Sunday, 5 May 2024
ชัยชนะเดชเดโช

วอนสังคมให้อภัย ‘อลงกรณ์’ ขอโทษสังคม ปม ‘ส.ส.ชัยชนะ’ ปราศรัยพลาดพลั้ง เชื่อ ‘ปชป.’ ได้บทเรียน พร้อมปรับรูปแบบการหาเสียงให้ดีขึ้น

(6 มี.ค. 66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนวันนี้ กรณีที่นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวปราศรัยหาเสียงทางการเมืองในทำนองดูแคลนผู้สมัครจากพรรคการเมืองคู่แข่ง ว่าสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทักษิณ ไม่ได้จบการศึกษาจากต่างประเทศ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ตำหนิติเตียน ถึงความไม่เหมาะสมในคำพูดและทัศนคติอย่างกว้างขวางว่า เข้าใจดีถึงปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยและการตำหนิติเตียนต่อคำปราศรัยดังกล่าวซึ่งสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกันและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนราคาแพงทั้งของ ส.ส.ชัยชนะและพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งต้องขอโทษและขออภัยมา ณ โอกาสนี้

“ความผิดพลาดในการปราศรัยบนเวทีการเมืองมีโอกาสเกิดขึ้นกับทุกคน แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว รู้สำนึกหรือไม่ และจะแก้ไขอย่างไร สำหรับ ส.ส.ชัยชนะ รู้ถึงความผิดพลาดโดยสำนึกผิด แถลงขอโทษต่อสังคม และขอขมาต่อมหาวิทยาลัยทักษิณทันที ซึ่งแสดงถึงความรู้ผิดชอบชั่วดี ผิดพลาดแล้วแก้ไข

อธิการบดี ม.ทักษิณ ไม่ถือโทษ หลัง ‘แทน-ชัยชนะ’ เข้า ‘ขอขมา’

(7 มี.ค. 66) นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี ได้เดินทางเข้าพบรองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ เพื่อขอขมา-ขอโทษ กรณีนายชัยชนะ กล่าวปราศรัย หาเสียงทางการเมืองที่จังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ 4 มี.ค.2566 ซึ่งพาดพิงถึง มหาวิทยาลัยทักษิณ ในทำนองดูแคลนผู้สมัครจากพรรคการเมืองคู่แข่ง ว่าสำเร็จการศึกษาจาก ม.ทักษิณ ไม่ได้จบการศึกษาจากต่างประเทศแบบพรรคของตน

9 กรกฎาคม เลือกหัวหน้าประชาธิปัตย์คนใหม่ จับตา เฉลิมชัย-เดชอิศม์-ชัยชนะ อยู่ฝั่งใคร คนนั้นมีสิทธิ์เข้าวิน

หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เริ่มมีการเคลื่อนไหวเตรียมเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่หลังเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะได้ ส.ส.มาแค่ 24 คน จากเดิมมีอยู่ 52 คน

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรค ทำให้กรรมการบริหารพรรคทุกคนพ้นจากหน้าที่ไปด้วย

พรรคประชาธิปัตย์กำหนดว่า จะจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญในวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค.นี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค
สำหรับองค์ประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ตามระเบียบพรรค ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงนั้น มีจำนวนไม่น้อยกว่า 250 คน ซึ่งประกอบด้วย ส.ส.ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งครั้งล่าสุด, อดีตส.ส.ที่ยังเป็นสมาชิกพรรค, กก.บห.ชุดรักษาการ, อดีตนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรี, อดีตหัวหน้าพรรค, อดีตเลขาธิการพรรค, ผู้บริหารท้องถิ่นที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค, หัวหน้าสาขาพรรคหรือตัวแทนประจำจังหวัด, สมาชิกสภาท้องถิ่นที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค, อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 

ทั้งหมดนี้คือโหวตเตอร์ที่จะออกเสียงเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่ในแต่ละกลุ่มจะมีน้ำหนักไม่เท่ากัน โดย ส.ส.ที่เพิ่งได้รับการรับรองมาใหม่ จะมีน้ำหนักมากกว่า มากถึง 70% ส่วนที่เหลือมีน้ำหนักแค่ 30#

สำหรับสมาชิกพรรคที่น่าจะลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่น่าจะมีหลายคน ทั้งคนเก่า และคนใหม่ คนเก่าเช่น คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะย้อนกลับมาลงชิงอีกหรือไม่ แต่แรงเชียร์มีแน่นอน

คุณอลงกรณ์ พลบุตร ที่เคยลงชิงมาแล้ว แต่พ่ายแพ้ไป แต่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งนี้จะเอาอีกรอบหนึ่งหรือไม่

ส่วนคนรุ่นใหม่ ที่ปรากฏชื่อ อย่างนายกฯชาย เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ (ไม่รู้ว่าจะนับเป็นคนใหม่ หรือคนเก่า) มี ดร.เด้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หรือใหม่เลยก็จะมีมาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ในวัยแค่ 37 ปี

มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เริ่มมีปัญหากับสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค (วันหลังจะเขียนให้อ่านกัน) แต่ยังไม่รู้ว่สจะกลับคืนรังหรือไม่ และจะลงชิงหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่

กล่าวสำหรับการชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีระเบียบปฏิบัติที่แตกต่างจากพรรคอื่น มีความเป็นประชาธิปไตยสูง ใครลงสมัครก็ต้องออกแรงแสดงวิสัยทัศน์ต่อบรรดาโหวตเตอร์ทั้งหลาย ง่ายๆคือต้องไปหาเสียง หาคะแนนจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง

อย่างที่บอก ส.ส.ใหม่ 24 คน เป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักมากที่สุด ใครลงชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ใหม่ โอกาสได้รับเลือกตั้งจึงมีอยู่สูงมาก

ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.มา 24 คน ส่วนใหญ่ 16-17 คนเป็น ส.ส.จากภาคใต้ และเป็น ส.ส.ภาคใต้ที่อยู่ภายใต้สังกัดของเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ซึ่งถ้าสองคนนี้ผนึกกำลังกันเชียร์ใคร คนนั้นจึงมีโอกาสชนะ ยิ่งถ้าได้บวกรวมกับพลังของเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคด้วย ยิ่งจะฉิวเข้าป้าย
 
วิเคราะห์โดยภาพรวม ส.ส.ใหม่ 16-17 คน อยู่ภายใต้การดูแลของ เดชอิศม์ ขาวทอง และชัยชนะ เดชเดโช ส่วนประธานสาขาพรรค และตัวแทนพรรค น่าจะอยู่ในการดูแลของนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรค ที่เคยดูแลสาขาพรรค และเฉลิมชัย ศรีอ่อน ในฐานะอดีตแม่บ้านพรรค

ส่วนผู้บริหารท้องถิ่น สภาท้องถิ่น ก็น่าจะไม่แตกต่างจากประธานสาขา ตัวแทนพรรค ที่น่าจะฟังนิพนธ์ และเฉลิมชัย

ส่วนอดีตนายก อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.คงจะมีความเป็นอิสระสูง ขึ้นอยู่กับการล๊อบบี้ของผู้อาวุโส มากบารมี เช่น ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้อาวุโสมากบารมีทั้งสองคนจึงเป็นตัวชีเวัดเหมือนกันว่า ใครจะมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค

ถ้าวิเคราะห์กันบนพื้นฐานของข้อมูลที่มีอยู่ คนที่จะชนะการเลือกตั้ง ต้องได้รับการสนับสนุนจากเดชอิศม์ ขาวทอง ชัยชนะ เดชเดโช เฉลิมชัย ศรีอ่อน นิพนธ์ บุญญามณี รวมถึงชวน-บัญญัติ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งหมดนี้จะเทคทีมกัน และช่วยดันคนใดคนหนึ่ง

โดยสรุป แต่เฉลิมชัย เดชอิศม์ และชัยชนะ ผนึกกำลังกันเชียร์ใคร คนนั้นก็มีสิทธิ์สูงมากแล้ว แต่ถ้าได้นิพนธ์มาเสริมทีมเดียวกัน ยิ่งฉลุยเลย

นายหัวไทร

'ชัยชนะ' ฟาด!! 2 เดือน 'รัฐบาล-นายกฯ' สอบตก ยก 3 ผ่าน 'อนุทิน-ชาดา-ธรรมนัส' ทำงานเห็นผล

(9 พ.ย.66) นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลหลังเข้ามาบริหารประเทศ 2 เดือน ว่า  2 เดือนในการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายก​รัฐมนตรี​ สิ่งที่น่าผิดหวัง คือ ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประเทศได้ ประชาชนยังอยู่ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง อีกทั้งปัญหาการพนันออนไลน์ ทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวปัญหาอาชญากรรมทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการพนันออนไลน์มากมาย และสุดท้ายการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ล้มเหลว ส่วนการปรับลดราคาพลังงาน ก็เหมือนเป็นการปรับลดแบบไฟไหม้ฟางระยะสั้น แก้ปัญหาไม่ตรงจุด และการทำงานของนายกฯ 2 เดือนที่ผ่านมา ก็เปรียบเสมือนนายกฯ เป็นหัวหน้าทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวในต่างประเทศมากกว่า และดูว่าการเดินทางต่างๆ ก็ไม่มีเป้าหมาย

นายชัยชนะ ยังกล่าวต่อด้วยว่า มีรัฐมนตรีแค่ 3 คนที่สอบผ่าน คือ นายอนุทิน ชาญ​วี​ร​กูล​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องของสังคมหลายเรื่อง ​ทั้งเรื่องเปิดผับถึงตี 4, นายชาดา ไทยเศรษฐ์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย วางแผนแก้ไขปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างมีระบบ, ร้อยเอกธรรมนัส พรหม​เผ่า​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนและดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาต้องกลับไปทบทวน เพราะรัฐมนตรีใน ครม. 35 คนสอบผ่านแค่ 3 คน ที่เหลือยังไม่มีผลงานประดับชัดเจน

“ต้องบอกว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การเดินแบบแฟชันโชว์หรือเป็นไกด์ทัวร์ จุดสำคัญต้องมีวุฒิภาวะ ซึ่งนายกรัฐมนตรียังไม่มีโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่จูบมือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อันนี้ถือว่าขาดภาวะความเป็นผู้นำ และตนขอให้คะแนนนายกฯ แค่ 3 คะแนนจากเต็ม 10 และ 3 คะแนนที่ให้คือ 1.นายกไหว้สวย 2.ไปเที่ยวทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้นและ 3.คือนายกแต่งตัวแฟชัน” นายชัยชนะ กล่าว

ศึก ปชป. 'มาดามเดียร์' & 'ชัยชนะ เดชเดโช' ตัวแปรล้มสูตรเต็ง 'นราพัฒน์-เดชอิศม์'

อ่านข่าวของ THE STATES TIMES วันที่ 2 ธ.ค.2566 ซึ่งย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว 2 ธ.ค.2551 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ 3 พรรคการเมือง คือ พลังประชาชน, มัชฌิมาธิปไตย และชาติไทย อันเนื่องจากปมทุจริตแล้วก็อยากจะขอต่อยอดสักเล็กน้อยว่า...

ทันทีที่มีการยุบ 3 พรรคการเมืองส่งผลให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ จากพรรคพลังประชาชนหลุดจากเก้าอี้ ทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ชุมนุมกันหน้าอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขับไล่นายสมชายยุติการชุมนุมลงในวันรุ่งขึ้นคือ 3 ธ.ค.

หลังจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลุ่มเนวิน ชิดชอบ ประกาศ 'มันจบแล้วครับนาย' แยกทางกับทักษิณไปร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทยและคมนาคม ใหญ่คับประเทศ...

ส่วนฝ่ายมิตรฯ ทั้งแกนนำฯ แกนตาม 98 คนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย-กบฏ อั้งยี่ ซ่องโจรฯ วันที่ 18 ธ.ค.2566 นี้ศาลจะตัดสินคดีชุดแรก 31 คน  นำโดย 'สนธิ-จำลอง' และใครต่อใครหน้าเดิมๆ ทั้งที่ติดคุกคดีชุมนุมคดีอื่นมาแล้วและจ่อจะติดคุกติดตะรางกันอีกหลายคน...

แต่พื้นที่ที่เหลือ...จากนี้ 'เล็ก เลียบด่วน' จะขอไฮไลต์ศึกชิงเจ้าสำนักพระแม่ธรณี...หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากล่มมาแล้วสองครั้งเมื่อเดือน ก.ค. และ ส.ค. สาเหตุหลักคือความขัดแย้งทำให้องค์ประชุมไม่ครบ...

ทำให้ที่ประชุมรักษาการกรรมการบริหารพรรควันก่อนจึงมีมติแก้ข้อบังคับให้ตั้ง สมาชิกองค์ประชุมสำรอง 150 คน จาก 5ภาคๆ ละ 30 คน...องค์ประชุมขาดเท่าไหร่ก็จะใช้องค์ประชุมสำรองเติมเข้าไป รับรองไม่ล่มแน่...

ส่วนกติกาการโหวตเลือกอื่นๆ ก็เหมือนเดิม ประการสำคัญคือใช้ระบบ 70:30 หมายถึงน้ำหนักโหวตของสส.25 คนจะคิดเป็น 70% โหวตเตอร์ที่เหลืออีก 200 กว่าคน น้ำหนัก 30% เทียบบัญญัติไตรยางศ์ดูแล้ว 1 โหวตของ สส.จะเท่ากับ 25โหวตของคนอื่นๆ...

ชัดเจนว่า...ใครคุมเสียง สส.มากกว่าก็ชนะ...ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มเฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง คุมอยู่ 21 เสียง อีกฝั่งหนึ่ง 'ชวน-จุรินทร์' คุมอยู่ 4 เสียงเท่านั้น...

เช่นนั้นแล้ว...ทำไม 'มาดามเดียร์' วทันยา บุนนาค เธอจึงกล้าออกมาแข่งขันชิงชัย...แน่นอนข่าวยืนยันว่า 4 เสียงของผู้อาวุโส คือ ชวน หลีกภัย, บัญญัติ  บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, สรรเพชร์ บุญญามณี ต่างหนุนมาดามเดียร์...

แต่ที่มากกว่าที่นึก ลึกกว่าที่คิดก็คือ...ฝั่งนี้ได้ทาบทาม 'เดอะแทน' ชัยชนะ เดชเดโช ให้มาร่วมทัพ ถ้ามาดามเดียร์ชนะก็รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคไปครอง...ซึ่งสูตรนี้ ทำให้ ชัยชนะ หวั่นไหวไม่น้อยทีเดียว...

'เดอะแทน' มีสส.ในมือที่นครศรีธรรมราช 6 คน หาเพิ่มอีก 2-3 คน ไปรวมกับ 4 เสียง ก็จะกลายเป็น 12-13 เสียงสูสีดู๋ดี๋กับฝั่งเฉลิมชัยที่ชูสูตร หัวหน้า-นราพัฒน์ แก้วทอง & เลขา-เดชอิศม์ ขาวทอง

อย่างไรก็ตาม...ด่านแรกของมาดามเดียร์ที่จะต้องฝ่าข้ามคือ ปัญหาคุณสมบัติที่เธอเป็นสมาชิกพรรคยังไม่ถึง 5 ปีลงสมัครไม่ได้ ยกเว้นขอให้ที่ประชุมยอมงดใช้ข้อบังคับ...ถ้าที่ประชุมไม่ยอมก็จบข่าว..ถ้ายอมเธอก็ได้สู้ แต่ถ้าจะให้ได้ลุ้นก็อยู่ที่ 'เดอะแทน' ยอมที่จะแหกก๊วน 'เฉลิมชัย-เดชอิศม์' ออกมาหรือไม่..

ส่วนสูตรที่ยุให้ 'เฉลิมชัย' กลับคำพูดมารับตำแหน่งเสียเองกอบกู้พรรค เขาบอกว่ายาก แต่ก็ห้ามกะพริบตา!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top