่ต้องทำการแสดงบนเรือ ก็ไม่มีรายชื่อด้วยเช่นกัน จึงสงสัยในการจัดการว่าเป็นอย่างไร ผิดพลาดที่อะไรกันแน่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว แต่จำนวนผู้เสียหายไม่มากเท่าครั้งนี้

ขณะนี้มีผู้เสียหายบางส่วนที่ดำเนินการเข้าแจ้งความแล้ว มูลค่าความเสียหายน่าจะมากพอสมควร

ตู้คอนเทนเนอร์ ‘ท่าเรือแหลมฉบัง’ เกิดเหตุเพลิงไหม้ ‘สารเคมีระเบิด’ คาด!! พิษสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้วัตถุภายในตู้เกิดปฏิกิริยาขึ้น

(29 ส.ค.66) พ.ต.อ.ปพรพัชร์ ใบยา ผกก.สภ.แหลมฉบัง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ถังบรรจุสินค้าอันตราย ประเภท UN.2014 class 5.1 ซึ่งมีกลิ่นฉุนรุนแรง และมีฤทธิ์กัดกร่อน ภายในลานพักตู้คอนเทนเนอร์ JWD เขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนคร

ที่เกิดเหตุเป็นลานพักตู้คอนเทนเนอร์ ประเภทสินค้าอันตราย พบตู้คอนเทนเนอร์ ตู้สินค้าอันตรายหมายเลข TLLU2697694 Class 5.2 UN 3106 สารเคมีเป็น Orgaic peroxide type d, solid (สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์) จำนวน 378 กล่องได้เกิดปฏิกิริยา ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ พบกลุ่มควันดำขาว รวมถึงเปลวเพลิงลอยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก

จากการตรวจสอบพบมีผู้ได้รับผลกระทบของบริษัท mc logistics จำนวน 154 คน ลานจอดรถ โตโยต้า 23 คน และนำส่งคนงาน 7 ราย โรงพยาบาลวิภาราม หลังมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก แสบตา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิง โดยสลับเปลี่ยนหมุนเวียนรถดับเพลิงเข้าพื้นที่

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้พบเห็นควันดำขาวลอยพุ่งออกมาจากลานพักตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว หลังจากนั้นไม่นานเริ่มมีเพลิงลุกไหม้ลอยตามมาติด ๆ ก่อนที่จะมีระเบิดดังขึ้น หลังจากนั้นก็พบว่าคนงานในพื้นที่ และใกล้เคียงต่างพากันวิ่งหนีกันออกมา นอกจากนี้ ยังส่งกลิ่นเหม็นฉุนไปทั่วบริเวณอีกด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และทางบริษัทได้กั้นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ โดยขณะนี้พบว่าเพลิงได้สงบลงแล้ว แต่ยังมีไอระเหยอยู่ ทั้งนี้ ทราบว่าสาเหตุอาจเกิดจากอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้วัตถุภายในตู้เกิดปฏิกิริยาขึ้น ซึ่งหลังเหตุการณ์สงบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top