Sunday, 28 April 2024
ตั้งรัฐบาล

'อลงกรณ์' เรียกร้องพรรคการเมืองและสว.เคารพเสียงประชาชนหนุน 'ก้าวไกล' ตั้งรัฐบาล พิธาเป็นนายกฯ

นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เขียนเฟสบุ๊คส่วนตัวแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศหลังทราบผลการเลือกตั้งวันนี้(15 พ.ค.)โดยเขียนไว้อย่างน่าสนใจดังนี้

“ควรเคารพเสียงประชาชน
ให้”ก้าวไกล”ตั้งรัฐบาลปฏิรูปประเทศ”

ประเทศไทยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เมื่อประชาชนกว่า14ล้านคนเลือกพรรคก้าวไกลเป็นอันดับ1ของประเทศทั้งส.ส.แบบเขตเลือกตั้งและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ด้วยความเชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกลจะสร้างการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน

ผมเชื่อว่า นักการเมืองทุกคนไม่ว่าสังกัดพรรคใด คงยอมรับว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและความเป็นผู้นำของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยไม่มีการซื้อเสียง เป็นชัยชนะที่ขาวสะอาด

ผมหวังว่า ทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภาจะเคารพเสียงของประชาชน และเปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศและคุณพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นำประเทศก้าวข้ามความล้าหลังความยากจนและความแตกแยกขัดแย้ง เดินหน้าปฏิรูปประเทศสร้างศักยภาพใหม่ประเทศไทยให้สำเร็จ และสร้างประชาธิปไตยโดยประชาชนของประชาชนเพื่อประชาชนในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข.

อลงกรณ์ พลบุตร
15 พ.ค. 2566

พรรคฝ่ายค้านสเปนได้เสียงอันดับ 1 ส่อตั้งรัฐบาลไม่ได้ หลังคะแนนเสียงไม่เด็ดขาด

(24 ก.ค. 66) การเลือกตั้งสเปนไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมาก พรรคฝ่ายขวาได้ที่นั่งไม่มากพอขับนายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชส พ้นจากอำนาจ ต้องหาทางจับมือพรรคเล็กตั้งรัฐบาลผสม ถ้าไม่ได้จริง ๆ อาจต้องเลือกตั้งใหม่

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน การเลือกตั้งสเปนเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) นับคะแนนครบถ้วน 100% แล้วเมื่อเวลา 1.30 น. วันจันทร์ (24 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น พรรคประชาชน (PP) แนวกลางขวา ได้ ส.ส. 136 คน จาก ส.ส. ในสภา 350 คน พรรคสังคมนิยม (PSOE) ของนายกรัฐมนตรีซานเชส ได้ ส.ส. 122 คน ซึ่งทั้งสองพรรคไม่มีใครทำได้ถึง 176 คนเพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่พรรคสังคมนิยมทำผลงานได้ดีเกินคาด ขณะที่พรรค PP ไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาดตามที่ประเมินกันไว้ แถมยังสร้างดรามาเรื่องการนับคะแนน

พรรคการเมืองที่มีแนวโน้มถูกดึงมาร่วมรัฐบาลมากที่สุด ได้แก่ พรรคขวาจัด Vox ได้ สส. 33 คน และพรรคซ้ายจัด Sumar สส. 31 คน

ผลการเลือกตั้งทำให้ซานเชสไม่ถึงกับหมดสิทธิเป็นนายกฯ เสียทีเดียว อาจเป็นผู้ตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ทั้งยังเป็นการทำลายโอกาสพรรคการเมืองฝ่ายขวาเข้ามาเป็นรัฐบาลยุโรปอีกหนึ่งประเทศ หลังจากโพลหลายสำนักระบุว่า สเปนจะได้รัฐบาลผสมฝ่ายขวาระหว่างพรรค PP กับ Vox

ตอนนี้สองพรรคใหญ่ต้องเจรจาทำข้อตกลงตั้งรัฐบาลผสม แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจตั้งไม่ได้จนต้องเลือกตั้งใหม่

บริษัทที่ปรึกษา Teneo มั่นใจว่าซานเชสจะเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาลได้มากกว่าอัลเบอร์โต นุญเญซ เฟย์โฆโอ หัวหน้าพรรค PP โดยมองว่ามีโอกาส 45% ที่ซานเชสจะจับมือกับพรรคซ้ายจัด Sumar และพรรคเล็กอีกจำนวนหนึ่ง แต่มองว่าโอกาสที่สเปนต้องจัดเลือกตั้งใหม่ก็มี 45% เช่นกัน

การเลือกตั้งที่ไม่มีผู้ชนะเด็ดขาดนี้ส่งผลต่อสถานะการเป็นประธานสภาสหภาพยุโรปของสเปนในปัจจุบันและสร้างความหวั่นไหวให้ตลาด

ถัดจากนี้กษัตริย์เฟลิเป ที่ 6 จะทรงเชิญเฟย์ฆิโอ ผู้นำพรรคที่ได้เสียงเป็นอันดับหนึ่ง ให้รวบรวมเสียงเป็นนายกรัฐมนตรี สถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นในปี 2558 มาริโอ ราฮอย ผู้นำพรรค PP ปฏิเสธไม่เป็นนายกฯ เพราะรวบรวมเสียงได้ไม่มากพอ

สำหรับครั้งนี้ถ้าเฟย์ฆิโอทำไม่ได้ กษัตริย์อาจทรงขอให้ซานเชสตั้งรัฐบาล กฎหมายไม่ได้กำหนดเส้นตายว่าต้องตั้งรัฐบาลได้เมื่อใด แต่ถ้าไม่มีใครรวบรวมเสียงข้างมากได้ภายในสองเดือนนับจากการลงมติเลือกนายกฯ ครั้งแรกก็ต้องจัดเลือกตั้งใหม่

เมื่อรัฐบาลรักษาการ ไม่ใช่จะทำได้ทุกเรื่อง  ปล่อยนาน ‘ศก.ฟุบ-ลงทุนหด-ประเทศชาติพัง’

มีบางคนเสนอว่า ให้รออีก 10 เดือน เพื่อให้ 250 สว.หมดวาระ และหมดสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเสนอเช่นนั้น ผมตั้งสมมติฐานว่า เป็นการเสนอเป็นทางออกให้กับพรรคก้าวไกล ในการเสนอชื่อ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบใหม่เมื่อไม่มี สว.คอยขัดขวางแล้ว

แต่ส่วนตัวมองว่า ไม่ใช่เป็นการเสนอเพื่อให้เป็นทางออกของการเมือง ไม่ใช่ทางออกของประเทศ เวลานี้การเมืองยังมีไพ่ให้เล่นอีกหลายใบ บางพรรคอาจจะอมสเปโตอยู่ แต่ตีบทใจแข็ง ‘ก็ไม่ถอย’ ระวังเพื่อน ‘น็อคมืด’ ตัวเองติดสเปโตด้วย

แต่บางพรรคอาจจะไม่มีไพ่ดีในมือ แค่ส่งเสียงขู่ คำราม ตีไพ่เสียงดัง หรือตีไพ่ให้เพื่อนกิน เผื่อตัวเอง ‘น็อคมืด’

พรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว ควรเร่งรีบเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นขั้วไหนก็แล้วแต่ เพราะยิ่งช้าประชาชนจะยิ่งเสียโอกาส

รัฐบาลรักษาการไม่ใช่ทำได้ทุกเรื่อง บางอย่างมีข้อจำกัดอยู่ ปล่อยให้มีรัฐบาลรักษาการไปนานๆ ประเทศชาติจะเสียหาย กระทบกับเศรษฐกิจ การลงทุน

สิ่งที่จะเกิดกับเศรษฐกิจไทย คือ ต้องยอมรับความจริงว่า เศรษฐกิจไทยส่วนใหญ่ขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐเป็นหลัก ภาคเอกชนเป็นตัวเสริม

อีกสองเดือนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ก็จะจบลงแล้ว และ 1 ตุลาคม ต้องเริ่มต้นปีงบประมาณให้ 2567 แต่จนถึงขณะพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภา 100% ไม่อาจพิจารณาให้ทันใช้วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นแน่แท้

กระบวนการพิจารณางบประมาณประจำปี ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3-4 เดือน จึงเชื่อได้ว่า วงเงินงบประมาณใหม่ปี 2567 น่าจะใช้ได้ประมาณเดือนมกราคม หรือกุมภาพันธ์ ขึ้นอยู่กับการเมืองว่าจะจบ หรือเข้ารูปเข้ารอยเมื่อไหร่ แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้วางกรอบและจัดทำร่างไว้เสร็จแล้ว รอเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาเท่านั้นเอง

เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่สามารถพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ จึงต้องใช้กรอบวงเงินงบประมาณปี 2566 ไปก่อนได้ สำหรับใช้เป็นงบบริหาร เช่น เงินเดือนข้าราชการ แต่จะใช้งบลงทุนใหม่ไม่ได้ ตรงงบลงทุนที่ทำอะไรไม่ได้นี้แหละจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ แน่นอนว่าเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวย่อมกระทบต่อประชาชนด้วย การจ้างงานก็อาจจะมีปัญหา

รัฐบาลหน้าจึงมีเวลาในการใช้จ่ายงบประมาณปี 2567 เพื่อการลงทุนภาครัฐเพียงประมาณ 8 เดือนเท่านั้นเอง

ปัญหาที่เห็นอยู่ข้างหน้า...

1. การจัดทำ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้าออกไปอีก 
2. นักลงทุนต่างชาติเข้าสูโหมด Wait&See รอนโยบายจากรัฐบาลใหม่
3. ภาคเอกชนในประเทศรอนโยบายจากรัฐบาลใหม่เช่นกัน
4. ประเทศขาดรัฐบาลมาวางนโยบาย ในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ
5. GDP ปีหน้าน่าจะขยายตัวได้ในระดับที่เรียกว่า ‘แย่’ ไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้

ฉะนั้นการเสนอให้รออีก 10 เดือนจะยิ่งไปกันใหญ่ พรรคการเมืองก็ไม่ควรคิดในกรอบนี้ อันเป็นข้อเสนอที่หาทางออกให้พรรคการเมืองบางพรรค ไม่ใช่หาทางออกให้ประเทศ ประเทศชาติยังมีทางออก ถ้าพรรคการเมืองบางพรรคผ่อนคลายเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลลงมาบ้าง ไม่ใช่ตึงจนขาด

รัฐบาลผสมไม่มีพรรคไหน หรือใครได้ไป 100% เพราะรัฐบาลผสมก็ต้องมาจากนโยบายของหลายพรรคการเมือง จึงเป็นเรื่องของการเจรจา ต่อรอง บนผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน อย่ารักชาติ รักประชาชนแค่ลมปากบนเวทีปราศรัยต่อหน้ามวลชน หรือให้สัมภาษณ์สื่อ ต่างกอดรัดฟัดประชาชนไว้ด้วยความรัก

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายที่ถูกส่งให้ไปเป็นฝ่ายอนุรักษ์ก็ตาม ควรจะใช้ทันสมองที่มีอยู่คิดร่วมกันหาทางออกให้ประเทศ อันไหนยอมได้ก็ต้องยอม ผ่อนได้ก็ต้องผ่อน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้

เวลานี้พรรคหนึ่ง อย่างก้าวไกลก็ไม่ยอมเรื่องแก้ ม.112 อ้างว่าเป็นเรื่องที่รับปากไว้กับประชาชน ยังยืนยันเดินหน้าด้วยกลไกของสภา แม้ไม่มีอยู่ใน MOU ก็ตาม กลัวว่าจะเสียสัจจะ จนทำให้แพ้โหวตในสภามาแล้ว เมื่อสมาชิกวุฒิสภาไม่ยกมือสนับสนุน

อีกขั้วหนึ่ง 4-5 พรรค ทั้งพลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติ, ชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ต่างเสียงแข็งไม่เอาก้าวไกล ไม่อาจทำงานร่วมกันได้ ไม่ร่วมงานกับพรรคที่แก้ ม.112

การเมืองจึงมาติดกับดักอยู่ตรงนี้ เดินหน้าไปยาก แต่ถ้าพรรคการเมืองผ่อนหนักผ่อนเบา อันไหนยอมได้ก็ยอม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ แล้วไปหาเหตุผลอธิบายกับประชาชน อธิบายกับมวลชนของพรรค เวลานี้แต่ละพรรคผวากับ ‘ผิดสัจจะ’ หรือ ‘ตระบัดสัตย์’ จนขยับตัวไปไหนไม่ได้ กลัวเลือกตั้งสมัยหน้าจะสูญพันธุ์บ้าง

การเมืองอธิบายได้หมด ขอให้เป็นทางออกที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชน แต่อาจจะไม่ถูกใจคนทั้ง 100 เท่านั้นเอง

ไม่อยากเห็นวงจรอุบาทว์เข้ามาอาศัยจังหวะเบียดแทรกเข้ามาในสถานการณ์ที่การเมืองยังไม่ลงตัว

'แดงปทุมฯ' ให้กำลังใจ 'หมอชลน่าน' ขอให้จัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น

(15 ส.ค.66) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ ตรีชฎา ศรีธาดา สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรค รับมอบหนังสือและดอกไม้จากตัวแทนพี่น้องเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดจันทบุรี และชมรมแท็กซี่สุวรรณภูมิ แท็กซี่กรุงเทพ ที่มาให้กำลังใจที่พรรคเพื่อไทย ให้จัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ พร้อมประกาศพร้อมอยู่เคียงข้างทำงานให้ประชาชนเต็มความสามารถ

'ชุมพล กาญจนะ' ฝ่าดง ปชป.หอบหิ้ว 6 สส.เข้า รทสช. ผลงานเด่น!! ควรได้รัฐมนตรีเป็นรางวัลตอบแทนหรือไม่

เมื่อรวมไทยสร้างชาติร่วมรัฐบาล 'ชุมพล กาญจนะ' ควรเป็นรัฐมนตรี เพราะเขาจับมือกับ 'กำนันศักดิ์-พงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว' นายกฯ อบจ.สุราษฎร์ หอบหิ้ว สส.เข้ามาได้ถึง 6 คน จาก 7 คน ในสุราษฎร์ธานีหรือไม่?

ต้องยอมรับความจริงว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นสนามหิน สังเกตจากเลือกตั้งครั้งก่อน ประชาธิปัตย์ชนะยกจังหวัด 6 ที่นั่ง และมี 'สินิตย์ เลิศไกร' นั่งเป็นรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์

เลือกตั้งปี 66 พรรครวมไทยสร้างชาติก่อเกิดขึ้น เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินหน้าต่อทางการเมือง โดย 'ชุมพล กาญจนะ' เดินออกจากประชาธิปัตย์ เข้าร่วมภารกิจกับรวมไทยสร้างชาติ ปลุกปั่นทีมสุราษฎร์ธานี จนเดินฝ่าดงประชาธิปัตย์มาได้ถึง 6 คน ซึ่งก็ถือว่าไม่ธรรมดา ถึงแม้จะอ้างว่าประชาธิปัตย์ขาลงก็ตาม แต่มีภูมิใจไทย ตามจี้ก้นอยู่เหมือนกัน จนภูมิใจไทยมาแย่งไปได้ 1 ที่นั่ง

เมื่อชุมพลหอบหิ้วชัยชนะมาให้รวมไทยสร้างชาติได้สวยงามขนาดนี้ จังหวัดเดียวได้มา 6 ที่นั่งจากที่รวมไทยสร้างชาติทั่วประเทศได้มา 36 ที่นั่ง รางวัลแห่งความสำเร็จควรจะยกให้ 'ชุมพล กาญจนะ' หรือไม่?

ชุมพล กาญจนะ ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมาโชกโชน ถือเป็นเบอร์ต้นๆ ของสุราษฎร์ธานี ไม่เสียหายอะไรหรอกถ้าเขาจะได้รับกับค่าเหนื่อย

แต่โควตานี้ ถ้าเป็นไปตามโผ ได้ตกเป็นของ 'วิทยา แก้วภารดัย' กับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นตำแหน่งที่วิทยาไม่ควรรับ เพราะเคยนั่งว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาแล้ว

เหมือนคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วมาเป็นรองนายกรัฐมนตรี คุณค่ามันด้อยลงไป เหมือนสมัยหนึ่งที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในเวลาถัดมา

แม้บางคนอาจจะแย้งว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับผมถือว่า 'แปลก' และในทางการเมืองก็วิจารณ์กันได้ และวิทยาควรจะไปเอาโควตาภาคอีสาน เพราะช่วงเลือกตั้งวิทยาเป็นคนที่พรรคมอบหมายให้ดูแลภาคอีสาน

อย่างไรก็ตาม ชุมพลช่วงออกจากประชาธิปัตย์ ก็ถูกถล่มเรื่องเงิน 200 ล้าน ซึ่งข้อเท็จจริงประการใดไม่มีใครทราบ แต่ชุมพลก็ออกมาปฏิเสธเรื่องเงิน 200 ล้าน

เอาเป็นว่า ยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ และทางการเมืองก็กล่าวหากันได้ แต่ยังไงซะ วันนี้ชุมพลได้หอบหิ้วความสำเร็จให้รวมไทยสร้างชาติ ในสนามสุราษฎร์ธานีแล้ว เพื่อความเป็นธรรมเขาจึงควรได้รับรางวัลสมน้ำสมเนื้อ เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาล จะเป็นรัฐมนตรีว่าการ หรือช่วยว่าการก็ไม่ว่ากัน

เพียงแต่ว่า แกนนำรวมไทยสร้างชาติ 2 คนของสุราษฎร์ธานี คือ 'ชุมพล' กับ 'กำนันศักดิ์' ไม่ลงรอยกัน เดินคนละทางกันเท่านั้นเอง โดยกำนันศักดิ์จะแพคกันกับกลุ่มลูกหมี (ชุมพร) และนายกฯ วิสุทธิ์ พัทลุง ส่วนชุมพลก็เป็นสายวิทยา

เมื่อสุราษฎร์ธานีไม่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ชุมพลมีอยู่ 3...กำนันศักดิ์มีอยู่ 3...การแยกจากกันจึงไม่มีพลังอำนาจในการต่อรอง จึงอาจจะพลาดเก้าอี้รัฐมนตรี

จริงไหม 'พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค' หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

‘แจ็ค แฟนฉัน’ ถาม!! เล่นการเมืองต้องมีพรรคพวกห้ามเห็นต่าง ถึงจะอยู่รอดเหรอ?

ต้องมีพรรค มีพวก และห้ามเห็นต่างเหรอ?

‘แจ็ค แฟนฉัน’ ยิงคำถามเด็ดใส่ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในรายการแฉ ทางช่อง GMM 25 เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 66 โดยถามว่า 

“คนไทยที่ออกไปเลือกตั้ง เขาเลือกพรรคคุณ เลือกคุณเป็นนายก และคุณได้เป็นนายกฯ แน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้เป็น แล้วประเทศไทย หรือว่าคนไทยต้องทำยังไง? หรือการเมืองมันต้องอยู่ในเห็นเหรอ ต้องมีพรรคพวกโดยเห็นต่างไม่ได้เหรอ? บทเรียนตรงนี้พี่ได้อะไรบ้าง”

โดยเมื่อได้ฟังคำถามแล้ว นายพิธา เอ่ยปากชมว่าเป็นคำถามที่ดีมากๆ ก่อนจะตอบว่า 

“เป็นคำถามที่โดนใจหลาย ๆ คน คนในระยองเขต 3 ก็ถามแบบนี้ คนถามเลยว่า เสียเวลาออกไปเลือกตั้งทำไม? ทั้ง ๆ ที่เลือกไปแล้วไม่ได้อย่างที่เลือก สื่อต่างชาติหลาย ๆ เจ้าก็อาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจเรา เขาอาจจะคิดว่ามันคืออำนาจนิยมที่อนุญาตให้มีการเลือกตั้ง และถ้าคิดแบบนั้น ก็ยิ่งต้องเลือก เลือกจนกว่าจะได้ จนกว่าจะเป็นฉันทามติของประชาชน ไม่จำเป็นต้องเป็นผม อาจจะเป็นคนอื่น แต่ถ้าเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ ตรงเจตนาของประชาชน อีก 4 ปีข้างหน้าก็จะมีหวัง แต่ห้ามทิ้งฐานที่มั่นคือการเลือกตั้ง ก่อนเลือกอำนาจเป็นของเรา แต่หลังเลือกตั้งอำนาจเป็นของคนอื่น อย่างน้อยเราควรทำให้มันอยู่ในระบบของบ้านเมืองเรา”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top