Monday, 13 May 2024
ตัวประกัน

‘ญาติตัวประกัน’ จี้ ‘อิสราเอล’ หยุดถล่มฉนวนกาซา แล้วหันมาช่วยเหลือตัวประกันให้ปลอดภัยเสียก่อน

(30 ต.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดาครอบครัวของชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสจับไปเป็นตัวประกันไว้ในฉนวนกาซา ในเหตุปฏิบัติการจู่โจมอย่างสายฟ้าแลบของกลุ่มติดอาวุธฮามาส เมื่อวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา ได้พากันรวมตัวที่กรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอล เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลระงับปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา แล้วหันมาช่วยเหลือตัวประกันที่ถูกจับตัวไปนั้นให้เป็นอิสระอย่างปลอดภัยก่อน

โดยนายโนอัม อาลอน แฟนหนุ่มของนางอินบาร์ ไฮมาน ซึ่งถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสจับตัวไประหว่างเที่ยวงานเทศกาลดนตรีนั้น ได้แสดงทรรศนะว่า ควรช่วยเหลือตัวประกันทุกคนให้ได้รับความปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธฮามาสให้สิ้นซากถือเป็นเป้าหมายที่ 2 ซึ่งการทำให้สำเร็จ 2 เป้าหมายในเวลาเดียวกันไม่สามารถทำได้

นอกจากนี้ ครอบครัวชาวอิสราเอลผู้ถูกจับไปประกันอีกรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ญาติของพวกเขาที่ถูกจับตัวไปนั้น มีอายุมากแล้ว ดังนั้น จึงเหลือเวลาอีกไม่มาก จึงอยากให้รัฐบาลอิสราเอลรีบช่วยเหลือออกมาอย่างปลอดภัยให้เร็วที่สุด

‘ฮามาส’ ตกลง!! ยอมหยุดยิง 3 วัน หลัง ‘กาตาร์’ เจรจา พร้อมปล่อย 50 ตัวประกัน ด้าน ‘อิสราเอล’ ยังเงียบกริบ

(16 พ.ย.66) รอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวกาตาร์รายหนึ่งว่า รัฐบาลกาตาร์กำลังเจรจาเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันกับอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส โดยมีข้อเสนอสำคัญคือ กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 50 คนออกมาจากฉนวนกาซา แลกกับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน

ข้อเสนอดังกล่าวซึ่งอยู่ภายใต้การเจรจาและร่วมมือกับทางสหรัฐด้วย และยังระบุอีกว่า อิสราเอลจะยอมปล่อยตัวผู้หญิงและเด็กชาวปาเลสไตน์จำนวนหนึ่งที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำออกมาด้วย และยอมเปิดทางให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปยังพื้นที่กาซามากขึ้น 

แหล่งข่าวระบุว่าเบื้องต้นนั้น ฮามาสตกลงในภาพรวมของข้อเสนอดังกล่าวแล้ว แต่อิสราเอลยังไม่ตอบรับ และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาในรายละเอียด   

หากข้อเสนอครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จะถือเป็นการช่วยตัวประกันครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามที่กลุ่มติดอาวุธฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค. จนนำไปสู่การทำสงครามตอบโต้จากอิสราเอล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตในฝั่งอิสราเอลประมาณ 1,200 คน ถูกจับเป็นตัวประกันอีกกว่า 200 คนทั้งชาวอิสราเอลและชาวต่างชาติ เช่น แรงงานไทย ในขณะที่ฝั่งปาเลสไตน์มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 11,000 คน   

ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลเพิ่งเดินหน้าออกปฏิบัติการบุกโรงพยาบาลอัลชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) โดยอ้างว่ามีข้อมูลชัดเจนว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ถูกกลุ่มฮามาสใช้เป็นฐานที่มั่น แม้ว่าจะการปฏิเสธจากฝั่งปาเลสไตน์และบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ก็ตาม 

'เนทันยาฮู' รับ!! ทหารยิงพลาด ทำตัวประกันอิสราเอลเสียชีวิตไป 3 ราย หลังทหารคิดว่าตัวประกันทั้ง 3 เป็นภัยคุกคาม จึงระดมยิงใส่จนเสียชีวิต

(16 ธ.ค.66) กองทัพอิสราเอลออกมาแถลงยอมรับวานนี้ (15 ธ.ค.) ว่าเกิดการโจมตีที่ผิดพลาด จนทำให้ตัวประกันที่ถูกฮามาสคุมขังอยู่ในกาซาเสียชีวิตไป 3 ราย ซึ่งทางกองทัพกำลังดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อยู่

โฆษกกองทัพยิวระบุว่า ตัวประกันกลุ่มนี้ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มฮามาสในกาซา และขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมย้ำว่าจะมีการสอบสวนเรื่องนี้ ‘อย่างโปร่งใส’

กองทัพอิสราเอลอ้างว่า ระหว่างที่มีการสู้รบอย่างหนักหน่วงกับพวกฮามาส ทหารเกิดความเข้าใจผิด “คิดว่าตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คนเป็นภัยคุกคาม จึงได้ระดมยิงใส่พวกเขาจนเสียชีวิต”

ตัวประกันที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ได้แก่ โยตัม ฮาอิม (Yotam Haim) ซึ่งถูกลักพาตัวไปจาก Kibbutz Kfar, ซาเมอร์ ทาลาลกา (Samer Talalka) ซึ่งถูกลักพาตัวไปจาก Kibbutz Nir Am และ อาลอน ชามริซ (Alon Shamriz) ซึ่งถูกลักพาตัวไปจาก Kibbutz Kjar Aza โดยพวกนักรบฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค.

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ได้มีถ้อยแถลงปลอบใจญาติผู้เสียชีวิต โดยระบุว่า “ผมขอร่วมกับชาวอิสราเอลทั้งหลายก้มศีรษะด้วยความโศกเศร้า และขอไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของลูกชายผู้เป็นที่รักของเราทั้ง 3 คนที่ถูกลักพาตัวไป”

“ผมขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้สูญเสียในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้”

Hostages and Missing Persons Families Forum ซึ่งเป็นองค์กรตัวแทนครอบครัวของผู้ที่ถูกลักพาตัวโดยฮามาสได้ออกมายืนยันรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน และแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้ปฏิบัติการสู้รบอย่างหนักหน่วงกับพวกฮามาสซึ่งมักจะอำพรางตัวด้วยการสวมใส่ชุดพลเรือน และเมื่อวันพุธ (12) ก็ได้ประกาศว่ามีทหารอิสราเอลเสียชีวิตถึง 10 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นความสูญเสียในรอบวันหนักที่สุดสำหรับอิสราเอลนับตั้งแต่สงครามกาซาปะทุขึ้น

กลุ่มมือปืนฮามาสได้บุกข้ามแดนมาโจมตีตอนใต้ของอิสราเอล สังหารประชาชนไปราว 1,200 คน และจับคนไปเป็นตัวประกันอีก 240 ชีวิตเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ขณะที่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอลที่ดำเนินมานานกว่า 2 เดือนก็ได้คร่าชีวิตพลเรือนปาเลสไตน์ไปแล้วเกือบ 19,000 คนตามข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขกาซา และอาจจะยังมีอีกหลายพันศพที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังโดยไม่ใครรับรู้

ฮามาสได้ยอมปลดปล่อยผู้หญิง เด็ก และชาวต่างชาติออกมากว่า 100 คนระหว่างช่วงพักรบ 7 วันเมื่อปลายเดือนพ.ย. โดยแลกเปลี่ยนกับนักโทษหญิงและวัยรุ่นปาเลสไตน์ 240 คนที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำอิสราเอล

นักโทษปาเลสไตน์เหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกจับฐานพยายามใช้มีดแทง ขว้างปาก้อนหินใส่ทหารอิสราเอล หรือถูกครหาว่ามีความเชื่อมโยงกับองค์กรที่ไม่เป็นมิตรกับอิสราเอล โดยส่วนใหญ่อยู่ภายใต้คำสั่งคุมขังทางปกครอง(administrative detention) ซึ่งก็หมายถึงการจับไปขังไว้เฉยๆ โดยไม่ไต่สวนความผิด

สถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ของอิสราเอลรายงานว่า มีกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนไปรวมตัวกันที่ด้านนอกฐานทัพอิสราเอลในกรุงเทลอาวีฟ และตะโกนเรียกร้องให้มีการ “ทำข้อตกลงในทันที”

เวลานี้ยังมีตัวประกันถูกคุมขังอยู่ในกาซาอีกกว่า 100 คน ซึ่งบางคนก็ถูกทางการอิสราเอลยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว

สถานทูตอิสราเอลในไทย ใช้ตุ๊กๆ ติดป้ายตัวประกันที่ถูกจับร่อนทั่วกรุง ผิดมารยาทตามแบบธรรมเนียมพิธีการทางการทูตหรือไม่?

ผิดมารยาท…ตามแบบธรรมเนียมพิธีการทางการทูตหรือไม่?

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ปล่อยตัวประกันที่ถูกจับในฉนวนกาซา ด้วยการติดแผ่นป้ายใบหน้าตัวประกันหลังรถสามล้อกว่า 100 คัน และให้วิ่งไปตามถนนสายหลักต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ

พิธีการทูต (Diplomatic protocol) ในการเมืองระหว่างประเทศ เป็นมารยาททางการทูตและกิจการของรัฐ พิธีการทูตเป็นกฎซึ่งชี้นำว่ากิจกรรมหนึ่ง ๆ ควรดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาการทูต ดังนั้นการนำเรื่องราวของความขัดแย้งอันเป็นปัญหาระหว่างประเทศมารณรงค์ในประเทศที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับความขัดแย้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวโดยไม่ยอมกล่าวถึงมูลเหตุของความขัดแย้งนั้น ส่วนพิธีสารเจาะจงพฤติกรรมที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในประเด็นรัฐและการทูต

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณี ว่า เวลาอิสราเอลทำอะไรไม่เคยมาขออนุญาตทางการไทย และขอยืนยันว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นไทยไม่ค่อยเห็นด้วย จึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เชิญเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยมาพูดคุย 

นายปานปรีย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เรากำลังอยู่ในระหว่างช่วงการเจรจาให้ตัวประกันทั้ง 8 คนได้กลับมาสู่ประเทศไทย จึงไม่ประสงค์ที่จะสร้างปัญหาหรือไม่ประสงค์ที่จะทำให้ประเทศที่เกี่ยวข้องเกิดความเข้าใจผิดว่าเราไปสนับสนุนประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะประเทศที่มีความขัดแย้งกันอยู่ ดังนั้น ไทยเป็นมิตรกับทุกประเทศและในส่วนของอิสราเอล ตนก็เชื่อว่าพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชาวโลกเข้าใจว่าเขาไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดปัญหานี้ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของไทยก็มองว่าเวลานี้ เรื่องสำคัญที่สุดคือ ให้ตัวประกันคนไทยทั้ง 8 คนปลอดภัยที่สุดและกลับมาประเทศไทย และไม่ประสงค์ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งใช้เวทีของไทยสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ทั้งยืนยันว่า รัฐบาลไทยยังคงพยายามหาแนวทางในการช่วยเหลือตัวประกันไทยที่เหลือ 

หลายปีที่ผ่านมาพฤติการณ์และพฤติกรรมของนักการทูตหลายชาติตะวันตกได้เข้ามายุ่งเกี่ยวและแทรกแซงทั้งทางการเมืองและกระบวนการยุติธรรมของไทยหลายครั้งหลายหน ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศต้องดำเนินการ แต่เพราะการปล่อยปละละเลย จะด้วยความเกรงใจหรือไม่สนใจใด ๆ ก็ตาม จึงทำให้ประเทศต่าง ๆ ใช้ประเทศไทยในการเคลื่อนไหวโดยไม่ให้ความสำคัญต่อแบบธรรมเนียมตามพิธีการทูต (Diplomatic protocol) ที่ตัวแทนของอารยประเทศพึ่งปฏิบัติดังเช่นกรณีที่เกิดขึ้น

เรื่อง: ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top