Sunday, 19 May 2024
ทหารบก

“เหล่าทัพ-ตร.”เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชนช่วงปีใหม่ แนะกำลังพลเข้มงวดตัวเองเฉลิมฉลอง-ท่องเที่ยว ป้องกัน “คลัสเตอร์ทหาร” ทอ.วางกฎ 4 ข้อ คัดกรองเข้มข้น-เวิร์คฟอร์มโฮม50เปอร์เซ็นต์ 1 เดือนเต็ม หวั่นช่วง “โอมิครอน”ขาขึ้น

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ พล.ต. ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย แถลงว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เน้นย้ำ เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาล และกลาโหมด้วยความมุ่งมั่น ทุ่มเทเ เสียสละเพื่อประโยชน์ประเทศชาติ ประชาชนและ สถาบัยพระมหากษัตริย์ พร้อมให้ทุกหน่วยให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยหนาวในช่วงฤดูหนาว พร้อมให้ตั้งจุดอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเพื่อลดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่

ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางการปฏิบัติของแต่ละหน่วยดังนี้ โดย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพไทยเพื่อให้สามารถตอบโต้ต่อภัยคุกคามในทุกรูปแบบได้อย่างทันท่วงที และมีความพร้อมในการเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงให้กับประเทศชาติและประชาชน กองทัพบก ได้รายงานผลการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของกองกำลังป้องกันชายแดนในห้วงที่ผ่านมา โดยมีการลาดตระเวน เฝ้าตรวจพื้นที่ล่อแหลม การจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตลอดจนการดำเนินงานด้านการข่าวเชิงรุกในแต่ละพื้นที่

กองทัพเรือ ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถด้านสงครามไซเบอร์ของกองทัพเรือ โดยได้นำแนวคิด People – Process – Technology มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างบุคลากร เทคโนโลยี และกระบวนการ กองทัพอากาศ ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังกองทัพอากาศตามแนวคิดการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operation) และแนวคิดการปฏิบัติการหลายมิติ (Multi Domain Operation) ให้มีขีดความสามารถในมิติทางอากาศ มิติไซเบอร์ และมิติอวกาศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำเสนอนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยการจัดทำโครงการที่สำคัญ จำนวน 3โครงการ ได้แก่ โครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ โครงการตำรวจประสานโรงเรียน (1ตำรวจ  โรงเรียน) และโครงการการศึกษาเพื่อต่อต้านการใช้ยาเสพติดในเด็กนักเรียน ทั้งยังมีการสร้างสถานบำบัดอย่างเป็นระบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาผู้เสพด้วยชุมชนบำบัดจนเกิดผลสำเร็จ ลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติดในสังคมไทย นำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ “สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด” พร้อมกำชับกองทัพบกเน้นย้ำสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตั้งจุดตรวจ จุดสกัดและดำเนินการด้านการข่าวเชิงรุกในแต่ละพื้นที่อย่างเข้มงวด

พล.ต. ธีรพงศ์  กล่าวว่า ในส่วนของจุดตรวจ บริการเป็นโครงการของกระทรวงกลาโหม เติมความสุขให้คนไทยตามแนวทางวิถีชีวติใหม่จากใจทหาร 17 ธ.ค.64  ถึง 3 ม.ค. ให้หน่วยประสานกับหน่วยในพื้นที่ โดยกองทัพไทย 50 หน่วย กองทัพเรือ 47 หน่วย กองทัพอากาศ 20 หน่วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองทัพบก ทุกหน่วย ส่วนแนวทางป้องกันลักลอบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทางกกล.จัดกำลังเต็มที่ ไม่ได้ลดกำลังลง ผบ.ทสส.ได้เน้นย้ำให้กองกำลังตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัด 

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า เป็นภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด กว่า 1,400 จุดทั่วประเทศ โดย ผบ.ตร. ได้จัดให้มีแอพพลิเคชั่น ทีพีซีซี โดยมีห้องโอเปอเรชั่น บริหารจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทุกจุด ดูจากกล้องวงจรปิดได้ 24 ชม.แบบเรียลไทม. ภาระหน้าที่คือ อำนวยความสะดวกจรจร สกัดกั้นอาชญากรรมและยาเสพติดรวมกับเหล่าทัพ ฝ่ายปกครอง และยังเป็นจุดบริการ โดยปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 หมื่นกว่านาย เพิ่มมาตรการสกัดกั้นโควิด-19 โดยมีเจ้าหน้าที่ สธ.ร่วมด้วย ทั้งนี้โครงการฝากบ้านกับตำรวจยังคงมีอยู่ และเพิ่มความสะดวกให้ประชาชนฝากบ้านผ่านแอพลิเคชั่นได้ด้วย  

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงมาตรการรับมือโควิด-19 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของกำลังพลว่า คงมาตรการเคร่งครัดเสมอ หากกำลังพลมีความพร้อมและปลอดจากการติดเชื้อก็สามารถออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอกอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยส่วนแรก กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน อำนวยความสะดวกกับประชาชน จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการระวังตัวให้มากกว่าเดิม และ ส่วนที่ใช้ชีวิตตามปกติ เฉลิมฉลองในเทศกาลปีใหม่ ศบค.ทบ.ได้ออกมาตรการกำชับให้กำลังพล ครอบครัว และผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่ค่ายทหาร ให้ร่วมมือในการปฏิบัติตามคำแนะนำในการ ลด ละ เลี่ยงพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธ์ใหม่และเก่า ถ้าป้องกันไว้ก่อน ทุกคนจะได้กลับมาใช้ชีวิตในช่วงโควิดขาขึ้นได้อย่างปกติสุข

'วันหยุด ทหารไม่หยุด' ชุดปฎิบัติการบินทหารบก กองกำลังสุรนารี ส่งสิ่งของเสบียง แด่ทหารผู้กล้า ชายแดนไทย

วันที่ 13 เมษายน 2566 พลตรี วีรยุทธ  รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี มอบหมายให้ พันเอก ณรงค์เวทย์ ศรีแสงแก้ว หัวหน้าชุดปฏิบัติการบินทหารบก กองกำลังสุรนารี จัดกำลังพล เพื่อนำส่ง สิ่งของอุปกรณ์(สป.) ให้กับทหารกล้า ผู้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างห้วงวันหยุดเทศกาล ณ ฐานปฎิบัติการภูโคกใหญ่ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี 

'ผบ.ทบ.' นำ 211 นายพล ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ขอรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

(2 ต.ค.66) พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นายทหารชั้นนายพล สังกัดกองทัพบก ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้น ประจำปี 2566 โดย ผบ.ทบ. ได้กล่าวแสดงความยินดีพร้อมทั้งให้โอวาท เพื่อเป็นสิริมงคลและขวัญกำลังใจแก่นายทหารสัญญาบัตรชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้นทุกนาย

พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมว่า การที่ภารกิจของกองทัพบกสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันที่เป็นรากฐานด้านความมั่นคงของชาตินั้น มีกำลังพลทุกนายเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม ด้วยความเสียสละ อุทิศตน ปฏิบัติหน้าที่อย่างประสานสอดคล้องกัน โดยยึดถือเอกราชและอธิปไตยของชาติ รวมถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมาย ส่งผลให้กำลังพลทุกนายได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา จนทำให้ได้เลื่อนยศสูงขึ้นในครั้งนี้ และขอให้กำลังพลทุกนายพัฒนาตนเองให้ทันสมัย ก้าวทันเทคโนโลยี เพื่อนำไปพัฒนาระบบงานให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

จากนั้น พล.อ.เจริญชัย ได้นำคณะนายทหารชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานชั้นยศสูงขึ้น กระทำพิธีกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5

โดยในปีนี้ นายทหารสัญญาบัตรสังกัดกองทัพบกที่ได้รับพระราชทานชั้นยศสูงขึ้น เป็นพลเอก 15 นาย พลโท 55 นาย พลโทหญิง 1 นาย พลตรี 122 นาย และพลตรีหญิง 18 นาย รวมเป็นจำนวน 211 นาย ซึ่งนายทหารทุกนาย ได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ราชการ ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ และมีประสิทธิภาพ จนได้รับการเชื่อถือและไว้วางใจ ส่งผลให้ได้ดำรงยศสูงขึ้นในชั้นนี้

พล.อ.เจริญชัย กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศให้กับนายทหารชั้นนายพลของกองทัพบกนั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งของการรับราชการ ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยแห่งนี้ขึ้น ทั้งยังทรงมีพระเมตตาเปิดโอกาสให้ลูกหลานของประชาชนชาวไทยทั่วไป ได้เข้าศึกษาเล่าเรียน โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ เพื่อให้ได้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณ ช่วยกันปกปักรักษาเอกราช อธิปไตย ของประเทศชาติราชอาณาจักรไทยให้อยู่มาจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ปวงข้าพระพุทธเจ้ายังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงพระราชทานกระบี่ และพระราชทานยศนายทหารสัญญาบัตรมาโดยตลอด

“ห้วงเวลาการรับราชการที่ผ่านมาพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่องค์พระมหากษัตริย์องค์จอมทัพไทย แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์มีต่อปวงข้าพระพุทธเจ้า ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักสำนึกและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พร้อมทั้งขอถวายสัตย์ปฏิญาณจักจงรักภักดี จักยอมอุทิศตน พร้อมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศชาติราชอาณาจักรแห่งนี้ และจักเทิดทูนรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดซานุภาพแห่งองค์ พระมหากษัตริย์เจ้าพระบรมราชจักรีวงศ์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่” ผบ.ทบ. ระบุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้สั่งทำความเคารพ และขอให้ทุกคนนั่งคุกเข่าพนมมือ โดย พล.อ.เจริญชัย ได้ให้นายพลกล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณตน กล่าวคาถาในดวงตรามหาจักรี “ติระตะเน สะกะรัฏเฐ จะ…สัมพังเส จะ มะมายะนัง สะกะราโชชุจิตตัญฺจะ.. สะกะรัฏฐาภิวัฑฒะนังฯ ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และจักธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทหาร”

หลังจากนั้นทั้งหมดเปล่งเสียงกล่าวปฏิญาณพร้อมกัน 3 ครั้ง ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของท่านไว้ด้วยชีวิต”

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก/ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ลงพื้นที่มอบของขวัญปีใหม่และอ่านสารอวยพรปีใหม่ให้แก่กำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนาม ตามแนวชายแดนภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 เวลา 08.30 น. พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก/ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เป็นผู้แทน พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เดินทางมาตรวจเยี่ยมหน่วย และอำนวยพรปีใหม่ให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติราชการสนาม ประจำปี 2567 ของหน่วยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ในระหว่างวันที่ 18 - 19 ธันวาคม 2566 

โดยมี พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับ ที่ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 นับว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญมีการพัฒนาทุกๆด้านโดยเฉพาะการปฏิบัติตามพันธกิจ 5 ประการ ของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้แก่ การเฝ้าตรวจและป้องกันพื้นที่ชายแดน การเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน การแก้ไขปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน การประสานความร่วมมือกับประเทศ เพื่อนบ้าน และการปฏิบัติในพื้นที่ระวังป้องกัน

โอกาสนี้ พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก/ผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ได้อ่านสารอำนวยอวยพรปีใหม่ จากพลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ที่มีถึงกำลังพล และส่งมอบของขวัญปีใหม่จากกองทัพบก แก่ผู้แทนหน่วยที่ปฏิบัติราชการสนามในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ร่วมเป็นผู้แทนในการรับมอบ ส่งต่อไปยังกำลังพลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารทุกนาย ก่อนพบปะเยี่ยมเยียนกำลังพลที่มาร่วมต้อนรับ ตลอดจนกล่าวอวยพรปีใหม่ ให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ปลอดภัย มีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง และช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขอให้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนได้มีความสุขเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชนอีกด้วย

‘นายกฯ’ บุกค่าย-รพ. ‘ประจักษ์ศิลปาคม’ จ.อุดรฯ หารือ ‘ผบ.ทบ.’ ยกระดับความเป็นอยู่-แก้หนี้ทหาร

(19 ก.พ.67) ที่ว่าการอำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการเดินทางไปเยี่ยมค่ายทหารประจักษ์ศิลปาคม และโรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคม ว่า ได้เดินทางไปร่วมกับพล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อไปตรวจเยี่ยมค่าย และดูบ้านพักทหารที่สร้างมา 100 กว่าปี บางแห่งก็กว่า 80 ปี และได้เดินทางต่อไปดูที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคมที่มี 200 เตียง ซึ่งมีประชาชนหนาแน่น การเดินทางไปตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ ก็เป็นไปตามแผนทั้งหมดที่เราได้วางไว้ โดยได้มีการพูดคุยกับผบ.ทบ.ไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องบ้านพัก เรื่องของโรงพยาบาล เรื่องหนี้ของทหารรวมทั้งเรื่องกำลังพลที่มีการพูดกันว่าจะมีการลดจำนวนกำลังพล แต่อย่าไปพูดถึงการลดกำลังในส่วนของแพทย์และพยาบาล และเทคนิคการแพทย์

เพราะบางเรื่องที่เป็นเรื่องเฉพาะทางอย่างเช่นแพทย์พยาบาลหรือเทคนิคการแพทย์ ไม่ควรจะลดกำลังพล เพราะโรงพยาบาลทหารทั่วประเทศทุกโรงพยาบาลบริการประชาชนประมาณ 70 %-80% และแพทย์มีไม่เพียงพอ อย่างที่โรงพยาบาลประจักษ์ศิลปาคมมีหมอเพียง 19 คน มีจำนวนเตียงผู้ป่วย 200 เตียง ทำให้ไม่เพียงพอจะเห็นได้ว่ามีประชาชนจำนวนมากเข้าไปรับบริการ ทั้งนี้เมื่อได้ถามประชาชนที่เข้าไปรับการรักษาว่าพอใจหรือไม่ ซึ่งประชาชนทุกคนยืนยันว่า มีความสุขมาก และการไปครั้งนี้ตนไม่ได้กำหนดไว้ในแผน ทุกคนหน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส 

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนยังได้ไปดูในเรื่องของอุปกรณ์ว่าเพียงพอหรือไม่ รวมทั้งบุคลากรและรายได้ของเภสัชกรที่ยังขาดแคลนอยู่ โดยเฉพาะเภสัชกรที่ทำงานในโรงพยาบาลทหาร มีรายได้ที่น้อยกว่าเภสัชกรที่ทำงานของสาธารณสุข เป็นข้าราชการเหมือนกันแต่มีรายได้ที่แตกต่าง ซึ่งตนก็สงสัยว่าทำไมถึงต้องมีข้อแตกต่างแบบนี้ โดยผบ.ทบ.ได้นั่งรถมาด้วยกันได้มีการพูดคุยกันมีหลายเรื่องที่เราสามารถที่จะทำได้ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น  

เมื่อถามถึงเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่จะสามารถเริ่มได้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีส่วนและประชาชนก็ใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเยอะแยะไปหมด ซึ่งเดี๋ยวจะมีการพูดคุยกับนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข

เมื่อถามย้ำว่าจะสามารถเข้าร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ด้วยกันใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ได้แน่นอนทั้งหมด แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่บุคลากรที่มีไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามในส่วนของทหารเองก็มีโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพบก มีส่วนในการช่วยผลิตบุคลากร ที่มีคุณภาพส่งเสริมการเติบโต ทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญการที่จะลดกำลังพลจะต้องไม่เกี่ยวกับส่วนนี้

เมื่อถามว่าทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขและทางทหารสามารถที่จะบูรณาการงานร่วมกันได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนเพราะโรงพยาบาลทหารปัจจุบัน 70% เป็นพลเรือนที่เข้ารับการรักษา โรงพยาบาลใหญ่ๆ อย่างโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าและอีกหลายที่ ประชาชนก็เข้าไปรับบริการ ซึ่งโรงพยาบาลจำนวน 200 เตียงมี 10 กว่าโรงพยาบาลทั่วประเทศ และทุกโรงพยาบาลกว่า 70% ทำหน้าที่ดูแลประชาชน อีกทั้งสถานบริการขนาดเล็กอย่างสถานีอนามัย ก็ต้องช่วยกันดูแลตรงนั้นด้วย

ด้านผบ.ทบ. กล่าวด้วยว่า โรงพยาบาลทหารสามารถอยู่ร่วมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ได้  และโรงพยาบาลทหารก็รับบัตรทองด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top