Friday, 17 May 2024
ตูนบอดี้สแลม

'เพลงดุจดั่งสายฟ้า' ยอด Like พุ่ง!! แซง Unlike หลังสามนิ้วแห่แบน 'ตูน-เพลง'

เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น พี่ตูน เฮลั่น “เพลงดุจดั่งสายฟ้า” ยอดไลก์พุ่งกระฉูดในคืนเดียว หลังสามนิ้วแห่แบน!! 

โดยระบุว่า หลังเจอทัวร์ม็อบสามนิ้วลงชุดใหญ่ แล้วฮีโร่กู้ภัย อย่าง “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ออกมาเคลื่อนไหวผ่าน เฟซบุ๊ก “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” และได้โพสต์ข้อความว่า

“ตอนนี้ มีคนไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ กำลังปั่นรุมถล่มกด unlike เพลง “ดุจดั่งสายฟ้า” จนยอด unlike เยอะกว่ายอด like เยอะมาก จึงขออนุญาต ขอพลัง “คนรักในแผ่นดินไทย ในสถาบัน อันเป็นที่รักของเรา” เข้าไปกดเพิ่มยอดไลก์ (กดนิ้วโป้ง) สู้หน่อยครับ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อผืนแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษได้รักษามา เพื่อลูกหลานคนไทยครับ"

'น้าเดช' จัดหนัก กลุ่มแซะ 'ตูน' แค่หมาเห่า แนะอย่าใส่ใจ เดินหน้าตั้งใจทำความดีต่อ

นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ สื่อสารมวลชนด้านยานยนต์ และผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ไม่รู้จักไอ้ตูนมาก่อน มารู้จักตอนมันวิ่งครั้งที่แล้วๆ ไม่เคยบริจาคให้มันแม้แต่สลึงเดียว แต่นับถือที่มันสามารถระดมเงินไปช่วยโน่นช่วยนี่ได้เยอะ
คราวนี้ได้ข่าวว่าไอ้ตูนมันจะวิ่งอีกแล้ว ก็รู้สึกเฉยๆ นะ และคงไม่ได้บริจาคอะไรกับมันอีก เพียงแต่อยากจะบอกกับไอ้ตูนว่า "มึงเลือกวิ่งผิดเส้นทาง"

เพราะมึงคนสุพรรณ กูคนชัยนาท ทำไมมึงไม่วิ่งสุพรรณ - ชัยนาท วิ่งวนไปวนมาแค่นั้นก็ได้ แต่นี่ มึงดันไปเลือกวิ่งบน 'หัวกระบานบางคน' มันจึงรู้สึกว่าส้นตีนของมึงกระแทกไปบนกระบานของมันทุกฝีก้าว พูดง่ายๆ ว่า การวิ่งของมึงไปหนักหัวกระบานมัน มันจึงออกมาโวยวาย ก็แค่นี้เองแหละ

‘อัษฎางค์’ ไขข้องใจ ‘พี่ตูน’ วิ่งเพื่อใคร ชี้! วิ่งการกุศลมีทั่วโลก แม้แต่ในปท. ร่ำรวย

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” ระบุว่า นักวิ่งการกุศลโง่ หรือคนโง่มองไม่เห็นความดีของนักวิ่ง?

คำถามของกลุ่มคนที่โลกทัศน์แคบ วิสัยทัศน์สั้น ทัศนคติต่ำเตี้ย มักจะมีคำพูดและคำถามประมาณว่า…
วิ่ง…เพื่อเด็กยากไร้…หน้าที่ใคร !
วิ่งให้ตายก็แก้ปัญหาโครงสร้างของประเทศไม่ได้ !
คนวิ่งได้หน้าอยู่คนเดียว !
ผมจะพามาเบิกเนตรกันหน่อย กับการวิ่งการกุศลระดับโลก ที่ถูกจุดประกายมาจากนักวิ่งเพียงคนเดียวจนกลายเป็นวิ่งกันทั่วเมือง วิ่งกันทั้งประเทศและทั้งโลก มานานเกือบครึ่งศตวรรษ

……………………………………………………………………

City2Surf 
งานวิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของซิดนีย์
วิ่งด้วยแรงบันดาลใจจากอเมริกาสู่ออสเตรเลีย
City2Surf คืองานวิ่งการกุศลประจำปีของซิดนีย์ ซึ่งจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคม เป็นงานวิ่งการกุศลที่จัดขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานถึง 50 ปีเต็ม โดยปัจจุบันมีผู้ร่วมวิ่งนับแสนคน จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้เข้าร่วมเพียง 1500 คน

City2Surf เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 กันยายน 1971 เป็นงานวิ่งที่ริเริ่มโดยเจ้าหน้าที่ของหนังสือพิมพ์เดอะซันซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากงาน Bay to Breakers ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
การแข่งขันวิ่งการกุศลจะเริ่มจากในตัวเมืองซิดนีย์และไปสิ้นสุดที่หาดบอนได 
จุดเด่นที่ทำให้งานวิ่ง City2Surf ประสบความสำเร็จจนเป็น ”งานวิ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ก็คือ…
เป็นการจัดงานวิ่งเพื่อการกุศล โดยการเชิญชวนให้ผู้เข้าแข่งขันร่วมหาเงินบริจาคด้วยการเป็นตัวแทนขององค์กรการกุศลต่างๆ

……………………………………………………………………

เพื่อเด็กยากไร้…หน้าที่ใคร !
วิ่งให้ตายก็แก้ปัญหาโครงสร้างของประเทศไม่ได้ !
คนวิ่งได้หน้าอยู่คนเดียว !
ทำไมออสเตรเลียจัดงานวิ่งเพื่อระดมทุนให้องค์กรการกุศลมาต่อเนื่องถึง 50 ปีแล้ว
ออสเตรเลียยากจน? ประเทศมีปัญหาโครงสร้าง?
ประชาชนควรจะคิดว่า…เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องมานักวิ่งหาเงินช่วยสังคม?
หรือ ?

……………………………………………………………………

ขอยกตัวอย่างอีกสักราย
จากดินแดนฝั่งขั้วโลกใต้ขึ้นไปขั้วโลกเหนือ 
จากอเมริกามาออสเตรเลีย…แล้วขึ้นกลับไปแคนาดา
กับเรื่องราวของนักวิ่งชื่อ “เทร์รี ฟอกซ์”
เมื่อตอนที่ เทร์รี ฟอกซ์ มีอายุ 19 ปี เขาล้มป่วยเป็นมะเร็งกระดูกจนต้องตัดขาออกข้างหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2523 ฟอกซ์ได้สวมขาเทียมและเริ่มทำกิจกรรมรณรงค์วิ่งข้ามประเทศแคนาดา เพื่อระดมทุนและกระตุ้นสังคมต่อการวิจัยการรักษามะเร็ง 

เทร์รี ฟอกซ์ วิ่งไปพร้อมกับขาเทียมหนึ่งข้าง เป็นระยะทางถึง 5,373 กิโลเมตร (3,339 ไมล์) และสิ้นสุดลงในเวลา 143 วัน 
เมื่อมะเร็งกระจายไปถึงปอด ฟอกซ์มีอาการทรุดหนักและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2524 ด้วยวัย 23 ปี

การวิ่งรณรงค์ของฟอกซ์ได้รับการขนานนามว่า "มาราธอนแห่งความหวัง" (Marathon of Hope) ส่งผลให้เขาได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ Companion of the Order of Canada 
ภายหลังการเสียชีวิต ได้มีผู้จัดกิจกรรม “การวิ่งเทร์รี ฟอกซ์” หรือ “Terry Fox Run” เป็นประจำทุกปี จนถึงปัจจุบัน

ทีมงาน 'อิลสลิก' แจง!! ดราม่าร้อนแซะซุปตาร์นักวิ่ง ชี้!! 'แรปสไตล์' อาจทำคนเข้าใจเจตนาผิดเพี้ยน

จากกรณีดราม่าร้อนในโลกโซเชียลหลังเห็นคลิปแรปเปอร์ชื่อดัง 'ILLSLICK' (อิลสลิก) กล่าวพาดพิงถึง 'ตูน บอดี้สแลม' โดยอ้างว่าเป็นเพราะทางร้านคู่กรณีเปรียบเทียบก่อน

ล่าสุด (6 ต.ค.65) เพจ Illslick - Thikhumporn Whetthaisong โพสต์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ว่า...

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางทีมได้รับทราบถึงประเด็นต่างๆ ที่สังคมสนใจ ตั้งข้อสงสัย หรือวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง พร้อมรับฟังทุกๆ ความคิดเห็น และเห็นว่าจำเป็นต้องเล่าถึงเหตุการณ์และความรู้สึกโดยละเอียด...

1. กรณียกเลิกการแสดงร้านที่นนทบุรี ทีมยืนยันว่าจำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนั้นจริงๆเพราะเหตุผลมีมากมายเหลือเกิน ไม่ใช่การตัดสินใจด้วยอารมณ์ เราเคยปฏิเสธร้านนี้หลายครั้งเป็นเดือนเพราะคิดว่าไม่เหมาะกับการแสดงของศิลปิน แต่ในท้ายที่สุดพี่อิลใจอ่อนเพราะร้านแจ้งว่าเป็นคนฟังของพี่อิล พร้อมปรับทุกอย่างให้ได้ร่วมงานกัน พอมาถึงไม่เป็นตามที่เคยคุยกันทำให้เริ่มผิดหวัง อุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด ขอเพียงใช้งานได้จริงและเพียงพอ แต่เมื่อไปถึงพบว่าอุปกรณ์ไม่พร้อม มีปัญหาการเซต และไม่เพียงพอ ซึ่งทีมก็ไม่ได้ตัดสินใจยกเลิกในทันที ทั้งพี่อิลและทีมเองร้องเช็คหลายชั่วโมงเพื่อพยายามแก้ทุกๆปัญหาที่เกิดขึ้น ถึงกับพูดว่า ไม่เป็นไร จะไม่ยอมเลิกเช็คจนกว่าระบบจะถูกเซ็ตได้จนสำเร็จ เพราะเห็นแฟนเพลงจำนวนมากนั่งรอตั้งแต่เช้าเที่ยงทั้งที่การแสดงเริ่ม 23:00 น. เราพบปัญหาไมค์หอนอย่างรุนแรงเพราะการเซ็ตลำโพง PA อยู่หลังลำโพงมอนิเตอร์ เราแจ้งให้ร้านทราบเพื่อขอให้มีการปรับย้ายให้ถูกต้อง แต่ผู้มีอำนาจไม่ยอม แจ้งว่าแบบนี้ก็ใช้ได้ เราพยายามอธิบายแล้วว่าเรารู้ดีมีวิธีแก้อะไรได้บ้าง เราทำได้ทุกอย่าง แต่การปรับอย่างที่ผู้นั้นแจ้งส่งผลกระทบต่อเสียงร้องและซาวนด์มาก แนวดนตรีของเรามีการแสดงต่างจากแนวอื่น เป็นจุดสำคัญที่ทำให้แก้ตามที่ร้านแจ้งไม่ได้ นอกจากนี้หากใช้อีกวิธีสามารถทำได้แต่โทนของเสียงร้องเสียงดนตรีจะถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง และไมค์จะยังหอนอยู่ดีเมื่อแสดงจริง เพราะลำโพง PA ของร้านมี 2 ตัว เทียบกับจำนวนคนดู เราต้องดันความดังขึ้นไปจากตอนซาวนด์เช็คอย่างมาก มันไม่สามารถควบคุมการหอนได้เมื่อแสดงจริง การแก้ปัญหาที่ผู้นั้นแนะนำคือการห้ามไม่ให้พี่อิลเดินไปทางนั้นและร้องฝั่งเดียว ซึ่งพี่อิลไม่ทำเพราะคนฟังฝั่งนั้นจะเข้าใจอย่างไรที่เราไม่สนใจเดินไปทั้งที่ทุกคนตั้งใจมาเจอ และหากเสียงที่ออกไปมีปัญหาขนาดนั้น การโชว์สปิริตฝืนเล่น คือการเอาเปรียบคนดู คนมารอฟังเราร้องแต่ซาวนด์มีปัญหา เราไม่ใช่ดาราที่แค่มาเจอหน้า เสียงไม่ได้ยินก็พอใจแล้วเช่นนั้น 

2. พฤติกรรมของผู้มีอำนาจคือการไม่ยอมแก้ไขจุดที่เป็นต้นเหตุ แต่เลือกใช้วิธีพูดจาอ้างถึงคนอื่นๆ และปัดความรับผิดชอบแทน ใช้คำหยาบคาย ไม่มีคำขอโทษ ไม่โอนอ่อนยอมปรับตามให้ ทางทีมไม่ได้มีปัญหากับเจ้าของร้านหรือท่านอื่นๆ เพราะทุกคนก็พยายามจะขอร้องให้ผู้นั้นยอมฟังยอมรับแล้วจริง ๆ แต่ผู้นั้นไม่ยอมจนนาทีสุดท้าย เจ้าของร้านและทีมเจ้าของร้านก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตั้งแต่แรกที่เกิดเรื่อง ดังนั้นเราเข้าใจดีที่ทั้งสองท่านจะเข้าใจไปอีกแบบและให้สัมภาษณ์ว่าการเปรียบเทียบนั้นเพียงเพราะอยากแก้ปัญหา และไม่มีเจตนาเหยียดหยาม ทั้งสองไม่ทราบว่าบุคคลนั้นที่ร้านเองก็ยังไม่สามารถควบคุมได้ ไม่รับฟังมุมของดนตรีแบบเรา ไม่ยอมปรับแก้ตามร้องขอ ใช้คำพูดดูถูกเปรียบเทียบตลอดเวลาไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่เป็นสิบครั้ง พูดกับทุก ๆ คนซ้ำ ๆ ไม่เว้นแม้แต่กับคนขับรถของทีมว่าไอ้ตูนก็เล่นได้ บอดี้แสลมก็เล่นได้ บางครั้งก็พูดถึงไอ้เคนก็วิ่งไปวิ่งมาร้องบนเวทีด้วยซ้ำก็ไม่เห็นเป็นอะไร จนเรามองเห็นว่าเกินกว่าจะแก้ไขใด ๆได้แล้วจริง ๆ

3. การกล่าวอ้างถึงบุคคลที่สาม หรือบางข่าวใช้คำว่าท้าชน ประชัน เป็นความจริง แต่อาจมีหลายคนเข้าใจเจตนาผิดเพี้ยน เรายืนยันว่าไม่ใช่การแซะ การหาเรื่อง ไม่ใช่การกร่าง หรือการข่มใด ๆ อาจเพราะการพูดด้วยสไตล์การ Rap ใช้ประโยคกระชับ รุนแรง มีคำหยาบและตรงไปตรงมา ทำให้ตีความได้เช่นนั้น พี่อิลยอมรับว่าใช้คำหยาบตอบกลับผู้มีอำนาจผู้นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าโกรธต่อสิ่งที่ผู้นั้นทำอย่างมาก สิ่งสำคัญที่ต้องการสื่อคือผู้มีอำนาจคนนั้นไม่ควรตัดสินความเป็นมืออาชีพจากการเปรียบเทียบง่าย ๆ แบบนั้น เราไม่เหมือนกันทั้งการร้อง ทั้งด้านดนตรี ทั้งการแสดง และที่มาที่ไป ดนตรีฮิปฮอปไม่ควรถูกตัดสินง่ายๆ ว่าเป็นเพียงการร้องกับ Backing Track การไม่มีเครื่องดนตรีไม่ได้แปลว่าจะเล่นยังไงก็ได้ การเป็นศิลปินเดี่ยว ศิลปินใต้ดินที่ไม่มีค่ายสนับสนุน ไม่ได้แปลว่าจะไม่แยแสไม่สนใจคำขอ ปล่อยให้เล่นยังไงก็ได้ เพราะเราต้องลำบากดิ้นรนด้วยตัวเอง ต้องพยายามไม่แพ้กันเพื่อมาถึงจุดนี้ และเราจะไม่มีวันถอยหลังลดมาตรฐานที่ตัวเองสร้างมาทั้งชีวิตเพราะคนคนเดียวที่ไม่เข้าใจ ไม่เปิดใจ ไม่เห็นใจแนวดนตรีที่แตกต่าง “การขอให้ประชัน จุดประสงค์หลักเพื่อเป็นการกระตุ้นผู้นั้นให้เห็นว่าก่อนตัดสินอีกฝ่ายควรพิจารณาให้เห็นประจักษ์” ไม่ใช่แค่พูดง่ายๆ เป็นการร้องขอต่อ “ผู้มีอำนาจผู้นั้น” ที่เป็นฝ่ายอ้างเปรียบเทียบมาก่อน การประชันสำหรับพี่อิลไม่ใช่การเอาชนะ แต่เป็นการขอโอกาสให้ได้แสดงให้เห็นว่าตนเองก็ทำได้ อย่าเปรียบเทียบตัดสินกันเช่นนี้ หากไม่ได้เปรียบเทียบชัด ๆ ด้วยความสามารถ แต่เป็นเพียงการคาดเดาด้วยอคติของคนคนเดียว เพราะการประชันนี้เป็นเพียงการยกขึ้นมากระตุ้นผู้มีอำนาจผู้นั้นให้ฉุกคิดผ่านถ้อยคำการแร็ปบนเวที ไม่ได้อยากกล่าวอ้างถึงใครหากไม่ถูกโยงไปเทียบก่อน และหากจะเกิดขึ้นจริง เรายินดี เพราะมันจะไม่ใช่การแข่งขันการเอาชนะ แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าแม้ดนตรีจะแตกต่างกันก็ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่ากัน ดนตรีเป็นเรื่องของรสนิยม ไม่มีถูกผิด ไม่มีใครดีใครด้อยกว่าใคร ย่อมเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายสองแนวดนตรี และเรามั่นใจว่ามันจะช่วยเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อดนตรีฮิปฮอปที่คนมองว่าเป็นเพียงดนตรีง่าย ๆ เล่นกับบีท ลอกต่างชาติ ใคร ๆ ก็ทำได้ให้มันหมดไป 

'ก้อย' ควง 'ตูน' จดทะเบียนสมรส พร้อมเผย เปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามีแล้ว

ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดี ๆ ของคนในวงการบันเทิงหลังล่าสุดดาราดัง ‘ก้อย รัชวิน’ ที่ล่าสุดออกมาเผยข่าวดีรับวันเกิดของตนเองปีนี้ด้วยการโชว์ทะเบียนสมรสกับสามีหนุ่ม ‘ตูน บอดี้สแลม’ ซึ่งมีทั้งรูปคู่กันและรูปครอบครัวกับลูกชายด้วย

โดย ‘ก้อย’ ได้โพสต์ภาพคู่กับคุณสามีกำลังถือใบทะเบียนสมรส พร้อมข้อความระบุว่า “18/01/2023 ของขวัญวันเกิดแม่แม่ปีนี้ เปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามี อย่างเป็นทางการค่ะ”

‘ตูน บอดี้สแลม’ ยังฟิต!! นำทีมคนดังวิ่งการกุศล หารายได้สมทบทุนซื้อรถพยาบาล จังหวัดภูเก็ต

(16 ก.ค. 66) ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองน้ำในหาด ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และ นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับสโมสรโรตารีอันดามัน ร่วมพิธีเปิดงาน ‘ราไวย์มินิมาราธอน ครั้งที่ 6 สร้างสุขภาพที่ดี’

โดยมีดาราดังร่วมงานในครั้งนี้ อาทิ ตูน บอดี้สแลม หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย, นายคงกะพัน แสงสุริยะ, เสนาหอย นายเกียรติศักดิ์ อุดมนาค, หน่อย นายศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง

ซึ่งจุดประสงค์การจัดกิจกรรมวิ่งครั้งนี้ เพื่อจัดหารายได้สมทบทุนการกุศล จัดซื้อรถพยาบาล ให้แก่โรงพยาบาลฉลอง จังหวัดภูเก็ต ขณะที่ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม ระบุว่า…

“6/7/2023… 12k เช้านี้ที่ราไวย์มินิมาราธอน ขอบคุณพี่ ๆ นักวิ่งทุก ๆ ท่านที่ทำให้ตลอดเส้นทางวันนี้มีแต่รอยยิ้มนะครับ รัก ปล.ขอบพระคุณ @garminbygis @garmin_thailand สำหรับนาฬิกา forerunner 965 สุดเจ๋ง มา ณ ที่แห่งนี้ด้วยนะครับ #artiwararunningdiary”

‘ก้อย รัชวิน’ โชว์ภาพอัลตราซาวด์ตั้งท้องได้ 4 เดือนแล้ว พร้อมอวดโมเมนต์ครอบครัวสุดอบอุ่น เตรียมต้อนรับลูกคนที่ 2

(19 ก.ค. 66) เรียกได้ว่าเป็นโมเมนต์น่ารักอบอุ่นของครอบครัวนักร้องชื่อดัง ‘ตูน บอดี้สแลม’ หรือ ‘นายอาทิวราห์ คงมาลัย’ กับภรรยาคนสวย ‘ก้อย รัชวิน’ อย่างมาก เมื่อล่าสุดสาวก้อย รัชวินได้ออกมาโพสต์ภาพครอบครัวที่เต็มไปด้วยความสุขระหว่างพักผ่อนผ่านอินสตราแกรมส่วนตัว โดยมีตนเอง สามี ลูกชายสุดที่รัก ‘น้องทะเล’ นอกจากนั้นยังมีรูปอัลตราซาวด์ลูกคนที่ 2 ที่กำลังอุ้มท้องเข้าสู่เดือนที่ 4 ร่วมเฟรมด้วย พร้อมแคปชันว่า…

“‘ความสุข’ | Family of 4 รอยยิ้มของทะเล เมื่อจะได้รู้ว่าเป็น ‘พี่ชาย’ ความสนุกคูณ 2 กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว :)

#4monthspregnant #KTTalay #Talayand…”

ท่ามกลางเหล่าแฟนๆ แห่เข้ามาทายเพศลูกจำนวนมาก จากที่ได้ภาพอัลตราซาวด์ บางท่านก็บอกว่าผู้หญิง บางท่านก็บอกว่าผู้ชายแน่ๆ

‘ตูน บอดี้สแลม’ งดรับงาน 1 เดือน หลังเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ จากโรค ‘หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท’ ที่บริเวณคอ

(20 ส.ค.66) แฟน ๆ เป็นห่วงอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ ‘จีนี่ เรคคอร์ด’ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนักร้องหนุ่มชื่อดัง ‘ตูน บอดี้สแลม’ หรือ ‘อาทิวราห์ คงมาลัย’ ได้ออกประกาศว่า

ตอนนี้ตูนได้เข้ารับการผ่าตัดโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทที่บริเวณคอ ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผลออกมาเป็นที่เรียบร้อยดี และต้องพักรักษาตัวเป็นเวลา 1 เดือนตามคำสั่งแพทย์ ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถทำการแสดงในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ขณะที่แฟนเพจบอดี้สแลม ก็ได้แชร์ประกาศดังกล่าวด้วย ท่ามกลางกำลังใจจากแฟน ๆ ที่ขอให้พี่ตูนหายป่วยในเร็ววันจำนวนมาก

‘ก้อย รัชวิน’ จับมือให้กำลังใจสามี ‘ตูน’ หลังผ่าตัด สัญญาจะอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

(21 ส.ค. 66) ล่าสุด ‘ก้อย รัชวิน’ ภรรยาของ ‘ตูน บอดี้สแลม’ ได้ออกมาโพสต์ภาพตูนที่สวมชุดคนไข้ที่โรงพยาบาลและกำลังเล่นกีต้าร์ รวมถึงมีภาพจับมือกันของทั้งคู่ ลงในอินสตาแกรมส่วนตัว @rachwinwong พร้อมกับระบุแคปชันว่า

“กว่าจะมาถึงวันนี้ เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ๆ และครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้ง ที่เราจะจับมือแล้วผ่านมันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่อยู่ข้าง ๆ พ่อเสมอนะ…Together…Forever

ปล. ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้พ่อ ๆ นะคะ ทุกอย่างราบรื่นดี คุณหมอเก่งมาก ๆ ตอนนี้พ่อ ๆกำลังพักฟื้นเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม เตรียมต้อนรับเบบี๋ในท้องที่กำลังจะออกมาเจอกันอีก 4 เดือนข้างหน้า เป็นกำลังใจให้พ่อ ๆ ด้วยนะคะ” ท่ามกลางแฟนคลับและเหล่าศิลปินที่เข้ามาส่งกำลังใจกันมากมาย

‘ก้อย รัชวิน’ อุ้มท้องนอนเฝ้า ‘ตูน’ ไม่ห่าง หลังผ่าตัด จนฝ่ายชายลั่น สงสารภรรยา อยากให้กลับไปพักบ้าง

(23 ส.ค.66) เป็นอีกรักที่สวยงาม สำหรับคู่ของ ‘ตูน อาทิวราห์’ หรือ ‘ตูน บอดี้สแลม’ และ ‘ก้อย รัชวิน’ ที่ล่าสุดคนเป็นภรรยาได้ออกมาเขียนแชร์เรื่องราวความรักของทั้งคู่พร้อมอัปเดตอาการ หลังสามีพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากการผ่าตัดหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ก็ทำให้ก้อยที่มานอนเฝ้าคนรักอดคิดถึงวันเก่า ๆ ไม่ได้ โดยเธอเล่าว่า

“เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตที่ได้มานอนเฝ้าคนรัก”

“จุดเริ่มต้นของการเป็นแฟนกันก็ที่โรงพยาบาลนี่แหละ ตอนนั้นกำลังศึกษาดูใจกันมา 6 เดือน แต่ยังไม่เป็นแฟนกัน จนพี่ตูนประสบอุบัติเหตุที่กระดูกต้นคอระหว่างเล่นคอนเสิร์ต แล้วก้อยไปนอนเฝ้าแบบนี้เลย พอเค้าลืมตามาเห็นก้อย นางก็เลยขอเป็นแฟนจ้าาา ฮิ้วววววว (เล่าไปก็เขินเหมือนกันนะ) จากวันนั้นจนวันนี้ก็เกือบ 13 ปีแล้ว และเราก็เลยนับวันที่ 1 กันยาของทุกปี เป็นวันครบรอบของเรา (ซึ่งใกล้จะถึงแว้ว) หลังจากนั้นพอแต่งงานได้เดือนเดียว ไปฮันนีมูนกัน พี่ตูนก็เข้าโรงพยาบาลอีก คราวนี้มีเรื่องเส้นประสาทเข้ามาบวกกับเรื่องหมอนรองกระดูกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นพี่ตูนไม่ได้ตัดสินใจผ่า แต่ใช้วิธีกายภาพเอา ซึ่งอาการก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่หาย 100%...”

“จนมาครั้งนี้ ก้อยคิดว่ามันคงถึงเวลาแล้ว พี่ตูนจึงตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัด เพื่อรักษามันให้กลับมาใช้งานได้อย่างดีที่สุด แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่ายเลย เราใช้เวลาปรึกษากับคุณหมออยู่เป็นเดือน ๆ พี่ตูนต้องบินไปบินมาเพื่อมาพบคุณหมอที่โรงพยาบาล จนได้คำตอบที่ชัดเจนที่สุด และก้อยก็เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เพราะได้เจอคุณหมอที่เก่งมาก ๆ พี่ตูนจะต้องกลับมาแข็งแรง มีพลัง ซึ่งผ่านมา 3 วัน หลังจากผ่าตัด อาการพี่ตูนก็ฟื้นตัวเร็วขึ้นมาก ๆ เย้…และการนอนเฝ้าพี่ตูนครั้งนี้ต่างจากทุกครั้ง เพราะมีเจ้าตัวเล็กในท้อง 5 เดือนมานอนเป็นเพื่อนด้วย หลังจากที่ก้อยนอนเฝ้าพี่ตูนมา 2 คืน วันนี้คุณพ่อบอกว่า “กลับไปนอนกอดลูกเถอะ พ่อพอช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว พ่อสงสารหนูไม่ได้นอน…” แม่แค่อยากบอกพ่อว่า แม่เต็มใจและยินดีที่สุด ขอแค่พ่อหายดี ยิ้มได้ กลับมาแข็งแรงเพื่อลูกน้อยของเราและคนที่รอฟังเพลงของพ่อ ๆ…แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top