Monday, 20 May 2024
ทรัพย์สิน

เปิดเซฟ ‘นฤมล’ หลังพ้น ‘รมช.แรงงาน’ เงินฝากสามี 42 ล้าน พร้อมบ้านอีก 2 หลัง!!

วันนี้ 1 ธ.ค. 64 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการเปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2564 พร้อม นายจุมพล ภิญโญสินวัฒน์ คู่สมรส ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 2 คน 

โดยนางนฤมลและคู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 112,110,485 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนางนฤมล 53,643,104 บาท และเป็นทรัพย์สินของนายจุมพล 58,467,381 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 163,333 บาท โดยเป็นหนี้สินของนางนฤมล 162,797 บาท เป็นหนี้สินของนายจุมพล 536 บาท ซึ่งเป็นหนี้สินจากเงินเบิกเกินบัญชี 

สำหรับทรัพย์สินของนางนฤมลและนายจุมพล ได้แก่ เงินสดรวมกัน 400,000 บาท เงินฝากรวมกัน 46,570,251 บาท เงินลงทุนรวมกัน 16,170,233 บาท ที่ดินรวมกัน 16,220,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างรวมกัน 27,500,000 บาท ยานพาหนะรวมกัน 2 คัน มูลค่า 2,850,000 บาท ทรัพย์สินอื่นรวมกัน 1,800,000 บาท 

หยุดเข้าใจผิด เรื่องลุงตู่ไม่ยอมเปิดเผยทรัพย์สิน

📌หยุดเข้าใจผิด เรื่องลุงตู่ไม่ยอมเปิดเผยทรัพย์สิน 

#ลุงตู่ยื่นบัญชีทรัพย์สินมาแล้ว 2 ครั้ง และจะยื่นอีกหลังพ้นตำแหน่ง รวม 3 ครั้ง ยื่นเยอะกว่ากฎหมายกำหนด

#แล้วจะเห็นบัญชีทรัพย์สินเมื่อไร? มีคำตอบ

✅มาตรฐานทั่วไปในการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ กฎหมายกำหนดให้ยื่น 2 ครั้ง คือ
1️⃣เข้าดำรงตำแหน่ง
2️⃣พ้นจากตำแหน่ง 

แต่ ลุงตู่ #ยื่นมาแล้ว 2 ครั้ง และ #จะยื่นอีก 1 ครั้ง = ยื่น 3 ครั้ง (มาตรฐานสูงกว่า กม.กำหนด) 
1️⃣เข้าดำรงตำแหน่ง ปี 57 (ปปช. เผยแพร่แล้ว)
2️⃣ดำรงตำแหน่งเดิมต่อเนื่อง (ยื่นไว้เมื่อปี 62) ทั้งที่ กม.บอกไม่ต้องยื่น ซึ่ง
>>เลขา ปปช. ชี้แจงเมื่อ 14 พ.ย. 65 ว่า “นายกฯ ก็ยื่นมาทุกบัญชีอยู่แล้ว ซึ่งยื่นเกินมาด้วยซ้ำไป”
>>ปปช. จึงไม่เปิดเผย เพราะกฎหมายบอกไม่ต้องยื่น จึงไม่มีอำนาจให้เปิดเผย <<ลุงตู่ไม่ได้เป็นคนบอกห้ามเปิด
3️⃣ครั้งที่ 3 เมื่อพ้นจากตำแหน่งปี 66 นี้ อดใจรอนิด

ดังนั้นจึงเห็นว่า #โปร่งใสกว่ามาตรฐาน เพราะตัวกฎหมาย พรป.ปปช. 2561 มาตรา 105 วรรค 4 “ในกรณีตาม (1) ถ้าพ้นจากตําแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งเดิมหรือตําแหน่งใหม่ ‘ภายในหนึ่งเดือน’ ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตําแหน่งและกรณีเข้าดํารงตําแหน่งใหม่ แต่ต้องไม่ห้ามที่ผู้นั้นจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน” ระบุชัด

#แล้วใคร จะตรวจสอบทรัพย์สินของนายกลุงตู่ได้บ้าง??
✅เมื่อพ้นตำแหน่งฯ ปปช. จะเปิดเผย ซึ่ง #ทุกคน…ดูได้ ตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นกติกาเดียวกับ ส.ส. และนักการเมืองทุกคน
✅ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือนักการเมืองอื่น มีการชี้แจงข้อเท็จจริงไปหลายครั้งแล้ว สามารถค้นหาได้
✅ไม่ได้ร่างกม.พิเศษขึ้นมาใหม่ เพื่อปกปิดบัญชีทรัพย์สินเพื่อไม่ให้ตรวจสอบได้ เพราะกฎมายที่เกี่ยวข้องร่างโดย ปปช. #ไม่ใช่คสช #ไม่ใช่นายกลุงตู่
✅เพราะ ปปช. ออก กม. เมื่อ ปี 2561 ยังไม่มีการเลือกตั้งปี 2562 เลย ซึ่ง ปปช. ไม่มีทางทราบได้ว่าใครจะเป็นนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อ ปปช. จึงไม่ได้ออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ใครเป็นพิเศษ
✅และการตรวจสอบทุจริตของ #นายกลุงตู่ ที่ผ่านมา #ไม่พบการทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น

❌การบิดเบือนข้อมูลให้ผู้อื่นหลงเชื่อ เป็นการกระทำที่ไม่เคารพผู้อื่น ผิดกฎหมาย อีกทั้งเป็นการเอาเปรียบจากความรู้ที่ไม่ทั่วถึงของผู้อื่น ซึ่งอาจจะมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น พร้อมเชื่อข้อมูลผิด ๆ หรือ ไม่รู้วิธีการค้นหาความจริง หรือ ไม่มีเวลาตรวจสอบความจริง 

#แล้วเมื่อไหร่ จะดู/เปิดเผย บัญชีทรัพย์สินนายกลุงตู่ได้??
✅ซึ่งขณะนี้ #นายกลุงตู่ และครม. รักษาการจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่และได้ถวายสัตย์ (ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ) 
✅เมื่อหลังจากพ้นตำแหน่งนายก หลังมีนายกฯ คนใหม่ ปปช. จะดำเนินการภายในแล้ว 90 วัน (ทำไม 90 วัน ให้อ่านข้อ กม. ด้านล่าง)
✅ซึ่ง ปปช. กระทำไม่ต่างจาก ส.ส. หรือ ตำแหน่งอื่น ๆ ที่ต้องเปิดเผยทรัพย์สิน #ลุงตู่ไม่มีอภิสิทธิ์เกินกฎหมาย

#ความรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1️⃣หลังพ้นตำแหน่ง 90 วันจะได้เห็นทรัพย์สิน เพราะ >>> พรป.ปปช. 2561 มาตรา 105 วรรค 3 (1) กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้ยื่นเมื่อเข้ารับตําแหน่ง และ พ้นจากตําแหน่ง และให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินภายใน 60 วัน นับแต่วันถัดจากวันพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน มาตรา 106 กำหนดให้เปิดเผยให้ประชาชนทราบ เป็นการทั่วไปโดยเร็ว แต่ต้องไม่เกิน 30 วันนับแต่วันที่ครบกําหนดต้องยื่นบัญชีดังกล่าว

2️⃣ หากใครสงสัยเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ขอให้อ่านเพิ่มเติมที่
https://www.nacc.go.th/files/article/attachments/272064381bb8738ec9f96a7df8b40acc615b16d.pdf

‘ป.ป.ช.’ เผยทรัพย์สิน ‘พิธา’ รวย 65 ลบ. หนี้ลด 19 ลบ. ไม่พบถือหุ้น iTV แต่มีที่ดินเพิ่มอยู่ ‘ปทุมฯ-เชียงใหม่’

(3 พ.ย. 66) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ สส. กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 จำนวน 90 ราย โดยมีรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยนายพิธา แจ้งสถานภาพโสด พร้อมกับระบุว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 65,530,955 บาท และมีหนี้สิน โดยเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 463,263 บาท

ทรัพย์สินของนายพิธา ประกอบด้วย เงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 22 บัญชี มูลค่ารวม 2,789,741 บาท เงินลงทุน 64 รายการ มูลค่ารวม 1,337,777 บาท ในจำนวนนี้ไม่พบหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาท โดยแจ้งว่า ให้กู้ยืมแก่ นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชาย ที่ดิน 2 แปลงในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 2 ไร่เศษ และในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ 1 ไร่ แจ้งว่าได้มาในปี 66 มูลค่ารวม 11,776,000 บาท ซึ่งในจำนวนนี้ไม่พบที่ดิน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้ โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดในเขตวัฒนา กรุงเทพ มูลค่า 15,000,000 บาท ยานพาหนะแจ้งว่า เป็นรถยนต์ Majesty รถจักรยานยนต์ และจักรยานไฟฟ้า รวม 4 คัน มูลค่ารวม 2,140,000 บาท

ส่วนสิทธิและสัมปทานเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต 4 รายการ ได้แก่ ลิขสิทธิ์หนังสือ 4 รายการ นอกจากนั้นยังแจ้งว่ามีใบจองรถ Tesla และสมาชิกราชกรีฑาสโมสรมูลค่ารวม 3,650,446 บาท ทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท โดยมีรายการที่น่าสนใจคือ โทรศัพท์มือถือ 3 รายการ เสื้อ 28 ตัว สูท 16 ตัว เนกไท 76 ชิ้น รองเท้า 21 คู่ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 28 รายการ ชุดเฟอร์นิเจอร์ 1 รายการ กล้อง 2 รายการ นาฬิกา 10 เรือน พระเครื่อง 8 รายการ

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับรายละเอียดทรัพย์สินที่นายพิธา ยื่นไว้กรณีพ้นตำแหน่ง สส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 พบว่า นายพิธามีทรัพย์สินลดลง 19,192,765 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับรายการหนี้สินอื่นที่แจ้งไว้ 19,932,762 บาท ซึ่งไม่ปรากฏในการยื่นบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุด

คาด!! ราคาทองอาจพุ่งขึ้นต่อไปในระยะยาวจนถึงปีหน้า  เหตุเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย 'ในภาวะสงคราม-เงินดอลฯ แข็งค่า'

(11 เม.ย. 67) จากบทสัมภาษณ์กับนายแพทย์ กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก ในรายการ Business Tomorrow ได้เผยว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นคลื่นของราคาทองขึ้นลูกที่ 5 

นพ.กฤชรัตน์ กล่าวว่า การขึ้นของราคาทองในคลื่นลูกที่ 5 นี้ จะพุ่งขึ้นสูงได้ไกลและขึ้นได้ในระยะยาวโดยมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปได้ถึงปีหน้า โดยนพ.กฤชรัตน์กล่าวว่า ในระยะ 3-4 ปีก่อน แม้ราคาจะยังคงแกว่งขึ้นลงตามรูปแบบกราฟตามรายเดือนแล้ว ราคาทองในปีนี้กำลังอยู่ในวัฎจักรของตลาดขาขึ้นอย่างเต็มตัว นพ.กฤชรัตน์ยังกล่าวว่า ราคาทองคำกำลังขึ้นในรูปแบบ 'Cup and Handle' ซึ่งเป็นกราฟขาขึ้นที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถไว้วางใจได้เป็นอย่างมาก

สำหรับเหตุผลของตลาดขาขึ้นของราคาทองคำมาจาก 2 ปัจจัย...

1. สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นเกินระดับของ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไวกว่าการคาดการณ์ที่มองว่าราคาทองจะพุ่งขึ้นในช่วงหลังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว ทำให้ทองคำที่มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหรือ Safe Haven 

2. เงินดอลลาร์ที่ยังแข็งอยู่ทำให้นานาประเทศกังวลการเก็บพันธบัตรสหรัฐไว้ โดยในช่วงสงคราม ยังกังวลเรื่องการที่ทุนอาจถูกสหรัฐฯ ยึดได้ในกรณีที่มีปัญหาต่อกัน จึงมองไปที่การซื้อทองคำเข้ามาถือ ธนาคารกลางทั่วโลกเลือกที่จะซื้อทองคำมาถือไว้แทน 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top