Tuesday, 21 May 2024
จ้างงาน

รมว.สุชาติ ส่ง เลขาสุเทพ ร่วมเปิดงานให้บริการรถไฟฟ้าสาย 8 เพิ่มการจ้างงาน สร้างรายได้สูงถึง 30,000 บาทต่อเดือน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด  ภายใต้สโลแกน “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เปิดโอกาส ป.ตรี เข้าทำงานสู่ภาคบริการรับรายได้สูงถึง 30,000 บาทต่อเดือน 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธ์ (มหาชน) จำกัด กล่าวต้อนรับ ณ อู่รถโดยสารสาย 8 เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร

นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการจ้างงาน เพื่อให้คนไทยมีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งท่านสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ขานรับนโยบายรัฐบาลดังกล่าวในการที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่กำลังแรงงานและให้บริการจัดหางานแบบครบวงจร และในวันนี้ได้มอบหมายให้ผมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ลงนามความร่วมมือว่าด้วยการบริการจัดหางานและพัฒนาทักษะการให้บริการด้านขนส่งสาธารณะกับบริษัท ไทย สมายล์บัส จำกัด บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  

นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่า สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้ร่วมกับบริษัทฯ จัดทำหลักสูตรเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการขนส่งแล้วจำนวน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตร มาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานขับรถโดยสารไฟฟ้า และหลักสูตร มาตรฐานการปฏิบัติงานของพนักงานต้อนรับรถโดยสารไฟฟ้า ซึ่งในหลักสูตรการฝึกนั้น พนักงานขับรถโดยสารไฟฟ้าจะได้เรียนรู้การใช้งานเกี่ยวกับอุปกรณ์และระบบควบคุมของรถโดยสารระบบไฟฟ้า กฎ ระเบียบ มารยาท บุคลิกภาพ โครงสร้างอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกของรถโดยสารไฟฟ้า รวมถึงมาตรการการปฏิบัติกรณีฉุกเฉินได้ส่วนตำแหน่งพนักงานต้อนรับรถโดยสารไฟฟ้า จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ เทคนิคการให้บริการด้วยใจ การคิดเงิน ทักษะเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องจ่ายเงินอัตโนมัติ E Payment รวมถึงการดูแลความเรียบร้อยภายในรถขณะเดินทาง เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทได้นำหลักสูตรที่จัดทำร่วมกันไปพัฒนาบุคลากรของตนเองแล้วกว่า 200 คน และสำหรับวันนี้ บริษัทได้เปิดให้บริการขนส่งรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 8 เขตบึงกุ่ม  และกำลังจะเปิดให้บริการอีกหลายสาย จึงมีความต้องการแรงงานเข้าทำงานทั้งตำแหน่งพนักงานขับรถและพนักงานต้อนรับบนรถโดยสารอีกหลายอัตรา มีเงินเดือนสูงถึง 30,000 บาท 

รองปลัดแรงงาน เปิดการประชุม การจ้างงานเยาวชนในประเทศไทย แนวโน้มตลาดแรงงานผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด – 19 นโยบายแรงงาน และการสนับสนุนเยาวชนเพื่อการฟื้นฟูที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางในประเทศไทย

วันที่ 30 สิงหาคม 2565 เวลา 09.30 น. นางบุปผา พันธุ์เพ็ง รองปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดการประชุม “การจ้างงานเยาวชนในประเทศไทย (Youth employment in Thailand)” แนวโน้มตลาดแรงงานผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด – 19 นโยบายแรงงาน และการสนับสนุนเยาวชนเพื่อการฟื้นฟูที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางในประเทศไทย ณ โรงแรม ดิ แอทธินี กรุงเทพฯ โดยกล่าวว่า เรื่อง NEETs (นีท) เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งจำนวนเยาวชนอายุ 15 ถึง 24 ปี ที่ไม่ได้อยู่ในการจ้างงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้น ผลกระทบจากวิกฤตโควิด – 19 ทำให้เศรษฐกิจและตลาดแรงงานในประเทศไทยต้องหยุดชะงัก เยาวชนต้องเผชิญกับปัญหาการว่างงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว

โดยการส่งเสริมการจ้างงานแก่เยาวชน เพื่อลดปัญหาการว่างงาน รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย อย่างที่ทุกท่านทราบดีว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” การเตรียมเยาวชนหญิงและชายให้มีทักษะเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน และอยู่ในการจ้างงานที่มีประสิทธิผลและเป็นงานที่มีคุณค่า เป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของเศรษฐกิจ ตลอดจนการพัฒนาประเทศและสังคมโดยรวม ซึ่งการมีทักษะงานที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน รวมถึงระบบแนะแนวด้านอาชีพในสถานศึกษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้เยาวชนต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ เมื่อออกจากโรงเรียนและเข้าสู่การหางานทำ เยาวชนจึงประสบปัญหาในการเปลี่ยนผ่านจากโรงเรียนสู่การทำงานและการเปลี่ยนย้ายงาน ด้วยเหตุนี้ จึงมีเยาวชนหญิงและชายจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในระบบการจ้างงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม

‘ครม.’ ไฟเขียว ขยายเวลายกเว้นภาษีนิติบุคคล 50% หวังจูงใจเอกชน จ้างงานผู้พ้นโทษเพิ่มอีก 4 ปี

(7 มี.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษี เพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษออกไปอีก 4 ปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568 (4 ปีภาษี) จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบการรับผู้พ้นโทษเข้าทำงานอย่างต่อเนื่อง

มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่รับผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้พ้นโทษเฉพาะที่ไม่เกิน 15,000 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2565 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2568

‘รองโฆษกรัฐบาล’ เผย 7 เดือนแรก ‘ต่างชาติ’ ลงทุนไทย พุ่ง 17%  เม็ดเงินลงทุน 58,950 ล้านบาท ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 9% 

(20 ส.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความคืบหน้าการลงทุนในประเทศไทย ช่วง 7 เดือน ปี 2566 (ม.ค.-ก.ค.) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 377 ราย เพิ่มขึ้น 17% เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 122 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 255 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 58,950 ล้านบาท ลดลง 20% เกิดการจ้างงานคนไทย 3,594 คน เพิ่มขึ้น 9% โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 84 ราย เงินลงทุน 19,893 ล้านบาท สหรัฐฯ 67 ราย เงินลงทุน 3,044 ล้านบาท สิงคโปร์ 61 ราย เงินลงทุน 12,925 ล้านบาท จีน 28 ราย เงินลงทุน 11,663 ล้านบาท และเยอรมนี 16 ราย เงินลงทุน 1,298 ล้านบาท

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 7 เดือน ปี 2566 (ม.ค.-ก.ค.) นางสาวรัชดา กล่าวว่า มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 73 ราย คิดเป็น 19% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 12,348 ล้านบาท คิดเป็น 21% ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 31 ราย ลงทุน 5,379 ล้านบาท จีน 12 ราย ลงทุน 893 ล้านบาท เกาหลีใต้ 5 ราย ลงทุน 287 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 25 ราย ลงทุน 5,789 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ลงทุน เช่น บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือและอุปกรณ์ บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ และบริการออกแบบแม่พิมพ์โลหะสำหรับผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

น.ส.รัชดา กล่าวว่า เฉพาะเดือน ก.ค. 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 51 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 20 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 31 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,023 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 372 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐฯ 

น.ส.รัชดา กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นส่งเสริมสนับสนุนการลงทุน พร้อมอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้านให้นักลงทุนชาวต่างชาติ ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น สนใจลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผลจากการขับเคลื่อนนโยบาย นอกจากจะมีรายได้เข้าสู่ประเทศไทยแล้ว คนไทยยังได้รับประโยชน์จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาโปรแกรมแอปพลิเคชันเพื่อความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลส่วนตัว องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาเว็บไซต์ และ Data Analysis เพื่อการพัฒนาเว็บไซต์และวิเคราะห์ข้อมูลในการทำการตลาด และองค์ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบสมรรถนะของรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อการวิจัยและพัฒนา

รมว.พิพัฒน์ ลุยเพิ่มการจ้างงาน วัยเรียน แรงงานอิสระ กระตุ้นเศรษฐกิจ พัทลุง ผู้สนใจกว่า 3 หมื่นคน ในงาน 'สร้างงาน เส้นทางสู่อาชีพ@พัทลุง'

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงานสร้างงาน และเส้นทางสู่อาชีพ ณ จังหวัดพัทลุง โดยมี นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน  นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวรายงาน นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นางกัญจนา สุขมาก นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน จัดหางานจังหวัดพัทลุง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดพัทลุง ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมร้อยทองรีสอร์ท อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จังหวัดพัทลุงเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพโดดเด่นด้วยความเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อภาคใต้ตอนบนและภาคใต้ตอนล่าง เป็นเส้นทางหลักที่จะผ่านไปยังจังหวัดต่างๆ และพร้อมก้าวสู่การเป็นเมืองแห่งความยั่งยืน ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานจึงจัดงาน “สร้างงานและเส้นทางสู่อาชีพ จังหวัดพัทลุง” ขึ้นที่นี่ เพื่อพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานภายในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความเจริญเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทุกภาคส่วนของจังหวัด ด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนหางาน และสถานประกอบการที่มีตำแหน่งงานว่าง มีโอกาสมาพบกัน เพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการของรัฐ เข้าถึงข้อมูลอาชีพ - การศึกษา รู้สภาวะและแนวโน้มตลาดแรงงาน เปิดโลกทัศน์ สร้างสรรค์และจุดประกายไอเดียการประกอบอาชีพและเห็นทิศทางของอาชีพยุคใหม่ ตลอดจนรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อสามารถพัฒนาทักษะและปรับตัวเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างเหมาะสม บรรลุเป้าหมายการจ้างงาน 1 ล้านอัตรา ภายในปี 2567 

ด้าน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การรับสมัครและสัมภาษณ์งานโดยตรงกับนายจ้าง สถานประกอบการในจังหวัดพัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง จำนวน 33 แห่ง มีตำแหน่งงานว่าง 681 อัตรา อาทิ พนักงานขายสินค้า พนักงานบริการลูกค้า พนักงานธุรการ ช่างเทคนิค ฯลฯ การรับสมัครงานกลุ่มคนพิเศษ ค้นหาตำแหน่งงานว่างทั่วประเทศจากรถบริการจัดหางานเคลื่อนที่ Mobile Unit การสาธิตอาชีพและฝึกปฏิบัติอาชีพอิสระ 6 อาชีพ ได้แก่ บาริสต้า การทำขนมชั้น การทำเบเกอรี่ การทำแกงไตปลาแห้ง การพิมพ์ลายผ้าจากใบไม้ การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ นิทรรศการแนะแนวการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ใกล้เรียนจบ บริการแนะแนวอาชีพ การทดสอบความพร้อมทางอาชีพและทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อการสมัครงาน นิทรรศการโลกของอาชีพและการเรียนรู้เสมือนจริง การให้คำปรึกษาแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ การให้คำปรึกษาและรับลงทะเบียนผู้สนใจไปทำงานต่างประเทศ และการให้บริการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของผู้รับงานไปทำที่บ้าน และผลิตภัณฑ์ของผู้พิการ รวมทั้งหาไอเดียการทำธุรกิจ Food Truck & Franchise น่าลงทุน โดยมีผู้ให้ความสนใจการจัดงานครั้งนี้ จำนวน 32,586 คน 

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน ขอเชิญชวนคนหางาน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่สนใจหางาน ต้องการพัฒนาทักษะฝีมือ และหาไอเดียในการประกอบอาชีพเสริม มาพบกันในงาน "สร้างงาน และเส้นทางสู่อาชีพ @พัทลุง” ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น. หรือหากไม่สามารถมาร่วมงานในวันนี้ได้ ยังสามารถเข้าร่วมงาน ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 1-2 มีนาคม 2567 โดยลงทะเบียนสมัครงานเพื่อความสะดวกได้ที่เว็บไซต์กรมการจัดหางาน e-Service.doe.go.th “ไทยมีงานทำ” หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดพัทลุง โทร 0 7461 4141 ต่อ 18


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top