Sunday, 19 May 2024
ชนนิกานต์สุพิทยาพร

‘กานต์ ชนนิกานต์’ สาวงามเชียงใหม่ คว้ามงกุฎ ‘นางสาวไทย ประจำปี 2566’

(20 มี.ค. 66) เวทีประกวดนางสาวไทย 2566 จัดการประกวดรอบตัดสิน (Final Competition) ณ แจ้งวัฒนะ ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ

ผลปรากฎว่า MT 09 ชนนิกานต์ สุพิทยาพร หรือ กานต์ จาก จ.เชียงใหม่ นางงามจากจังหวัดเชียงใหม่ คว้าตำแหน่ง 'นางสาวไทย คนที่ 54' ประจำปี 2566 สวยสง่า ทรงพลัง และเฉลียวฉลาด (Sweet Strong Smart) ตรงคอนเซปต์ 'The Ultimate Precious' หรือ 'ที่สุดแห่งความล้ำค่า' พร้อมกันนี้ ยังคว้ารางวัลรางวัลขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน ไปครองด้วย

ทั้งนี้ นางสาวชนนิกานต์ กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

บรรยากาศการประกวดรอบไฟนอลเป็นไปอย่างคึกคัก ด้วยเสียงเชียร์จากเหล่าแฟนคลับนางงามที่มาร่วมลุ้นและให้กำลังใจตลอดการประกวด

โดยการประกวดฯ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเหล่าสาวงามทั้ง 46 คนเปิดตัวด้วยการแสดงชุด 'โนรา สืบสานงามศิลป์ มรดกแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล' จากจังหวัดพัทลุง

ก่อนที่เวทีจะเพิ่มองศาความลุ้นด้วยการประกาศผลผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย และเพิ่มความแซ่บใน 'รอบชุดว่ายน้ำ' โดยในรอบนี้ คณะกรรมการได้ประกาศผลผู้ผ่านเข้าสู่รอบ TOP 10 โดยพิธีกรประกาศ ผู้ชนะรางวัล 'Vincent Clinic Fast Track' ซึ่งเป็นรวบรวมมาจากผลคะแนนโหวตของแฟนนางงามทั่วประเทศ และ ผู้ชนะรางวัล ได้แก่ MT 04 กำแพงเพชร

สาวงาม 10 คนสุดท้าย ได้เผยโฉมในรอบชุดราตรีที่สวยสง่าสะกดทุกสายตา ก่อนประกาศ Top 5 โดยทั้ง 5 คน ได้แสดงไหวพริบปฏิภาณในการตอบคำถามกันอย่างเฉียบขาดภายใต้เวลา 30 วินาที

จากนั้นประกาศ รองอันดับ 4 นางสาวไทย ประจำปี 2566 MT 47 อำนาจเจริญ สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์

รองอันดับ 3 นางสาวไทย ประจำปี 2566 MT 21 พระนครศรีอยุธยา กนกพร พยุงวงษ์

ต่อมาเข้าสู่รอบตอบคำถาม 3 คนสุดท้าย และพักความตื่นเต้นด้วยการอำลาตำแหน่งของ มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ นางสาวไทย ประจำปี 2565

วินาทีสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อพิธีประกาศชื่อ MT 09 นางสาวชนนิกานต์ สุพิทยาพร จากจ.เชียงใหม่ หรือ กานต์” นางงามจากจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ครองตำแหน่ง “นางสาวไทย คนที่ 54” ประจำปี 2566 ด้วยความสวยเก๋ มีเสน่ห์ เต็มเปี่ยมด้วยเชาว์ปัญญาและความมั่นใจ นอกจากนั้น เธอยังได้สะท้อนความรักนวัตกรรมและความเป็นไทยตลอดการแข่งขันอีกด้วย

รองอันดับ 1 มาริษา พลธิราช MT 35 จาก จ.สกลนคร
รองอันดับ 2 อะราเบล่า สีตานัน เกรโกรี่ MT 23 จากจ.พัทลุง
รองอันดับ 3 กนกพร พยุงวงษ์ MT 21 จาก จ.พระนครศรีอยุธยา
รองอันดับ 4 สุพรรษา วัฒนานุสิทธิ์ MT 47 จาก จ.อำนาจเจริญ

โดย 'ชนนิกานต์ สุพิทยาพร' ได้นั่งเก้าอี้นางสาวไทย พร้อมกับรองทั้ง 4 ท่ามกลางการแสดงความยินดีจากบรรดาเพื่อนนางงามอย่างท้วมท้น

หลังจากนี้ นางสาวไทย คนที่ 54 ประจำปี 2566 จะร่วมปฏิบัติภารกิจสาธารณะกุศลมากมาย เพื่อเป็นตัวแทนหญิงไทยแห่งยุคสมัยใหม่ ในฐานะภูมิปัญญาแห่งอนาคต รวมถึงเป็นกระบอกเสียงให้กับสังคม ส่งเสริมและยกระดับการศึกษาให้คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสทางศึกษา และเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอีกด้วย

สำหรับการประกวดนางสาวไทย ประจำปี 2567 จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประกวด ร่วมให้กำลังใจนางสาวไทย

สำหรับ รางวัลพิเศษ ประกอบด้วย

‘นางสาวไทยปี 66’ ชื่นชมโครงการ ‘หยุดเผาเรารับซื้อ’ หวังเป็นจุดเริ่มต้นคืนอากาศบริสุทธิ์เชียงใหม่อย่างยั่งยืน

ผลพวงจากไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ หลาย ๆ กิจกรรมต้องหยุดชะงัก โดยเฉพาะภาคการศึกษาที่ต้องหยุดการเรียนการสอน หลาย ๆ ภาคส่วนพยายามที่จะรณรงค์เพื่อให้หยุดการเผาทำลายป่า

แต่ทว่า ไฟป่าก็ยังคงเกิดขึ้นทุกปี ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของทางจังหวัดเชียงใหม่ 

นางสาวชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทยประจำปี 2566 ในฐานชาวเชียงใหม่โดยกำเนิด ได้สะท้อนมุมมองต่อปัญหาดังกล่าวว่า ในฐานะคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่มาทั้งชีวิต และต้องเผชิญกับปัญหาหมอกควันและฝุ่นพิษมาทุกปี ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก ทั้งในแง่สุขภาพ และการเรียน เพราะในบางวันที่สถานการณ์รุนแรง จะต้องหยุดเรียน รวมถึงหยุดกิจกรรมกลางแจ้งทั้งหมด  

แน่นอนว่า เรื่องของหมอกควันหรือฝุ่น PM2.5 เป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะร่วมแรงร่วมใจ ร่วมกันแก้ไขปัญหาจากต้นเหตุที่ไม่ใช่แค่ปลายเหตุ และในฐานะของอดีตนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยากสะท้อนให้เห็นปัญหาหลัก คือเรื่องของการศึกษา การที่ต้องหยุดเรียนทําให้เหมือนถูกลิดรอนสิทธิในการที่จะได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกับคนจังหวัดอื่นๆ ที่ยังได้เรียนอยู่ตามปกติ 

เพราะฉะนั้น ต้องกลับมาอีกคิดกันใหม่ การแก้ไขปัญหาบางทีอาจจะไม่ใช่แค่การหลีกเลี่ยงฝุ่น แต่ควรจะมาเริ่มจากการแก้ไขที่ต้นเหตุ ว่าจะทํายังไงให้ประชาชนหรือเกษตรกรหยุดการเผา หรือแม้กระทั่งการปลูกฝังจิตสํานึกให้กับเด็กรุ่นใหม่ว่า การหันกลับมาช่วยเหลือบ้านเมือง เป็นเรื่องสําคัญมาก

อย่างไรก็ดี จากการที่ภาครัฐและเอกชนได้รวมตัวเป็นภาคีเครือข่ายเชียงใหม่ร่วมขจัด PM2.5และลดโลกร้อน ร่วมผลักโครงการหยุดเผาเรารับซื้อ ด้วยการรับซื้อเศษตอซังข้าวโพดจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเปลี่ยนเศษซากทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล เชื่อว่า โครงการนี้จะช่วยลดการเผาป่าและจะช่วยคืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับชาวเชียงใหม่ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่สำคัญ ที่หวังว่าจะทำให้เกษตรหยุดการเผาได้อย่างยั่งยืน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top