Thursday, 16 May 2024
ซอฟต์พาวเวอร์

ผู้จัดการกองทุนกีฬา เผยความสำเร็จ เปิดบูธ ‘มวยไทย’ ในงาน WTM 2022 ที่ประเทศอังกฤษ หลัง ‘บิ๊กป้อม’ สั่งเดินหน้าส่งเสริมมวยไทย ที่ต่างชาติยอมรับเป็น ‘ซอฟต์ เพาเวอร์’ พร้อมผลักดันสู่โอลิมปิก

หลังจากที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) เปิดบูธประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) ภายในมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว World Travel Market 2022 (WTM) ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเอ็กเซล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้นำ บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง ร่วมแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย และได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก
 
“ดร.หญิง” ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF ) เปิดเผยว่า สำหรับภารกิจในการเดินทางไปอังกฤษนั้น ตนได้รับมอบหมายจาก ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ และประธานกรรมการคณะกรรมการ กกท. ในการสนับสนุนภารกิจหลักของ กกท. ในการจัดบูธส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของกองทุนฯ

‘รมว.สุชาติ’ ดัน ‘มวยไทย’ สู่อาชีพที่มีมาตรฐานระดับสากล สร้างซอฟต์พาวเวอร์มวยไทย สู่สายตาชาวโลก

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สนับสนุนการจัดกิจกรรม Thai Fight Tournament in Geneva ซึ่งจัดโดย Chiangmai Muaythai Club โดยมีนางสุพัตรา ศรีไมตรีพิทักษ์ เอกอัครราชทูต และนางสาวอังคณา เตชะโกเมนท์ อัคราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เข้าร่วมพิธีเปิด ณ ศูนย์ประชุม Palexpo นครเจนีวา

นายสุชาติ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยทุธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายผลักดันกิจกรรมซอฟต์พาวเวอร์ และได้ส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจังให้มวยไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลบรรจุในการแข่งขันกีฬาระดับเอเชี่ยนเกมส์-โอลิมปิก และผลักดันมวยไทยให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานอยู่ระหว่างการจัดมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย เพื่อส่งเสริมให้อาชีพครูฝึกมวยไทยได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่างเป็นมาตรฐานและในการการจัด Thai Fight Tournament in Geneva ครั้งนี้ จะเป็นการส่งเสริมการอาชีพการชกมวยไทย ส่งเสริมอาชีพผู้ฝึกสอนมวยไทย และประชาสัมพันธ์เรื่องการจัดทำมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาผู้ฝึกสอนมวยไทยของกระทรวงแรงงานอีกด้วย

‘บิ๊กตู่’ ชวนเที่ยวงาน ‘Andaman Craft Festival’ กระตุ้นเศรษฐกิจภูเก็ต พ่วงดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย

(11 มี.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ตามยุทธศาสตร์ 5 F เพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสอดคล้องแนวทาง BCG โมเดล จึงสนับสนุนนำซอฟต์พาวเวอร์มาส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ 

โดยเชิญชวนพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงาน 'Andaman Craft Festival' ที่ลานมังกร ถนนคนเดิน จังหวัดภูเก็ตในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคมนี้ ซึ่งจัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) เพื่อร่วมกิจกรรมและจับจ่ายใช้สอยผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทย ที่มาจากวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น ไฮไลท์สำคัญคือ การเปิดตัวกางเกงมวยผ้าไหมไทยตัวแรกของโลก ที่ได้ 'บัวขาว บัญชาเมฆ' หรือ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ ยอดนักมวยไทยชื่อดังตำนานแชมป์โลก มาเป็นนายแบบ ต่อยอดศิลปหัตถกรรมไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก ภายในงานยังมีกิจกรรมแฟชั่นโชว์ผ้าไทยโดย แอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022, ขบวนพาเหรดผ้าไทยและผ้าพื้นถิ่น โดย ไฮดี้ อมันดา Miss Grand Phuket เวิร์กช็อปงานหัตถกรรม และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถึง 7 พันล้านบาท 

‘โทนี่ จา’ เป็นประธานสร้าง ‘พรพระพรหม168’ หวังสืบสานเชิดชู ‘ของขลัง-พุทธศิลป์ไทย’

นอกจากจะทำให้ลีลามวยไทยเป็นซอฟท์พาวเวอร์ดังไกลระดับโลกแล้ว ซุป’ตาร์นักบู๊แหลก ‘โทนี่ จา’ หรือ จา พนม ยีรัมย์ ล่าสุดได้เดินหน้าตามความตั้งใจและศรัทธา เป็นประธานจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น ‘พรพระพรหม168’ โดยรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนในการพัฒนา วัดนิเวศน์วัฒนาราม บ้านโคกสูง ต.บักได จ.สุรินทร์ ที่เป็นบ้านเกิด และยังเป็นการเชิดชูครูบาอาจารย์ในสายวิชาที่ตัวเองเคารพนับถือซึ่งหนึ่งในลีลาแม่ไม้มวยไทย ‘ท่าปฐมเทพพนมพรหมสี่หน้า’ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการจัดสร้าง อีกทั้งตั้งใจสืบสานพุทธศิลป์ไทยที่มีเอกลักษณ์ ความงดงาม และคติธรรมที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นอีกหนึ่งซอฟท์พาวเวอร์ของวัฒนธรรมไทย จัดพิธีพลีมวลสารอย่างเข้มขลังและเต็มไปด้วยแรงศรัทธาจากผู้ร่วมพิธี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม 2566 เวลาฤกษ์งามยามดี 9.41 น.

จา พนม ในฐานะประธานการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น ‘พรพระพรหม168’ เล่าถึงวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างว่า “ต้องบอกว่าเราทำงานเป็นการแสดงบทแอ็กชัน เป็นสิ่งที่ต้องใช้จิตวิญญาณ และพลังมาก ซึ่งสิ่งที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ รวบรวมสติและสมาธิ และนึกถึงครูบาอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็จะมีพระเครื่อง นอกจากนี้เหมือนเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวที่เวลาเดินทางไปต่างประเทศร่วมงานแสดงกับนักแสดงต่างชาติ ทีมงานต่างชาติ ก็จะเป็นคนที่ชอบนำพระเครื่องไปมอบให้เป็นของฝาก อย่าง วิน ดีเซล, ดอนนี่ เยน ก็เคยมอบพระเครื่องให้แล้วเค้าก็ชอบกันมาก และในหลาย ๆ ประเทศก็ชอบวัตถุมงคลและพระเครื่องของประเทศไทย จึงเป็นอีกแรงบันดาลใจและตั้งใจอยากจะสร้างวัตถุมงคล รุ่น ‘พรพระพรหม168’ ซึ่งตั้งใจทำด้วยเจตนาที่ดี โดยจะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการจัดสร้างนำไปพัฒนาวัดที่บ้านเกิด ที่ขาดการพัฒนา มีเพียงศาลาเก่า ๆ ขนาดเล็กเพียงแค่หนึ่งหลัง”

จา พนม กล่าวเสริมอีกว่า “นอกจากนี้วัตถุมงคลยังครบถ้วนด้วยมวลสาร และพิธีกรรมที่ถูกต้องเข้มขลังตามคติความเชื่อ โดยได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากในแวดวงครูบาอาจารย์ และวงการวัตถุมงคล เพราะเค้าเห็นถึงความตั้งใจของเรา จึงบอกได้เลยว่านับเป็นประวัติศาสตร์ของวัตถุมงคลอีกรุ่น อยากให้ทุกคนช่วยติดตามถือว่าเป็นการร่วมบุญด้วยกัน และเป็นขวัญกำลังใจให้ทุกคนไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ”

สำหรับวัตถุมงคลรุ่น ‘พรพระพรหม168’ ในครั้งนี้ประกอบไปด้วย พุทธศิลป์ พุทธธรรม พุทธมนต์ และพุทธคุณ ที่รวบรวมเอกลักษณ์ความเป็นไทยและพุทธศาสนาเข้ากันอย่างลงตัว โดยจะจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยพิธีปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ชั้นนำทั่วฟ้าเมืองไทย 168 รูป ณ ปะรัมพิธี วัดขนอน ตำบลหนองน้ำส้ม อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 พร้อมเปิดจองวัตถุมงคลรุ่น ‘พรพระพรหม168’ ผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 หลังเสร็จพิธี สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ช่องทาง เฟซบุ๊ก เพจ pronphraphrom168 (พรพระพรหม168) หรือทาง อินสตาแกรม pronphraphrom168 เว็บไซต์ http://www.pronphraphrom168.com เว็บไซต์สำหรับสั่งซื้อ และประมูลสินค้า https://www.pronphraphrom168.shop Line OA : @phrom168

ครม.เห็นชอบตั้งคณะกรรมการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ‘เศรษฐา’ นั่งประธาน ‘อุ๊งอิ๊ง’ รองฯ ‘หมอมิ้ง’ ประสาน

(13 ก.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่า ซอฟต์พาวเวอร์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยได้เล็งดำเนินการโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเราได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่งไว้

“นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน, นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา และนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ โดยผู้ที่จะดำเนินการประสานงาน คือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” นายสัตวแพทย์ชัย กล่าว 

เมื่อถามถึงการตั้ง น.ส.แพทองธาร มาเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ จะให้ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวว่า คณะกรรมการนี้ น.ส.แพทองธาร จะเป็นรองประธาน ที่มีนายกฯ เป็นประธาน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีบทบาทกำหนดแนวทาง รูปแบบ กติกา ว่าจะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อดึงคนที่มีศักยภาพ และมีพรสวรรค์จากแต่ละครอบครัว ภายใต้วิธีการว่าจะเฟ้นหาอย่างไรต่อไป 

‘อรรถวิชช์’ ชม!! รัฐบาลทำงานไว ‘ลดค่าไฟ-น้ำมันดีเซล’ ทันที จับตาดู ‘ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ - จัดการปัญหาเครดิตบูโร’

(15 ก.ย. 66) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินนโยบายลดค่าน้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า และการทำงานของคณะรัฐมนตรีในวันแรก ผ่านรายการ ‘คุยข่าว ถึงเครื่อง’ ประจำวันที่ 14 ก.ย. 66 เผยแพร่ผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES, คุยถึงแก่น, เปรี้ยง, NAVY AM RADIO / MAYA Channel ช่อง 44 และ FM101 โดยมี นายไอยรา อัลราวีย์ บรัศว์ตฤณ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยนายอรรถวิชช์ ได้กล่าวว่า…

“ผมดูในคําแถลงนโยบายของรัฐบาลแล้ว และคิดว่ารัฐบาลเข้าใจว่าประเทศปัจจุบันอยู่ในฐานะวิกฤติเศรษฐกิจหลังจากโควิด เขาก็ต้องการจะให้ผลักเงินทุกอย่างออกมาโดยเร่งด่วนที่สุด เพราะฉะนั้นผมคิดว่านโยบายที่จะได้เห็นคือนโยบายเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท อันนี้เห็นชัดแน่” 

“ต่อมาคือมาตรการที่ออกมาในมติ ครม. วันแรก เป็นมาตรการที่เรียกว่า ‘กระชากลดค่าใช้จ่ายทันที’ เช่น ลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2.50 ซึ่งเข้าใจว่าจะเริ่มเลย ที่เขาทําได้เพราะว่ารัฐบาลมีอำนาจเต็มมือ ก่อนหน้านี้เป็นการงดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน แต่ปรากฏว่าการคําสั่งงดจัดเก็บมันสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม และเราก็ยังไม่มีรัฐบาลสักที ก็เลยออกมาตรการใหม่ไม่ได้ แต่พอรัฐบาลใหม่มีอํานาจเต็มมือ ก็สามารถจะทุบโต๊ะได้เลยว่า งดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตอีก 2.5 บาท เพราะฉะนั้นมันเลยทําให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงต่ำกว่า 30 บาททันทีเลย”

“อันที่สอง ก็คือเรื่องของค่าไฟฟ้า ค่าไฟฟ้าลดลงจาก 4.45 ลดเหลือ 4.10 อันนี้ก็ทําทันที ผมมองว่า อันนี้เจ๋ง เพราะปกติแล้วราคาค่าไฟมันจะถูกทบทวนทุกรอบ 4 เดือน รัฐบาลใหม่ก็ประกาศลดทันทีในรอบนี้ (ก.ย. - ธ.ค.) ไม่ไปรอรอบหน้า (ม.ค. - เม.ย.) ผมว่าอันนี้ดี แหวกกติกาเดิม ๆ ดี” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวเพิ่มเติมเรื่องค่าไฟฟ้าแพงว่า “เรื่องค่าไฟฟ้า คำถามคือค่าไฟผันผวนขึ้นลงเพราะปัจจัยใด? มันผันผวนตามราคาแก๊สธรรมชาติ หรือค่าเงินบาทเรามันอ่อนค่าแข็งค่า มันจะส่งผลต่อราคาไฟฟ้า ซึ่งปกติจะทบทวนราคาแก๊สบวกค่าเงิน ทุก ๆ 4 เดือน แต่ว่าเขาประกาศวันนี้ เขาทำวันนี้เลย ผมคิดว่าอันนี้ดี ก็ทําให้ค่าไฟลดลง มาได้เป็น 4.10 บาท”

ต่อมา นายอรรถวิชช์ แสดงความคิดเห็นเรื่องการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยว โดยระบุว่า เขาจะฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนกับคาซัคสถาน คือ 1 ปี ไม่ต้องขอวีซ่าให้วุ่นวาย สามารถเข้ามา และ on arrival ได้เลย ส่วนสาเหตุที่ต้องดึงนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถาน ก็เพราะว่าในช่วงหน้าหนาวบ้านเขา เขาจะได้หนีหนาวเพื่อเดินทางมาเที่ยวไทย ซึ่งหากดูจากสถิติ นักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานเดินทางมาไทยค่อนข้างมากในช่วงหลายปี ก็มองว่ารัฐบาลกำลังพยายามทำนโยบายที่เรียกว่า ‘ควิกวิน’ หรือชัยชนะระยะสั้น ๆ เป็นเทคนิคการกระตุกให้คนเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงเรื่องการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ว่า “สำหรับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เราควรทำอย่างจริงจังมาตั้งนานแล้ว แต่คณะกรรมการฯ ก็ต้องเป็นคนที่มีหัวคิดสร้างสรรค์พอสมควรถึงจะสามารถผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทยออกมาได้อย่างดี ที่ผ่านมาเราเน้นเรื่องการเซนเซอร์มากไป พอเจอฉากที่ไม่ดี หรือไม่ถูกใจก็ให้ตัดออก แต่หากมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ขึ้นมา ก็ควรต้องไปพิจารณาว่าจะส่งเสริม ผลักดันไปทิศทางไหน? แบบใด? จะเป็นการให้รางวัลหรือการสนันสนุนด้วยเงินก็ต้องมาพิจารณาอีกที”

“ยกตัวอย่างหนักไทยนะ ส่วนใหญ่จะเป็นการประชดประชันสังคม สะท้อนสังคม ดูแล้วเครียด ต่างจากของเกาหลีที่ทำออกมาจะไม่ใช่อารมณ์เครียด แต่จะมีน่ารัก สดใส เช่น การสอดแทรกภาพลักษณ์ของผู้ชายเกาหลีเข้าไปให้ดูสุภาพบุรุษ ทั้งที่จริง ๆ เขาก็ไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษแบบนั้นทั้งหมด แต่เกาหลีพยายามสอดแทรกและปั้นประชาชนให้เป็นแบบนั้น 10 ปีต่อมาก็เริ่มเห็นผล หรือการส่งเสริมการแปรงฟัน เราก็จะเห็นฉากแปรงฟันในซีรีส์หรือหนังเกาหลีบ่อย ๆ แม้แต่อาหาร หรือเคป็อปที่ดังระเบิดไปทั่วโลก ทั้งหมดที่พูดมาเป็นการส่งเสริมจากภาครัฐ หากผู้ผลิตมีฉากที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ทางรัฐก็จะจ่ายเงินสนับสนุน แต่ทางไทยยังไม่ได้เป็นแบบนั้น ดังนั้นหนังของเราก็จะเป็นการสะท้อนสังคม ไม่ได้เป็นการชี้นำสังคม” นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า “สมัยก่อนไทยเรามีงบเข็มแข็งที่ใช้สนับสนุนทำหนังสุริโยไทย พระนเรศวร ในครั้งนั้นเป็นการปลูกฝังความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่ก็ไม่ได้มีแค่แนวนี้ที่ต้องผลักดัน เราต้องผลักดันแนวอื่น ๆ ด้วย ต้องนำเสนอว่าประเทศไทยน่าอยู่อย่างไร คนไทยใจดีขนาดไหน มีความสร้างสรรค์อย่างไร อาหารบ้านเราน่ารับประทานแค่ไหน เราต้องสื่อสารออกมาให้ได้ ทุกวันนี้ไทยติดอันดับประเทศที่น่ามาเยือน ลองคิดดู หากเราทำซอฟต์พาวเวอร์เจ๋ง ๆ ออกมาได้ ประเทศเราจะเจ๋งขนาดไหน ผมเชื่อว่าต่อให้เป็นเกาหลี เราก็สู้ได้ครับ”

“อีกสิ่งที่ต้องสนับสนุนหรือส่งเสริมให้เกิดขึ้นคือการถ่ายทอดลักษณะนิสัยของคนไทย ที่ไม่ใช่การคอลเอาต์แบบรุนแรง โวยวาย แบบไทย ๆ ต้องเป็นการพูดด้วยความเป็นมิตร ยิ้มแย้ม ถ้อยทีถ้อยอาศัย และที่ต้องเน้นย้ำมาก ๆ เลยคือการคอร์รัปชัน ต้องปลูกฝังนิสัยคนไทยผ่านซอฟตค์พาวเวอร์เลยว่าการโกง รับเงินใต้โต๊ะ เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ส่งเสริมนิสัยดี ๆ ให้คนไทย” นายอรรถวิชช์ กล่าวเสริม

นายอรรถวิชช์ แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายแบ่งจ่ายเงินเดือน 2 ครั้ง ว่า “มองว่าเป็นนโยบายที่ดี และคงเป็นทางเลือกให้ข้าราชการ คงไม่ได้บังคับ ซึ่งก็ถือว่าดี น่าจะช่วยลดการเป็นหนี้นอกระบบได้ แต่ว่าต้องรออีกสักนิด คงได้เห็นผลลัพธ์กัน”

นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงเรื่องเชิงโครงสร้างที่รัฐบาลควรเร่งทำมากที่สุด โดยระบุว่า “เรื่องโครงสร้างไฟฟ้าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและควรรีบทำ หากจะปรับราคาให้ลดลงในระยะยาว คือเราต้องหาแก๊สธรรมชาติแหล่งใหม่ เพราะแก๊สในอ่าวไทยเป็นตัวหลักในการผลิตไฟฟ้า และตรงช่วงตะเข็บไทย-กัมพูชาในอ่าวไทยมีทรัพยากรธรรมชาติสูงมาก ผมมองว่ารัฐบาลไทยควรเปิดฉากเจรจากับกัมพูชา และแบ่งทรัพยากรกัน เพราะถ้าแก๊สในอ่าวไทยหมดลง สิ่งที่เราจะเจอคือค่าไฟฟ้าพุ่งกระฉูด เนื่องจากต้องนําเข้าแก๊สอัดเหลว เป็นตัวแปรทำให้ค่าไฟแพง”

นายอรรถวิชช์ กล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งผลักดัน โดยระบุว่า “ต้องการให้มีกฎหมายดูแลเรื่องข้อมูลเครดิต เรื่องแบล็กลิสต์ ผมมองว่านี่คือเส้นผมบังภูเขาที่หลายคนมองไม่เห็น แต่ว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ได้เสนอให้ยกเลิก แต่ต้องไม่นำประวัติหรือข้อมูลเครดิตที่ผ่านมาแล้วมาคำนวณหรือเป็นเกณฑ์วัดการกู้ครั้งใหม่ บางครั้งเราชำระหนี้คืนหมดแล้ว แต่ประวัติที่ผ่านมาไม่ค่อยดี ก็ถูกนำมาเป็นตัวตัดสิน ทำให้กูยืมครั้งต่อไปยากขึ้น ผมจึงอยากให้มีกฎหมายกำหนดให้ส่งแค่สกอร์ก็พอ ปิดหนี้เสร็จแล้ว คำนวณเป็นคะแนน และสถาบันการเงินก็ดูเพียงแค่สกอร์ตรงนี้ หรืออาจจะเสริมทางเลือกด้วยการดูวินัยทางการเงินอื่น ๆ ที่เราใช้จ่าย เช่นในช้อปปี้ ในไลน์ นำมาคำนวณเป็นสกอร์เพิ่มคะแนนได้”

“ทุกวันนี้คนติดแบล็กลิสต์รวมประมาณ 5 ล้านคน ช่วงโควิดที่ผ่านมา 3 ล้านคน เขาไม่มีทางหาเงินมาหมุนได้ ทางเลือกคือกู้ยืมนอกระบบ บางคนก็ต้องเป็นหนี้วนไป ไม่จบไม่สิ้น นี่จึงเป็นเรื่องที่ผมอยากฝากไปถึงรัฐบาล ส่วนทางพรรคชาติพัฒนากล้าก็ผลักดันเรื่องนี้เต็มที่ครับ”

ชมสัมภาษณ์เต็มได้ที่ : https://fb.watch/n2nexoZvTM/?mibextid=TFl8gu 

'รมว.อุตฯ' ปลื้ม!! ผู้ประกอบการไทยร่วมดันหลากซอฟต์พาวเวอร์ ช่วยหนุนมูลค่าเศรษฐกิจโต เพิ่มรายได้ให้ชุมชนยั่งยืน

กระทรวงอุตสาหกรรม โชว์ความสำเร็จพัฒนา 3 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์อาหาร แฟชัน และงานแฟร์ ดันผ้าไหมไทยเข้าวงการแฟชั่นโลก ชู 22 เมนูอร่อยชุมชนดีพร้อม พร้อมจัดงานแฟร์เปิดพื้นที่โปรโมทสินค้า ดึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นชูผลิตภัณฑ์ เกิดผู้ประกอบการใหม่ ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดโลก สร้างรายได้เข้าชุมชนต่อเนื่อง เผยเดินหน้าขยายผลพัฒนาต่อเนื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

(25 ก.ย. 66) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันมุ่งสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ของประเทศ เพื่อยกระดับและพัฒนาความสามารถด้านความรู้ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้ รวมทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรม และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม

กระทรวงอุตสาหกรรม จึงมีเป้าหมายส่งเสริมและพัฒนา 3 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ประกอบด้วย...

1. อาหาร (Food) 2.การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) และ 3. การจัดงานแสดงสินค้า (Fair) ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนประสบความสำเร็จและยังคงเดินหน้าขยายผลพัฒนาต่อเนื่องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจชุมชนให้มากขึ้น

“ประเทศไทยมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นชัดเจนและมีชื่อเสียง ทั้งอาหาร วัฒนธรรม การแต่งกาย เครื่องดนตรี ฯลฯ จนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวและทั่วโลกได้รู้จักสินค้าและบริการต่าง ๆ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ส่งผลให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นชุมชน ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญและช่วยกันพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้นเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งเกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชน และให้ภาคอุตสาหกรรมมีการปรับตัวเข้าสู่วิถีใหม่ได้อย่างสมดุลและยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ในส่วนของแฟชันไทยผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยนับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบให้สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ เข้าไปยกระดับอุตสาหกรรมสิ่งทอและผ้าพื้นเมือง ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงฯ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ในรูปแบบใหม่ บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ผสานเทคโนโลยี ในการสร้างมูลค่าเพิ่ม จนสามารถผลิตผ้าไหมได้ถึง 24 ผลิตภัณฑ์ จาก 8 วิสาหกิจชุมชน สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้กว่า 7,000,000 บาท ทำให้ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการมีรายได้เพิ่มขึ้น 400,000 - 1,700,000 บาทต่อชุมชน 

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในงาน 'มัดทอใจ มรดกผ้าไทยร่วมสมัย' ภายใต้โครงการพัฒนาผ้าไหมไทยร่วมสมัย (Premium Thai Silk) ประจำปี 2566 รวมทั้งยังมีการจัดส่งผ้าไหมไทย เพื่อขยายตลาดไปยังประเทศต่าง ๆ อาทิ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, อิตาลี และยุโรป ซึ่งได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ซื้อเป็นอย่างดี

ในส่วนของอุตสาหกรรมอาหาร ที่นับเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่สำคัญของไทย ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม ดำเนินการจัดโครงการเมนูเด็ดชุมชนดีพร้อม 22 เมนู ปั้นเชฟชุมชนดีพร้อม 22 ชุมชน ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นด้วย Soft Power ด้านอาหารผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่น สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้สูงถึง 25,000,000 บาท และเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น พร้อมขยายผลและต่อยอดเป็นโมเดลต้นแบบต่อไป

ซอฟต์พาวเวอร์อีกส่วนที่สำคัญคือ การจัดงานแสดงสินค้าหรืองานแฟร์ (Fair) เพื่อให้เกิดกลไกทางการตลาดรองรับผลิตภัณฑ์ ผ่านการจัดกิจกรรมจัดงานแฟร์ตลอดทั้งปีทั่วประเทศ เป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงฯ ได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้ใช้ของดีมีคุณภาพและมาตรฐาน และเป็นการกระตุ้นผู้ประกอบการเพิ่มศักยภาพด้านการผลิต กระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง

โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดงาน 'อุตสาหกรรมแฟร์' กระจายตามพื้นที่ต่างๆ จำนวน 14 ครั้ง สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 700 ล้านบาท โดยปี 2567 มีแผนการจัดงานแฟร์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมขยายขอบเขตบกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการปั้นผู้ประกอบการใหม่ที่สามารถพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สินค้าไทยสามารถเติบโตในตลาดโลกและสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจชุมชนไทย

นักเขียนดัง ยก 'พิธา' ร่วมงานกาล่า Time100 ที่ NYC ทรงเกียรติ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่า 'ลิซ่า-มิลลิ' หลายเท่า

(25 ต.ค. 66) จากเฟซบุ๊ก 'Veeraporn Nitiprada' โดย วีรพร นิติประภา นักเขียนนวนิยายและเรื่องสั้นชาวไทย ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

คุณทิมไปร่วมงานกาล่า Time100 ที่ NYC ในฐานะ 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งเป็นรางวัลใหญ่และทรงเกียรติที่สุดในโลกค่ะ 

คุณแกไปในฐานะหัวกะทิของโลก เป็นบุคคลสร้างชื่อเสียงให้ประเทศนะคะ ความจริงเรื่องนี้สื่อมวลชนควรตีฟูหรูหราด้วย มันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังยิ่งกว่าลิซ่ากับมิลลิหลายเท่า (จำไม่ผิดลิซ่าก็เคยเป็นหนึ่งใน Time100 ด้วย)

ระหว่างทางยังแวะพูดที่ ม.ชั้นหนึ่ง Harvard กับ MIT ด้วย อันนี้โก้จริงค่ะ หน้าตาประเทศมากมาย

คนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หรือไม่ชอบก็เฉย ๆ เถิด ไม่มโนว่าแกไปเดินเล่นถ่ายรูปสร้างภาพ แล้วก็ด่าๆๆ เลอะเทอะนะคะ 

ส่วนน้องบริคช่างภาพเธอก็เป็นนิวยอร์คเกอร์ อยู่ที่นั่นมาตั้งแต่อายุสิบแปด สามอาทิตย์ก่อนตอนเธอรู้ว่าวอนรพีไป NYC เธอก็หลังไมค์มาขอถ่ายรูป…ทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊กนี่แหละ

ช่างภาพพอร์ตเทรตเขาจะชอบคนคาร์แร็คเตอร์ชัดเจน แตกต่าง แล้วเธอยังเป็นแฟนขลับตลก69  ฮ่าๆๆ พอน้องบอกใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที วอนรพีก็ยอม ใครรู้จักจะรู้ว่าชีไม่ชอบปฏิเสธคน ถ่ายจริงน่าจะครึ่งชั่วโมงแค่นั้นจริง ๆ แต่รูปออกมาคือโคตรดี น้องเก่งมาก

พอรู้ว่าคุณทิมไป NYC เธอก็น่าจะอยากถ่ายเหมือนกัน ก็คุณคาร์แร็คเตอร์ขนาดนั้น แล้วเธอก็น่าจะแฟนคลับคุณทิมด้วยอีกคน คนรุ่นใหม่ก็ชอบคุณแกทั้งนั้นนิ ที่แน่ ๆ คือคุณแกไม่ได้ลงทุนเอาช่างภาพไปเองเพื่อการสร้างภาพหรอกค่ะ

คนอย่างคุณพิธาแกไม่ต้องสร้างภาพอย่างใคร ๆ แล้วมั้งคะ

ไพ่เด็ด!! ‘ซอฟต์พาวเวอร์-ดิจิทัล วอลเล็ต’ สมการอำนาจละมุน ในกำมือ ‘อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา’

เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เอี่ยมอ่อง ‘อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร’ นั่งเป็นประธานการประชุมพรรควันแรก นอกจากบอกกล่าวลูกพรรคเรื่องการได้พบทูตหลายประเทศแล้ว ยังได้เลี้ยวมาพูดถึงงานถนัดที่รับผิดชอบอย่าง ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่เกิดอาการดรามามาจากผู้กำกับหนัง ‘สัปเหร่อ’ ที่พึมพำออกมาว่า “ซอฟต์พาวเวอร์หมายถึงอะไรกันแน่…??”

คุณหนูอุ๊งอิ๊งบอกกับที่ประชุมพรรค สรุปสั้น ๆ ว่า…

“ซอฟต์พาวเวอร์ อธิบายอย่างง่ายว่า เป็นอำนาจละมุน ไม่ต้องใช้อาวุธหรือความรุนแรง แต่เป็นอำนาจในการชนะใจผ่านวัฒนธรรม อาทิ ช็อกมิ้นต์ พอได้ความนิยมในช็อกมิ้นต์ขึ้น ช็อกมิ้นต์ขายดีขึ้น อันนี้คือวัฒนธรรมที่ถูกโอบรับโดยคนในประเทศ แต่นี่เป็นเพียงภาพเล็ก...สำหรับซอฟต์พาวเวอร์ที่กำลังเกิดขึ้นเราต้องการผลักดันให้ Global มากขึ้น โดยเรามี 11 สาขาที่ได้แถลงไปแล้ว…”

ก็ไม่มีอะไรผิดหรอก...กับคำว่า ‘อำนาจละมุน’ อะไรที่ว่า เพราะคำว่า ‘ซอฟต์แวร์’ ราชบัณฑิตยังแปลว่า ‘ละมุนภัณฑ์’ เลย แต่ถ้าไปถาม สว.กวีซีไรท์ อย่างเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ แกจะบอกว่า ซอฟต์พาวเวอร์ หากจะแปลตรง ๆ คือ ‘ไม้นวม’ แต่ความหมายจริง ๆ ของมันน่าจะเป็นว่า…

‘ภูมิพลังวัฒนธรรม’

อันนี้ เล็ก เลียบด่วน ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำของอาจารย์เนาวรัตน์นะ แต่ที่สุดของที่สุด ตอนนี้ไม่มีใครยอมเรียกขานด้วยภาษาไทยหรอก…

คงจะใช้ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ทับคำทับศัพท์กันสถานเดียว…

ก็ต้องรอ ‘อุ๊งอิ๊งค์’ เธอโชว์ผลงานชิ้นโบแดง หนึ่งในนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ปีหน้าก็คงมีการเสนอกฎหมายรองรับองค์กรของซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะแข็งแกร่งกว่าองค์การมหาชน…

แต่นโยบายเรือธงที่ร้อนฉ่ากว่า ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ คือ นโยบายเติมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ทั้งนายกฯเศรษฐา และคุณอุ๊งอิ๊ง เรียกร้องให้ สส. ของพรรคช่วยกันตีปี๊ป...แต่จะตีปี๊ปว่าอย่างไรต้องรอการแถลงของนายกฯ ในวันที่ 10 พ.ย. เพียงคนเดียว…

‘เล็ก เลียบด่วน’ พยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ กระซิบถาม สส.พรรคเพื่อไทย 2-3 คนว่า เค้าโครงรูปร่างของดิจิทัล วอลเล็ต เป็นอย่างไร ได้รับคำตอบเหมือนกันว่า.. “ตอบไม่ได้จริง ๆ เพราะนายกฯ ยังไม่บอก…” ก็ว่ากันไป...รอลุ้นระทึก ว่าจะ ‘เปรี้ยงปร้าง’ หรือ ‘โป้งจอด’ 

แต่ก่อนถึงวันที่ 10 พ.ย. ก็คือ วันที่ 9 พ.ย. นายกฯ มีออร์เดิร์ฟร้อน ตอน 19.00 น. ทางช่อง 11 หอยม่วง รายการพิเศษ ‘Chance of Posibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วันภายใต้รัฐบาลนายกเศรษฐา ทวีสิน’ ให้ดูชม…

แถลงผลงานวันที่ 9 และ 10 พ.ย. เสร็จ วันที่ 12 พ.ย. นายกฯ ของเราก็จะเหาะเหินไปประชุมเอเปกในวันที่ 12 พ.ย. ให้ ‘บิ๊กอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รักษาราชการแทน…

ไป ๆ มา ๆ นายกฯ เศรษฐา ‘นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงของเรา’ ที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ และพลาดพลั้งบ่อยในการพูดจา…ทำท่าจะตีตั๋วยาว เพราะสายข่าวแจ้งว่า คุณหนูอุ๊งอิ๊งต้องใช้เวลาบ่มเพาะบารมีอีกพักใหญ่ ๆ ด้วยความละมุน ในขณะที่เศรษฐาก็ปรับตัวเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความละมุนกว่าเดิม

ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง หรือก้าวพลาดจริง ๆ รัฐบาลเพื่อไทยก็ลากยาวต่อไปเรื่อย ๆ...ทั้งหัวหน้าพรรคและนายกฯ อยู่ในช่วงอำนาจละมุน…

ใครเสี้ยมให้ระแวงให้ทะเลาะกันช่วงนี้เสียเวลา…ไม่เชื่อไปถามคนป่วยชั้น 14 รพ.ตำรวจ!!

เพจดัง ชี้!! 'สยามซอฟต์พาวเวอร์' ระบือไกล ทัชใจคนทั่วโลกใต้รัฐบาล 'สมบูรณาญาสิทธิราชย์'

(12 พ.ย.66) จากเพจ 'ฤๅ - Lue History' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า...

ในยุคที่ซอฟต์พาวเวอร์กลายมาเป็นความนิยมแห่งยุคสมัยปัจจุบัน ทว่าจะมีกี่คนรู้ว่าความจริงแล้ว สยามเราได้เริ่มใช้ ซอฟต์พาวเวอร์ในแบบสยาม มาตั้งแต่ครั้งสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว และที่สำคัญซอฟต์พาวเวอร์เวอร์ชั่นสยามนั้น ยังมีความหลากหลายและพิเศษชนิดที่สร้างความตราตรึงให้แก่ชนผิวขาวได้ตั้งแต่เพียงครั้งแรก ๆ ที่เราเข้าร่วมงาน

ซึ่งนั่นก็ตั้งแต่ประมาณร้อยกว่าปีก่อนแล้ว

โดยซอฟต์พาวเวอร์สยามที่ว่านั้น เริ่มจากการเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้าในลักษณะ Exhibition ที่เริ่มโดยประเทศจักรวรรดินิยมตั้งแต่ในราว ค.ศ. 19 เพื่อสำแดงให้โลกเห็นว่าตนได้เข้าไปครอบครองดินแดนและทรัพยากรพื้นเมืองของชนชาติต่าง ๆ ที่หลากหลายได้มากมายเท่าไร ผ่านการแสดงสินค้าอุตสาหกรรมที่ตนผลิตได้จาการครอบครองทรัพยากรในดินแดนอาณานิคมมาจัดแสดงไว้ด้วย แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ มีกระทั่งการนำเอาชนพื้นเมืองมาจำลองชีวิตในพื้นที่จำกัดคล้ายกับสวนสัตว์มนุษย์

สยามเองในเวลานั้นแม้จะเป็นเพียงชาติเล็ก ๆ แต่ก็เคยได้มีบทบาทในการนำสินค้าและความเป็นสยามเข้ามาจัดแสดงให้เป็นที่รับรู้ของชาวโลก เป็นครั้งแรกเริ่มตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2419 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา และเพราะสยามหาได้เคยเป็นดินแดนอาณานิคม ดังนั้นการจัดพื้นที่แสดง ‘สินค้าสยาม’ จึงกระทำในฐานะประเทศเอกราชจากตะวันออกไกล ที่แม้อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าฝรั่งผิวขาว แต่สยามก็มีศักดิ์ศรีพอที่ไม่ต้องถูกฝรั่งจำลองทำเป็นพื้นที่ ‘สวนสัตว์มนุษย์’ เช่นที่เพื่อนบ้านรอบ ๆ ของเราโดนเจ้าอาณานิคมของตนกระทำ

สำหรับไอคอนที่ทำให้ชาวต่างชาติเห็นถึงความเป็นสยามได้ตั้งแต่ไกลลิบ ๆ ในทุกครั้งที่เข้าร่วมงานจนถึงปัจจุบันก็คือการตั้งอยู่ของ ‘ศาลาสยาม’ อาคารที่ก่อสร้างเป็นทรงไทยตั้งตระหง่านที่ดูผิดแปลกกับอาคารทรงตะวันตกที่อยู่แบบทื่อ ๆ และพบได้เกลื่อนกลาดจนเป็นที่ชินตาของชาวยุโรปทั่วไป ในส่วนของสินค้าสยามที่คัดเลือกส่งไปนั้น มีทั้งเมล็ดพันธุ์ข้าว ไม้ หัวโขน เครื่องมือเกษตร เครื่องดนตรี บ้าน และวัดจำลอง แต่ที่เป็นที่ ‘ฮือฮา’ ที่สุดก็คือเครื่องราชูปโภคจำลองที่ทำด้วยเงินอย่างดีทั้งชุด นับแต่นั้นประเทศสยามมักได้รับการทาบทามให้ไปจัดแสดงสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง จึงไม่เกินจริงไปนักที่จะกล่าวว่า สินค้าสยามโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานฝีมือชั้นสูงคงจะเป็นที่ถูกอกถูกใจฝรั่งเอามาก เพราะมีทั้งความยูนีคและลวดลายฝีมือที่แตกต่างกับงานฝีมือจากโลกตะวันตก นี่จึงนับเป็นมรดกของ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่ดำริโดยรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ยังดำรงสืบมาจนถึงปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่าซอฟต์พาวเวอร์เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานานแล้ว ชาวต่างประเทศก็รู้จักประเทศของเราผ่านสินค้าที่สำแดงความเป็นเราได้อย่างชัดเจนและชื่นชอบโดยไม่ต้องมีการบีบบังคับแต่อย่างใด อาจเพราะซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มีเอกลักษณ์ชัดเจน และเป็นมรดกวัฒนธรรมที่นานาชาติต่างให้การยอมรับมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคนจวบจนปัจจุบัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top