Wednesday, 15 May 2024
ตำรวจภาค4

ตำรวจภาค 4 สกัดจับขบวนการค้ายาเสพติดมุกดาหาร ซุกยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ขณะลำเลียงไปส่งลูกค้าในภาคอีสานและภาคกลาง

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.66 เวลา 10.00 น. ที่ ภ.จว.มุกดาหาร พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รองผบช.ภ.4,พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร, พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร, พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง รอง ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.พิชญ์วุฒิ โพธิ์จันทร์ ผกก.สภ.นิคมคำสร้อย

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมคำสร้อย ทราบว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติด ใช้รถยนต์ ขนยาบ้าล็อตใหญ่ ผ่าน จ.มุกดาหาร จึงนำกำลังไปตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณตู้ยามโชคชัย ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จว.มุกดาหาร ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 20 ธ.ค.66 พบรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 1xx 53xx กรุงเทพมหานคร ตรงตามข้อมูลที่ได้รับ ขับเข้าด่านตรวจ 

จึงเรียกตรวจค้น พบผู้ขับขี่ชื่อ นายยุทธนา โดยมีนายสารัตน์ และนายธนบดี โดยสารมากับรถคนดังกล่าว ระหว่างตรวจค้น ตำรวจสังเกตเห็นนายสารัตน์ ใช้โทรศัพท์ส่งข้อความแจ้งเตือนผู้อื่นว่ามีด่านอยู่ด้านหน้า จึงตรวจสอบโทรศัพท์ จากการสอบถามนายสารัตน์ รับว่าตนพร้อมพวกได้ขับรถนำทางให้นายวริทธิ์ธร ซึ่งเป็นคนขับรถลำเลียงยาเสพติด ระหว่างนั้น รถที่นายวิริท์ธร ขับขี่ ได้แล่นผ่านหน้าตู้ยามพอดี จึงนำกำลังไล่ติดตาม จนสามารถควบคุมรถเก๋งฮอนด้าซิตี้ สีขาว หมายเลขทะเบียน xx 21x นครพนม ได้บริเวณถนนชยางกูร จ.มุกดาหาร โดยรถคันดังกล่าวมีนายวริทธิ์ธร เป็นผู้ขับขึ่ และนายธนาธิป กับ น.ส.สุกัญญา นั่งโดยสารมาด้วย ตรวจค้นในรถพบกระสอบพลาสติกสีดำขนาดใหญ่พันด้วยเทปกาวสีเหลือง 3 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารตอนหลัง สอบถาม นายวริทธิ์ธร รับสารภาพว่าเป็นกระสอบบรรจุยาบ้าจำนวน 1,200,000 เม็ด จึงแจ้งข้อหาว่า ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน จากนั้นจึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พงส.สภ.นิคมคำสร้อย ดำเนินคดี 

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าผู้ต้องหารับยาบ้ามาจากพื้นที่ใกล้แนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน กำลังจะขนยาบ้าไปส่งให้ลูกค้าในภาคอีสานตอนล่างและภาคกลาง โดยขนยาบ้าส่งลูกค้ามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งตำรวจภาค 4 จะได้สืบสวนสอบสวนขยายผล เพื่อกวาดล้างจับกุมผู้ร่วมขบวนการ รวมทั้งยึดอายัดทรัพย์สินทั้งหมดต่อไป

สรุป จับกุมผู้ต้องหา 6 คน ยาเสพติดของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ประมาณ 1.2 ล้านเม็ด ยึดอายัดทรัพย์สิน รวมมูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท ได้แก่
1. รถยนต์เก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ขภ 5367 กรุงเทพฯ จำนวน 1 คัน 
2. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 214 นครพนม จำนวน 1 คัน 
3. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง 

ตำรวจภาค 4 เปิดปฏิบัติการไล่ล่า(เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 'No Place for Drug' (NPD.P.4) ปูพรมจับกุมนักค้ารายย่อย ไม่มีที่ยืนในพื้นที่

ที่ ภ.จว.กาฬสินธุ์ : เมื่อวันที่ 3 ก.พ.67 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้แถลงผลการปฏิบัติ ตามปฏิบัติการ ไล่ล่า(เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 "No Place for Drug"(NPD.P.4) ของตำรวจภูธรภาค 4 โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , พล.ต.พรชัย มาหลิน รองแม่ทัพภาคที่ 2 , นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์ , พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร่วมแถลงข่าว

ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศนโยบายและเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 1 ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โดยการปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ปราบปรามและยึดทรัพย์นักค้า

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจภูธรภาค 4 จึงได้นำนโยบายการปราบปรามและยึดทรัพย์นักค้า  มาขับเคลื่อน เปิดปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 : No place for drug หรือ NPD.P.4 โดยยึดหลักการ “ทำลายโครงสร้าง ชำระสะสาง และสร้างพลังชุมชน” ดำเนินการเชิงรุกในการปราบปรามนักค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ พร้อมทั้งทำลายเครือข่ายเพื่อลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในการปฏิบัติงานภาครัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปฏิบัติการมีการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน ได้แก่  ฝ่ายปกครอง กองทัพภาคที่ 2 สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและตำรวจภูธรภาค 4 ทั้ง 252 สถานี และได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติการในครั้งนี้ จาก ป.ป.ส. เป็นจำนวนเงิน 2,544,200 บาท 

การแก้ปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในชุมชน ของตำรวจภูธรภาค 4 คือการทำให้นักค้าไม่มีที่ยืนอยู่ในพื้นที่ โดยการเปิดปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าแดนอีสานเหนือ 252 ในครั้งนี้ ได้ให้แต่ละสถานีตำรวจ ศึกษาสภาพปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด และกำหนดพื้นที่เข้าไปปฏิบัติการ เข้าไปพบทำความเข้าใจประสานงานผู้นำชุมชน เพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน ทำการ X-Rays พื้นที่/ทำแผนที่เดินดินในชุมชน ร่วมกันกำหนดเป้าหมายคัดแยกผู้ค้า ผู้เสพ ผู้ใช้ในพื้นที่ เพื่อนำสู่ขั้นตอนการทำลายโครงสร้างและชำระสะสาง โดยปฏิบัติการเชิงรุก ขยายผลจากผู้เสพ ไปสู่การออกหมายจับนักค้ายารายย่อยในพื้นที่ ตลอดจนการสืบทรัพย์ให้ชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ค้ารายย่อยให้หมดไป เพื่อขุดรากถอนโคนนักค้าไม่ให้มีที่ยืนในพื้นที่ No Place for Drug (NPD) ตลอดจนใช้มาตรการยึดทรัพย์/อายัดทรัพย์สิน เพื่อหยุดยั้งมิให้ผู้กระทำผิดรายใหม่เกิดในพื้นที่ หัวใจสำคัญที่เราจะดำเนินการต่อไปคือ การสร้างพลังชุมชนให้มีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนของตนเองให้เกิดความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป 

ตำรวจภาค ปฏิบัติการไม่มีที่ยืนให้นักค้ายาเสพติด No Place for Drug (NPD) ของตำรวจภูธรภาค 4 ไล่ล่านักค้าแดนอีสานเหนือ 252 ในครั้งนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 โดยทุกพื้นที่ในสังกัด ภ.4 ทั้ง 252 สถานีตำรวจ และ บก.สส.ภ.4 ดำเนินการปูพรม สืบสวนขยายผล จากผู้เสพนำไปสู่ผู้ค้ารายย่อย ออกหมายจับนักค้าจำนวน 381 ราย ตรวจค้นเป้าหมายบุคคลตามหมายจับค้างเก่าจำนวน 400 หมาย จับกุม ยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินนักค้ารายย่อยทุกราย สามารถจับกุมนักค้าได้ถึง 309 ราย คิดเป็น 81% ตรวจค้นจับกุมหมายจับค้างเก่าได้ 43 ราย ของกลางยาบ้า 1,418,412 เม็ด , ยาไอซ์ 0.62 กิโลกรัม ยึดและอายัดทรัพย์สิน 1,318 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 171,605,208 บาท โดยแยกเป็นทรัพย์สิน 1.เงินสด 5,543,526 บาท , 2.สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 102 แปลง เนื้อที่ 189 ไร่ 36 งาน 789 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า 62,576,464 บาท , 3.รถยนต์ จำนวน 166 คัน มูลค่า 77,848,800 บาท , 4.รถจักรยานยนต์ จำนวน 363 คัน มูลค่า 14,761,020 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทอง ปืน วัว ฯลฯ จำนวน 687 รายการ มูลค่า 10,876,198 บาท

ท้ายสุดนี้ ตำรวจภูธรภาค 4 ทั้ง 252 สถานีตำรวจ จะยืดหยัด มุ่งมั่น ปราบปรามนักค้ายาเสพติดให้หมดไป เพื่อลดความรุนแรง และปัญหายาเสพติดในพื้นที่อีสานเหนือ 

นี่คือ ปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252  “ไม่มีที่ยืน ให้นักค้ายาเสพติด”

พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตำรวจภาค 4 มุ่งเน้นมาตรการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก ตามนโยบายรัฐบาล และ ผบ.ตร. โดยนำมาตรการปราบปรามนักค้ารายย่อย ที่มีการแพร่ระบาดยาเสพติดทั้ง 12 จังหวัด โดย “ทำลายโครงสร้าง ชำระสะสาง และสร้างพลังชุมชน” สำหรับการปราบปรามในครั้งนี้ มุ่งเป้าไปที่การกวาดล้างจับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ เนื่องจากเป็นผู้ที่นำยาเสพติดมาแพร่กระจายในชุมชน เพื่อลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติด ทั้งนี้การเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นเพียงก้าวแรกของการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ ภ.4 อย่างเด็ดขาดต่อไป โดยเราจะไม่ยอมให้ผู้ค้ามีที่ยืนอยู่ในพื้นที่ และจะบังคับใช้กฎหมาย ยึดและอายัดทรัพย์สิน อย่างเด็ดขาด รวมทั้งดำเนินการทุกมิติ เพื่อทำลายขบวนการค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากพื้นที่ ภ.4 ให้ได้  ผบช.ภ.4 กล่าวในที่สุด 

“เป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ทำงานเชิงรุก ทันสมัย ที่ประชาชนเชื่อถือศรัทธา”

ตำรวจภาค 4 ลุยปราบปรามเชิงรุก เด็ดปีกนักค้ารายย่อย จ.นครพนม

สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้เปิดปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 ปูพรมจับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยทั่วภาคอีสานตอนบน เมื่อวันที่ 3 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ซึ่งกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ตำรวจภาค 4 ได้ผู้ต้องหา 309 ราย ของกลาง ยาบ้า 1,418,412 เม็ด ยึดและอายัดทรัพย์สิน 1,318 รายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 171,605,208 บาท นั้น

ตำรวจภาค 4 ได้สืบสวนหาข่าวนักค้ายาเสพติดในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยทราบว่า หลังจากการกวาดล้างจับกุมครั้งใหญ่ผ่านไประยะหนึ่ง มีนักค้ายาเสพติดลักลอบเข้าไปค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.นครพนม อีก พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้กวาดล้างจับกุมทันที  เมื่อวันที่ 14 มี.ค.67 พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนครพนม เข้าปิดล้อมตรวจค้น 4 เป้าหมายใน อ.นาหว้า จ.นครพนม สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ จำนวน 8 ราย พร้อมยาเสพติดของกลาง คือ ยาบ้าจำนวน 2,115 เม็ด, ปืนอัดลม (แรงดันสูง) จำนวน 3 กระบอก  และยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ 4 รายการ คือ 1.รถยนต์กระบะโตโยต้า สีดำ ทะเบียน บษ 7854 สกลนคร จำนวน 1.คัน 2.โฉนดที่ดิน จำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 7-5-69 ไร่ 3.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 5 เล่ม 4.บัตรกดเงินสด (ATM) จำนวน 3 ใบ รวมมูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และเป็นการกระทำให้กิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐฯ , มีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ฯลฯ          

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการกวาดล้างนักค้ารายย่อยของตำรวจภาค 4 ที่ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.นครพนม ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายในการสกัดกั้น ปราบปราม ทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อลดความรุนแรงและความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหายาเสพติด ซึ่งตำรวจภาค 4 ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นมาตลอด นอกจากนี้ตนได้สั่งกำชับให้ตำรวจทั้ง 252 สภ. ลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อหาข้อมูลการข่าวของผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับทั้ง รายย่อย รายใหญ่ หากพบให้จับกุมทุกราย พร้อมทั้งยืนยัน นักค้ายาต้องไม่มีที่ยืนในพื้นที่ ผบช.ภ.4 กล่าวในที่สุด

ตำรวจภาค 4 เด็ดปีกผู้ค้าต่อเนื่อง สืบจังหวัดร้อยเอ็ด สกัดจับแก๊งค้ายาบ้า ยึดคารถ 1.6 แสนเม็ด

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ให้ทุกท้องที่กวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากพื้นที่อีสานเหนือ

โดยก่อนการจับกุม พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ได้สืบสวนทราบว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดลักลอบขนยาบ้าผ่าน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อไปส่งที่ลูกค้าที่ จ.มหาสารคาม จึงวางแผนจับกุมและนำกำลังเฝ้าระวังตามเส้นทาง ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มี.ค.67  เวลาประมาณ 22.30 น. พ.ต.ท.สมนึก ปัญญารมย์ สว.กก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วยชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.พนมไพร เข้าจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ได้บริเวณถนนบ้านกุดน้ำใส ต.กุดน้ำใส อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ขณะร่วมกันลำเลียงยาบ้าไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม จำนวน 2 ราย คือ นายณัฐพล ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง พร้อมรถกระบะ สีขาวหมายเลขทะเบียน ขง 74xx อุบลราชธานี  และ นายนัฐกรณ์ ทำหน้าที่ขับรถกระบะ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ขก 55xx กทม. ที่มีการซุกซ่อนยาเสพติด จากการตรวจสอบภายในรถพบยาบ้าถูกวางอยู่เบาะด้านหลังคนขับจำนวน 80 มัด รวม 160,000 เม็ด จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.พนมไพร ดำเนินคดี

เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่า ยาเสพติดดังกล่าวจะนำไปส่งลูกค้าใน จ.มหาสารคาม และมีผู้ร่วมขนยาเสพติดครั้งนี้อีก 2 คน ได้หลบหนีไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม นอกจากนี้ตำรวจชุดจับกุมได้ขยายผลไปตรวจยึดทรัพย์สินของผู้ร่วมขบวนการ รวมทั้งสิ้น 6 รายการ ได้แก่ รถยนต์ จำนวน 4 คัน รถ จยย. 2 คัน รวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป

ตำรวจภาค 4 แถลงจับกุมขบวนการลักลอบตัดไม้พะยูงทั่วภาคอีสาน ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 4 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี  รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.ชาญณรงค์ มากพิสุทธิ์ รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ รอง ผบก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.วิโรจน์  สีน้ำเงิน รอง ผบก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผบก.สส.ภ.4 ได้สั่งการให้ กก.สส.1 บก.สส.ภ.4 ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุลักลอบตัดไม้  จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่เชื่อมต่อกันในหลายพื้นที่ ล่าสุดชุดจับกุมได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถยื่นคำร้องขอหมายจับกลุ่มผู้กระทำผิด และวันที่ 26 มี.ค.2567 เวลา 06.30 น. บก.สส.ภ.4 สามารถติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ ดังนี้ 

1.จับกุม นายยุทธนา อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.207/2567 ลง 25 มี.ค.2567 ข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ ในเคหสถาน ในสถานที่ราชการ โดยร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม" โดยจับกุมได้ที่ ถนนภายในหมู่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี สามารถตรวจยึดของกลาง 1.รถยนต์ฮอนด้าเก๋ง ฮอนด้าสีขาว รุ่น civic 1 คัน 2. โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง  3. สมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม 4. เครื่องปั่นไฟฟ้า สำหรับใช้กับเลื่อยไฟฟ้า ตกหล่นระหว่างติดตามจับกุม ก่อนควบคุมตัวส่ง สภ.ดอนจาน  จว.กาฬสินธุ์  ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และตรวจยึดไม้ท่อนขนาดใหญ่และไม้แปรรูปจำนวนหนึ่ง ส่ง สภ.พิบูลมังสาหาร เพื่อทำการตรวจสอบที่มาของไม้

2. จับกุม นายหัตถพงษ์ อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.209/2567 ลง 25 มี.ค.2567 ข้อหา "ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน " จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 29 ม.7 ต.ราชธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 เวลาประมาณ  07.00 น. พร้อมตรวจยึดของกลาง 1.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ส่ง สภ.ยางตลาด ดำเนินคดีตามกฎหมาย

3. จับกุม นายปัญญา อายุ 61 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.208/2567 ลง 25 มี.ค.2567 ข้อหา "ลักทรัพย์ (ไม้พะยูง) ในเวลากลางคืนในสถานที่ราชการ โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม" จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 29 ม.7 ต.ราชธานี อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2567 เวลาประมาณ 07.00 น. พร้อมตรวจยึดของกลาง 1.รถยนต์แบบแวน รุ่นอีซูซุ สีขาว 1 คัน 2.โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง 3.เลื่อยไฟฟ้า ยี่ห้อ makita 1 เครื่อง 4.แบตเตอรี่เลื่อยไฟฟ้า ยี่ห้อ makita 2 ก้อน 5.เลื่อยมือสองเกลอ 2 ปื้น 6. เชือกไนล่อนสีขาว ขนาด 24 มม. ยาว 10 เมตร  1 เส้น ส่ง สภ.ดอนจาน  จว.กาฬสินธุ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
    
ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการที่ร่วมกันก่อเหตุลักไม้พะยูงในพื้นที่ ภ.4  ที่ยังหลบหนีอีก 4 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ตำรวจภาค 4 ตรวจเข้มสถานบริการทั่วอีสานเหนือ สร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวก่อนเทศกาลสงกรานต์

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตำรวจภาค 4 ตรวจสอบสถานบริการ และแหล่งอบายมุข ต่างๆในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคอีสานตอนบน โดยนำกำลังตำรวจประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์, ขอนแก่น, นครพนม, บึงกาฬ, มหาสารคาม, มุกดาหาร, ร้อยเอ็ด, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี และตำรวจจาก บก.สส.ภ.4 ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมทั้งฝ่ายปกครอง เข้าร่วมปฏิบัติการด้วย เน้นตรวจสอบจับกุมสถานบริการที่ผิดกฎหมาย ยาเสพติด เด็กและเยาวชนที่เข้ามาเที่ยวสถานบริการ อาวุธปืน และแหล่งอบายมุข รวมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการประมาณ 1,000 นาย ร่วมกันตรวจสถานบริการในพื้นที่รับผิดชอบ ตั้งแต่กลางดึก ของคืนวันที่ 29 มี.ค.67 ถึงเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 30 มี.ค.67  

ผลการปฏิบัติ ได้ทำการตรวจสอบใบอนุญาตสถานบริการ 32 แห่ง พบว่ามีใบอนุญาต ตรวจสอบสารเสพติดผู้มาใช้บริการกว่า 1,000 คน ตรวจสอบอายุนักเที่ยวในสถานบริการกว่า 2,700 คน  นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจตราดูแลความปลอดภัยประชาชนที่ไปเที่ยว และประชาสัมพันธ์ กำชับผู้ประกอบการทุกแห่ง มิให้จัดให้มีการมั่วสุม จำหน่ายหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, ระมัดระวัง มิให้มีการพกพาอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธปืน มีด หรือสิ่งที่จะเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น เข้าไปในสถานบริการ, มิให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการและปิดสถานบริการตามเวลาที่กฎหมายกำหนด

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ที่ให้กวดขันปราบปราม จับกุมสถานบริการผิดกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่จะมาเที่ยวภาคอีสานในช่วงเทศกาลสงกรานต์อีกด้วย สำหรับในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ใกล้จะถึงนี้ ตนได้สั่งกำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่เข้มงวดในการตรวจตราสถานบริการ จับกุมแหล่งอบายมุข ยาเสพติด อาวุธปืน และดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวทิ้งท้าย

ตำรวจภาค 4 รวบขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 22 กก. ขณะส่งพัสดุ ก่อนส่งต่อไปยังประเทศที่สาม

เมื่อวันที่ 4 เม.ย.67 ที่ ภ.จว.หนองคาย :  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4 , พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย, นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย, นายคุ้มชน ธารีเกษ จนท.ประสานงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สาธารณรัฐเกาหลี, ผู้แทนจาก ป.ป.ส. และหน่วยร่วมบูรณาการ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 22 กก. ขณะกำลังส่งพัสดุไปให้ ผู้ร่วมขบวนการในกรุงเทพฯ ก่อนจะส่งไปประเทศที่สาม โดยซุกซ่อนในกล่องพัสดุเครื่องสำอางค์

ตำรวจภาค 4 โดยชุดสืบสวนของ ภ.จว.หนองคาย ได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ที่ส่งยาเสพติดไปยังสาธารณรัฐเกาหลี พบว่ามีต้นทางมาจาก จ.หนองคาย เกี่ยวเนื่องกับกรุงเทพฯ  พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.พิรัชย์ อุดมพิสุทธิคุณ ผบก.ภ.จว.หนองคาย ได้อำนวยการสั่งการให้ชุดสืบสวนของ ภ.จว.หนองคาย และ สภ.ท่าบ่อ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในพื้นที่ อาทิเช่น ป.ป.ส.ภาค 4, ฝ่ายปกครอง, ผู้จัดการร้านแฟลชโฮม สาขาท่าบ่อ เพื่อสืบสวนหาข่าว และวางแผนจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติดังกล่าว

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าบ่อ ได้สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ตามแนวชายแดน จะมีการส่งยาเสพติดทางพัสดุไปให้ผู้ร่วมขบวนการในกรุงเทพฯ เพื่อจะส่งต่อไปยังประเทศที่สาม จึงเฝ้าติดตามจับกุม  ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย.67  เวลาประมาณ 12.40 น. ตำรวจชุดจับกุมได้  พบว่า นายสมพงษ์ อายุ 70 ปี (ทราบชื่อภายหลัง) กำลังติดต่อขอส่งพัสดุที่ร้านแฟลชโฮม อ.ท่าบ่อ โดยระบุปลายทางพัสดุที่กรุงเทพฯ ตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวน จึงแสดงตัวและขอตรวจสอบพัสดุ พบว่า เป็นเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดดสีเหลือง จำนวน 111 กล่อง และเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดดกล่องสีเขียว จำนวน 102 กล่อง น้ำหนักรวมทั้งสิ้นประมาณ 22 กิโลกรัม ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ยาเสพติดโทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า รับจ้างมาจากบุคคลที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ในราคา 4,000 บาท ให้ส่งพัสดุไปกรุงเทพฯ ตามที่อยู่ที่ผู้จ้างให้ไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผล ดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดตามแนวชายแดนและในพื้นที่ที่มีปัญหา ซึ่งตำรวจภาค 4 ได้กวาดล้างจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้สืบสวนขยายผลกวาดล้างจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุกคน และนับจากนี้ จะเพิ่มความเด็ดขาดในการกวาดล้างจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในภาคอีสานเหนือ โดยผู้ค้ายาเสพติด จะต้องไม่มีที่ยืนอีกต่อไป  พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

ตำรวจภาค 4 ทลาย 29 เครือข่าย รวบนักค้ายาเสพติดอีสานเหนือกว่า 22 ราย

ที่ ภ.จว.หนองคาย : เมื่อวันที่ 30 เม.ย.67 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์,  ผบก.ภ.จว.หนองคาย, นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย, นายภิญโญ โฆสิต ผอ.ปปส.ภาค 4 และหน่วยร่วมบูรณาการในพื้นที่ ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติการ "ขุดรากนักค้ารายย่อยและเครือข่าย" ซึ่งเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.67 ถึงวันที่ 30 เม.ย.67 โดยใช้กำลังตำรวจภาค 4 ทั้ง 12 ภ.จว.ในสังกัด และ บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วยหน่วยงานฝ่ายปกครอง ทหาร และ ป.ป.ส. ในพื้นที่  

ปฏิบัติการในครั้งนี้ ตำรวจภาค 4 ได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดทั่วอีสานเหนือทั้ง 12 จังหวัด รวม 29 เครือข่าย จำนวน 101 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 88 คน เป็นนักค้ารายย่อย 22 ราย ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 2,817,878 เม็ด, เฮโรอีน 22,329 กรัม นอกจากนี้ยังตรวจยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน ทองรูปพรรณ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ โทรศัพท์ สมุดบัญชีธนาคารและอื่นๆ รวมประมาณ 300 รายการ มูลค่าประมาณ 75,703,558 บาท

สำหรับผลการปฏิบัติที่น่าสนใจมีดังนี้ ภ.จว.อุดรธานี ยึดทรัพย์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ จยย. รวม 12 รายการ มูลค่า 27,820,000 บาท, ภ.จว.หนองบัวลำภู ยึดเงินสด รถยนต์ จยย. ทองรูปพรรณ รวมมูลค่า 11,533,530 บาท, ภ.จว.ร้อยเอ็ด ยึดรถยนต์ 10 คัน จยย. 2 คัน รวมมูลค่า 4,120,000 บาท, บก.สส.ภ.4 ยึดรถยนต์ 5 คัน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมมูลค่า 4,575,000 บาท เป็นต้น 

พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 กล่าวว่า ตำรวจภาค 4 ได้เปิดปฏิบัติการ เพื่อกวาดล้างจับกุมนักค้ายาเสพติดรายย่อยและเครือข่ายในทุกพื้นที่อย่างเข้มข้น โดยได้เปิดปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งนี้ ในเดือนล่าสุด เม.ย.67  มีการจับกุมนักค้ารายย่อย 1,704 คดี  นักค้ารายสำคัญ 13 คดี และตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.66 ถึง 28 เม.ย.67 ตำรวจภาค 4 จับกุมนักค้ารายย่อย 10,926 คดี นักค้ารายสำคัญ จำนวน 111 คดี  โดยมีการจับกุมคดียาเสพติดทุกข้อหา รวมทั้งสิ้น 30,268 คดี ซึ่งตนได้กำชับทุกหน่วยให้ถือเป็นนโยบายต่อเนื่องในการเดินหน้าตรวจค้น กวาดล้างจับกุมนักค้ารายย่อยและเครือข่ายทั้งหมด เพื่อตัดช่องทางการจำหน่ายยาเสพติดให้กับประชาชนต่อไป พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top