Sunday, 12 May 2024
ณัฐวุฒิ_ใสยเกื้อ

‘ณัฐวุฒิ’ ปล่อยคนหนุ่มสาวแสดงฝีมือเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล แต่เล็งจัดคาร์ม็อบทิ้งทวนเดือนต.ค.อีกรอบ พร้อมประกาศจัดชุมนุมใหญ่ก่อนสิ้นปี รอแค่วันโควิดซาเท่านั้น

6 ต.ค. 64 -  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ กล่าวระหว่างไปร่วมกิจกรรมรำลึก 6 ตุลา 2519 เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี ที่ลานประติมากรรมประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่า การต่อสู้ของนักศึกษาประชาชนในการเรียกร้องประชาธิปไตย แม้จะต่างยุคต่างสมัย แต่ก็ยังเป็นเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปอำนาจนอกเครือข่ายยังคงมีอิทธิพลเหนือระบบการเมือง และพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย จึงมีการต่อสู้เกิดขึ้น การสูญเสียในช่วงที่ผ่านมาและการรำลึก 45 ปี จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่หมายถึงสังคมไทยที่จะต้องหาข้อยุติร่วมกันให้ได้ ซึ่งหากยังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องนี้การต่อสู้ก็ยังคงอยู่ และเมื่อเวลาผ่านมาจนถึงวันนี้พลังของคนหนุ่มสาวและคนในอดีต จะเป็นพลังที่อำนาจรัฐเอาชนะไม่ได้ จึงอยากให้ฝ่ายรัฐยอมรับความเปลี่ยนแปลง เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสังคม และหากการเปลี่ยนแปลงอยู่ในส่วนที่ถูกต้อง ก็จะนำไปสู่อนาคตและสังคมที่ดีกว่า แล้วก็จะทำให้คนที่มีความเห็นต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

นายณัฐวุฒิ เปิดเผยถึงการนัดชุมนุมในเดือนตุลาคม ด้วยว่า ในเดือนนี้จะมีกิจกรรมของคนหนุ่มสาวหลายวัน ดังนั้นกลุ่มตนเองต้องชะลอกิจกรรม เพื่อให้การเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวเป็นจุดศูนย์รวมของการขับเคลื่อน และมองว่าข้อจำกัดเรื่องของ Covid-19 คงเป็นอุปสรรคในการนัดชุมนุมทางการเมือง คาร์ม็อบจึงเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์ที่สุดในความคิดของตนตอนนี้ ซึ่งภายในเดือนตุลาคมก็น่าจะมีการจัดคาร์ม็อบอีกครั้งช่วงปลายเดือน มั่นใจว่าหากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายลง จะเห็นการชุมนุมขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะนัดโดยใครหรือจัดขึ้นโดยฝ่ายไหนก็ตาม และเมื่อถึงวันนั้นก็จะเข้าร่วม ไม่ว่าจะในฐานะเป็นแกนนำหรือผู้เข้าร่วม และเมื่อประเมินจากบรรยากาศทางการเมืองแล้ว คาดว่าการชุมนุมใหญ่จะเกิดขึ้นในปีนี้แน่นอน ส่วนที่ขณะนี้แกนนำหลายคนถูกจับกุมและยังไม่ได้รับการประกันตัว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการต่อสู้ เพราะคนที่ยังอยู่ก็ยังคงยืนยันอุดมการณ์เดิม และจะเป็นการสร้างพลังการต่อสู้ให้มากขึ้น

‘เต้น-ณัฐวุฒิ’ โบ้ย ‘พธม.’ ต้นเหตุเกิดรัฐประหารปี 49 หากวันนั้นหยุดชุมนุมหลังยุบสภา บ้านเมืองคงไปอีกทาง

(19 ก.ย. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความขัดแย้งของสังคมไทย มาตลอด 16 ปี การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ในช่วงปี 2548 - 2549 แม้จะมีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์การเมืองได้ ถ้ากลุ่ม พธม. ยุติการชุมนุมไปหลังจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภา บ้านเมืองอาจไปอีกทางหนึ่ง และจะไม่มาสู่หนทางนี้ได้ กระทั่งเมื่อกองทัพและเครือข่ายชนชั้นนำทำรัฐประหาร จึงกลายเป็นการเริ่มนับหนึ่งของมหากาพย์ความขัดแย้ง ก่อวิกฤตความแตกแยกของสังคมไทยยาวนานมาจนถึงวันนี้

16 ปีผ่านไป ตัวละครหลักในเหตุการณ์ยังคงอยู่ครบ ทั้งฝ่ายการเมือง กองทัพ และเครือข่ายอำนาจชนชั้น ขณะเดียวกัน 19 กันยา 49 และผลพวงจากเหตุการณ์นั้น ก็ให้กำเนิดตัวละครใหม่ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งขบวนการหนุ่มสาว ที่ออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เกิดการเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีนักประชาธิปไตยเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา เครือข่ายชนชั้นนำและกองทัพที่มีอิทธิพลสำคัญในมหากาพย์ความขัดแย้งนี้ ก็ไม่ได้รอดพ้นจากความเสียหายที่ก่อไว้ เพียงยังทรงตัวอยู่บนรอยปริร้าวของตัวเองได้ชั่วคราว แต่วันหนึ่งความเสียหายร้ายแรงจะลุกลามไปถึง

'ณัฐวุฒิ' อ้อน!! ปชช. เทคะแนนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย หวังหยุดกลไกสืบทอดอำนาจ เชื่อยุบสภาอย่างเร็วหลังเอเปก

(6 ต.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมองภาพการเมืองใหญ่เวลานี้ไม่มีทางที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะยอมปล่อยมือจากอำนาจ ด้วยความสำนึกว่าได้สร้างความเสียหายไว้กับประเทศ มีแต่จะหาช่องทางรักษาอำนาจ และลากดึงกันไปข้างหน้า ตนเชื่อว่าความขัดแย้งภายในกลุ่ม 3 ป. ยังมีอยู่จริง แต่คงไม่ข้ามพ้นผลประโยชน์ทางการเมือง และทางอำนาจที่ผูกไว้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะมีการยุบสภาอย่างเร็วก็หลังการประชุมเอเปค แต่ไม่ใช่การยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เป็นเพียงการช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งเท่านั้น เพราะสุดท้ายพรรคฝ่ายรัฐบาลก็ได้เปรียบ

“สิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องรู้เท่าทัน และต้องตัดสินใจร่วมกันให้ได้ว่าถึงที่สุด ก้าวแรกในการเอาชนะอำนาจนี้คืออะไร สำหรับผมเชื่อว่า การเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และเทคะแนนให้พรรคการเมืองหนึ่งในฝั่งประชาธิปไตยชนะ เพื่อยืนค้ำไว้ก่อน และร่วมมือกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย จัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ยุติกลไกการสืบทอดอำนาจ คือทางเลือกที่เป็นไปได้ที่สุดในขณะนี้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

'วิโรจน์' ยินดีร่วมงาน ‘ณัฐวุฒิ’ เดินหน้าผ่านร่างกฎหมาย คืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง-ทำงานเพื่อ ปชช.ด้วยกัน

(21 ส.ค. 66) จากกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยผ่านรายการคุยนอกจอ ของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย (พท.) แล้ว โดยเรื่องนี้บอกผู้ใหญ่ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม

ในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เอาใจช่วยพรรคเพื่อไทย (พท.) อยากให้พรรคทำสำเร็จในสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับ อยากให้มีการผ่าน พ.ร.ป.ป.ป.ช. ซึ่งจะส่งผลให้ญาติของผู้เสียชีวิตในคดีสลายการชุมนุม 2553 ที่ราชประสงค์และแยกคอกวัว สามารถฟ้องศาลได้โดยตรง

นายณัฐวุฒิระบุว่า ผมได้ฝากฝังกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ส.ส.ว่าถ้าพรรคจะเสนอกฎหมายนี้ ซึ่งต้องเสนอ และต้องเสนอเป็นลำดับต้น ๆ ด้วย ถ้าไม่เสนอเจอผมแน่ แต่ถ้าเสนอกฎหมายนี้ผมขอทั้ง 141 เสียงของพรรค พท. เข้าเสนอชื่อ ผลักดันกฎหมายนี้สำเร็จ และจะขอ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ช่วยด้วย

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ถึงกรณีดังกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนเสื้อแดงนั้นเป็นความมุ่งมั่นที่อยู่ในหัวใจของผมอยู่แล้ว พี่เต้นประสานผมมาได้ทุกเมื่อครับ ผมพร้อมร่วมมือกับพี่เต้นอย่างเต็มที่

ยินดีที่จะได้ร่วมกันกับพี่เต้นนะครับ

ยินดีต้อนรับครับพี่ แล้วเรามาทำงานเพื่อประชาชนร่วมกันครับ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top