Monday, 20 May 2024
ชูวิทย์กมลวิศิษฏ์

'ชูวิทย์' แฉ 3 พลตำรวจตรี 'เรียกรับส่วย' ขบวนการแปลงวีซ่า เอื้อ 'นายทุนจีนสีเทา'

(7 ธ.ค. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมสุนัขคู่ใจ โดยตั้งชื่อเล่นให้ใหม่ว่า 'สัน' ซึ่งในการแถลงได้กล่าวถึงการเปิดหลักฐานขบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด ตม. ที่อำนวยความสะดวก ให้กลุ่มทุนจีนสีเทา รวมถึงเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนเข้าพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย

นายชูวิทย์ ตั้งชื่อการแถลงวันนี้ว่า 'ปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ' โดยเปิดเผยว่า มีนายตำรวจ ยศ พล.ต.ต. จำนวน 3 นาย ซึ่งมี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติท่านหนึ่ง เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแปลงวีซ่า และ สมาคมเถื่อน โดยมีการเรียกรับเงินกับ 'นายทุนจีนสีเทา' ที่เข้ามาในประเทศไทย และ ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย

ทั้งนี้กลุ่มนายทุนจีนสีเทา จะอยู่ในประเทศไทยได้ 30 วัน โดยวีซ่านักท่องเที่ยว หลังจากนั้น หากต้องการเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็น วีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ (non b visa) หรือ อาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จะติดต่อผ่านคนกลาง และไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิเถื่อน จากข้อมูลที่มีอยู่ 8 แห่ง ซึ่งหลอกว่า จัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน โดยจะจ่ายเงินตรงให้ตำรวจ ตม.รายละ 100,000 - 300,000 บาท พบข้อมูลดำเนินการระหว่างปี 2563 ถึง 2564 มีการอนุมัติเปลี่ยนประเภทวีซ่า ไปกว่า 3,325 ราย 

นายชูวิทย์ ยังบอกอีกว่า เรื่องที่พูดทั้งหมด ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง อย่าเอาไปเชื่อมโยง เป็นแค่การตั้งคำถาม ไปยังผู้ที่มีอำนาจในรัฐสภา และ ทำเนียบรัฐบาล

‘ทนายตั้ม’ แถลงโต้หลัง ‘ชูวิทย์’ เปิดหลักฐานแฉ ชี้!! เก็บ 3 แสนคือค่าเสี่ยงภัย ไม่ใช่ค่าแถลงข่าว

(27 มี.ค. 66) ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวนัดเปิดหลักฐานเด็ด มัดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ รับมาจากสารวัตรซัว โดยทนายตั้มขอแบ่งการแถลงข่าวออกเป็น 2 ช่วง โดยจะเริ่มต้นแถลงชี้แจงเรื่องเรียกเก็บค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท

ทนายตั้ม ระบุว่า ปีนี้ตนแถลงแค่ 2 ครั้ง เหตุผลที่เก็บค่าแถลงข่าว เพราะเรื่องดังกล่าวถูกฟ้องแน่นอน ไม่ใช่ค่าแถลงข่าวแต่เป็นค่าเสี่ยงภัย เพราะผมต้องมีต้นทุนในการดำเนินคดี ไม่เคยไถเพื่อจัดแถลงข่าว ปีนี้ที่เก็บเงินมีเคสรองนายกฯ กับเคสพี่ช่อ ซึ่งก็ถูกฟ้องและถูกดำเนินคดีมรรยาท 

“ผมยอมรับว่ามาปรึกษาคดีกับผม ผมคิดแพง ปีที่แล้วรับปรึกษาคดี 1,500 เคส ซึ่งผมรับคดีไม่ถึง 10% ค่าปรึกษาคดีผมคิดเงิน ถ้าคุยกับลูกน้องผม 20 นาที คิด 1,000 บาท คุยกับผม 20 นาทีเท่ากัน คิด 1,500 บาท ถ้ามาหาที่สำนักงาน มาเจอผมครึ่ง ชม. ผมคิด 3,000 บาท อันนี้เป็นวิชาชีพ ผมไม่ทำสีเทา ไม่ได้เปิดอาบอบนวด” ทนายตั้ม กล่าว

'สำนักข่าวอิศรา' เปิดข้อมูล 11 บริษัท 'ลิ้มเจริญรัตน์' พบ!! พี่ชาย 'เสี่ยชูวิทย์' เคยร่วมธุรกิจอสังหาฯ ด้วย

(25 ก.ค. 66) สำนักข่าวอิศรา เจาะลึกเครือข่ายธุรกิจ 'ลิ้มเจริญรัตน์' ช่วงปี 2503 -2534 ก่อตั้ง 11 แห่ง ค้าขายเชือกป่าน พืชไร่ รับเหมาก่อสร้าง พบ บ.สยามแอสเซ็ท กิจการอสังหาฯ พี่ชาย 'เสี่ยชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์' ร่วมหุ้นด้วย ก่อนเลิกร้างปี 2530

หลายคนอาจไม่รู้ว่า ‘ลิ้มเจริญรัตน์’ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ ‘กมลวิศิษฏ์’ ของนายชูวิทย์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย นักธุรกิจใหญ่ตัวแสดงอีกคน

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชาย เป็นกรรมการธุรกิจรวม 7 บริษัท (รวมบริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด ธุรกิจน้ำมันรำข้าว) ในจำนวนนี้ 1 บริษัทคือ บริษัท เกร็ทโอเชียนฟู้ด จำกัด จดทะเบียนเลิกเมื่อ 17 ธ.ค. 2553 จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เมื่อ 4 ส.ค.2554 โดยก่อนจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี บริษัท โซลิทสึ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าหนี้ ยกเลิกหนี้คงค้างของบริษัทฯให้แก่ บริษัท เกร็ทโอเชียนฟู้ด จำกัด จำนวน 584,302.74 บาท

ล่าสุด จากการตรวจสอบธุรกิจของคนตระกูลลิ้มเจริญรัตน์พบว่า ตระกูลลิ้มเจริญรัตน์ของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ บิดานายพิธา มีธุรกิจในอดีตและยังเปิดดำเนินการอยู่ในปัจจุบันกว่า 20 บริษัท ก่อตั้งในช่วงแรกๆ ปี 2500 - 2535 ประมาณ 11 บริษัท...

เริ่มจาก วันที่ 28 ธันวาคม 2503 จดทะเบียน หจก.พรเกียรติ ค้าขายเชือก แห อวน ในย่านสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ด้วยทุน 6 แสนบาท

วันที่ 4 เมษายน 2505 จดทะเบียน บริษัท ไทยย่งฮั่วเชียง จำกัด

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2507 จดทะเบียน บริษัท ไทยโรจน์ จำกัด รับเหมาก่อสร้าง

วันที่ 13 กันยายน 2520 จดทะเบียน หจก.อาโกรโพรดักส์ ค้าขายข้าวพืชไร่

วันที่ 28 ธันวาคม 2520 จดทะเบียน บริษัท กิตติอาโกรโพรดักส์ จำกัด

วันที่ 28 ตุลาคม 2524 จดทะเบียน หจก.ขอนแก่นพรเกียรติ ที่ จ.ขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2527 จดทะเบียน หจก.ทรัพย์พรชัย ขายเชือกมนิลาอยู่แถวพระโขนง

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2525 จดทะเบียนบริษัท สยามแอสเซ็ท จำกัด ประกอบกิจการซื้อ ขายที่ดิน และจัดแบ่งที่ดินออกเป็นแปลง และจำหน่ายพร้อมสิ่งปลูกสร้าง

วันที่ 14 มกราคม 2531 จดทะเบียนบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เอสคอน จำกัด ทำเสาเข็ม

วันที่ 25 กรกฎาคม 2531 จดทะเบียนบริษัท แสงธนาเฮ้าส์ซิ่ง จำกัด รับเหมาก่อสร้าง

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2534 จดทะเบียนบริษัท บางกอกคอร์เดจ จำกัด นำเข้าเชือกป่าน

ต่อมาขยายอีกสิบแห่ง เฉพาะนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ทำธุรกิจน้ำมันพืชร่วมกับชาวญี่ปุ่นและกลุ่มเกษตรรุ่งเรืองในชื่อบริษัท เอส.เอ็น. บี.ผลิตผลการเกษตร จำกัด และ บริษัท ซีอีโอ อกริฟู้ด จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ออยล์ฟอร์ไลฟ์ จำกัด)

ทว่า 1 ในธุรกิจ ‘ลิ้มเจริญรัตน์’ อย่าง บริษัท สยามแอสเซ็ท จำกัด ก็มีคนตระกูลกมลวิศิษฏ์ร่วมเป็นกรรมการด้วย

โดยจากการตรวจสอบพบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท สยามแอสเซ็ท จำกัด จดทะเบียนวันที่ 24 พฤศจิกายน 2525 ทุน 2 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 523 ถนนวานิช 1 แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ นายบรรลือ ลิ้มเจริญรัตน์ นายวิโรจน์ กมลวิศิษฎ์ (พี่ชายนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.) เป็นกรรมการร่วมกับบุคคลอื่นอีก 3 คน รวมเป็น 5 คน ต่อมาได้เลิกกิจการนายทะเบียน ได้ขีดชื่อออกจากทะเบียน เป็นบริษัทร้างเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2530

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ กมลวิศิษฎ์ นายชูชาติ กมลวิศิษฎ์ นายฤทัย กมลวิศิษฎ์ พี่ชายนายชูวิทย์ ทำธุรกิจรับสร้างบ้านชื่อ บริษัท กรุงเทพ เอส อาร์ พี จำกัด ธุรกิจขายเครื่องเขียนชื่อ หจก. โกล์ดวอเตอร์ส , บริษัท อิมเมกซ์ เอส อาร์ พี จำกัด , บริษัท ยังเบอร์รี่ จำกัด ทั้ง 4 แห่งตั้งอยู่แถวพุทธมณฑลสาย 2 เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ และทำธุรกิจค้าที่ดินชื่อ บริษัท ซี.ดี.แลนด์ จำกัด ตั้งอยู่ถนนสาธรใต้ แขวงยานนาวา เขตยานนาวา กรุงเทพฯ

ขณะที่ นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ เลขานุการส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือหุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อ บริษัท บี.พี.แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมกับหุ้นส่วนอีก 7 คน และ นายผดุงยังได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ในเวลาต่อมา

เห็นได้ว่า ‘ลิ้มเจริญรัตน์’ เกี่ยวโยงทางธุรกิจกับ ‘กมลวิศิษฎ์’

กระนั้นไม่มีข้อมูลความโยงกันทางการเมือง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top