Saturday, 4 May 2024
ชาวจีน

แห่ชื่นชม ‘คำตอบของพ่อ’ ที่ไม่ทำลายความฝันเด็ก หลังลูกสาวบอกโตขึ้นอยากเป็น ‘พนักงานทำความสะอาด’

คลิปวิดีโอ เผยบทสนทนาสุดประทับใจของพ่อและลูกสาว หลังลูกสาววัย 4 ขวบ ของคุณพ่อท่านหนึ่งในนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน บอกกับพ่อว่า โตขึ้นเธออยากเป็นพนักงานทำความสะอาด จนกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์

ในขณะคุณพ่อ แซ่เฉิน กำลังก้มหน้าป้อนข้าวลูกสาวคนเล็กวัย 9 เดือนอยู่นั้น ลูกสาวคนโตวัย 4 ขวบที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมกลับพูดขึ้นมาว่า 

“พ่อคะ โตขึ้นหนูอยากเป็นพนักงานทำความสะอาดค่ะ” ด้านนายเฉิน ได้ยินประโยคดังกล่าวถึงกับชะงัก 

เงยหน้าขึ้นมาถามลูกสาวด้วยความสงสัยว่า “ทำไมหนูถึงอยากเป็นพนักงานทำความสะอาดหล่ะ?”

ลูกสาวตอบอย่างมั่นใจว่า “เพราะพนักงานทำความสะอาดต้องกวาดพื้น ดังนั้น หนูหวังว่าจะได้ใช้ความสามารถที่มี ทำให้โลกใบนี้สะอาดมากขึ้น” นายเฉินได้ยินคำตอบดังกล่าวก็ชื่นใจเป็นอย่างมาก

นายเฉิน ได้แนะนำลูกสาว ถึงคุณสมบัติของการเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ดี และยังสอนลูกอีกว่า

“อาชีพพนักงานทำความสะอาดเป็นอาชีพที่ต้องทำงานหนัก ดังนั้นลูกจะต้องฝึกทำงานหนัก ค่อยๆ ฝึกฝนไป และกินอาหารให้เยอะๆ จะได้โตไวๆ ลูกจะได้โตขึ้นเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ดีอย่างที่ลูกตั้งใจในอนาคต”

พบหญิงจีนมี 'กรุ๊ปเลือดสีทอง' สุดหายาก คาดทั้งโลกมีไม่ถึง 50 ราย

กลุ่มสื่อจีนรายงาน เมื่อไม่นานมานี้ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงซู พบคนไข้หญิงมาเข้ารับการรักษาด้วยโรคโลหิตจาง ทว่าเมื่อตรวจกรุ๊ปเลือดของเธอกลับพบว่าเธอมีกรุ๊ปเลือด RH-null หรือ 'เลือดสีทอง' สุดหายาก สร้างความสนใจให้ผู้คนเป็นอย่างมาก

โดยเลือดสีทอง ไม่ได้หมายถึงการมีเลือดเป็นสีทองแต่อย่างใด หากแต่ตั้งตามความหายากของกรุ๊ปเลือดดังกล่าว ซึ่งกรุ๊ปเลือดนี้มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถเข้าได้กับทุกกรุ๊ป แต่ในความพิเศษก็มาพร้อมกับเงื่อนไขสุดเศร้า เมื่อผู้มีเลือดสีทองจะสามารถรับได้แค่เลือดสีทองด้วยกันเท่านั้น โดยปัจจุบันทั่วโลกโลกพบผู้มีเลือดสีทองไม่ถึง 50 ราย

‘อินโดนีเซีย’ เตรียมเปิดบ้านรับ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ด้านรมว.ท่องเที่ยว เผย ‘พร้อมต้อนรับด้วยพรมแดง’

เมื่อวานนี้ (9 ม.ค.) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘ซานเดียกา อูโน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่าอินโดนีเซียพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจีนได้ปรับปรุงความเหมาะสมของกลยุทธ์การรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

โดยนาย อูโนกล่าวในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ณ กรุงจาการ์ตา ระบุว่า “เราพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยพรมแดง ส่วนประชาชนชาวอินโดนีเซียเพียงต้องทำตามมาตรฐานความสะอาด สุขภาพ ความปลอดภัย และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (CHSE) เช่นเดียวกับที่ทำมาตลอด”

‘ชาวจีน’ เผย ยังคงเชื่อมั่นการท่องเที่ยวใน ‘ไทย’ แม้เจอดรามา นทท.ถูกลักพาตัว-ค่าใช้จ่ายสูง

(1 เม.ย.66) สำนักงานข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 66 นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เดือนมีนาคม โลกอินเทอร์เน็ตจีน พบข่าวสารเชิงลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยบ่อยครั้ง เช่น นักท่องเที่ยวถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ ร้านอาหารนายแบบผู้ชายล่อลวงขโมยไต หรือเที่ยวไทยแพงไม่ไหว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังฟื้นฟูตัวเอง

ทว่าผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน ค้นพบว่าบรรดาบริษัทการท่องเที่ยวรายใหญ่ของจีนยังคงเชื่อมั่นตลาดการท่องเที่ยวของไทย และไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีนที่ต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศ แม้เผชิญการถูกว่าร้ายอย่างรุนแรงบนอินเทอร์เน็ตก็ตาม

‘ประเทศไทยยังคงปลอดภัย’ มัคคุเทศก์ชาวจีนแซ่ห่าว ซึ่งเพิ่งกลับจากไทยพร้อมกรุ๊ปทัวร์ชาวจีนเมื่อวันที่ 27 มี.ค. บอกกับผู้สื่อข่าว โดยห่าวที่ทำงานเป็นมัคคุเทศก์ในไทยมานานกว่า 10 ปี เผยว่าเขาเห็นประเด็นร้อนดราม่าบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้นแล้วแต่ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร

เกาอวี้ชิง ชาวจีนในไทย เล่าว่ามีเพื่อนฝูงในจีนมาถามความจริงหลังเกิดกระแสดราม่า ซึ่งคงปฏิเสธว่าไม่มีไม่ได้ แต่มันเป็นเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นน้อยมาก โดยประเทศที่มีการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลัก ถ้ารับประกันความปลอดภัยพื้นฐานไม่ได้ คงไม่มีคนจากทั่วโลกมาเที่ยวมากมายเช่นนี้

ชายแซ่เหอจากเมืองหางโจวของมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งวางแผนเที่ยวไทยช่วงหยุดยาววันแรงงาน บอกว่าตอนเห็นข่าวดราม่าบนอินเทอร์เน็ตก็กังวลนิดหน่อยและลังเลว่าจะยกเลิกการร่วมกรุ๊ปทัวร์ดีไหม แต่พอเห็นทางการไทยออกมาชี้แจงและคุยกับเพื่อนในไทยก็เบาใจแล้ว

หยางจ่านวั่ง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของซีทริป (Ctrip) บริษัทตัวแทนการท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ของจีน กล่าวว่ากลุ่มผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวจีน เช่น ผู้จัดการโรงแรมแชงกรีลาในเชียงใหม่ร่วมไลฟ์สดกับซีทริป เพื่อแนะนำที่เที่ยวและประสบการณ์เที่ยวไทยแก่นักท่องเที่ยวจีน

ปัจจุบันไทยยังคงเป็นประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการจองกรุ๊ปทัวร์ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์มซีทริปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพบว่ากรุงเทพฯ และไทยยังคงเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ของเมืองและประเทศสำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศ

ผู้สื่อข่าวอ้างอิงบริษัทการท่องเที่ยวหลายแห่งในเจ้อเจียง ระบุว่าไม่ค่อยมีการยกเลิกเข้าร่วมกรุ๊ปทัวร์เที่ยวไทย โดยหยางตาน รองผู้จัดการฝ่ายการท่องเที่ยวต่างประเทศของเอเจนซีแห่งหนึ่ง คาดว่าผลกระทบจากดราม่าเหล่านั้นน่าจะอยู่ไม่นาน และยอดจองการเดินทางน่าจะกลับมาปกติในเดือนเมษายน-พฤษภาคม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งเจ้าหน้าที่สืบสวนเข้าตรวจค้นอาคารย่านสีลม พบบุคคลต่างด้าวซุกซ่อนอยู่ คาดถูกใช้เป็นที่พักพิงแม่อุ้มบุญคนไทย

จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายชาวจีนอุ้มเหยื่อชาวจีน 2 รายเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 แสนบาท เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.หนองปรือ ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งต่อมาสามารถออกหมายจับดำเนินคดีกับชาวจีนที่ก่อเหตุจำนวน 4 ราย และประสานทางการจีนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุดังกล่าว นอกจากนี้ จากการสืบสวนยังพบว่า ผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกจับเรียกค่าไถ่นั้น เป็นบุคคลที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการใช้บัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 4 เม.ย.66 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 491/13 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. ลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น ภายในพบบุคคลสัญชาติเมียนมา 3 ราย บุคคลสัญชาติจีนและไต้หวันจำนวน 4 ราย พบภายในลักษณะแบ่งซอยย่อยเป็นห้องจำนวนมาก คาดว่าเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับหญิงไทยที่จะทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับลูกค้าชาวจีน โดยจะพักอาศัยอยู่ในช่วงตั้งท้องจนคลอดบุตร เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 ราย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และจับกุมผู้ดูแลชาวไทย 1 ราย ในความผิดเกี่ยวกับการให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวฯ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สถานที่ดังกล่าวที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เข้าตรวจค้นในวันนี้สืบเนื่องมาจากการขยายผลกรณีชาวจีนที่ถูกอุ้มเรียกค่าไถ่ในพื้นที่ สภ.หนองปรือ โดยสืบทราบว่าอาคารดังกล่าวมีลักษณะเป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อเป็นที่พักสำหรับหญิงชาวไทยที่จะมาทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับชาวจีน โดยจากนี้ได้สั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกและจัดให้มีการอุ้มบุญให้ครบทั้งกระบวนการ เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด

‘นายกฯ เศรษฐา’ ขอบคุณกระแสชาวจีนตอบรับนโยบายวีซ่าฟรี แถมจีนมียอดจองทัวร์ตปท.เพิ่ม 20 เท่า ‘ไทย’ คือจุดหมายยอดนิยม

(30 ก.ย.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอบคุณกระแสตอบรับวีซ่าฟรีชั่วคราว 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกรัฐมนตรีทวิตเตอร์กรณี รายงานของ CNN ล่าสุดเรื่องพี่น้องชาวจีนตอบรับนโยบายวีซ่าฟรีชั่วคราวของรัฐบาลไทย

นายกรัฐมนตรีรู้สึกดีใจแทนพี่ประชาชนและผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะชาวจีนตัดสินใจมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ให้บริการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน (CTrip) รายงานว่า ช่วงสัปดาห์วันหยุดยาวของจีนปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนได้จองทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมคือ ไทย และยอดจองโรงแรมในไทยมากขึ้นถึง 6,220% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยนายกรัฐมนตรีระบุว่า ประเทศไทยยินดีมากที่ได้ต้อนรับพี่น้องชาวจีนทุกคนครับ ประเทศเรามีทะเลที่สวยงาม อาหารไทยที่หลายหลาก หวังว่าทุกท่านจะท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและประทับใจครับ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเชื่อว่า นโยบายวีซ่าฟรีของรัฐบาล จะมีส่วนกระตุ้น เศรษฐกิจ เพิ่มความสามารถด้านการจัดการการท่องเที่ยวของไทยให้ดีขึ้น โดยความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต้องมาที่หนึ่ง เป็นการเพิ่มชื่อเสียงความเป็นเจ้าบ้านที่ดีของไทย และส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย เพื่อพี่น้องทุกคน

ชื่นชม!! พนักงานล่ามจีนไหวพริบดี ช่วยผู้โดยสาร 'แม่ลูกชาวจีน' ขึ้นเครื่องทัน 'ค้นหาหนังสือเดินทางเด็กจนเจอ-ประสานสายการบินว่าทั้งสองกำลังไป'

ไม่นานมานี้ เพจ 'ล่ามสนามบินสุวรรณภูมิ' ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีผู้โดยสารชาวจีนท่านหนึ่งเกิดปัญหาค้นหาหนังสือเดินทางของลูกตนเองไม่เจอ แต่สุดท้ายได้พนักงานล่ามจีนของทางสนามบินสุวรรณภูมิเข้าช่วยเหลือ จนทั้งสองแม่ลูกได้เดินทางไปขึ้นเครื่องอย่างราบรื่น ว่า...

ผู้โดยสารชาวจีน กำลังเดินทางกลับประเทศ เมื่อไปถึง Boarding Gate พบว่าหนังสือเดินทางของลูกหาย พยายามค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จึงมาขอความช่วยเหลือพนักงานล่ามจีนตรงจุดเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ห้องโถงขาออก เพื่อช่วยตามหาหนังสือเดินทางของลูก

พนักงานล่ามจีนถามข้อมูลต่าง ๆ และช่วยโทรติดต่อทุกจุดที่ผู้โดยสารไป โทรไปเช็กที่ศูนย์ติดตามสัมภาระสูญหายของสนามบินก็แล้ว ร้านค้าใน Duty Free และ ตม. ทุกทีให้คำตอบเดียวกันว่า "ไม่พบ" 

คุณแม่มีภาวะเครียดและเหนื่อยล้าสะสม เพราะเดินทางกับเด็กแค่ 2 คน จึงเริ่มขึ้นเสียงดังใส่เด็ก น้องก็เริ่มร้องไห้ เหตุการณ์ดูตึงเครียดขึ้น เพราะใกล้เวลา Boarding Gate จะปิด พนักงานล่ามโทรไปแจ้งรายละเอียดเบื้องต้นกับสายการบินที่แม่ลูกใช้บริการ 

สุดท้ายคุณแม่เทของออกกระเป๋าทุกใบ ก็ยังไม่พบ แต่พนักงานล่ามสังเกตว่ายังมีอีกใบยังไม่รื้อค้น ก็คือใบสีเหลืองที่เด็กสะพายอยู่ และเมื่อเปิดออกก็พบหนังสือเดินทางของเด็กทันที คุณแม่รีบวิ่งไปที่ Boarding Gate พนักงานล่ามจีนโทรไปแจ้งสายการบินว่า ผู้โดยสารกำลังไป สุดท้ายทั้ง 2 คนได้เดินทางกลับจีน 

อยู่ไม่ไหว!! ‘คุณตาชาวจีน’ ตัดสินใจย้ายกลับเมืองจีนบ้านเกิด หลังถูกเหยียดเชื้อชาติ-ทำร้ายร่างกาย ใน ‘ซานฟรานซิสโก’

(3 ก.พ. 67) ชายสูงวัยชาวจีนในนครซานฟรานซิสโกซึ่งถูกพวกอันธพาลทำร้ายร่างกายหลายครั้ง รวมถึงในช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่ประเทศจีน โดยให้เหตุผลว่าเมืองแห่งนี้ ‘ไม่ปลอดภัย’ สำหรับคนเอเชียอย่างเขาอีกต่อไป

สื่อ Sing Tao Daily รายงานว่า ‘หรงซิน เหลียว’ (Rongxin Liao) วัย 87 ปี เคยถูกคนร้ายทุบตีจนหมดสติที่เขตเทนเดอร์ลอยน์ (Tenderloin) ในซานฟรานซิสโกเมื่อ 7 ปีก่อน และต่อมายังโดนทำร้ายอีกครั้งเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดไปทั่วโลก โดยคุณตาซึ่งต้องใช้เครื่องช่วยพยุงเดินคนนี้ถูกเตะจนล้มระหว่างที่กำลังรอรถประจำทาง

ล่าสุด เหลียว ตกเป็นเหยื่อกระแสเกลียดชังคนเอเชียอีกรอบที่หน้าร้านขายยาแห่งหนึ่งใกล้ถนน Market Street เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ปีที่แล้ว โดยถูกชายคนหนึ่งบุกเข้ามาชกที่ศีรษะขณะกำลังเข็นวีลแชร์ ทว่ารายงานข่าวที่ออกมาในตอนนั้นไม่ได้ระบุชื่อ ‘เหลียว’ ว่าเป็นผู้ถูกทำร้าย

เหลียว ต้องไปขึ้นศาลหลายครั้งจากเหตุการณ์เมื่อปี 2020 และแม้ว่าเขาจะพยายามร้องขอให้ศาลลงโทษสถานหนักต่อ ‘อีริค รามอส-เฮอร์นันเดซ’ (Eric Ramos-Hernandez) ซึ่งเป็นผู้ที่ทำร้ายเขา แต่สุดท้ายชายอันธพาลกลับได้รับโทษจำคุกเพียง 7 เดือน ก่อนจะถูกส่งไปโรงพยาบาลจิตเวช และได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านในที่สุด

สำหรับเหตุการณ์เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว ผู้ที่ลงมือทำร้าย เหลียว คือ ‘เอฟฟริม เบเกอร์’ (Effrim Baker) วัย 60 ปี ซึ่งยังถูกตั้งข้อหาอีก 14 กระทงจากเหตุไล่แทงที่เจ้าตัวก่อขึ้นในวันเดียวกัน

‘จิง เหลียว’ (Jing Liao) บุตรชายของคุณตา ยืนยันกับสื่อ San Francisco Standard ว่า พ่อของเขาซื้อตั๋วเครื่องบินแบบเที่ยวเดียวกลับไปยังนครกว่างโจว โดยมีกำหนดออกเดินทางในวันอาทิตย์นี้ (4 ก.พ.)

จิง บอกว่า สาเหตุที่เขาตัดสินใจส่งพ่อกลับไปอยู่บ้านเกิดที่จีน ก็เพราะความปลอดภัยสาธารณะในซานฟรานซิสโก ‘ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ’

“ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้ลูกชายซึ่งอยู่ที่นี่ ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วงผมตลอดเวลา” เหลียว ให้สัมภาษณ์กับ Sing Tao Daily พร้อมยืนยันว่ายินดีสละสัญชาติอเมริกัน และกลับไปใช้สัญชาติจีนทันทีที่กลับไปถึงแดนมังกร

แม้รัฐแคลิฟอร์เนียและอีกหลายเมืองทั่วอเมริกา จะมีสถิติอาชญากรรมความเกลียดชังเพิ่มขึ้น แต่รายงานของ Axios อ้างว่า ซานฟรานซิสโกเกิดคดีลักษณะนี้ลดลงจาก 114 คดีในปี 2021 เหลือเพียง 36 คดีในปี 2022 และเหตุทำร้ายร่างกายซึ่งเกิดจากความเกลียดชังคนเอเชีย ก็ลดลงจาก 60 เหลือเพียง 6 คดีในช่วงเวลาเดียวกัน

ชื่นชม!! ‘พ่อค้าร้านบะหมี่’ วิ่งสับขาคืนเงิน ‘ลูกค้าชาวจีน’ หลังกดโอนผิดมา 3 แสนบาท พร้อมขอไม่รับสินน้ำใจ

เมื่อวานนี้ (6 มี.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก ‘Jo Montanee’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

จากโพสต์พี่โจวันก่อน ที่เล่าเรื่องจริงว่าพี่โจลืมกระเป๋าเงินใส่มือถือพร้อมเงินสดนับ 10,000 บาท ไว้ในห้องน้ำห้างเซ็นทรัล แล้วมีน้องผู้หญิงเก็บได้ และไม่ยอมรับเงินสินน้ำใจจากพี่โจ
แล้วก็มีคอมเมนต์บอกว่าพี่โจโชคดีบ้าง หรือตัวเขาเองลืมแบบนี้แต่ไม่ได้คืนบ้าง

เพจริงไซด์การเมือง เพิ่งลงเรื่องจริงของคุณพี่เจ้าของร้านบะหมี่ ที่ลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนสี่คนมาทานบะหมี่ที่ร้าน แล้วโอนเงินผ่านแอปฯ ด้วยจำนวนตัวเลขที่ผิด แทนที่จะโอน 210 บาทกลับโอนถึง 333,000 บาท!

คุณพี่เจ้าของร้านรีบวิ่งไปตามลูกค้าเพื่อจะคืนเงินให้ แม้ลูกค้าชาวจีนจะซาบซึ้งและต้องการมอบสินน้ำใจตอบแทน แต่คุณพี่เจ้าของร้านก็ไม่รับค่ะ คุณลูกค้าจึงวางเงิน 1,000 บาทให้แทน พร้อมกับนำความรู้สึกสำนึกคุณอย่างลึกซึ้งหอบกลับแดนมังกรไปด้วย

เรื่องจริงนี้พี่โจนำมาลงเพื่อจะบอกแฟนๆ สองเรื่อง

1. สังคมต้องการชูเรื่องแบบนี้เยอะๆ จนกลายเป็นกระแสหลักว่า...ใครที่ไหนก็ทำความดีแบบนี้ได้ทั้งนั้น ทุกที่ทุกคน เป็นเรื่องธรรมดาของคนไทย และ

2. จริงอยู่เมืองไทยคนไม่ดีมีอยู่ทุกที่แต่… คนดีก็มีอยู่ทุกที่เช่นกัน ในจำนวนมากกว่า
มันอยู่ที่ “เราเลือกเชื่อและปลูกฝังทัศนคติแบบไหน” หมาป่าดำหรือหมาป่าขาวค่ะ

‘สาวจีน’ โผเข้ากอด พี่เจ้าหน้าที่อุทยานผาแต้มฯ ทั้งน้ำตา ย้ำ!! วันนี้กลับมา เพื่อขอบคุณ ที่ช่วยชีวิตไว้ เมื่อ5 ปีที่แล้ว

เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.67) เฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติผาแต้ม Phataem National Park เผยเรื่องราวดีๆที่แม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปี แต่นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนคนนี้ไม่มีวันลืม โดยระบุว่า ...

 " News ปลื้มปริ่ม นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนโผเข้ากอดเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม เพื่อขอบคุณเมื่อคราวที่ให้การช่วยเหลือ (เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว) กรณีประสบอุบัติเหตุตกหน้าผาอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เมื่อปี พ.ศ.2562 #ท่องเที่ยวปลอดภัย กู้ภัยรวดเร็ว ฉับไว สร้างความมั่นใจในการท่องเที่ยว #อุทยานแห่งชาติผาแต้ม " 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top